สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 345
บทที่ 345 เกิดความเปลี่ยนแปลงฉุกเฉิน
หน่วยงานลับเหล่านั้นกำลังใบหน้าเกร็ง แล้วมองเฉินเป่ยด้วยความเลือดเย็น
และผ่านไปสักพัก เฉินเป่ยเพิ่งจะค่อยๆ ลงบันได แล้วเดินไปตรงหน้าสายลับเหล่านั้น พร้อมเอ่ยถามอย่างช้าๆ “พวกนายเป็นคนของหัวหน้าหลี่หรอ? ”
สายลับพวกนั้นพยักหน้า
จู่ๆ เฉินเป่ยแสยะยิ้ม แล้วกวาดสายตามองไปยังสายลับไม่กี่คน แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “คนที่หัวหน้าหลี่ฝึกออกมาถือว่าเป็นระดับต้นๆ ของทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศ ทำไมเขาถึงมีลูกน้องอย่างพวกนาย?! ”
ฉึก!
บรรยากาศเงียบกริบไปทันที เงียบเหมือนทำให้คนรู้สึกขาดลมหายใจ!
สายลับพวกนั้นทำนัยน์ตาเกร็งไปทันที ใต้เลนส์แว่นดำ จู่ๆ ก็แผ่ซ่านความเลือดเย็นออกมา!
สีหน้าของสายลับเหล่านั้น ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเย็นชา ทำให้คนรู้สึกขนลุก!
“ฉันว่า ยังไงพวกนายก็เป็นคนของทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศ และยังเป็นสายลับ กลับแม้แต่ทักษะการสอดแนมที่พื้นฐานที่สุดก็ยังไม่มี” เฉินเป่ยจับบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวน แล้วควักไฟแช็กออกมา แล้วจุดไฟ พลางพ่นควันออกมาหนึ่งคำ
สายลับเหล่านั้นทำหน้าจับตัวเป็นก้อน แล้วนัยน์ตาก็เผยความเลือดเย็นออกมา!
นี่เป็นการประชดประชันชัดๆ!ทักษะการสอดแนม…..ไม่ว่าในหังเซี่ยหรือต่างประเทศ ถ้าอยู่ในกลุ่มสายลับ งั้นสายลับทุกคนล้วนต้องเรียนรู้ความสามารถนี้!
ทักษะการสอดแนม สำหรับสายลับมากมายแล้ว นี่เป็นความสามารถที่พื้นฐานและสำคัญ
อย่าว่าสายลับชั้นยอดอย่างพวกเขาแล้ว…ทักษะการสอดแนม สำหรับพวกเขาแล้วมันง่ายมากเกินไป
แต่ตอนนี้ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ากลับเยาะเย้ยทักษะการสอดแนมของพวกเขา
“ทักษะการสอดแนม…นายรู้อะไรคือทักษะการสอดแนมไหม”หนึ่งในกลุ่มสายลับนั้นยกยิ้มมุมปากอย่างหยิ่งยโส
“พวกเราไม่มีทักษะการสอดแนมนะหรอ?เหอะๆ…”
“พวกเราไม่มีทักษะการสอดแนมนะ แล้วนายมีหรอ?”
เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นเรื่อยๆ เหล่าสายลับชั้นยอดล้วนโมโหและอ้าปากพูด
เมื่อเผชิญกับคำถามของเหล่าสายลับชั้นยอดนั้น มีหน้าของเฉินเป่ยไม่เปลี่ยน ทันใดนั้น เฉินเป่ยอ้าปากพูด“ทิศทางสองนาฬิกา คนที่ใส่แว่น ทิศทางเก้านาฬิกา คนที่ลากกระเป๋าเดินทาง ทิศทางสิบนาฬิกา…..”
เฉินเป่ยไม่ได้หยุด เขาพูดแต่ละทิศทางออกมาอย่างรวดเร็ว สายตาเขาก็เริ่มมืดมนลงมา
เหล่าสายลับชั้นยอดมองไปยังทิศทางที่เขาพูด เฉินเป่ยพูดขึ้นอีก“แม้พวกที่จับตามองพวกแกอยู่ก็ไม่สังเกต พวกแกยังมีหน้ามาบอกว่าตนเองมีทักษะการสอดแนมหรอ?”
สายลับชั้นยอดเหล่านั้นต้องไม่รู้อยู่แล้ว เฉินเป่ยเดินออกจากห้องโดยสาร ตอนที่มองซ้ายแลขวาไปทั่วทุกทิศ ก็ได้สังเกตเห็นมีคนกำลังแอบจับตามองอยู่ในหลายๆ ที่อย่างเงียบๆ!
ผ่านการบอกเตือนของเฉินเป่ย สายลับพวกนั้นจึงกวาดสายตามองไป สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย…….พวกที่สะกดรอยตามพวกนี้ ต้องเป็นคนที่ตระกูลตู้และจางส่งมาแน่นอน ผู้ที่สะกดรอยตามเหล่านี้แฝงตัวอย่างลึกลับ ทำให้พวกเขาที่เป็นสายลับดีเด่นไม่กี่คนที่ผ่านการฝึกฝน กลับไม่ทันได้สังเกตเห็น!
ไม่มีการตักเตือนของเฉินเป่ย พวกเขาต้องไม่มีทางเห็นผู้ที่สะกดรอยตามแน่นอน!
สายตาของเหล่าสายลับชั้นยอดที่มองเฉินเป่ยนั้นก็เปลี่ยนไปแล้ว หนึ่งในสายลับก็พูดด้วยความเกรงใจขึ้นมา ไม่ได้มีความโมโหเหมือนเมื่อกี้ “ท่านคือคุณเฉินใช่ไหมครับ”
“พาฉันไปเจอหัวหน้าหลี่” เฉินเป่ยขี้เกียจอ้อแอ้กับสายลับพวกนี้ จึงพูดขึ้นโดยตรง
สายลับเหล่านั้นเห็นเฉินเป่ยไม่ได้สนใจพวกเขา ทำให้พวกเขามองหน้ากัน เฉินเป่ยเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว ทุกๆ คำพูดและการกระทำเคล้าด้วยกลิ่นอายของความเป็นนักเลงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน!
ถ้าเมื่อกี้เฉินเป่ยไม่ได้ช่วยเหลือ พวกเขาต้องไม่เชื่อแน่นอนว่า นี่เป็นคนที่หัวหน้าหลี่ดื้อรั้งให้โทรศัพท์ไปเชิญตัวมา ตอนที่หัวหน้าหลี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรอก”
สายลับเหล่านั้นตามหลังของเฉินเป่ย หนึ่งในนั้นตามอยู่ข้างๆ เฉินเป่ย แล้วกำลังบอกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของหัวหน้าหลี่
“พวกเราได้ช่วยหัวหน้าหลี่ไว้อย่างฉุกเฉิน ทว่าหัวหน้าหลี่ยังคงสลบอยู่ และยังไม่ได้พ้นขีดอันตรายครับ” สายลับคนนั้นพูดตามความจริง น้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่เป็นไร ฉันมาถึงแล้ว แค่เขาอดทนไว้ก็พอ” เฉินเป่ยเผยนัยน์ตาอันเลือดเย็นและเคร่งขรึมออกมา “ตอนนี้ บอกฉันมาว่าทำไมหัวหน้าหลี่ถึงพิการ”
“ครับ” สายลับพยักหน้า แล้วพูดขึ้นตั้งแต่แรก
เฉินเป่ยฟังการเล่าเรื่องของสายลับ สีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งลุ่มลึกและเย็นชา ไม่มีใครรู้ว่าภายในใจของเฉินเป่ยคิดอะไรอยู่…….เพียงแค่สายลับที่นั่งอยู่ข้างหลังรถ รู้สึกได้ถึงความเลือดเย็นที่แปลกพิลึก ทำให้ส่วนลึกของวิญญาณเขาสั่นเทาเพราะด้วยเย็นเยียบนี้!
สายลับมองเฉินเป่ย ในตอนนั้น เขามักมีความรู้สึกบางอย่าง ผู้ชายตรงหน้าคนนี้เหมือนเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
…….
หู้ไห่ ในเขตวิลล่าชั้นสูงที่หรูหราแห่งหนึ่ง
ชายวัยกลางคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา แล้วสูบซิการ์หนึ่งคำ กลิ่นหอมของควันอ่อนๆ ค่อยๆ แพร่กระจายออกมา ทำให้กระจายไปทั่วอากาศ
ชายวัยกลางคนทำสีหน้าที่นิ่งสงบและลุ่มลึก และในตอนนี้ โทรศัพท์บ้านที่อยู่ข้างๆ ของเขาดังขึ้นทันที
เขาเอาโทรศัพท์ขึ้น แล้วทางสายมีเสียงๆ หนึ่งส่งมา “นายท่านครับ คนของทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศถึงสนามบินแล้วครับ แล้วรับคนๆ หนึ่ง”
“รู้จักไหมว่าคนๆ นั้นคือใคร? ” ชายวัยกลางคนถามขึ้น
“ไม่รู้จักครับ”
“จับตามองต่อ มีอะไรสืบหน้าก็รายงานฉันตลอด”
หลังจากชายวัยกลางคนวางสายลง แล้วจู่ๆ การทำนัยน์ตาลุ่มลึก และพูดเองเออเอง “ไหนๆ แกยังไม่ตายใจ งั้นฉันจะสู้กับแกสักตั้ง”
…….
หลังจากครึ่งชั่วโมง เหล่าสายลับก็พาเฉินเป่ยเดินไปถึงวิลล่าเล็กๆ แห่งหนึ่ง เฉินเป่ยมองวิลล่าเล็กๆ นั้นเพียงชั่วพริบตา แล้วเอ่ยถาม “นี่ก็คือบ้านปลอดภัยที่ทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศหาให้พวกนาย? ”
สายลับพวกนั้นนิ่งงันเล็กน้อย พวกเขานึกไม่ถึง เฉินเป่ยกลับรู้ว่านี่เป็นบ้านปลอดภัยด้วย นี่เป็นความลับที่มีเพียงที่คนเคยเป็นสายลับถึงจะรู้!
ทว่าตอนที่พวกเขาคิดถึงเฉินเป่ยที่มีทักษะการสอดแนมที่เหนือกว่าคนทั่วไป ก็ได้เข้าใจ และไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วก็พยักหน้าพูดขึ้น “นี่เป็นหนึ่งในบ้านปลอดภัยครับ เป็นที่ลึกลับมาก ในนั้นจะจัดวางของใช้ประจำครับ”
“ลึกลับ? ” จู่ๆ เฉินเป่ยก็หัวเราะอ่อนๆ รอยยิ้มลึกลับ ทำให้สายลับไม่กี่คนจับต้องไม่ถูกในทันที
“มันไม่ปลอดภัยตั้งนานแล้ว ถ้าฉันเดาไม่ผิด พวกนายถูกเปิดโปงตั้งนานแล้ว” เฉินเป่ยมองคนพวกนี้ แล้วเอ่ยถามอย่างมีความหมายแอบแฝง
“คุณพูดอะไร? ” สายลับไม่กี่คนตกตะลึงทันที คำพูดนี้ของเฉินเป่ย ทำให้พวกเขารู้สึกระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที!
“ก็ตามสิ่งที่พูด ตลอดทั้งทางพวกเขาถูกคนสะกดรอยตามตลอด หลังรถของพวกเขาที่มีรถคั่นกลางสี่ห้าคันมีรถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำคันนั้น พวกนายไม่ได้สังเกตเห็นหรอ? ” เฉินเป่ยถาม
สายลับพวกนั้นตกอยู่ในสภาวะเงียบกริบโดยไม่ได้นัดหมาย เพราะว่าพวกเขาไม่กี่ใครเลยที่สังเกตเห็นรถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำกำลังสะกดรอยตามพวกเขาอยู่!
“ผมไม่ได้สังเกตเห็นถึงรถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำ คุณดูผิดไปหรือเปล่า ระหว่างทางที่มีรถสี่ห้าคันคั่นกลางนั้นไกลขนาดนั้น นี่เป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะขับไม่ทันพวกเรา” สายลับหนึ่งคนในนั้นพูดอย่างฉับพลัน
เขาพูดแบบนี้ จึงได้รับการเห็นด้วยจากคนอื่นๆ ด้วย
เฉินเป่ยเบะปาก แล้วโต้แย้งกับด้วยบ้าบิ่น “อะไร หรือว่าจะให้พวกเขาตามติดๆ อยู่ข้างหลังของพวกนาย? งั้นก็ให้พวกเขาติดคำว่า ฉันกำลังสะกดรอยตามพวกนายไว้ตรงหน้ารถจะดีกว่า! ”
สายลับไม่กี่คนเงียบงันไม่รู้จะพูดอะไร เฉินเป่ยพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย “เปิดประตูเถอะ”
ประตูเปิดออก แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนบ้านปลอดภัย เฉินเป่ยมองคนที่นอนอยู่บนเตียงเพียงพริบตาเดียว
คนๆ นี้ไม่ใช่คนอื่น ก็คือหัวหน้าหลี่
เฉินเป่ยสาวเท้าเดินไปข้างเตียง แล้วมองหัวหน้าหลี่ ม่านตาหดลงทันที ทั้งเรือนร่างเคล้าด้วยความอาฆาตที่เลือดเย็น แล้วได้ระเบิดออกมาทันที!
หัวหน้าหลี่นอนอยู่บนเตียง แล้วจะเหมือนสภาพคนได้ยังไง……เขาหลับตาสองตาให้สนิท…….นอนอยู่บนเตียง ลมหายใจแผ่วเบา หัวหน้าหลี่ที่หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ดูไม่มีชีวิตชีวาเหมือนแต่ก่อนที่เฉินเป่ยเคยเจอ ยิ่งเหมือนผู้เฒ่าที่แก่เฒ่าคนหนึ่ง แสงเทียนอันที่ส่องแสงสลัว…….ลมพัดผ่าน ก็เหมือนทำให้ไฟดับลง!
เฉินเป่ยกำหมัดแน่น สีหน้าถึงแม้จะนิ่งสงบเหมือนเดิม ทว่าใต้ดวงตา มีความเย็นชาปกคลุมไม่หยุด!
หัวหน้าหลี่ในตอนนี้ บอกว่าเป็นเพียงโครงกระดูกก็ไม่พูดเกินจริงเลย เขาไม่เหมือนคนแล้ว เหมือนกระดูกที่ห่อหุ้มด้วยหนัง!
หลังจากที่สายลับพวกนั้นเดินเข้าไป ก็เรียกด้วยเสียงเบา “หัวหน้าครับ หัวหน้า คนที่ท่านให้พวกเราไปเชิญมาแล้วครับ”
สายลับล้อมรอบข้างเตียงของหัวหน้าหลี่เอาไว้ ผ่านไปสักพัก หัวหน้าหลี่เพิ่งจะลืมตาอันมัวพร่าขึ้น แล้วกวาดสายมองไปยังเฉินเป่ย
หัวหน้าหลี่เห็นเฉินเป่ย นัยน์ตาเปล่งประกาย แม้แต่ลมหายใจที่แผ่วเบาก็หายใจเร็วยิ่งขึ้น เขาพยายามฝืนตัวเองแล้วอยากจะลุกขึ้น กลับถูกเฉินเป่ยกดไว้ “นอนดีๆ เถอะ”
เฉินเป่ยทำน้ำเสียงที่นิ่งสงบ เพราะว่าเขากำลังอดกลั้นความรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟของตัวเองอยู่!
“คุณมาแล้ว” ลูกกระเดือกของหัวหน้าหลี่ขยับ ผ่านไปสักพักก็พูดด้วยเสียงแหบ
เฉินเป่ยพยักหน้า แล้วตอบกลับ “ฉันมาแล้ว”
“ต้องห้าม……ไปหาเรื่องตระกูลตู้และจางเด็ดขาด…….” หัวหน้าหลี่พูดขึ้นอย่างลำบาก
เฉินเป่ยส่ายหัว น้ำเสียงเคล้าด้วยความอาฆาต “ฉันมาครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะก่อการฆาตกรรม”
หัวหน้าหลี่ส่ายหัวไม่หยุด แล้วยิ้มพลางพูดอย่างขมขื่น “คุณผิดแล้ว พวกเราก็ผิดแล้ว……ตระกูลตู้และตระกูลจาง……ไม่ใช่ผู้ที่พวกเราสามารถควบคุม……พวกเขามีแผนการร้ายในใจที่ใหญ่เกินไป”
“ดังนั้น พวกเขาต้องเจอกับความตาย” เฉินเป่ยพูดแทรกคำพูดของหัวหน้าหลี่ “พักรักษาตัวดีๆ ฉันจะให้พวกเขาชดใช้! ”
“พวกเขาจะเหนือรูปแบบที่ตระกูลทองของหู้ไห่ควรมา! ” หัวหน้าหลี่พูดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาพยายามขัดขวางเฉินเป่ย
“ตระกูลทอง? ” เฉินเป่ยยกมุมปากขึ้น แล้วมองหัวหน้าหลี่ รอยยิ้มลุ่มลึก “คุณนึกว่า ฉันจะมองตระกูลทองกระจอกอะไรนี่อยู่ในสายตาหรอ? ”
เฉินเป่ยหันหลังแล้วจะจากไป หัวหน้าหลี่มองเฉินเป่ยอย่างตกตะลึง ผ่านไปสักพักยังไม่ได้สติกลับมา
…….
วันที่สอง ในเขตวิลล่าชั้นสูงของหู้ไห่
รถสีดำค่อยๆ จอดลง ผู้เฒ่าเสื้อดำก้าวลงรถ หลังจากที่ให้บอร์ดี้การ์ดตรงหน้าประตูวิลล่าค้นร่างกายเสร็จ ถึงจะเดินเข้าไปในวิลล่า
บนโซฟาที่โอ่อ่าอลังการ ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนดั่งหุ่นแกะสลัก บรรยากาศเงียบกริบมาก
“ดูทว่าแล้วคุณอารมณ์ไม่เลวเลยนะ” ผู้เฒ่าชุดดำยิ้มพลางเดินไป แล้วนั่งลง
ชายวัยกลางคนกวาดสายตามองผู้เฒ่าชุดดำเพียงชั่วพริบตา “ไม่เลว? คนของทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศยังไม่ตายใจ คุณรู้สึกว่าอารมณ์ ยังจะไม่เลวอีกไหม? ”
ผู้เฒ่าชุดดำยิ้มอ่อนๆ “แน่นอนว่าฉันได้รับข่าวสาร ก็แค่คนเดียวเท่านั้น คงไม่สามารถสร้างความวุ่นวาย……ทว่าทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศยังไม่ตายใจ พวกเราไม่สามารถนั่งนิ่งดูดาย”
ชายวัยกลางคนมองผู้เฒ่าชุดดำ “คุณอยากทำยังไง? ”
“คนที่ลงมือก่อนเป็นผู้ที่แกร่งกว่า ทีแรกอยากจะปล่อยพวกเขาไป ทว่าใครจะนึกถึงว่าพวกเขาเองที่รนหาที่ตาย งั้นก็ให้พวกเขาสมดั่งปรารถนาจะดีกว่า! ผู้เฒ่าชุดดำจับไม้เท้าไว้อย่างแรง น้ำเสียงโหดเหี้ยมมาก!