สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 395
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่395 คนหน้าไม่อาย
เป้าอวี่มองจางเป่าเฉิงอยู่นาน สุดท้ายก็ไปเรียกคนมา
ถ้าเธอไม่ฟังเฉินเป่ยก็ได้ละก็ เฉินเป่ยยังไงก็เป็นแค่เถ้าแก่ และจางเป่าเฉิง ตำแหน่งสูงส่ง เธอไม่ฟังก็ไม่ได้
ผ่านไปสักพัก เป้าอวี่ก็พาสองคนที่ร่างกายกำยำมา เข็นรถหนักอึ้งมาหาเฉินเป่ยช้าๆ
ภายในรถเข็นนั้น มีหินหยาบใหญ่หลายก้อนกองอยู่ น้ำหนักของหินหยาบพวกนี้ ทำเอาพวกเขาก็แทบจะเข็นไม่ไหวเหมือนกัน
ภายในห้องพัก เฉินเป่ยนั่งอยู่บนที่นั่ง มองดูหินหยาบที่ถูกเข็นมา สีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ลุกขึ้นเลยด้วยซ้ำ
หินหยาบพวกนี้ถูกเข็นมาตรงหน้าแล้ว จางเป่าเฉิงมองเฉินเป่ยและพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “หินหยาบเอามาให้นายแล้ว”
เฉินเป่ยพยักหน้า ยกมือขึ้นชี้ไปที่ว่าง และพูดว่า “ให้พวกเขาวางไว้ตรงนั้นแล้วกัน”
เป้าอวี่เห็นเฉินเป่ยแบบนี้ก็ยิ่งโมโหใหญ่ แต่เธอก็ทำอะไรเฉินเป่ยไม่ได้ ก็จึงต้องหันไปสั่งหนุ่มพวกนั้น “วางไว้ตรงนั้นแล้วกัน ขนของออกมาเลย”
หินหยาบพวกนี้ที่ประมูลมาจากเขตการพนันระดับสูง ใหญ่กว่าหินของการพนันระดับล่างอยู่มาก
หินที่ใหญ่สุดก้อนหนึ่งในนั้น เกือบสูงเท่าครึ่งคนแล้ว เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมาก
หินหยาบแต่ละก้อนพอวางไว้ที่พื้นแล้ว จางเป่าเฉิงก็มองเฉินเป่ยพูดว่า “นายอยากจะทำอะไรกันแน่?”
จางเป่าเฉิงดูจะสงสัยมาก เขาไม่เข้าใจกับการกระทำของเฉินเป่ยเลย และไม่รู้เลยว่าเขาจะทำอะไรกันแน่?
เดินตามรอยเก่า ใช้วิธีการจากเขตการพนันระดับล่างอีกครั้งเหรอ? จางเป่าเฉิงไม่เชื่อว่า หินหยาบพวกนี้ไม่เหมือนกับหินในเขตการพนันระดับล่าง เฉินเป่ยทำแบบนั้น ก็หาเงินได้ไม่เยอะมากเท่าไหร่หรอก ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะขาดทุนก็ได้
เฉินเป่ยมองขวางจางเป่าเฉิง และพูดว่า “หยุดดนตรีที่นี่ก่อน และเอาโทรโข่งมาให้ฉันด้วย”
คำพูดของเฉินเป่ยเห็นได้ชัดว่าพูดกับเป้าอวี่ เธอดูจะลังเลและมองจางเป่าเฉิงก่อน พอเห็นสายตาของจางเป่าเฉิงแล้ว เป้าอวี่ถึงจะหันหลังเดินออกไป ไม่นานก็หยิบเอาโทรโข่งและเดินมา
เป้าอวี่ยื่นโทรโข่งให้กับเฉินเป่ย เขารับโทรโข่งมา เปิดเสียงด้านบน ต่อมาก็เงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็มองจางเป่าเฉิงด้วยอารมณ์หยอกล้อ
จางเป่าเฉิงฮึเสียงแข็ง บิดหน้าหันไปทางอื่น ต่อมาเฉินเป่ยก็มองไปทางหลีชิงเยียนอีกครั้ง
ประธานสาวพยักหน้าเบาๆ เฉินเป่ยถึงได้หยิบโทรโข่งขึ้นมา เขาสูดหายใจช้าๆ อากาศความว่างเปล่ารอบตัวเหมือนกับว่าถูกเขาดูดไปทั้งหมด
“หยกชั้นดีขายครั้งใหญ่ หยกชั้นดีขายครั้งใหญ่ หัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยจางเป่าเฉิงหน้าโง่ขโมยเงินหนีไปแล้ว ทิ้งหยกชั้นดีเอาไว้บ้าง ประมูลขายให้ทุกคนไปเลย……” เฉินเป่ยพูดแบบนี้แล้ว บรรยากาศก็เงียบลงทันที สายตาทุกสายตา จับจ้องมาทางนี้กันหมด
และจางเป่าเฉิงกำลังนั่งบนเก้าอี้ ได้ยินเฉินเป่ยพูดแบบนี้แล้ว ตัวเขาก็กระตุกอย่างแรงทันที สองตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ!
จางเป่าเฉิงจับตามองเฉินเป่ยอย่างนั้น สีหน้านั้นทำอย่างกับเจอผี ดวงตาของจางเป่าเฉิงแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว!
“พรึ่บ!”
สีหน้าของจางเป่าเฉิงเปลี่ยนไป เขาจ้องเฉินเป่ยนิ่ง สีหน้าเย็นยะเยือก มีแรงอาฆาตอยู่เล็กน้อย!
จางเป่าเฉิงไม่คิดเลยว่า เฉินเป่ยจะใช้วิธีแบบนี้…นี่เหมือนกับว่าเป็นการเปลี่ยนวิธีโต้ตอบเขากลับน่ะสิ!
“เฉินเป่ย!” จางเป่าเฉิงมือที่จับแก้วไว้ บีบแน่น แก้วที่จางเป่าเฉิงใช้ดื่มน้ำ ก็กลับมีเสียงร้าวเล็กๆดังขึ้น “แควก!”
แก้วที่ใช้ดื่มน้ำนั้นมีเสียงแควกดังขึ้น แก้วใบนั้นมีรอยร้าวรอบๆ น่ากลัวมากจริงๆ!
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินเฉินเป่ยตะโกนโทรโข่งแบบนี้แล้ว ใต้เส้นผมยาวสลวย ใบหน้างามละเอียดอ่อนนั้น ก็มีสีหน้าที่ตกใจอย่างมาก แม้จะเป็นหลีชิงเยียน ก็ยังไม่ทันรู้สึกตัวอยู่ดี
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ หลังจากที่เข้ามาภายในงานการพนันเพชรพลอยแล้วเธอก็เงียบตลอด ซูเหลยที่ไม่พูดอะไร สายตาจับจ้องเฉินเป่ยอยู่อย่างนั้น ท่าทางนักเลงของเฉินเป่ย ทำให้ปากของซูเหลยโค้งทันที
“นาย!”
จางเป่าเฉิงแทบจะพุ่งเข้าไป ฉีกร่างเฉินเป่ยออกเป็นชิ้นๆแล้ว!
แต่พอสายตาของเฉินเป่ยมองไปทางจางเป่าเฉิง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย ทำเอาจางเป่าเฉิงนิ่งอยู่กับที่ ผ่านไปสักพัก ก็มองค้อนเฉินเป่ยอย่างแรง และกลับไปนั่งลงที่เดิมช้าๆ
ความหมายในสายตาของเฉินเป่ย จางเป่าเฉิงจะไม่เข้าใจได้ยังไง? นั่นคือการท้าทาย สายตาของเฉินเป่ย ความหมายชัดเจนมาก ให้จางเป่าเฉิงถ้าเก่งพอก็อย่าลงมือ คอยดูเขาทำภารกิจให้สำเร็จก็พอ!
“หุบปากนะ นายจะมาดูถูกหัวหน้าสมาคมจางแบบนี้ไม่ได้!” เป้าอวี่ที่ยืนข้างจางเป่าเฉิงทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอออกมาพูดด่าเสียงแข็ง
เฉินเป่ยขี้เกียจไม่อยากสนใจเธออีก เขาเพียงแค่กวาดตามองเธอ และพูดช้าๆว่า “ฝ่าบาทไม่รีบขันทีรีบแทน คนที่โดนยังไม่ทันพูดอะไร เธอจะตื่นเต้นไปทำไมกัน หรือว่าพวกเธอสองคนมีอะไรกัน?”
เฉินเป่ยมองตาขวาง เพียงแค่ไม่กี่คำก็ทำสีหน้าเป้าอวี่เปลี่ยนไปแล้ว เห็นได้ชัดว่านั่นคืออาการโกรธเคือง เธอคงโมโหเฉินเป่ยอยู่ไม่น้อย!
“อดทนไว้ ฉันจะดูสิเขาจะมีความสามารถอะไรกัน” ในตอนนี้เอง ข้างหูเป้าอวี่ก็มีเสียงเข้มดังขึ้น เป้าอวี่ดวงตาอึ้งนิ่ง เธอมองจางเป่าเฉิง หัวหน้าสมาคมจางในตอนนี้ สีหน้าดูเย็นชาอย่างมาก
เป้าอวี่รู้สึกดีใจอย่างมาก เธอไม่คิดเลยว่า เธอจะได้คำแนะนำจากจางเป่าเฉิง นี่หมายความว่า จางเป่าเฉิงเห็นเธอเป็นคนสำคัญแล้วหรือเปล่า?
เป้าอวี่คิดอยู่ว่า ถ้าตัวเองทำให้หัวหน้าสมาคมจางพอใจในตัวเอง ตำแหน่งในสมาคมการพนันเพชรพลอยของตัวเองก็จะยกระดับขึ้นไม่น้อย สำหรับเธอแล้ว มีแต่เรื่องดีไม่มีอะไรต้องเสียเลย
เป้าอวี่คิดอยู่แบบนี้ เธอก็มองค้อนเฉินเป่ยอย่างเย็นชา จากนั้นก็ถอยไปด้านหลังจางเป่าเฉิงโดยดี
“นายต่อสิ” จางเป่าเฉิงฮึเสียงแข็ง ขมวดคิ้วและพูด แม้ในใจเขาจะโกรธเพียงใด ก็ต้องอดทนไว้ก่อน เขารู้ดีว่า ต้องรอเฉินเป่ยทำภารกิจไม่สำเร็จเสียก่อน ถึงจะดูถูกเขาได้!
เฉินเป่ยมองเห็นจางเป่าเฉิงสีหน้าไม่ดีมาก เขาก็แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที “หัวหน้าสมาคมจาง ขอบคุณที่ร่วมมือ”
จางเป่าเฉิงฮึเสียงแข็ง สองตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแทบจะปิดบังไว้ไม่อยู่
กว่าเขาจะทำใจให้สงบได้ ก็ต้องโกรธอีกครั้งเพราะคำพูดเดียวของเฉินเป่ย
และพอเฉินเป่ยเห็นสีหน้าบึ้งตึงของจางเป่าเฉิง เขาก็หัวเราะ หันหน้าไป ถือโทรโข่งตะโกนไปอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ
และพอเฉินเป่ยตะโกนแบบนี้ ก็ดึงดูดแขกมาไม่น้อย ต่างก็เดินพุ่งมาทางเฉินเป่ยคนเดียว
จางเป่าเฉิงโกรธจนตัวสั่นเทา แม้เฉินเป่ยจะทำตัวไม่มีระดับแค่ไหน แต่พอเพิ่มชื่อเสียงของจางเป่าเฉิงเข้าไป ทุกอย่างก็ดูดีขึ้นมาทันตา แขกหลายคนรีบพุ่งเข้ามาเพราะชื่อของจางเป่าเฉิง ต่างก็รีบเดินมาอย่างสนใจ
“เมื่อกี้นายว่าไงนะ? หยกชั้นดี?” แขกคนหนึ่งรีบเดินมาตรงหน้าเฉินเป่ยและถาม
เฉินเป่ยพยักหน้า “ที่นี่ฉันขายแต่หยกชั้นดีนะ”
“เรื่องนั้นเกี่ยวอะไรกับหัวหน้าสมาคมจางล่ะ?” แขกคนนั้นขมวดคิ้ว
“ฉันคิดว่าจางเป่าเฉิงนั่งอยู่ตรงนี้ หินหยาบพวกนี้ต้องเกี่ยวข้องอะไรกับหัวหน้าสมาคมจางแน่?” เฉินเป่ยแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ และพูดด้วยรอยยิ้ม
เขกคนนั้นอึ้งไปในทันที เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาเปล่งประกาย พอเขาเห็นจางเป่าเฉิงอยู่ไม่ไกล ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที “หินหยาบก้อนนี้เท่าไหร่ ฉันจะซื้อ”
“หินหยาบก้อนนี้ราคาต่ำมา เพราะเป็นหินหยาบชั้นดี……” เฉินเป่ยรู้สึกลังเลขึ้นมา และพูดออกไป
และแขกคนนั้นดูจะร่ำรวยมาก เขาชูมือขึ้นพูดอย่างไม่ลังเล “หนึ่งล้าน!”
“พรวด!”
จางเป่าเฉิงที่อยู่ไม่ไกลกำลังดื่มน้ำอยู่ พอได้ยินคนรวยคนนั้นบอกว่าหนึ่งล้าน ทำเอาน้ำที่เขาพึ่งดื่มเข้าไปต้องพุ่งออกมาทันที!
จางเป่าเฉิงตัวกระตุกอย่างแรง…หนึ่งล้าน เขามองเฉินเป่ยอย่างเย็นชา เขารู้ดีว่า ตอนนั้นเฉินเป่ยประมูลหินหยาบก้อนนี้มา ก็แค่สี่แสนสองเท่านั้นเอง!
และแขกคนนั้น พูดออกมาก็เพิ่มไปอีกหลายเท่า! นี่เกินการคาดเดาจางเป่าเฉิงไปมาก!
“ฉันประมูลหยกนี้ไม่เพื่ออะไร แค่รู้สึกปลื้มหัวหน้าสมาคมจางมาก อยากจะพูดคุยกับเขา” แขกคนนั้นพูดอย่างจริงจัง เขาไม่มีทางซื้อหยกที่ยังไม่ผ่านกระบวนการดัดแปลงแน่นอน แต่ถ้าได้รู้จักกับจางเป่าเฉิง สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ถือว่าดีมาก
เฉินเป่ยอึ้งเล็กน้อย ต่อมาก็ยิ้มอย่างรู้สึกผิดว่า “คุณต้องรู้ก่อนว่า คุณภาพของหยกนี้ เป็นราชาแห่งหยกเนไฟรต์ หยกมันแพะชั้นดี หนึ่งล้าน ประมูลหินหยาบที่มีราคานับไม่ถ้วนก็ได้ ถ้ายังอยากรู้จักกับหัวหน้าสมาคมจาง…คุณคิดว่า เขาจะสนใจคุณไหม?”
พอเฉินเป่ยพูดแบบนี้ แขกคนนั้นก็หันไปมองจางเป่าเฉิงที่อยู่ไม่ไหล เห็นสีหน้าเขาบึ้งตึงมองมาทางนี้ สีหน้าดูไม่เป็นมิตรและบูดบึ้งอย่างมาก
แขกคนนั้นไม่คิดเลยว่า ที่จางเป่าเฉิงโกรธเป็นเพราะเฉินเป่ย เขาก็คิดว่า จางเป่าเฉิงโกรธเพราะเขาพูดราคาต่ำไปเสียอีก
ทำเอาแขกคนนั้นเกรงกลัวอย่างมาก รีบมองเฉินเป่ยและพูดว่า “ห้าล้าน ฉันเพิ่มอีกห้าล้าน รวมเป็นหกล้าน ประมูลหินหยาบก้อนนี้…ถ้าถึงเวลาอนุญาตให้ฉันเพิ่มรายละเอียดหินหยาบให้หน่อย สลักชื่อหัวหน้าสมาคมจางเข้าไป!”
เฉินเป่ยดีใจอย่างมาก เขาแสยะยิ้มอย่างได้ใจ พยักหน้า “ได้อยู่แล้ว”
จางเป่าเฉิงที่อยู่ไม่ไกล ได้ยินคำพูดของทั้งสองแล้ว ก็ต้องโกรธมากขึ้นกว่าเดิม ทำเอาเขาตาดำโขม่ง เขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เลย…นี่คือการหลอกใช้ชื่อเสียงของเขา เล่นงานเขาอยู่งั้นเหร