สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 355
บทที่355 บดขยี้!
“นายใหญ่ คุณฟังผมอธิบาย……” จางหงเหลียงยังอยากอธิบายอะไรอีก แต่นายใหญ่ตระกูลจางขี้เกียจสนใจเขาแล้ว กวาดสายตาอย่างเมินเฉยแวบหนึ่ง จากนั้นเดินไปทางเฉินเป่ย ทีละก้าวช้าๆ
ไม่เพียงแค่นี้ ความจริงแต่ละครั้งที่นายใหญ่ตระกูลจางก้าวเท้าออก ท่วงทีบนตัวของเขาเพิ่มขึ้นมาไม่หยุด
จนกระทั่งตอนที่เข้ามาใกล้เฉินเป่ย พลังกดดันของนายใหญ่ตระกูลจางระเบิดออกมา ทำให้คนในตระกูลจางมากมายที่นั่งอยู่สั่นเทาไปทั้งตัว สีหน้าแดงขึ้น
หน้าผากของพวกเขาค่อยๆ มีเหงื่อไหลลงมา หลังคดเคี้ยว เหมือนว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับบนตัวพวกเขา ทำให้พวกเขาหายใจไม่สะดวกกัน
จางหงเหลียงมองทางนายใหญ่ตระกูลจาง แววตาเผยความเลื่อมใสและตื่นตกใจออกมา…เขาในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลจาง ย่อมชัดเจนเป็นอย่างดี นายใหญ่ตระกูลจางที่อายุน้อยกว่าเขาหลายสิบปีท่านนี้ ทำให้คนหลายพันของตระกูลจางเลื่อมใสอย่างสุดจิตสุดใจ ต่อเขาที่นั่งในตำแหน่งนายใหญ่นี้ได้อย่างไร
โดยเฉพาะผู้อาวุโส…ผู้อาวุโสที่ผมหงอกแก่หง่อมเหล่านั้น พอเจอเขาเข้า ล้วนต้องทำความเคารพ ไม่กล้าเสียมารยาท
เพราะนายใหญ่ของพวกเขาเป็นอัจฉริยะฝึกวิชามวยที่หาตัวได้ยากมาก…เขาฝึกวิชามวยไม่กี่ปี ก็กวาดล้างผู้อาวุโสนับไม่ถ้วนในตระกูลลงได้อย่างง่ายดาย
และถึงปัจจุบันนี้ นายใหญ่ลงมือกับคนอื่นน้อยมาก ความสามารถของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปยากจะหยั่งถึงขึ้นมา ผู้อาวุโสแบบจางหงเหลียงนี้ ยิ่งมองความสามารถของเขาไม่ออก
อดีตเขาเคยก่อเรื่องโกลาหลที่ตระกูลจาง และมีคนรับรู้น้อยมาก
ส่วนจางหงเหลียงในเวลานี้ แววตาเผยความหมายที่หวาดผวาออกมา แค่นายใหญ่แพร่กระจายแรงกดดันนิดๆ ก็ทำให้เขามีความรู้สึกที่หายใจไม่ออก เวลาหลายปีนี้ ระดับของนายใหญ่ สรุปไปถึงขั้นไหนกันแน่?
จางหงเหลียงสั่นสะเทือนไปทั้งตัว รู้สึกสยองถึงที่สุด เขามีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้ ระดับของนายใหญ่คงเป็นขั้นที่ตนเองไม่มีทางรู้แน่ไปตั้งแต่นานแล้ว เด็กที่ตนเองเห็นเติบโตมาคนนี้…กลายเป็นผู้แข็งแกร่งในด้านหนึ่งแล้ว กวาดล้างหู้ไห่ มองสิ่งมีชีวิตทุกอย่างด้วยความเหยียดหยาม
ตอนที่จางหงเหลียงคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นี้ นายใหญ่ตระกูลจางเดินไปตรงหน้าเฉินเป่ย ใบหน้ามีพลังขู่เข็ญที่สยองขวัญหนักอึ้งดุจเทือกเขา เฉินเป่ยยังคงนิ่งราวรูปปั้น ไม่ขยับเขยื้อน คล้ายว่าเป็นคนตายไปแล้ว
“จางข่ายลอน” นายใหญ่ตระกูลจางเอ่ยปากช้าๆ แบบชัดถ้อยชัดคำ เห็นได้ชัดว่านี่คือชื่อของเขา
“จำไว้ แกฆ่าตระกูลไหนทิ้งไปไม่เกี่ยวข้องกับฉัน ฉันไม่สนใจ แต่ในเมื่อแกมาหาถึงถิ่นของฉัน ฉันจะให้แก…ตายทั้งเป็น ให้ถึงใจเป็นพิเศษ!” จางข่ายลอนค่อยๆ เอ่ยปาก คำพูดพึ่งจบลง สีหน้าเขาเย็นชาทันใด
จากในแววตาของจางข่ายลอน ในชั่วพริบตานั้น สาดส่องความดุร้ายเหี้ยมโหดออกมา ตามมาด้วยจางข่ายลอนยกขายาวขึ้น แวบเดียว ขาขวาของเขาก็โจมตีไปทางเฉินเป่ยดุจกระสุนปืนใหญ่
“ย่าห์!” จางข่ายลอนระเบิดเสียงตะโกน ชุดสูทที่เรียบง่ายสบายตัวนั้นของเขาถูกกล้ามเนื้อที่ดันขึ้นฉีกขาดอย่างฉับพลัน กางเกงบนขาของเขาเปลี่ยนเป็นขาสั้นคับแน่นทันที…กล้ามเนื้อขยายตัว เส้นเลือดปรากฏชัด
และในเวลานี้ มุมปากของเฉินเป่ยวาดเส้นรัศมีวงกลมขึ้นมากะทันหัน มองดูเหมือนผิดปกติอย่างยิ่ง
หลังจากจางข่ายลอนเห็นเฉินเป่ยเงยหน้า สีหน้าแข็งค้าง ในแววตาเผยแสงที่ดุดันเย็นยะเยือกออกมา
ขาข้างนั้นของเขายิ่งเพิ่มพลังแข็งกร้าวน่าสยองคำรามจู่โจมไปที่เฉินเป่ย
ขาข้างนี้มีพลังมากล้นและความเร็วดุจสายฟ้าแลบ แม้กระทั่งในอากาศยังมีเสียงสะเทือนเลือนลั่น ราวกับเปลวไฟฉีกที่ว่างกลางอากาศให้ขาดลง
พลังของขานี้ไม่มีทางจินตนาการได้ ถ้าแตะโดนหว่างขา คงทำลายความสุขในชีวิตที่เหลือเป็นแน่…ถ้าแตะโดนท้องน้อย อาจมีความเป็นไปได้มากว่าอวัยวะภายในของคนคงระเบิดเอาได้
และในเวลานี้ ทันใดนั้นเฉินเป่ยก็ขยับแล้ว
“เขาขยับแล้ว!”
ในฝูงชนเกิดเสียงร้องตกใจขึ้น จางหงเหลียงสีหน้าแข็งทื่อ ชั่วขณะนั้นเขามองเห็นภาพเงาคนเสื้อคลุมสีแดง กุมหมัดดังแกรกๆ ภายใต้หน้ากากสีเลือด เผยดวงตาคู่หนึ่งที่หยอกเย้าหนาวเหน็บ
“ตาย!”
จางข่ายลอนตะโกนเสียงดัง ขายาวจู่โจมไปที่เฉินเป่ยโดยฉับพลัน
ชั่วพริบตาเดียว จางข่ายลอนระเบิดท่วงท่าดุเดือดออกมา ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ ในใจต่างสั่นสะเทือน
ส่วนเฉินเป่ยโบกขยับหมัดทันที กล้ามเนื้อเต็มจนล้นหลาม
“ตึง!”
เสียงดังตูมตามสนั่นดังก้องอยู่ในอากาศ ที่ว่างในอากาศ หมัดกับเท้าปะทะเข้าด้วยกัน อากาศสั่นสะเทือน แม้แต่พื้นดินยังสั่นไหวไปด้วย ราวกับแผ่นดินไหวอยู่
อากาศแข็งตัวอย่างกะทันหัน
ขานั้นของจางข่ายลอนชะงักกลางอากาศ ถูกหมัดของเฉินเป่ยสกัดกั้นไว้ได้
“ตุบ!”
พื้นดินภูเขาสั่นสะท้าน ในใจผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์สั่นเทา ค่อยๆ มองเข้าไปแล้ว
นี่เป็นการปะทะดุเดือดครั้งหนึ่งที่ดังเกริกก้องไปทั่วปฐพีอย่างยิ่ง แม้กระทั่งสวรรค์ยังต้องมืดสลัวหมดราศีลงทันที
ที่ว่างกลางอากาศสั่นเทาอย่างบ้าคลั่ง สายตาจางข่ายลอนประกายเล็กน้อย แววตาที่เขามองทางเฉินเป่ย ค่อยๆ มีความล้ำลึกก่อหวอด……ในความล้ำลึกนี้ซ่อนอาการตกนิดหนึ่งอยู่ จางข่ายลอนนึกไม่ถึงว่าพอเท้านี้ของตนเองระเบิดออกไป จะถูกเฉินเป่ยสามารถสกัดไว้ได้
สายตาที่หนาวเหน็บของจางข่ายลอนไม่มีผลกระทบต่อเฉินเป่ยสักนิดเดียว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฉินเป่ยค่อยๆ เก็บหมัดกลับเหมือนคนไม่เป็นอะไรเลย สะบัดๆ ไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด
ส่วนจางข่ายลอน หลังเก็บเท้ากลับ กลับสั่นเทานิดหน่อย…เกิดจากเขาควบคุมความสั่นไว้ไม่อยู่
กำลังหมัดนั้นของเฉินเป่ยรุกล้ำเข้าในร่างกายของจางข่ายลอน กำลังหมัดนั้นของเฉินเป่ยสยดสยองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กระทบต่อแข้งขาของจางข่ายลอนไม่หยุด
จางข่ายลอนยืนตรงดิ่ง ร่างกายสูงชะลูด…เขาไม่ได้เลือกที่จะขยับ…เพราะในใจเขารู้ชัดเจนแจ่มแจ้งดี ขอเพียงเขาขยับ คงจะเปิดโปงออกมาทันทีว่าโดนหมัดหนึ่งของเฉินเป่ยทำบาดเจ็บเข้า
“แกเป็นใครกันแน่?” จางข่ายลอนมองเฉินเป่ยอยู่ ถามขึ้นช้าๆ
สายตาที่เขามองทางเฉินเป่ยไม่มีการดูถูกแบบก่อนหน้านี้…ท่าทีที่เขามีต่อเฉินเป่ยเปลี่ยนไปเป็นระมัดระวังขึ้นมาด้วย
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือตระกูลตู้กับตระกูลจางชั่วพอๆ กัน ตระกูลตู้หายนะแล้ว ถึงตาพวกแกบ้าง” เฉินเป่ยพูดอย่างเย็นชา
จางข่ายลอนจ้องมองเฉินเป่ยครู่หนึ่ง ค่อยๆ พูดขึ้น “ความสัมพันธ์ของพวกฉันตระกูลจางกับตระกูลตู้ไม่เลวก็จริง…แต่ไม่ได้ร่วมแผนการร้ายกับเพชฌฆาตเหี้ยมโหดแบบนี้อย่างแน่นอน”
“แกบอกว่าไม่มีก็ไม่มีงั้นเหรอ? พวกแกคนตระกูลจาง ล้วนปรากฏตัวในตระกูลตู้กัน แกจะอธิบายยังไง?” เฉินเป่ยหัวเราะเยาะ น้ำเสียงมีการเย้ยหยันเบาๆ
สีหน้าจางข่ายลอนฝืดเฝื่อน มองทางจางหงเหลียงที่อยู่ด้านหลังทันใด
ในใจจางหงเหลียงเต้นรัว หลังมองเห็นสายตาที่หนาวเย็นของจางข่ายลอน แวบเดียวสีหน้าซีดเผือด หน้าอย่างกับขี้เถ้าที่ดับมอด
เฉินเป่ยมองทางจางหงเหลียง พูดนิ่งๆ “คนที่ฉันอยากฆ่า มันหนีไปไม่รอดหรอก”
ตอนที่เฉินเป่ยพูดคำนี้ออกมา ดูสงบอย่างมาก ราวกับกำลังบรรยายความจริงเรื่องหนึ่ง…เขาพูดไม่ผิดเลยสักนิด ตอนนั้นเพื่อตามฆ่าสมาชิกทำงานลับเฉพาะที่หักหลังของหัวเซี่ยคนหนึ่ง เขาตามไปเกือบครึ่งโลกเลย…พลังปรารถนาที่ดื้อดึงแบบนี้ ถึงแม้คนที่เขาอยากฆ่าขึ้นฟ้าลงดิน เขาก็ยังฆ่าเหมือนเคย
ในใจจางหงเหลียงสั่นอย่างแรง พอกัดฟัน ชี้ใส่เฉินเป่ย ตะโกนเสียงดุ “แกมันไร้มนุษยธรรม ฆ่าฟันตระกูลตู้หลายร้อยคน ตอนนี้ยังอยากฆ่าฉันที่เป็นคนเห็นเหตุการณ์อีก!”
จางหงเหลียงเริ่มพูดชักแม่น้ำทั้งห้ามา คำพูดแต่ละคำของเขาคลุมเสื้อของผู้มีคุณธรรมดีงามเอาไว้ ส่วนเฉินเป่ย ถูกเขาผลักไปด้านตรงข้ามอย่างง่ายดาย
พอจางหงเหลียงพูดจบแบบนี้ คลื่นมหาชนนับพันด้านหลังจางข่ายลอนนั้นเริ่มสับสนวุ่นวายขึ้นมา…สายตาแต่ละคนตกอยู่บนตัวเฉินเป่ย สายตาที่หนาวเหน็บแหลมคมราวดาบ เหมือนกับอยากทะลุผ่านเฉินเป่ยไป
สายตาที่เย็นยะเยือกของแต่ละคนนั้นราวกับดาบแหลม อยากแทงเฉินเป่ยให้เป็นรูพรุน
ดวงตาของเฉินเป่ยแข็งทื่อ ทันใดนั้นสาดส่องแรงอาฆาตหนาวเหน็บที่โจ่งแจ้งออกมา มองทางจางหงเหลียงอย่างเมินเฉย ทำให้จางหงเหลียงสั่นไม่หยุดไปทั้งตัว ราวกับเมื่อสักครู่ที่มองเขาอยู่ไม่ใช่เฉินเป่ย แต่คือยมทูตที่มาจากนรก เทพแห่งความตาย
“ตระกูลตู้ร่วมมือกับอิทธิพลต่างประเทศค้ายาเสพติด ละเมิดกฎหมายของหัวเซี่ยอย่างเปิดเผย โดนทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศตรวจสอบ…หลังทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศถูกตระกูลตู้ซุ่มโจมตี ตระกูลตู้กลัวเลยฆ่าคนปิดปาก เยี่ยนจิงตรวจสอบกล่าวโทษลงมา ถึงปล่อยทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศไป แต่ต่อมาตระกูลตู้กลับเปลี่ยนความคิดอีก สำหรับทำไมถึงเปลี่ยนความคิดนั้น แกคิดว่าคนอื่นโง่เหรอ เดาไม่ออกว่าแกทำการขัดขวางอยู่ข้างในรึไง?” เฉินเป่ยเอ่ยปากเรียบนิ่งอย่างชัดถ้อยชัดคำ นำต้นสายปลายเหตุ พูดออกมาทั้งหมด
เสียงของเฉินเป่ยดังเหลือเกิน เรียบง่ายมีพลังราวฟ้าผ่า ลอยเข้าในหูของแต่ละคนอย่างแจ่มชัด
ส่วนจางข่ายลอนที่ยืนตรงอยู่ที่เดิม หลังได้ยินคำอธิบายนี้ของเฉินเป่ย สายตายิ่งลุ่มลึกแล้ว มองทางจางหงเหลียง สายตาประกายแรงอาฆาตแค้นไร้ขอบเขตอย่างโจ่งแจ้ง
ในใจจางข่ายลอนสั่นเทาอย่างคลุ้มคลั่ง แม้กระทั่งร่างกายของเขายังสั่นไม่หยุดเพราะหวาดกลัวถึงที่สุด
สายตารอบด้านพวกนั้นที่เดิมมองเฉินเป่ยอยู่ ย้ายไปรวมกันที่ตัวของจางหงเหลียงทั้งหมดแล้ว ทำให้จางหงเหลียงหนังศีรษะชา เหงื่อแตกออก
“แกเพ้อเจ้อ แกกำลังพูดเหลวไหล ทำพูดเป็น อย่าคิดว่าแกพูดเป็นแล้วจะมาบิดเบือนความจริงได้!” จางหงเหลียงสับสนแล้ว เขาชี้หน้าเฉินเป่ยตวาดใส่ เขาแสดงความโกรธเดือดดาลสุดๆ ว่าความเป็นจริงในใจลนลานมาก…เขาคิดไม่ออกว่าจะพูดปลิ้นปล้อนอะไรต่อไปอีก
“หนึ่งศพสองชีวิต เพื่อนฉันที่พิการ ไม่เพียงตระกูลตู้ แกก็มีส่วนด้วย” ทันใดนั้นเฉินเป่ยก้าวเท้าไปยังจางหงเหลียง
“แกห้ามเข้ามา!” จางหงเหลียงสั่นไปทั่วตัว มือที่ชี้เฉินเป่ยก็สั่นเทาเช่นกัน ในใจเขาเต้นอย่างบ้าคลั่ง นั่นคือการแสดงออกว่าหวาดผวาถึงขั้นสุด
เฉินเป่ยสีหน้าสงบ ไม่สนใจคำพูดของจางหงเหลียงเลย เดินไปทางจางหงเหลียง…ทีละก้าว ทีละก้าว
ทุกย่างก้าวของเฉินเป่ยดังเข้าในหูของจางหงเหลียง เหมือนกับเป็นการบ่งบอกถึงการมาเยือนของความตาย
“จะฆ่าเขา ผ่านการเห็นชอบของฉันแล้วเหรอ?”
ในเวลานี้ เสียงหนึ่งลอยมาจากด้านข้าง ฝีเท้าของเฉินเป่ยชะงัก มองไปตามเสียง เห็นจางข่ายลอนมองเขาอย่างเย็นชา
“นี่คือเรื่องส่วนตัวของตระกูลจาง ไม่ต้องให้คนนอกอย่างแกมาก้าวก่าย” จางข่ายลอนเอ่ยปากอย่างหนาวเย็น
“เรื่องส่วนตัว? เรื่องส่วนตัวแต่กระทบมากมายขนาดนี้เลยนะ ในเมื่อพวกแกตระกูลจางอบรมไม่เข้มงวด งั้นก็ให้ฉันมาสั่งสอนพวกแกแทน” เฉินเป่ยพูดแบบนิ่งๆ น้ำเสียงสงบ กลับเต็มไปด้วยความก้าวร้าวป่าเถื่อนอย่างพูดไม่ถูก
จางข่ายลอนดวงตาแข็งทื่อทันใด มองเฉินเป่ยแบบมีความสนใจ พูดชัดถ้อยชัดคำ “นานมากแล้วที่ไม่มีใครกำเริบต่อหน้าฉันขนาดนี้”
พึ่งพูดจบ จางข่ายลอนก้าวเท้าออกมา ร่างกายประกายอย่างฉับไว ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเฉินเป่ยโดยฉับพลัน
ไม่รอให้เฉินเป่ยเคลื่อนไหวใดๆ จางข่ายลอนกุมหมัด ยกหมัดขึ้นสูง ปล่อยออกไปทันที
“ตึงๆๆ!”
ร่างกายของเฉินเป่ยลอยกระเด็นออกไปในชั่วพริบตาเดียว การโจมตีกะทันหันของจางข่ายลอนนี้ ความจริงช่างไวเหลือเกิน
ที่ที่ไม่ไกลนัก กำแพงของคฤหาสน์หรูพังทลายลงครืน ฝุ่นควันมหาศาลตลบอบอวล คลื่นมหาชนเหล่านั้นของตระกูลจางชูมือส่งเสียงร้องไชโย