สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 353
บทที่353 โดนจับเป็น!
“เฮือก!”
นายใหญ่ตระกูลตู้กระอักเลือด ลมหายใจแผ่วเบา สภาพน่าเวทนาอย่างยิ่ง
และในแวบเดียว หมัดของเฉินเป่ยราวกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างแรงก็ร่วงลงแบบบ้าคลั่ง ตกอยู่ทั่วทุกที่ของร่างกายนายใหญ่ตระกูลตู้
ร่างกายนายใหญ่ตระกูลตู้สั่นสะเทือนไม่หยุด ถูกเฉินเป่ยต่อยจนกระอักเลือดสดออกมา ยังมีท่าทางน่าเกรงขามมากแบบปกติที่ไหนกัน แทบจะทนดูไปตรงๆ ไม่ได้
หลังจากที่เฉินเป่ยเก็บหมัดคืน ทั่วทั้งตัวนายใหญ่ตระกูลตู้ใกล้ติดเข้าในผนัง หายใจเข้าน้อย หายใจออกมาก ลมหายใจแผ่วเบา
บนกำแพงปรากฏรอยร้าวที่เป็นรูปใยแมงมุมนับไม่ถ้วน กับหลุมยุบรูปตัวคนขนาดใหญ่รอยหนึ่ง และหลังเฉินเป่ยเก็บหมัด สูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับกำลังเตรียมการอะไร
ในใจนายใหญ่ตระกูลสั่นไหว ทันใดนั้นเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นอย่างรุนแรง
“ตาย!” เฉินเป่ยสีหน้าเย็นชา ขายาวราวท่อนเหล็กโจมตีออกไปอย่างดุเดือด
“ปึง!”
ผนังของห้องอาหารพังทลายลงทันที ทั้งตัวนายใหญ่ตระกูลตู้ดุจกระสุนปืนใหญ่ระเบิดกระเด็นไป ชั่วพริบตาเดียวกระแทกผ่านผนังไปสามสี่แผ่น ก่อนจะล้มลงบนพื้น
ฝุ่นคลุ้งกระจาย นายใหญ่ตระกูลตู้นอนอยู่ที่พื้น ลมหายใจเบาราวใยแมงมุมที่ไหวพลิ้ว ทั่วทั้งตัวไม่มีทางเคลื่อนไหวได้ กระดูกหักไปหมดทุกที่
เฉินเป่ยเข้าไปใกล้นายใหญ่ตระกูลตู้ทีละก้าว เชื่องช้าราวกับสัตว์ดุร้ายมาเยือน
“ซู่!”
เฉินเป่ยกุมมีดหลงหยาไว้ในมือ โบกผ่านไปอย่างไม่ลังเลสักนิด สีแดงฉานสาดกระเซ็น นายใหญ่ตระกูลตู้กระตุก ตายตาไม่หลับ
จากนั้นเฉินเป่ยที่อยู่ข้างกายนายใหญ่ตระกูลตู้ ในมือกุมมีดหลงหยาไว้ สลักสัญลักษณ์ที่มีชีวิตชีวาอันหนึ่งลงบนพื้นกระเบื้องที่เต็มไปด้วยรอยร้าวอย่างว่องไว
หลังกระทำเรื่องพวกนี้เสร็จ เฉินเป่ยถึงค่อยๆ ก้าวเท้าจากไป ทิ้งคฤหาสน์หรูหราสยดสยองราวกับนรกที่ดูโหดร้ายเอาไว้
…………
เยี่ยนจิง บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปสาขาเยี่ยนจิง ในห้องทำงาน ประธานนางฟ้ากำลังอ่านเอกสารงานที่หนาปึกอยู่ ขมวดคิ้วแน่น
หลีชิงเยียนในวันนี้ ใจลอยผิดปกติ เธอไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ยากจะรวบรวมสมาธิไว้ที่งานได้
ไม่รู้ทำไมในหัวสมองของเธอตั้งแต่ต้นจนจบถึงเป็นคำพูดพวกนั้นที่ก่อนหน้านี้ซูเหลยพูดกับเธอดังก้องอยู่
ครุ่นคิดพักหนึ่ง ประธานนางฟ้าก็ลุกขึ้น ผลักประตูห้องทำงานออก เดินไปที่หน้าประตูห้องทำงาน เห็นซูเหลยนั่งอยู่บนโซฟา จึงนั่งลงมาแล้วรีบสอบถามทันที “ก่อนที่เฉินเป่ยจะไป เขาพูดอะไรกับเธอรึเปล่า เขาไปทำอะไร?”
ประธานนางฟ้าถามขึ้น ซูเหลยสีหน้าตะลึงเล็กน้อย ส่ายๆ หน้า บอกว่า “ไม่มีค่ะ ประธานหลี เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”
ซูเหลยถามอย่างไม่เข้าใจ ส่วนประธานนางฟ้าก็ส่ายหน้าแล้ว สีหน้างงงวย “ไม่มีอะไร เพียงแต่มีความรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่ามาได้ยังไงกัน”
ซูเหลยมึนงง จากนั้นยิ้มบอก “ประธานหลีคะ ช่วงนี้คุณอาจมีแรงกดดันมากเกินไปก็ได้ ขอเพียงพักผ่อนดีๆ ก็คงดีขึ้นแล้ว”
หลีชิงเยียนพยักหน้า หมุนตัวหันหลัง เธอเหมือนนึกอะไรขึ้นได้อีก พูดกำชับกับซูเหลย “มีข่าวเกี่ยวกับเฉินเป่ย ให้รีบแจ้งฉันทันที”
……….
เยี่ยนจิง บนถนนเส้นหนึ่ง เบนซ์สีดำขับอยู่บนถนนฉับไวราวกับสายฟ้า จางหงเหลียงที่นั่งอยู่ในรถแถวหลัง ในใจเต้นแรง ยากจะสงบ
“เร็วหน่อยๆ ขับไวขึ้นอีก!” จางหงเหลียงโมโห พูดเร่ง
“ท่านผู้อาวุโสครับ ความเร็วนี้ไวที่สุดแล้วครับ” ลูกน้องคนนั้นตอบอย่างลำบากใจมาก
จางหงเหลียงที่อยู่ในรถ ถึงแม้ภายนอกจะยังคงสงบเรียบนิ่ง แต่เขาที่หนีออกมาจากห้องอาหารแห่งนั้นจะลืมฉากที่โหดร้ายทารุณนั้นได้อย่างไรกัน
ภาพเงาคนใส่เสื้อคลุมสีแดงนั้น เพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่น ยังเต็มไปด้วยพลังสะท้อนการมองที่ดุเดือด
เพราะนี่ล้วนเป็นสัญลักษณ์ที่เขาเจตนาฆ่าสังหารหมู่
โดยเฉพาะสิ่งที่เขาเหยียบใต้ฝ่าเท้า นั่นคือภูเขาศพทะเลเลือด
จางหงเหลียงหายใจเร่งรีบ เขาหายใจลึกๆ ไม่ขาดสาย อยากให้ตนเองสงบใจลงมา แต่เขากลับพบอย่างน่าตกใจว่าเขาทำไม่ได้
แต่ละครั้งที่เขาหลับตา สมองยิ่งปรากฏภาพฆ่านองเลือดมหาศาลที่ราวกับนรกในห้องอาหารเมื่อสักครู่ขึ้นมา
มือที่สั่นเทาของจางหงเหลียงยกมือถือขึ้น นิ้วมือของเขาสั่นไม่หยุด กดหมายเลขโทรศัพท์แล้ว
และไม่นานเขาก็วางมือถือลงอย่างสีหน้าดูแย่……นายใหญ่ตระกูลจาง เดิมทีไม่รับโทรศัพท์ของเขา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา จางหงเหลียงถึงมองเห็นเขตสวนคฤหาสน์ตระกูลจางที่ไม่ไกลนัก นี่ถึงโล่งออกไปทีหนึ่ง
หลังรถเบนซ์แล่นเข้าเขตสวนของตระกูลจาง รถเบนซ์จอดลง ประตูรถเปิดออก จางหงเหลียงเหยียบเท้าลงบนพื้น สีหน้าซีดเซียววิ่งไปยังคฤหาสน์หรูใหญ่ที่สุดหลังนั้นในเขตสวนตระกูลจางอย่างกับเป็นบ้าไปแล้ว
จางหงเหลียงพุ่งเข้าในคฤหาสน์ ชั่วขณะนั้นมองเห็นในคฤหาสน์ ในห้องรับแขก บนโซฟามีคนหนุ่มท่านหนึ่งนั่งอยู่ ทั้งยังมีผู้ชายแปลกหน้าอีกท่านหนึ่งอยู่ด้วย
คนหนุ่มกับผู้ชายแปลกหน้ากำลังพูดคุยหัวเราะกัน ทั้งสองคุยกันออกรสมาก แม้แต่ชาที่ชงเอาไว้ยังไม่ได้ไปแตะต้อง
จางหงเหลียงรีบร้อนพุ่งไปตรงหน้าของคนหนุ่มท่านนั้น คุกเข่าฉับพลันหายใจหอบใหญ่ “คารวะนายใหญ่”
คนหนุ่มผู้นั้นท่วงท่าสง่าอ่อนโยน เอ่ยปากบอกกับผู้ชายแปลกหน้าท่านนั้นพอดี “งั้นก็สรุปตามนี้แล้วนะครับ โครงการนี้ปล่อยให้ตระกูลจางของผมรับเหมา”
จางหงเหลียงเงยหน้า มองผู้ชายแปลกหน้าท่านนั้นแวบหนึ่ง จากตำแหน่งในตระกูลจางของเขา ส่วนมากบุคคลที่มีอิทธิพลมีอำนาจในเมืองหู้ไห่ และมีหน้ามีตา จางหงเหลียงแทบจะเคยเจอมาหมด…….แต่ผู้ชายแปลกหน้าท่านนี้ กลับทำให้จางหงเหลียงนึกไม่ออกสักนิดเดียว
แต่เห็นได้ชัดว่าผู้ชายแปลกหน้าท่านนี้ตำแหน่งสูงมาก ทำให้นายใหญ่ให้ความสำคัญปฏิบัติเช่นนี้ได้
จางหงเหลียงชายตามองชาที่นายใหญ่ชงแวบหนึ่ง ในสายตามีความหมายที่ตกใจแวบผ่าน…….น้ำชาสีแดงนั้น และกลิ่นหอมของชาที่เข้มข้นเป็นพิเศษ…….นี่คือDa Hong Pao
ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลทองแห่งหู้ไห่ จางหงเหลียงย่อมชัดเจนต่อกฎเกณฑ์มากมายที่อยู่ด้านในเป็นธรรมดา…กฎการต้อนรับแขกของตระกูลทองเต็มไปด้วยความลึกลับ……แขกบางตำแหน่ง ถึงมีสิทธิ์เข้ามาคฤหาสน์หลังนี้ ปกติมักจะดื่มน้ำชาที่ธรรมดา
และคนที่ตำแหน่งสูง ตระกูลจางจะต้อนรับด้วยชาหลงจิ่งที่ดีขึ้นมา
สำหรับDa Hong Pao……จางหงเหลียงไม่เคยเห็นนายใหญ่ของตนเองนำDa Hong Paoชั้นดีมาต้อนรับแขกเลย……เพราะนี่คือของล้ำค่าของเขา แม้กระทั่งนายใหญ่เองยังดื่มน้อยมาก
สรุปผู้ชายแปลกหน้าท่านนี้มีที่มาจากไหน คาดไม่ถึงสามารถทำให้นายใหญ่ของตนเองใช้Da Hong Paoมาต้อนรับได้
จางหงเหลียงคุกเข่าลงที่พื้น เพียงแอบชำเลืองมองผู้ชายแปลกหน้าท่านนั้นแวบหนึ่ง ไม่กล้าเอ่ยปากแล้ว เขาสามารถมานั่งตำแหน่งของผู้อาวุโสได้ ย่อมพิจารณาคำพูดและสังเกตสีหน้าเป็น ผู้ชายแปลกหน้าท่านนั้นสีหน้าสงบ ดวงตาทั้งคู่ล้ำลึกอย่างไร้ขอบเขต จางหงเหลียงเพียงสบตากับเขาแวบหนึ่ง ทั้งตัวสั่นอย่างไม่มีทางควบคุมได้ ชั่วขณะหนึ่งเขามีภาพลวงตาที่ทั้งตัวโดนมองทะลุจนหมด
ผู้ชายแปลกหน้าท่านนี้ไม่ธรรมดาเด็ดขาด ฉลาดเฉียบแหลมอยากมาก ทำให้จางหงเหลียงหนังศีรษะชา ไม่เข้าใจที่สุดคือบนตัวผู้ชายแปลกหน้ามีแรงกดดันที่น่าประหลาด ทำให้เขาสั่นไม่หยุดแบบควบคุมไม่ไหว
“จางหงเหลียง จะเข้ามาให้คนมารายงานก่อนไม่เป็นเหรอ ใครอนุญาตให้คุณรีบร้อนเข้ามาขนาดนี้กัน?” นายใหญ่อายุน้อยคนนั้นเอ่ยปากนิ่งๆ ในน้ำเสียงที่เรียบเฉยเต็มไปด้วยความหมายโกรธเคืองอย่างไม่พอใจ
บทสนทนาของเขากับท่านผู้นี้โดนขัดจังหวะแล้ว ทำให้เขาไม่หงุดหงิดได้อย่างไร?
“รายงานนายใหญ่ ผมมีเรื่องสำคัญมาแจ้งท่านครับ เวลานี้เร่งด่วนมาก รอไม่ได้ครับ!” จางหงเหลียงคำนับศีรษะปึงๆ ไปหลายรอบ ถึงทำให้นายใหญ่อายุน้อยขมวดคิ้วขึ้น สอบถามว่า “เรื่องอะไร?”
จางหงเหลียงร่างกายสั่นเทาเงยหน้าขึ้น พูดเสียงสั่น “ตระกูลตู้ ถูกสังหารยกหมู่แล้ว!”
ซู่!
นายใหญ่ตระกูลจางและผู้ชายแปลกหน้าท่านนั้นสีหน้าเปลี่ยนแปลง
“คุณว่าอะไรนะ?” นายใหญ่ตระกูลจางสีหน้าเย็น ถามอย่างดุเดือด
“เมื่อกี้ผมพึ่งหนีออกมาจากตระกูลตู้ครับ นายใหญ่ตระกูลตู้ตายแล้ว…….ตระกูลตู้โดนฆ่าทิ้งแล้ว!” จางหงเหลียงสีหน้าซีดเผือด เสียงเผยความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงอย่างลึกๆ
“เป็นไปได้ยังไง! ตระกูลตู้เป็นตระกูลทอง อำนาจมากล้น เป็นไปได้ยังไงที่บอกจะตายก็ตายแล้ว?” ผู้ชายแปลกหน้าที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นกะทันหัน
“เป็นเรื่องจริงครับ! นายใหญ่ ขอให้ท่านโปรดเชื่อผมด้วย……คนคนนั้นแข็งแกร่งเหลือเกิน!” จางหงเหลียงวิ่งมาข้างเท้านายใหญ่อย่างหัวซุกหัวซุน พูดขึ้น
“คนคนนั้น? ฝ่ายตรงข้ามมีกี่คน?” นายใหญ่ขมวดคิ้วสอบถาม
“ฝ่ายตรงข้ามมีเพียงคนเดียว” จางหงเหลียงตอบ
“แค่คนเดียว มีอะไรน่ากลัวกัน ตระกูลจางที่ยิ่งใหญ่ของฉันมีนับพันคน ตระกูลตู้ประมาท ขอเพียงตระกูลจางของฉันไม่ผิดซ้ำแบบเขาก็จบ” นายใหญ่ตระกูลจางหลังได้ยินจางหงเหลียงบอกว่าคนเดียว สีหน้าจึงผ่อนคลายลง โบกมืออย่างรำคาญแล้วพูดไป
นายใหญ่ตระกูลจางมองทางจางหงเหลียง ในแววตาลึกยิ่งมีความหมายโกรธเคือง…….เขากำลังเจรจาการร่วมโครงการกับคุณผู้ชายท่านนี้อยู่ เรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์สิบปีของตระกูลจาง…แต่การปรากฏตัวของจางหงเหลียงขัดจังหวะการร่วมงานของพวกเขาลงไปดื้อๆ
นายใหญ่ตระกูลจางแอบตัดสินใจไว้แล้วว่ารอเรื่องนี้ผ่านไป เขาจะไล่จางหงเหลียงลงมาอย่างแน่นอน…พวกคนที่ไม่มีสมองอย่างนี้ ยังจะเป็นผู้อาวุโสอะไรกัน
นายใหญ่ตระกูลจางพูดจบ มองทางผู้ชายท่านนั้น ยิ้มเล็กน้อย บอกว่า “พวกเราคุยธุรกิจอันนั้นกันต่อเถอะครับ?”
ผู้ชายท่านนั้นพึ่งพยักหน้า ส่วนที่มุมปากจางหงเหลียงขมขื่น คำพูดประโยคหลังของเขายังไม่ทันได้พูดออกมา ก็โดนนายใหญ่ตระกูลจางขัดจังหวะไป
ฝ่ายตรงข้ามมีเพียงคนเดียว…แต่ก็เป็นเขาคนเดียวที่กำจัดทั้งตระกูลตู้ลง
คนมีฝีมือทั้งตระกูลตู้…ล้มตายทั้งหมด ตั้งแต่ยุคสมัยไม่สงบของหู้ไห่ถึงปัจจุบัน ตระกูลทองที่ยืนตระหง่านมาร้อยปีพังทลายครั้งใหญ่
และทุกอย่างนี้……ล้วนเป็นเพียงคนคนเดียวที่ทำขึ้น เขาทำแบบนี้โดยใช้เวลาไปเพียงครึ่งชั่วโมงสั้นๆ
“นายใหญ่ครับ ตระกูลตู้โดนฆ่ายกครัว…เป็นคนเดียวที่ทำ!” จางหงเหลียงเห็นนายใหญ่ไม่สนใจสักนิด ทนต่อไปไม่ไหว ถือโอกาสพูดออกมา
พอคำพูดนี้ของจางหงเหลียงออกมา ชั่วขณะนั้นทำให้บรรยากาศเงียบสงบ สีหน้านายใหญ่ตระกูลจางเปลี่ยน มองทางจางหงเหลียง ค่อยๆ เอ่ยปาก “คุณแน่ใจเหรอ?”
“ผมแน่ใจ…ผมเห็นมากับตาตัวเองว่าคนในตระกูลตู้นับร้อย…ต่างไม่มีทางต้านทานความโหดเหี้ยมของเขาได้เลย!” จางหงเหลียงพูดเสียงสั่น
“แจ้ง——”
ในเวลานี้ ลูกน้องคนหนึ่งรีบร้อนพุ่งเข้ามาจากด้านนอกคฤหาสน์
“มีอะไรแล้ว?” ผู้ชายท่านนั้นเอ่ยปากถาม
“แจ้งนายใหญ่ครับ มีคนอยากบุกเข้าตระกูลจางครับ เดิมทีพวกเราห้ามเขาไม่ไหวครับ” ลูกน้องคนนั้นเอ่ยปากตอบด้วยความเคารพ
“ใคร?” จางหงเหลียงถามขึ้น
“คนคนนั้นไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นใคร……เขาแค่บอกว่าเขามาทวงความยุติธรรมคืนแทนสวรรค์ รับคำสั่งสวรรค์มาลงโทษครับ”