สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 390
บทที่390 มรกต
ตอนที่จางเป่าเฉิงพูด ทั้งตัวของเขากลับมีความดุดันของเขาเปล่งออกมา นี่ก็คืออำนาจของหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอย! แค่พริบตาเดียวก็ครอบคลุมตัวเฉินเป่ยไว้แล้ว!
น้ำเสียงที่ดูถูกของจางเป่าเฉิง ในสายตาเขาแล้ว ตัวเองเป็นถึงหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอย กลับถูกเฉินเป่ยดูถูกอยู่หลายครั้ง เฉินเป่ยมีประสบการณ์ด้านพนันเพชรพลอยมาเท่าไหร่กัน? ตำแหน่งอย่างเขา ภายในงานการพนันเพชรพลอย จะเศรษฐีหรือข้าราชการใหญ่ ก็ต้องเคารพเขาและหาที่นั่งให้เขาทั้งนั้น!
แต่เฉินเป่ยล่ะ? กลับไม่เอาเขาไว้ในสายตาเลย ในสายตาเขา เฉินเป่ยเป็นแค่กบในกะลาเท่านั้น มองการณ์ตื้นเขินอย่างเขา ไม่มีทางรู้เลยว่า ขอแค่ตัวเองอยาก แค่คำพูดเดียวก็สามารถไล่เฉินเป่ยออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!
หลีชิงเยียนเห็นจางเป่าเฉิงโกรธ ก็รีบพูดปลอบประโลมว่า “หัวหน้าสมาคมจางใจเย็นก่อนค่ะ เขาเป็นแค่คนที่ไม่เคยเจอโลกภายนอกเท่านั้น คุณอย่าไปเอาอะไรกับเขาเลยนะคะ”
หัวหน้าสมาคมจางพูดต่อว่า “คนบ้านนอกอย่างนายไม่รู้อยู่แล้ว เขตการพนันชั้นล่าง ปกติก็แค่เปิดให้ผู้เล่นธรรมดามาพนันเพชรพลอยเล่นเท่านั้น เศรษฐีหรือข้าราชการใหญ่ที่มีความสามารถจริง ก็เล่นกันในเขตพนันระดับสูงทั้งนั้น ที่นั่นสิมีหินหยาบชั้นดีจริง เขตระดับล่าง แม้นายจะเล่นทั้งวัน ก็หาเงินได้ไม่เยอะขนาดนั้นหรอก อย่าว่าแค่ร้อยล้านเลย!”
หัวหน้าสมาคมจางมองเฉินเป่ยด้วยสีหน้าที่ดูถูก “นายพูดล้อเล่นอะไรอยู่ คิดว่าคนอื่นเขาโง่กันหรือไง?”
เฉินเป่ยฟังที่หัวหน้าสมาคมจางพูดจบแล้ว สีหน้าเรียบเฉย พูดตอบกลับเรียบเฉยว่า “หวังว่านายจะไม่เสียใจกับคำพูดที่พูดออกมาในตอนนี้”
เฉินเป่ยพูดจบแล้ว สองมือก็เสียบเข้ากระเป๋ากางเกง และเดินเข้าไปในแผง
หัวหน้าสมาคมจางมองเฉินเป่ยด้วยสายตาเย็นชา สีหน้ายิ่งบึ้งตึงเข้าไปอีก ทำเอาหลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆต้องรีบพูดปลอบ “หัวหน้าสมาคมจางใจเย็นก่อนนะคะ อย่าไปถืออะไรกับคนอย่างเขาเลย พวกเราก็ลองตามเขาหนึ่งวัน ดูว่าเขาจะเล่นกลอะไรอีก!”
คำพูดของหลีชิงเยียนเหมือนดึงความสนใจของจางเป่าเฉิงกลับมาอีกครั้ง เขาพยักหน้า และพูดว่า “เข้าไปเถอะ”
หลังจากที่หลีชิงเยียนกับจางเป่าเฉิงเข้าไปแล้ว ซูเหลยเดินตามหลังพวกเขาเข้าไป ได้ยินคำพูดของทั้งสอง ทำเอาซูเหลยอดครุ่นคิดไม่ได้ ผ่านไปนานมาก ซูเหลยถึงเงยหน้าขึ้นมา ขนาดเธอยังไม่รู้เลยว่าเฉินเป่ยคิดจะทำอะไรกันแน่
เฉินเป่ยอยากทำอะไรกันนะ? ถูกจางเป่าเฉิงประชดไปเยอะขนาดนั้น ยังใจเย็นได้อยู่อีก และยังหยิ่งผยองขึ้นกว่าเดิม เขาเอาความมั่นใจมาจากไหนกันนะ?
ซูเหลยคิดไม่ออกจริงๆ จึงต้องเดินตามหลีชิงเยียนและจางเป่าเฉิงเข้าร้านไป
ภายในแผงนั้น มีคนเบียดกันอยู่มากมาย นักพนันมากมายก็ต่างเลือกหินหยาบที่ตนเองเห็นว่าดี และพอเฉินเป่ยเข้าไป กวาดสายตามอง ทันใดนั้นก็มองไปที่มุมหนึ่ง รีบจับหินหยาบก้อนสีดำ ขนาดคล้ายหัวทารกขึ้นมา พูดกับเจ้าของแผงว่า “ฉันเอาก้อนนี้”
“ก้อนนี้เหรอ?” เจ้าของแผงมองหินหยาบก้อนนั้น เขาแอบอึ้งเล็กน้อย ต่อมาก็มองเฉินเป่ย พูดโน้มด้วยรอยยิ้มว่า “คุณคงไม่ได้เล่นการพนันเพชรพลอยครั้งแรกหรอกนะใช่ไหม? หินก้อนนี้ดูก็รู้ว่าใช้ไม่ได้แล้ว วันนี้พองานจบลง ของแบบนี้ก็จะถูกทำลายทิ้งไป”
เฉินเป่ยแสยะยิ้ม และพูดอย่างลึกลับว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็คิดเสียว่าเป็นขายขยะให้ฉันแล้วกัน”
เจ้าของแผงนั้นก็มองเฉินเป่ยอย่างแปลกๆ “ฉันเคยเจอคนโง่ แต่ยังไม่เคยเห็นใครเอาเงินมาเล่นแบบนายมาก่อนเลย”
ด้านหลังของเฉินเป่ย จางเป่าเฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยินบทสนทนาของเฉินเป่ยและเจ้าของแผง เขาก็ต้องหัวเราะเย็นชาและพูดว่า “ทำไม? อยากจะพึ่งขยะมาหาเงินร้อยล้านงั้นเหรอ?”
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆจางเป่าเฉิงก็ขมวดคิ้วเป็นปม เธอถามจางเป่าเฉิงว่าเกิดอะไรขึ้น
จางเป่าเฉิงมองเฉินเป่ยและแสยะยิ้มเย็นชา จากนั้นก็พูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันแค่พึ่งเคยเจอคนโง่ที่เลือกซื้อขยะน่ะ คนปกติก็ดูออกว่า ขยะแบบนี้ แม้จะเป็นหยก ปริมาณก็ไม่มากเท่าไหร่ และยังคงขาดทุนอยู่”
เสียงของจางเป่าเฉิงดังมาก เห็นได้ชัดว่าตั้งใจพูดให้ทุกคนได้ยิน ทันใดนั้น สายตาทุกคนก็มองไปที่หินก้อนนั้นในมือของเฉินเป่ย พอทุกคนเห็นหินก้อนนั้นในมือเฉินเป่ยแล้ว ก็ต่างหัวเราะกันทันที ภายในแผงนั้น มีคนมากมายหัวเราะเสียงดัง เห็นเฉินเป่ยทำแบบนี้ ทำให้พวกเขามองเฉินเป่ยเหมือนคนโง่ พวกเขาทุกคนหัวเราะจนแทบจะขาดใจตายกันหมด
“ฉันก็พึ่งเคยเจอคนโง่แบบนี้ครั้งแรกนะ ขยะแบบนี้ยังจะซื้ออีก คงโง่ไปแล้วจริงๆ”
“ฮ่าๆๆ โง่จริงเลย ขยะแบบนี้ก็ยังจะซื้ออีก น่าขำสิ้นดี!”
เสียงซุบซิบมากมายดังขึ้น เจ้าของแผงก็นับว่าใจดี เขามองเฉินเป่ย และพยายามพูดปลอบว่า “ถ้านายซื้อหินหยาบก้อนนี้ละก็ ก้อนพวกนี้หน้าตาก็ดูไม่เลว ก็อย่าซื้อขยะก้อนนี้เลย”
เฉินเป่ยกลับตัดสินใจจะเอาหินก้อนนี้ “ไม่ต้องแล้ว หินก้อนนี้ ฉันคิดว่าดีที่สุดแล้วล่ะ”
“นาย……” เจ้าของแผงเห็นเฉินเป่ยดื้อดึง ก็จึงส่ายหน้า และพูดว่า “ถึงเวลาอย่าหาว่าฉันไม่เตือนนายล่ะ นายรนหาที่เองนะ”
เจ้าของแผงพูดจบ ก็พูดราคาไปว่า “ห้าพัน”
จางเป่าเฉิงที่อยู่หลังเฉินเป่ยก็มีสีหน้าอึ้งไปชั่วขณะ เขาจ้องมองเฉินเป่ย เขาไม่คิดเลยว่า เฉินเป่ยจะซื้อขยะแบบนี้ก้อนนี้จริงๆ!
สักพัก เฉินเป่ยอุ้มหินหยาบมา ด้านหลังมีจางเป่าเฉิงที่แสยะยิ้มเย็นชาไม่หยุดและหลีชิงเยียนที่มีสีหน้าบึ้งตึงสุดๆ
“ประธานหลี แม้คนที่พึ่งเข้าวงการการพนันเพชรพลอย ก็รู้ดีว่าของสิ่งนี้เป็นขยะ แต่เขากลับเอามาเป็นของมีค่าเสียเอง” เสียงของจางเป่าเฉิงเต็มไปด้วยถ้อยคำประชดประชัน
หลีชิงเยียนโมโหจัด ดวงตาคู่งามมองค้อยเฉินเป่ย และพูดเสียงเย็นชาว่า “นายหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
และเฉินเป่ยกลับไม่ฟังอะไร ทันใดนั้นก็เดินไปที่อีกแผงหนึ่ง
ไม่นาน เฉินเป่ยก็อุ้มหินหยาบหลายก้อนออกจากแผงนั้น ภายใต้รอยยิ้มที่ดูถูกของจางเป่าเฉิง เฉินเป่ยวางหินหยาบลงตรงพื้นเปล่า ต่อมาก็เดินเข้าไปในอีกแผง
จางเป่าเฉิงขยับเข้าไปดูใกล้ๆ รอยยิ้มก็ยิ่งดูถูกกว่าเดิมอีก มองเฉินเป่ยที่อุ้มหินหยาบมาไม่หยุด เขาก็หัวเราะขึ้นมาและพูดว่า “ซื้อของไร้ค่ามามากมาย ทำไม นายอยากใช้ของไร้ค่าพวกนี้หาเงินร้อยล้านงั้นเหรอ เป็นเรื่องเพ้อฝันสิ้นดี!”
และหลีชิงเยียนมองดู รูปร่างพวกนั้นแปลกประหลาดมาก แต่ที่ไม่ต่างกันเลยนั่นก็คือ สีของหินหยาบนั้นดำทั้งหมด ไม่มีก้อนไหนที่มีสีของหยกเปล่งออกมาเลย เป็นพวกของไร้ค่าทั้งหมด ไม่สามารถเทียบอะไรได้เลยจริงๆ
หลีชิงเยียนกอดอก มองเฉินเป่ยที่อุ้มหินหยาบอยู่ ไปๆมาๆ โกรธจนสีหน้าบูดเบี้ยว ใบหน้างามเย็นชากว่าเดิม ประธานสาวโกรธจนแทบบ้าคลั่งแล้ว!
อย่างแรกเธอยังไม่รู้ว่าเฉินเป่ยเอาเงินพวกนี้มาจากไหน ต่อมาพึ่งรู้ว่า เป็นเงินที่ซูเสี่ยวหยุนยืมให้เฉินเป่ย! ตอนนี้กลับถูกเฉินเป่ยใช้ไปอย่างไร้ค่าเรียบร้อย
หลีชิงเยียนมองอย่างโมโห ไม่ทันไร หินหยาบพวกนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ รอบๆที่ว่าง ก็มีคนมากมายเพราะสงสัยจึงเข้ามามุงดู
ในที่สุด รอหินหยาบพวกนี้มีร้อยกว่าก้อนได้แล้ว กองจนเหมือนภูเขาลูกเล็กแล้ว เฉินเป่ยก็หยุดลง สองมือเสียบเข้ากระเป๋ากางเกง และมองจางเป่าเฉิงนิ่งๆ
จางเป่าเฉิงรู้สึกได้ถึงสายตาของเฉินเป่ย ก็มองดูหินหยาบสีดำพวกนี้ เขาก็ต้องแสยะยิ้มเย็นชา พูดประชดประชันว่า “ทำไม อยากใช้ของพวกนี้ทำเป้าหมายให้ลุล่วงหรือไง?”
ทุกคนที่เข้ามามุงดูก็ต่างไม่รู้เรื่องอะไร พวกเขาต่างมองไปที่เฉินเป่ย ไม่รู้ว่าทำไมเฉินเป่ยต้องซื้อของไร้ค่าพวกนี้มาเยอะแยะด้วย
เฉินเป่ยมองไปที่จางเป่าเฉิง สีหน้าเรียบสงบ และพูดด้วยเสียงนิ่งว่า “นายบอกว่าของพวกนี้เป็นของไร้ค่าใช่ไหม?”
“นายบอกว่าถ้าในเขตการพนันชั้นล่างสามารถหาเงินได้หนึ่งแสน นายก็จะยอมแพ้แต่โดยดีใช่ไหม?”
“นายบอกว่ามีแค่คนโง่เท่านั้นถึงจะซื้อพวกนี้ใช่ไหม?”
เฉินเป่ยพูดทีละคำเน้นๆ ในตอนนี้ จากตัวของเฉินเป่ยมีความสง่าพุ่งพรวดขึ้นมาทันที ทำให้เฉินเป่ย ดูสูงส่งขึ้นมากขึ้นกว่าเดิม
หลีชิงเยียนมองดูเฉินเป่ย ขมวดคิ้วเป็นผม เธอไม่รู้ว่า เฉินเป่ยกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
“พรึ่บ!”
ทันใดนั้น มีเสียงดังขึ้นและสะทกสะท้านในความว่างเปล่า มีแสงดำปรากฏขึ้น มีดหลงหยาปรากฏขึ้นในมือของเฉินเป่ยกะทันหัน
เฉินเป่ยจับมีดหลงหยาไว้ ทั้งตัวของเขาดูสง่าขึ้นไปในทันที ทำให้เขาดูแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย!
ในตอนนั้นเอง เฉินเป่ยที่จับมีดหลงหยาไว้ก็ไม่คนเดิมที่เอาแต่ก้มหน้าถ่อมตัว และไม่ใช่ชายที่แต่งเข้าตระกูลหลีและถูกผู้คนต่อว่าด่าทอสารพัด เขาเหมือนออกรบครั้งแรก กลายเป็นแม่ทัพที่ไร้เทียมทาน กำลังวิ่งฝ่ากระสุนจำนวนนับไม่ถ้วน!
ดวงตาที่ลึกล้ำของเฉินเป่ยมีความเฉียบคมปรากฏขึ้น เขาในตอนนี้ สายตากำลังกวาดมองไปที่จางเป่าเฉิงอยู่ ทำเอาเขาต้องตัวแข็งทื่อไปทันที และหัวใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้!
ประธานสาวตกตะลึง มองไปที่เฉินเป่ย เขาในตอนนี้ดูแปลกหน้ากว่าปกติไม่น้อย แต่กลับทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความดุเดือดของเขา!
ท่าทางและออร่าแบบนี้……มีเพียงพิธีเดินสวนสนามของทหารในทีวีเท่านั้น ทหารมากมายรวมตัวกันทำพิธีเดินสวนสนามอันเป็นเกียรติยศ!
ดวงตางามของประธานสาวนานๆทีจะมีความสับสนปรากฏขึ้น เธอในตอนนี้สับสนมาก ดวงตาของเธอจับจ้องเฉินเป่ยไม่ห่าง เธอไม่เข้าใจว่า ทำไมเฉินเป่ยถึงมีท่าทีแบบนี้ได้! เขาที่เป็นเหมือนนักเลงทุกวัน ตอนนี้กลับทำทุกคนตกตะลึงได้!
ซูเหลยที่อยู่ข้างหลีชิงเยียน มองดูเฉินเป่ย หรือทุกคนในที่นี้ มีแต่เธอที่เดาอะไรออกมาแล้วบ้าง เกรงว่าเธอเป็นคนที่เข้าใกล้ความจริงมากที่สุด……นี่สิคือเฉินเป่ยตัวจริง นี่สิคือผู้ที่พลิกโลกมืดของตะวันตก ผู้ซึ่งทำให้มหาอำนาจนับไม่ถ้วนสั่นสะท้านและยอมจำนน ทำให้คนพวกนั้นต้องแตกแยกและวุ่นวายกันไปหมด……นั่นก็คือ ราชามังกร!
จางเป่าเฉิงตัวสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ เฉินเป่ยเพียงแค่มองเขาเท่านั้น ก็ทำให้เขาเหมือนจิตหลุดออกไปทันที!
“นายอยากทำอะไร นายกำลังก่ออาชญากรรมนะ! คนดูอยู่เยอะแยะขนาดนี้ นายกล้าลงมืองั้นเหรอ!” จางเป่าเฉิงกลัวมาก ในตอนที่เขาเห็นมีดหลงหยาในมือของเฉินเป่ย สายตาเย็นชาที่มองเขา เขาต้องขนลุกซู่ในทันที เหมือนกับตกลงไปในน้ำแข็ง เขากลัวว่าวินาทีต่อมามีดหลงหยาในมือเฉินเป่ยจะปลิดชีพของเขาได้!
เฉินเป่ยมองจางเป่าเฉิงอยู่นาน ต่อมาก็หัวเราะและพูดว่า “ไม่ นายไม่คู่ควรกับการใช้มีดเล่มนี้ฆ่านายหรอกนะ”
เฉินเป่ยพูดจบ ก็หันหลังไปช้าๆ มองดูหินหยาบนับร้อยก้อนที่วางเรียงเป็นภูเขาอยู่หน้าตัวเอง สายตามีความเย็นชาลอยขึ้นมา!
“พรึ่บ!”
ร่างของเฉินเป่ยหายไปจากที่เดิม พริบตาเดียวก็ปรากฏขึ้นบนหินหยาบนับร้อยพวกนั้น!
วินาทีต่อมา เฉินเป่ยฟันมีดหลงหยาลงไปอย่างแรง!
“ตึก!”
เสียงดังกึ่งก้องสั่นสะท้านไปทั่ว พื้นดินสั่นสะท้าน หลังจากนั้น มีดหลงหยาในมือเฉินเป่ย ก็ผ่าหินหยาบนั่นออกทั้งหมดอย่างนั้น!
และในตอนนี้เอง ผู้คนก็ต่างฮือฮากันใหญ่ คนมากมายต่างก็มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น พวกเขาต่างนั่งรอดูหัน สีหน้าก็อึ้งตะลึงกันไปหมด!
และจางเป่าเฉิงก็ยิ่งเบิกตาโพลงโต จ้องมองไม่ละสายตา พร้อมพูดออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้!”