สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 365
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่365 แรงอาฆาตต่อเนื่อง
เฉินเป่ยกวาดสายตามองแมงป่อง ภายในเกิดความจำใจ ในที่สุดบนหน้าของเขาก็ปรากฏความไม่พอใจที่หนาวเหน็บขึ้น
“พูดให้ชัดว่านี่คือยาอะไรกันแน่!”
“ตอนนี้หัวหน้ากลายมาเป็นแบบนี้ เกี่ยวกับนายเต็มๆ…ถ้าไม่พูดให้ชัด นายโดนโทษหนักแน่!”
“ควบคุมตัวเขาเอาไว้ก่อน!”
ภายใต้การปลุกปั่นไม่หยุดของแมงป่อง ผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นยังสงสัยเฉินเป่ยอย่างมาก ก้าวเท้าออกมา เข้าไปใกล้เฉินเป่ยอย่างรวดเร็ว
เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในแววตาลึกกลับกำลังค่อยๆ ก่อหวอด…ความโกรธแค้นขึ้นมา
ชั่วพริบตาเดียวผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นต่างกรูกันเข้ามาล้อมเฉินเป่ยเป็นวงเอาไว้
สีหน้าของเฉินเป่ยแข็งทื่อ หลังกวาดตามองผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นก็หัวเราะเย้ยหยัน “ทำไม อยากเสร็จศึกแล้วฆ่าโคงั้นเหรอ?”
“เสร็จศึกฆ่าโค? มาลอบสังหารหัวหน้าของทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศ พวกฉันต้องรีบยิงนายทิ้งได้ในทันที!” ในแววตาของแมงป่องประกายความร้ายกาจเย็นเฉียบผ่านไป
ในใจของเขาปั่นป่วนอย่างหนัก ไม่มีทางสงบ ในที่สุดเขาก็หาโอกาสดีเลิศเจอแล้ว ฆ่าเฉินเป่ยทิ้งที่นี่ ปลดเปลื้องความเกลียดชังในใจ
เฉินเป่ยจ้องแมงป่องอย่างเย็นชา เวลานี้เขากลับเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างผ่อนคลาย “ฉันรอดออกมาจากสถานการณ์ลำบากในการล้อมวงฆ่าของคนนับพันที่ตระกูลตู้และตระกูลจางได้…พวกนายคิดว่าแค่พวกนายไม่กี่คนจะขวางฉันไว้ได้เหรอ?”
“บอกมา นายฉีดยาอะไรไปให้หัวหน้ากันแน่ ถ้านายไม่มีพิรุธ พวกฉันย่อมจะไม่สงสัยนาย…เพียงแค่พิรุธของนาย…หนักมาก” ผู้ทำงานลับเฉพาะคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไม่ต้องไปพูดไร้สาระกับเขาแล้ว ก่อนหน้านี้เขาได้รับความไว้วางใจของพวกเรามาตลอด ยาสีม่วงหลอดนี้เป็นแผนการร้ายใหญ่ที่สุดของเขา” สายตาแมงป่องจ้องเฉินเป่ยไม่กะพริบ ทันใดนั้นทั่วตัวแพร่กระจายแรงอาฆาตหนาวเหน็บที่ดุเดือดออกมา
ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นอยู่ในเหตุการณ์หัวใจสั่นอย่างแรง…เขานึกไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปไวขนาดนี้ เฉินเป่ยจะใกล้ถึงจุดจบเร็วขนาดนี้เลย
ไม่นานเขาจะเห็นเลือดนองที่นี่
ซ่า!
เฉินเป่ยเงียบกริบไม่พูดมาตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ทำงานลับเฉพาะล้อมรอบเฉินเป่ย บีบเข้ามาทางด้านหน้าอีกครั้ง ชั้นบรรยากาศแข็งตัวฉับพลัน
สายตาของเฉินเป่ยประสานกับแมงป่อง…ในสายตาที่แมงป่องมองทางเฉินเป่ยค่อยๆ เกิดความหมายเยาะเย้ยจางๆ ออกมา
“แก๊กๆๆ……”
มือทั้งคู่ของเฉินเป่ยค่อยๆ กุมหมัด กล้ามเนื้อทั้งตัวตึงแน่นนูนขึ้น เส้นเลือดแต่ละเส้นปุดขึ้น โผล่อยู่บนผิวหนังอย่างชัดเจน ราวกับมังกรเขียวที่ดุร้ายหลายตัว
วินาทีนั้นเฉินเป่ยเสมือนสัตว์ดุร้ายที่จะกระโจนออกมาทุกเมื่อ เหมือนเพียงแวบเดียวก็จะเริ่มโจมตีเอาชีวิต
ตอนที่ดูอันตรายล่อแหลมเป็นอย่างยิ่งนี้ ทันใดนั้นด้านหลังเฉินเป่ย บนเตียงที่หัวหน้าหลี่ที่นอนก็มีภาพเงาคนคนหนึ่งค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
ส่วนความสนใจของทุกคนเกือบจะอยู่ที่ตัวของเฉินเป่ยกันหมด เพิกเฉยต่อภาพคนที่ลุกนั่งขึ้นมาอยู่ด้านหลังของเฉินเป่ยนั้นโดยอัตโนมัติ
“ถ้ายังไม่พูดอีก ก็ลงมือเลยเถอะ” ในเวลานี้แมงป่องเอ่ยปากทันใด คำพูดของแมงป่องราวกับมีมนต์เสน่ห์ที่แปลกประหลาด ทำให้ผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นค่อยทำตามอย่างไม่ลังเลสักนิด…ชักปืนแล้วเล็งไปที่ศีรษะของเฉินเป่ย
“ยังไม่ยอมบอกอีก งั้นโดนยิงตายตรงนี้ซะเถอะ!” แมงป่องเอ่ยปากอย่างเย็นชา
เฉินเป่ยสีหน้าสงบ เพียงแค่จ้องแมงป่องนิ่งๆ ค่อยๆ เอ่ยปากบอก “นายจะเสียใจทีหลัง”
“ยิง!” แววตาของแมงป่องประกายความดุเดือดรุนแรง ตะโกนทันที
ตอนที่แมงป่องสั่งการ เฉินเป่ยก็ขยับทันที
ไม่มีใครมองการกระทำของเฉินเป่ยได้ชัด ในตาของทุกคน เฉินเป่ยหายไปจากที่เดิมอย่างฉับพลัน และปืนกระบอกนั้นที่เล็งบนศีรษะของเฉินเป่ย กลับถูกเฉินเป่ยแย่งไปอย่างฉับไว
“ปังๆๆ!” ปากกระบอกปืนที่เล็งเป้าเฉินเป่ยไว้แต่ละกระบอกลั่นไกทันใด เปลวไฟพ่นออกอย่างบ้าคลั่ง แสงไฟที่ปากกระบอกปืนประกายสุดชีวิต เสียงปืนกรีดแหวกที่ว่างกลางอากาศ
ตอนที่เสียงปืนหยุดลงอีกครั้ง…ผู้ทำงานลับเฉพาะแต่ละคนมองเฉินเป่ยด้วยความตกใจ ตื่นตะลึงสุดๆ บนหน้าเขียนความไม่อยากเชื่อไว้เต็มๆ
ส่วนตอนที่พวกเขาก้มหน้า…มองเห็นที่พื้นมีอะไหล่ของปืนนับไม่ถ้วนนอนกองนิ่งๆ…พวกเขาจำได้เพียงว่าตรงหน้าพร่ามัว…ตามมาด้วยปืนในมือของพวกเขาหายไป…แวบเดียวกลายเป็นชิ้นส่วนอะไหล่บนพื้นแล้ว
ทุกอย่างนี้ช่างรวดเร็วเหลือเกิน มีเพียงช่วงหนึ่งถึงสองวินาทีสั้นๆ พวกเขามองทางเฉินเป่ยด้วยสีหน้าตื่นตกใจแบบยากจะปกปิด อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังไม่ได้สติกลับมาจากความตื่นตกใจ…ความเร็วของเฉินเป่ย…นั่นคือความเร็วของมนุษย์เหรอ แม้แต่พวกเขายังมองเห็นเพียงภาพวืดเท่านั้น เดิมทีมองไม่ชัดแจ้ง
ไม่นานสายตาของผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านี้ที่มองทางเฉินเป่ยก็เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ใจ…พวกเขาชำนาญกับปืนที่สุด ย่อมรู้ว่าอยากรื้อปืนออกในชั่วขณะหนึ่ง…นั่นต้องเข้าใจตัวปืน…ราวกับร่างกายของตนเอง บางทีถึงจะมีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิด
แต่ตอนนี้ล่ะ ปืนของพวกเขาทั้งหมดโดนเฉินเป่ยรื้อทิ้งชั่วขณะเดียวหมดเลย…นี่เหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ สำหรับพวกเขาเดิมทีไม่อาจสำเร็จได้
บรรยากาศเงียบกริบทันใด…ผู้ทำงานลับเฉพาะที่มองเฉินเป่ยอยู่เหล่านั้น ค่อยๆ หายใจเร่งรีบ สีหน้าเคร่งขรึม
“ฉันไม่ชอบที่สุดคือคนอื่นเอาปืนมาจ่อฉัน” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ แต่น้ำเสียงที่ไม่สนใจไยดีนั้นกลับไม่ทำให้ผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านี้รู้สึกผ่อนคลายได้สักนิด
“หยุดนะ!”
ในเวลานี้ มีเสียงโกรธอย่างมาเสียงหนึ่งลอยเข้ามาจากด้านหลังเฉินเป่ย ทำลายความเงียบงันช่วงสั้นๆ ลงแล้ว
หลังผู้ทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ หัวใจเต้นแรง ค่อยๆ มองไปตามเสียง ตอนสายตาของพวกเขาตกอยู่บนภาพคนที่ลุกขึ้นนั่งนั้น…สีหน้าแข็งตัวฉับพลัน
เฉินเป่ยหันหน้า หลังมองเห็นหัวหน้าหลี่ลุกขึ้นนั่ง มุมปากฉีกรอยยิ้มอันธพาลขึ้น ผิวปากแล้วพูดว่า “ท่านผู้เฒ่า ดีขึ้นแล้ว?”
คนคนนั้นย่อมเป็นหัวหน้าหลี่อยู่แล้ว เวลานี้หัวหน้าหลี่นั่งอยู่บนเตียง มองทางเฉินเป่ย ยิ้มเล็กน้อย “ดีมากแล้ว ต้องชมคุณแล้วสิ”
“หัวหน้า? คุณไม่ใช่…นี่เป็นไปได้ยังไง!” แมงป่องมองหัวหน้าหลี่อย่างตกใจ ตื่นตะลึงไปติดๆ
อย่างไรเสียแมงป่องก็ไม่อยากเชื่อ ภาพคนที่ลุกขึ้นมานั่งนี้ คาดไม่ถึงจะเป็นหัวหน้าหลี่ หัวหน้าหลี่ที่ก่อนหน้าอาการทรุดหนักลงอย่างไม่หยุด กลับฟื้นขึ้นมาได้ นี่เกือบจะทำให้ทุกคนตื่นตกใจกันทั้งหมด ตั้งนานยังไม่สามารถตอบสนองเข้ามาได้ ในใจยากจะสงบ
ในบรรดาคนที่ตกใจพวกนี้ มีเพียงคนเดียวที่สงบอย่างมาก เหมือนคาดการณ์ทุกอย่างนี้ได้ก่อนตั้งแต่แรก คนคนนี้ก็คือเฉินเป่ย
ผู้ทำงานลับเฉพาะฝีมือดีที่ก่อนหน้านี้ยังอาฆาตแค้นต่อเฉินเป่ยพวกนั้นรีบล้อมเข้าไปหาหัวหน้าหลี่ ห่วงใยอาการของหัวหน้าหลี่ขึ้นมา
หัวหน้าหลี่ในเวลานี้เกินกว่าความคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิง…นี่พึ่งผ่านไปช่วงไม่กี่นาทีสั้นๆ หัวหน้าหลี่กลับเหมือนเกิดใหม่ ไม่มีลักษณะใกล้จะตายแบบก่อนหน้าสักนิดเดียว สีหน้าเปล่งปลั่ง พูดจาก็เสียงดังฟังชัดมาก…นี่เทียบกับผู้อาวุโสหนังหุ้มกระดูกที่นอนอยู่บนเตียงเมื่อไม่กี่นาทีก่อน…อย่างกับคนละคน
“หัวหน้าหลี่ เป็นคุณจริงเหรอครับ?” ผู้ทำงานลับเฉพาะแต่ละคนล้อมข้างกายหัวหน้าหลี่ แย่งกันสอบถาม
แมงป่องก็พุ่งเข้ามาเช่นกัน สังเกตหัวหน้าหลี่ด้วยความตกใจ มึนงงไปทั้งตัว อึ้งค้างอยู่ตั้งนานก็ยังไม่มีปฏิกิริยาเข้ามา
หัวหน้าหลี่ในตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะขาที่โดนตีจนเจ็บข้างนั้น…เดิมทีคงมองไม่ออกว่าเหมือนลักษณะที่ได้รับบาดเจ็บหนัก…แม้กระทั่งกำลังวังชา เทียบกับตอนก่อนรู้จักยังเต็มเปี่ยมกว่า
แมงป่องจะคิดได้อย่างไรกัน แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้
แมงป่องหันหน้าทันใด มองทางเฉินเป่ย หลังมองเห็นรอยยิ้มที่หยอกเย้านั้นของเฉินเป่ย ในใจแมงป่องก็เต้นตึกตัก จากนั้นถึงตอบสนองเข้ามา…ตนเองโดนกลลวงของเฉินเป่ยเข้าให้แล้ว
ส่วนผู้เชี่ยวชาญนั้นยิ่งหายใจเร่งรีบขึ้น มองหัวหน้าหลี่อยู่ เบิกดวงตาโต ทั้งตัวราวกับซากศพที่เดินได้ เดินไปทางหัวหน้าหลี่ทีละก้าว “นี่เป็นไปได้อย่างไร…นี่เดิมทีขัดต่อความรู้ทางการแพทย์!”
ผู้เชี่ยวชาญเดินมาถึงข้างเตียง สังเกตสภาพร่างกายของหัวหน้าหลี่อย่างละเอียด…หลังได้รับผลสรุปเขาก็งงงวยไปทั้งตัวแล้ว มองหัวหน้าหลี่อย่างค้างคา ในใจยากจะสงบ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของวงการแพทย์หู้ไห่…เขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน หลายนาทีก่อนหัวหน้าหลี่ยังตกอยู่ในเส้นขอบความตาย…แต่ตอนนี้หัวหน้าหลี่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง มีชีวิตชีวา เดิมทีไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักเลย
“ในทางการแพทย์ เดิมทีพูดไม่ถูกนัก…” ผู้เชี่ยวชาญบ่นกับตนเองอย่างตกใจ เขาหันหน้ามองทางเฉินเป่ย สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ถามว่า “นายฉีดอะไรให้เขากันแน่?”
“สิ่งที่เขาต้องการที่สุด” เฉินเป่ยมองหัวหน้าหลี่แวบหนึ่ง เอ่ยปากนิ่งๆ
“เป็นไปไม่ได้ ของหลอกลวงพรรค์นั้นของนายจะใช้การได้จริงยังไงกัน!” ผู้เชี่ยวชาญกัดฟัน เขาไม่กระจ่างว่าเฉินเป่ยใช้ลูกไม้อะไรกันตั้งแต่ต้นจนจบ…ก่อนหน้านี้เขายังเสียดสีเฉินเป่ยว่าเป็นพวกหลอกลวง ตอนนี้เฉินเป่ยกลับใช้คำว่าพวกหลอกลวงที่เขาพูดไปนั้นมาตอกหน้าเขากลับอย่างแรง
ในใจผู้เชี่ยวชาญสั่นเทาไม่เลิก ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป…เขาคงอับอายขายขี้หน้าเป็นแน่…ตั้งแต่นี้ในวงการแพทย์ของหู้ไห่ แม้กระทั่งเป็นไปได้มากว่าจะกลายเป็นเรื่องตลก
“คนที่ไม่รู้ไม่มีอะไรต้องกลัว…ทักษะการแพทย์ของหัวเซี่ยกว้างไกลและลึกซึ้งมาก สิ่งที่สืบทอดมาหลายพันปี นายกลับพูดว่าเป็นเรื่องหลอกลวง…วิชาแพทย์แบบตะวันตกเป็นเรื่องใหม่มหัศจรรย์แน่นอน…แต่นายคิดว่าวิชาแพทย์ที่บรรพบุรุษส่งต่อมาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงงั้นเหรอ?” เฉินเป่ยส่งเสียงหัวเราะ เอ่ยปากนิ่งๆ “ฉันใช้เข็มทองคำกระตุ้นพลังชีวิตของเขาชั่วคราว กระตุ้นลมหายใจให้เขา จากนั้นฉีดยาที่แฝงด้วยพลังชีวิตยิ่งใหญ่ ทำไมจะไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?”
“จีนและตะวันตกรวมตัวกันอย่างสมบูรณ์แบบ นี่ต่างหากที่เป็นการรักษาทางการแพทย์ที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง…ถ้านายมีโอกาสไปต่างประเทศ เปิดหูเปิดตาดูก็รู้แล้วว่าวิชาการแพทย์ตำรับยาโบราณของพวกเราหัวเซี่ยที่ไม่ได้สืบทอด กลับถูกองค์กรการแพทย์ชั้นเยี่ยมนับไม่ถ้วนในต่างประเทศเอาไปศึกษาวิจัย นายกลับถือว่าตัวเองถูกต้องอยู่ที่นี่ ไม่รู้กลับทำเป็นรู้” เฉินเป่ยน้ำเสียงสงบ แต่กลับลอยเข้าในหูของทุกคนในเหตุการณ์อย่างแจ่มแจ้ง ราวกับฝ่ามือหนึ่งตบลงบนหน้าของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นและแมงป่องอย่างแรง
ผู้เชี่ยวชาญกัดฟัน เขาหน้าแดงเถือก เดือดปุดอย่างยิ่ง เฉินเป่ยพูดมาแต่ละประโยค เหมือนกลายเป็นเข็มแหลมเล่มหนึ่ง ทิ่มแทงเข้าหัวใจของเขา ทำให้เขาหมดคำจะพูด
หัวหน้าหลี่ที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินคำพูดของเฉินเป่ยก็ตกใจนิดหน่อย มองทางเฉินเป่ยพลางพูดว่า “นึกไม่ถึงว่าคุณยังเข้าใจการแพทย์?”
เฉินเป่ยหัวเราะถ่อมตัว “ไม่ได้เข้าใจมากหรอก พอรู้นิดหน่อย”
ผู้เชี่ยวชาญกัดฟันแน่น สีหน้าหม่นหมองไม่สบายใจ เขาได้ยินบทสนทนาของเฉินเป่ยกับหัวหน้าหลี่สองคนนี้แล้วยิ่งโกรธจนแทบกระอักเลือด
พอรู้นิดหน่อย? นี่แม่งพอรู้นิดหน่อยเหรอ? พูดได้อย่างแจ่มแจ้งมีเหตุผล…แม่งยังทำเป็นถ่อมตัว
ผู้เชี่ยวชาญยืนอยู่ที่นั่น ดวงตาดำคล้ำ ถูกคำพูดพวกนี้ของเฉินเป่ยทำให้โมโหจนแทบสลบไป
เขาใกล้จะโกรธจนกระอักเลือดออกมาแล้ว เหมือนตายไปแล้วเกิดมาใหม่
“เป็นไปไม่ได้ ว่าตามที่นายพูด เข็มทองคำใช้ดูแลรักษาร่างกายคน เป็นไปได้ยังไงที่จะกระตุ้นลมหายใจสุดท้ายได้ ยิ่งไม่อาจกระตุ้นพลังชีวิตได้ด้วย!” ผู้เชี่ยวชาญจ้องเฉินเป่ยตาเขม็ง เอ่ยปากอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาเขาแดงฉาน น้ำเสียงแหบแห้ง เขาไม่พอใจ จนสุดท้ายเขายังไม่เชื่อว่าเรื่องที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด จะโดนเฉินเป่ยบดขยี้อย่างไร้การปรานี