สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 373
บทที่ 373 คนในแก๊งอู่ตัง!
“ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?” หลีเช่าเทียนพลันเงยหน้าขึ้น แล้วหันไปมองลูกน้องคนนั้น น้ำเสียงเย็นเฉียบอย่างไม่มีที่มาที่ไป จนทำให้คนหนาวเสียวสันหลังเหมือนน้ำค้างแข็ง พร้อมทั้งความรู้สึกไม่สบายใจเอามาก
ลูกน้องคนนั้น ราวกับโดนเข็มกำลังทิ่มหลัง ขนหัวลุกชัน พร้อมทั้งรีบพูดทันที “คุณชายเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้ พวกเขายังมีข่าวดีด้วย”
“ข่าวดีอะไร? พูดมา” สีหน้าของหลีเช่าเทียนผ่อนคลายลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินลูกน้องพูดว่ามีข่าวดีด้วย ใบหน้าที่เย็นเฉียบนั้น ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“คนที่มารับตัวเอ๋อตงเฉินไปนั้น พวกเราได้เอากล้องที่ไม่ได้ถูกแฮก ที่สามารถถ่ายรูปเขาเอาไว้ได้” ลูกน้องคนนั้นโค้งเคารพพร้อมทั้งหยิบรูปที่อยู่ในอ้อมอกออกมาหนึ่งใบยื่นส่งให้
“รูปภาพใบนี้เห็นใบหน้าที่ชัดเจน แต่ว่าทางเรายังไม่สามารถหาข่าวคราวข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคนคนนี้มาได้สักอย่าง…” ลูกน้องคนนั้นชะงักเล็กน้อย “เหมือนว่า เขาไม่ได้มีตัวตนอยู่ในหัวเซี่ย สำหรับเราแล้ว เขาก็เหมือนความว่างเปล่า”
หลังจากที่หลีเช่าเทียนรับรูปภาพมา พร้อมทั้งกวาดตามองแล้ว หัวคิ้วพลันย่นเข้าหากัน … คนที่อยู่ในรูปนั้น มันสร้างความรู้สึกอันคุ้นชิน ราวกับว่าเคยรู้จักกันที่ไหนสักแห่ง แต่ว่าเขาเองก็คิดไม่ออก ว่าคนคนนี้คือใครกัน
เวลานั้นเอง รูม่านตาของหลีเช่าเทียนหดตัวลง …. สีหน้าพลันมีความเย็นยะเยือกหนาวเหน็บเข้ามาแทนที่!
“ฉันรู้ว่าคือใครแล้ว!” มือหลีเช่าเทียนข้างที่ขยำรูปใบนั้น กำหมัดไว้แน่น … จนสีหน้าอัดอั้นไว้! เขาคิดออกแล้ว ว่าผู้ชายคนนี้ ที่เขารู้สึกว่าคุ้นหูคุ้นตาอยู่ ก็เพราะว่างานเลี้ยงในคืนนั้นเอง มันเป็นคนที่ทำให้หลีเช่าเทียนเสียหน้ากับแขกผู้เกียรติตั้งมากมาย! ชิงเหนียนคนนี้หลีเช่าเทียนเคยใช้เส้นสายในการตรวจสอบข้อมูล …. ทว่าก็คว้าน้ำเหลว!
ในใจของหลีเช่าเทียนนั้นตกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่า ชิงเหนียนคนนี้จะเกี่ยวข้องกับเอ๋อตงเฉินด้วย!
นัยน์ตาหลีเช่าเทียนเปล่งประกายความเยือกเย็นดั่งป่าลึกออกมา ผ่านไปนานมาก มือที่ขยำรูปภาพใบนั้นที่ยับยู่ยี่ถึงได้ผ่อนคลายออก มุมปากกระตุกเล็กน้อย พร้อมทั้งมุมปากแสดงอาการหยอกล้อออกมาทันที
“คุณชายหลี หรือเจออะไรเข้าให้แล้ว?” ลูกน้องคนนั้น เมื่อเห็นทีท่าของหลี่เช่าเทียนที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผ่านไปชั่วครู่ ถึงได้กล้าที่จะอ้าปากถาม
“ใช่สิ… คนที่ขับโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมในหัวเซี่ยนั้น ก็สามารถบอกถึงสถานะของเขาได้เช่นกัน” หลีเช่าเทียนค่อยๆ เอ่ยออกมา
“ออกไปก่อนเถอะ เรื่องนี้ถือเป็นความลับสุดยอดของตระกูล หากแพร่งพรายออกไป แกย่อมรู้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา” หลีเช่าเทียนพูดออกมาอย่างเย็นชา
ลูกน้องคนนั้นร่างกายสั่นสะท้าน พร้อมทั้งพูดรับปาก จากนั้นก็ค่อยๆ ถอยออกไป พร้อมทั้งออกจากสนามทันที
ส่วนหลีเช่าเทียนนั้น ได้แต่ก้มหน้าก้มตากวาดตามองโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมสีดำ จนมุมปากกระตุกเล็กน้อย
“เอาโทรศัพท์ดาวเทียวมาให้ฉัน” หลีเช่าเทียนกล่าวออกมา
หญิงรับใช้ที่อยู่ข้างกายคนหนึ่งยื่นโทรศัพท์ดาวเทียมมาให้แก่หลีเช่าเทียน
หลังจากที่หลีเช่าเทียนรับโทรศัพท์ดาวเทียมเอาไว้แล้ว จากนั้นก็กดเบอร์โทรศัพท์อย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยถาม “ท่านผู้อาวุโส ช่วงนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“แก่แล้ว ร่างกายโรยแรงเต็มที เสี่ยวเทียน ผ่านไปนานแล้ว ตอนนี้เพิ่งจะคิดถึงฉันได้หรือไง?” เสียงปลายสายนั้นเป็นน้ำเสียงอันแหบพร่าพร้อมทั้งแสดงอาการหยอกล้อดังขึ้น
หลีเช่าเทียนยิ้มเล็กน้อย สีหน้าที่หยิ่งจองหองอยู่ทุกวันยอมอ่อนข้อลง พร้อมทั้งยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยน “คุณก็มัวแต่ทำงานหนักในการวางแผนอนาคตให้แก่หัวเซี่ย ข้าน้อยจะไปกล้ารบกวนท่านได้ยังไง…”
“ฮ่าๆๆ …” เสียงปลายสาย เป็นน้ำเสียงหัวเราะอันแหบพร่า พร้อมทั้งเย็นเฉียบอย่างชัดเจน ที่สามารถทำให้ขนพองสยองเกล้าได้
“พูดมา ครั้งนี้แกจะให้ฉันช่วยอะไร?” เสียงแหบพร่าเอ่ยถาม
“ท่านกับทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศมีความสนิทสนมกันดี ผมหวังว่าให้ท่านช่วยตรวจสอบคนคนหนึ่งให้หน่อย … สถานะของคนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย เพราะว่าเขามีรถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมอยู่คันหนึ่ง…. ข้อมูลธรรมดาก็ไม่สามารถหาได้เลย แต่ว่าเรื่องนี้ สำหรับท่านแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก”
“โรลส์-รอยซ์ แฟนธอม?” เสียงปลายสาย เป็นน้ำเสียงแหบพร่าเริ่มแสดงอาการถามเสียงสูงให้ น้ำเสียงดูตื่นตกใจ ไม่นานนัก เสียงปลายสายก็ให้คำตอบกลับมา “ถ้าในเมืองหัวเซี่ยมีโรลส์-รอยซ์ แฟนธอม คนคนนั้นย่อมไม่ธรรมดา เมื่อตรวจสอบเรื่องได้แล้ว ควรต้องใช้เวลาสักพัก” เสียงปลายสาย เป็นเสียงชายชราเคร่งขรึมไปชั่วครู่ พลันถลำลึกสู้ห้วงความเงียบงัน
ส่วนหลีเช่าเทียนไม่ได้กดวางสายโทรศัพท์ในทันที ทว่ารอคอยอยู่เงียบๆ ที่มักจะเห็นได้น้อยมากกับการที่ต้องรอคอยอยู่นาน
ผ่านไปสักพัก ปลายสายมีเสียงแหบพร่าดังกลับมาอีกครั้ง “แกมีความมั่นใจไหมว่ารถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมเป็นเรื่องจริงของแท้?”
“มั่นใจ” หลีเช่าเทียนตอบในทันทีแทบไม่คิดเลยด้วยซ้ำ
“งั้นมันก็ประหลาดแล้ว” เสียงปลายสาย น้ำเสียงชายชราแสดงอาการสงสัยและเคร่งขรึมขึ้นมาก “ฉันตรวจเอกสารของทีมดูแลความปลอดภัยในประเทศทางนั้นแล้ว…. รัฐมนตรีทั้งเมืองหัวเซี่ย ไม่มีข้อมูลคนแบบนี้เลย”
หลีเช่าเทียนใจเต้นโครมคราม พลางกล่าวว่า “งั้นก็คงเป็นพวกนักธุรกิจระดับโลกแล้วแหละ?”
“นักธุรกิจระดับโลก…. มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถขับโรลส์-รอยซ์ได้ แต่รุ่นแฟนธอมคันนั้น ในต่างประเทศนั้นผลิตไม่มากนัก ขนาดตัวแทนดูไบหลายคนยังไม่มีเลย…อีกอย่างมหาเศรษฐีในหัวเซี่ย ไม่มีใครคู่ควรกับมันด้วยซ้ำ นอกจาก ….” คำพูดของชายชราหยุดค้าง จนทำให้ใจของหลีเช่าเทียนเกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
“นอกจากซะว่า ตำแหน่งคงอยู่สูงส่งกว่าฉัน … ฉันไม่มีคุณสมบัติมากพอ ที่จะสามารถตรวจสอบข้อมูลของเขาได้” ชายชรากล่าวออกมา
“เสี่ยวเทียน คนประเภทนี้ถ้ายังมีตัวตนหลงเหลืออยู่จริงๆ …แกจำคำฉันไว้ให้ดีอย่าได้ไปยั่วยุหาหาใส่หัวเป็นอันขาด … เวลาที่ยอมโผล่หัวออกมา ปู่แกก็ไม่อาจจะคุ้มกะลาหัวแกไว้ได้!” เสียงชายชราที่อยู่ปลายสาย พูดกำชับตักเตือน
หลีเช่าเทียนหน้าซีดเผือดทันที … คำพูดที่ชายชราดังเข้าโสตประสาทของเจา มันทำให้ในใจของเขามิอาจสงบต่อไปได้ พร้อมทั้งหายใจไม่คล่องคอทันที!
“มั่นใจใช่ไหมครับ?” นานอยู่สักพัก หลีเช่าเทียนที่ทำหน้านิ่งพลันหลุดโพล่งออกมา
“ถ้าแกไม่ได้ให้ข้อมูลมาผิดๆ ที่ฉันคาดการณ์เอาไว้ก็คงไม่มีอะไรผิดพลาดไป” ชายชรากล่าวออกมา
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว หลีเช่าเทียนจ้องมองกระดานหมากที่อยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สีหน้าที่ตึงเครียดจนดูไม่ได้!
ทันใดนั้น หลีเช่าเทียนต่อยหมัดลงบนกระดานหมากรุก!
“เค้ง!”
เสียงดังกังวาน กระดานหมากรุกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนทำให้คนตกใจจนอ้าปากค้าง!
“เหี้ยแม่งเอ๊ย!” หลีเช่าเทียนพลิกข้อมือ จากนั้นก็คว่ำโต๊ะหินตัวนั้นอย่างรุนแรง! จนหมากในกระดานหมากรุกนั้น หล่นลงบนพื้นจนหมดเกลี้ยง!
สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างๆ เห็นท่าทางของหลีเช่าเทียนที่เย็นยะเยือก เลยต้องรีบก้มลงไปเก็บ เอาตัวหมากทุกตัวที่หล่นลงบนพื้นนั้นเก็บขึ้นมา
“พวกแกสองคน กลับห้องไป … เตรียมตัวโดนลงโทษ” สายตาของหลีเช่าเทียน ตอนที่กวาดตามองสาวรับใช้สองคนที่เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นเอวคอดกิ่ว นัยน์ตาพลันเปล่งประกาย พร้อมทั้งตะโกนใส่ทันที
สาวรับใช้สองคนเมื่อได้ยินคำสั่งแล้ว ร่างกายสั่นเทา เพราะว่าพวกเธอไม่ใช่สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติให้หลีเช่าเทียน แต่ว่าเมื่อหลีเช่าหงเสียชีวิตแล้ว พวกเธอก็ตกอยู่ในมือหลีเช่าเทียน แถมยังต่ำต้อยกว่าคนใช้เหล่านั้นเสียอีก
พวกเธอรู้แจ้งถึงความหมายของหลีเช่าเทียน เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเอาพวกเธอมาระบายอารมณ์ และในอีกไม่ช้าพวกเธอก็ต้องมาคอยมาเป็นที่ระบายอารมณ์โกรธเคืองให้กับหลีเช่าเทียน ที่ต้องมารับกรรมเผชิญกับบทลงโทษเหมือนพายุโหมกระหน่ำ!
หญิงสาวรับใช้ลุกขึ้นยืนแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างแสดงความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากไร้หนทางช่วยเหลือ จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าเดินตรงไปยังห้องนอนของหลีเช่าเทียน ทีละก้าว ทีละก้าว ราวกับกำลังเดินลงสู้ห้วงเหว ที่จะกลืนกินพวกเธอไม่ให้เหลือซาก
…………
ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องของโรงแรมอันหรูหรา ภายในห้องเพรสซิเดนเชียล สวีท อวี้ย้งเซวียนยืนอยู่ขอบหน้าต่าง เพื่อฟังรายงานจากลูกน้องคนนั้น
“คุณชายอวี้ พวกเราค้นหาทั้งเมือง จนถึงขั้นติดต่อกับพวกวงการมืดในท้องถิ่นแล้ว แต่ก็ไม่มีข่าวคราวของคนที่ชื่อว่าเฉินเป่ย” ลูกน้องพูดไปตามความเป็นจริง
อวี้ย้งเซวียนบีบถ้วยชาที่อยู่ในมือ จนแรงขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาถลำลึกอย่างเต็มที่
ผ่านไปนานพอควร อวี้ย้งเซวียนถึงได้จิบชาไปอึกหนึ่ง พร้อมทั้งสูดดมกลิ่นหอมฟุ้งของชา ดวงตาคู่นั้นถึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ตอนที่พูดนั้น มุมปากก็เผยอเล็กน้อย พร้อมทั้งรอยยิ้มดูถูกดูแคลน “มัน คงจะหนีตายไปตายห่าที่อื่นแล้ว หลังจากที่ถูกผู้อาวุโสทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก”
สีหน้าของลูกน้องคนนั้นพูดด้วยความเคารพนบนอบ แถมยังยิ้มหน้าบานและพูดเอาอกเอาใจ “ต้องเป็นเช่นนั้น จากการตัดสินอันฉลาดหลักแหลมของคุณชายอวี้ อีกอย่างความเก่งกาจของท่านผู้อาวุโสที่มีอย่างครบครัน ก็แค่มดที่ช่างหาเรื่องตัวหนึ่ง มันแทบไม่ได้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว”
“ไปกันเถอะ ไปเรียกท่านผู้อาวุโสคนอื่นกัน เพื่อจะได้ขจัดเสี้ยนหนามอุปสรรคออกให้พวกเรา ฉันกำลังคิดอยากจะจัดงานเลี้ยงฉลองอยู่พอดี เพื่อทำลายความอัปรีย์ไปให้พ้น” อวี้ย้งเซวียนค่อยๆ พูด นัยน์ตามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง พร้อมทั้งจ้องมองเมืองที่ไม่มีวันหลับใหลที่อยู่ไกลๆ…
ไม่เพียงแค่นี้ เวลานี้เองหลังจากที่เฉินเป่ยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนั้น… ทุกภาคส่วนต่างมีความรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ถึงแม้ว่างานการพนันเพชรพลอยยังคงสนุกสนานครื้นเครงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่รู้สึกเหมือนขาดความรู้สึกโกรธเคืองที่พูดไม่ออก
หลังจากที่ทำให้เยี่ยนจิงสั่นสะท้านไปทั้งเมือง เหตุการณ์ความสงบที่ถลำดิ่งกับความอันตรายอย่างแปลกประหลาดถือว่าพบได้น้อยมาก
…………
เยี่ยนจิง ภายในวิลล่าคฤหาสน์หลังหนึ่ง เฉินเป่ยลืมตาขึ้นมา แล้วเห็นเพดานห้อง ถึงได้สติกลับมาเรื่อยๆ
จิตใต้สำนึกของเขาส่งสัญญาณเตือนให้เขามองรอบๆ ทั้งหมดนี่มันเป็นสัญชาตญาณของเขาในเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ ท่ามกลางวิกฤตอันตรายรอบด้านมานับครั้งไม่ถ้วน ประสบการณ์ที่เป็นสัญชาตญาณเหล่านี้นี่เอง ถึงทำให้เฉินเป่ยรอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้
ตอนที่เขาเลิกเสื้อเชิ้ตดูแล้วนั้น ก็เห็นว่าบริเวณแผ่นอกกำยำนั้นมีรอยแผลเป็นใหม่ๆ อยู่หลายรอย … แผลนูนสีแดง กับแผลเก่าที่ทิ้งรอยดำเอาไว้มันทับซ้อนกันอยู่… รอยแผลเป็นบนตัวเฉินเป่ย ไม่สามารถที่จะนับจำนวนได้ เพราะมันทำให้คนตกใจจนตาเบิกโต!
“พี่ใหญ่ แม่งพี่เพิ่งฟื้น” เวลานั้นเอง พลันมีเสียงเย้าแหย่ดังมาจากประตูห้อง
เฉินเป่ยเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าชิงเหนียนกำลังยืนพิงของประตู สายตาที่จ้องมองมายังเฉินเป่ยนั้น เหมือนว่ากำลังดูละครอยู่บ้าง
“ที่นี่คือที่ไหน?” เฉินเป่ยเอ่ยถาม
“ฐานของเราในเยี่ยนจิง เป็นไงบ้าง?” ชิงเหนียนถาม
เฉินเป่ยพิจารณาโดยการมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยถามทันที “ฐาน? เงินที่เอาไปซื้อคฤหาสน์วิลล่าหลังนี้เอามาจากไหนกัน?”
ท่าทางของเฉินเป่ยจ้องมองชิงเหนียนอย่างไม่สู้ดีนัก น้ำเสียงแสดงการซักถามออกมาเล็กน้อย
ส่วนชิงเหนียนนั้นคลำหาซิการ์ออกมา พร้อมทั้งส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย “เรื่องอะไรก็ไม่สามารถปิดบังคุณได้จริงๆ … ที่นี่เดิมเป็นฐานกำลังของพวกใต้ดิน ตอนที่ฉันเห็นที่นี่แล้ว ตอนแรกก็คิดว่าจะซื้อขายกันอย่างปกติ แต่พวกเขาดันไม่ยอมเนี่ยสิ แถมยังอยากจะเล่นตุกติกกับฉันอีก ฉันก็เลยทำให้พวกเขาสมหวังเท่านั้นเอง”
เฉินเป่ยตะลึง ชิงเหนียนพูดต่อ “พี่ใหญ่คุณวางใจได้เลยนะ คุณขี้เหนียวขนาดนี้ แถมตอนนี้ก็อาศัยเศษเงินจากพี่สะใภ้เอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วฉันจะเอาเงินออกมาใช้ซื้อฐานได้ยังไง”
เฉินเป่ยส่งเสียงในลำคอ แล้วถามกลับ “ฉันหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว?”
“6-7 ชั่วโมง ตอนนี้ตะวันบ่ายคล้อยไปแล้ว” ชิงเหนียนพูดกันตามความเป็นจริง
เฉินเป่ยตะลึง สีหน้าเปลี่ยนสีไปทันที “บรรลัยแล้ว ไม่ได้ติดต่อกับเมียนานขนาดนี้ ยิ่งนิสัยเธอด้วยแล้ว คงต้องไปควานหาฉันทุกซอกทุกมุมโลกแน่”
เฉินเป่ยพูดจบ ก็พุ่งตัวไปทางขอบหน้าต่าง จากนั้นก็เปิดหน้าต่างออก แล้วกระโจนออกนอกหน้าต่างไป แถมทิ้งให้ชิงเหนียนยืนอ้าปากค้าง อยู่ตรงจุดเดิม
ผ่านไปชั่วครู่ ชิงเหนียนถึงได้ยิ้มให้อย่างขมขื่น ราชาหลงผู้ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในต่างประเทศ… ที่ไหนได้ก็เพราะผู้หญิงคนเดียว จนเปลี่ยนสภาพไปถึงขนาดนี้!