สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 402
บทที่402 สถานะเปิดเผยออกมา
รถยนต์ซึ่งไม่ใหญ่นัก ห้องโดยสารภายในรถคับแคบ เวลานี้อารมณ์ลุ่มหลงกำลังกระเพื่อมอยู่……
เฉินเป่ยนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ส่วนหลีชิงเยียนถึงแม้จะนั่งอยู่แถวหลังในรถ แต่กลับไม่กระทบกับหลีชิงเยียนที่ยื่นมือเรียวงามออกมาสักนิดเดียว และเฉินเป่ยกำลังดูดเลือดสดที่ไหลออกมาให้หลีชิงเยียน
ถึงแม้เลือดสดของหลีชิงเยียนจะตลบอบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือด ทั่วทั้งในปากของเฉินเป่ย ทว่ากลับทำให้สายตาในดวงตาของเฉินเป่ยยิ่งลึกซึ้งขึ้น ในแววตานั้นแฝงด้วยไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้หลีชิงเยียนที่ถึงแม้ในใจจะเย็นชา ภายในใจก็ยังสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ซูเหลยที่นั่งอยู่ด้านข้างหลีชิงเยียนมองฉากนี้ของทั้งสองคน ยักคิ้วขึ้น หล่อนแปลกใจอยู่บ้าง นึกไม่ถึงเท่าไรว่าระหว่างหลีชิงเยียนและเฉินเป่ยจะพัฒนาไปเร็วขนาดนั้น
“จ๊วบ……”
ในห้องโดยสารรถที่เล็กแคบ เพียงแค่กลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นยังไม่พอ…เพื่อที่เฉินเป่ยจะได้ห้ามเลือดที่นิ้วของหลีชิงเยียนให้ดียิ่งขึ้น แม้กระทั่งยังส่งเสียงประหลาดที่ทำให้คนหน้าแดงใจเต้นรัวออกมาอีกด้วย
ประธานนางฟ้าที่ปกติท่วงท่าเย็นชาหยิ่งยโส เวลานี้ภายในใจกระสับกระส่ายไม่สงบ เธอในตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว ได้แต่ก้มหน้าไว้ ใบหน้าแดงไปหมด แม้แต่ร่างกายยังสั่นเทาแบบควบคุมไม่อยู่ ในใจของเธอตื่นเต้นแบบหาที่เปรียบไม่ได้
ผ่านไปสักพักหนึ่ง หลีชิงเยียนถึงตอบสนองกลับมา สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง เงยหน้ามองทางเฉินเป่ย ถึงแม้ใบหน้างดงามจะลดสีแดงระเรื่อไปบ้าง แต่ก็ยังเขินอายสุดๆ
ประธานนางฟ้าพยายามทำท่าทางที่สีหน้าหนาวเหน็บออกมา ดวงตางดงามถลึงใส่เฉินเป่ยทีหนึ่ง ตะโกนเสียงฉอเลาะ “เสร็จรึยัง!”
“ยังไม่เสร็จ” เฉินเป่ยตอบกลับอย่างคลุมเครือ
หลีชิงเยียนเบิกดวงตาโต พยายามอยากจะดึงนิ้วมือของตนเองกลับ แต่มือนุ่มของเธอกลับถูกเฉินเป่ยกุมไว้แน่น ราวกับโดนคีบหนีบ ทำให้เดิมทีเธอขยับไม่ไป
หลีชิงเยียนพูดอย่างโมโห “ยังไม่ปล่อยอีก นายรู้มั้ยว่าตัวเองกำลังทำอะไร?”
“รู้สิ” จากนั้นเฉินเป่ยถึงคลายออกอย่างอาลัยอาวรณ์ ปล่อยให้หลีชิงเยียนดึงนิ้วออกมาได้ ส่วนเฉินเป่ยยิ้มนิดหน่อย พูดอธิบาย “น้ำลายมีคุณสมบัติห้ามเลือดทำให้หายไวขึ้น ดังนั้นพวกสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บพวกนั้นถึงเลียบาดแผลของตัวเอง…ประธานหลี นี่ผมไม่ใช่กลัวว่าคุณจะเป็นบาดทะยักเหรอ ถึงได้ฆ่าเชื้อเพิ่มให้หน่อย”
รอยยิ้มน้ำเสียงของเฉินเป่ยเต็มไปด้วยการเอาใจ ราวกับเป็นหมาชอบเลียตัวหนึ่ง ส่วนหลีชิงเยียนถลึงตาใส่ด้วยความรังเกียจและเย็นชา…เฉินเป่ยพูดดูน่าฟัง แต่เดิมหลีชิงเยียนยากจะลืม นิ้วของเฉินเป่ยหมุนวนบนนิ้วนั้นอยู่ไม่ขาดสาย…ทำให้เธอยากที่จะรับได้
หลังหลีชิงเยียนดึงทิชชูออกมา พลันเช็ดนิ้วที่แพรวพราวโดยละเอียดไป สอบถามอย่างเยาะเย้ย “รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”
เฉินเป่ยพยักหน้าแล้ว “เลือดของประธานหลีหอมหวานไปหมด”
หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด พูดเสียงต่ำ “หมาจอมเลีย รีบขับรถไปเลย”
เฉินเป่ยหัวเราะเล็กน้อย ส่วนซูเหลยที่อยู่ด้านข้าง อดเหลือบสายตามองไปตรงที่มีดหลงหยาตกลงไม่ได้…ทันใดนั้น ดวงตาของหล่อนแข็งตัว เมื่อสักครู่หลังมีดหลงหยาตกลงไปที่ตรงนั้น เวลานี้คาดไม่ถึงว่าอันตรธานหายไปแล้ว
ซูเหลยเงยหน้า สายตามองทางเฉินเป่ยที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ในสายตาเพิ่มความล้ำลึกและการครุ่นคิดเข้ามา
เพราะตั้งแต่เริ่มจนจบ หล่อนไม่เห็นเฉินเป่ยลงมือเก็บมีดหลงหยาขึ้นมาเลย
ความเร็วของเฉินเป่ยไวเหลือเกิน ตอนที่หลีชิงเยียนจับไม่ได้ หลังร่วงลงไป เฉินเป่ยก็เก็บกลับไปอย่างตาไวมือไว ไม่ให้โอกาสหลีชิงเยียนและซูเหลยได้เห็นเป็นครั้งที่สอง
ความลับเบื้องหลังของมีดหลงหยานี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน เฉินเป่ยย่อมไม่หวังว่าความลับนี้จะเปิดเผยออกมาเป็นธรรมดา
รถยนต์สีดำแล่นอยู่กลางถนนในเมืองอย่างราบเรียบ ความวุ่นวายเมื่อสักครู่นี้เสมือนเพลงสลับฉากช่วงหนึ่ง ไม่นานหลีชิงเยียนและเฉินเป่ยดูเหมือนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ทว่าเดิมทีเฉินเป่ยนึกไม่ถึงว่าเพราะมีดหลงหยาเล่มนี้…หลังจากนั้นจะก่อพายุลูกใหญ่ขึ้นมามากแค่ไหนกัน……
………
งานพนันเพชรพลอย ในห้องทำงานแห่งหนึ่ง
เถาเหลียงยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานแบบสั่นเทาไม่หยุด สีหน้าซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง ขาทั้งสองสั่นเทา ในใจสั่นสะเทือนหวาดผวาถึงที่สุด
บนเก้าอี้ผู้บริหารตัวนั้นด้านหลังโต๊ะทำงาน จิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารมาโดยตลอด หันหลังพนักพิงเก้าอี้ให้เถาเหลียงอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ บรรยากาศเงียบกริบ เวลาราวกับแข็งตัวอยู่ที่นี่ อย่างกับตอนที่ก่อนเถาเหลียงเดินออกจากห้องทำงาน เหมือนกันอย่างกับแกะ ราวกับจิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารนี้ ไม่ขยับขยับเขยื้อนสักนิด ต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง
“ว่ามา” ในเวลานี้ มีเสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งลอยออกมาจากด้านหลังพนักพิง อุณหภูมิในอากาศราวกับลดลงไปหลายระดับ
“เจ้านายครับ ผมหลงกลเข้าแล้วครับ ผมคิดไม่ถึงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบนี้เกิดขึ้นครับ!”
เถาเหลียงได้ยินเสียงที่หนาวเหน็บของจิง สั่นไปทั้งตัว ชั่วครู่หนึ่งคุกเข่าลงมาเสียง“ตึก” สั่นไม่หยุด เล่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดออกมาอย่างไม่ปิดบังสักนิด
“ผมนึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยคนนั้นจะไม่เข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่ม ไม่ว่าผมพยายามโน้มน้าวทุกวิถีทาง เขาไม่แม้กระทั่งเห็นสุดยอดดาบสามเล่มอยู่ในสายตาเลยครับ พาผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปทันทีเลย” ผู้อำนวยการเถาพูดเสียงสั่นเครือ
หลังผู้อำนวยการเถาพูดจบ จิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารเงียบนิ่งอยู่ตั้งนาน จากนั้นค่อยๆ เอ่ยปาก เสียงหนึ่งลอยออกมา “น่าสนุก”
“ท่านจิงครับ ผมไม่มีหนทางเลยครับ” ผู้อำนวยการเถาคุกเข่าอยู่ที่พื้น จิงไม่ยังพูดอะไร เขาจึงไม่กล้าลุกขึ้นมา
จิง เป็นราชาของที่นี่ เขาจะกล้าอกตัญญูได้อย่างไรกัน
จิงที่อยู่ด้านหลังพนักพิงเงียบขรึมอยู่นาน สุดท้ายเสียงหนึ่งก็ลอยมาจากหลังเก้าอี้ผู้บริหาร “ฉันรู้แล้ว ลุกขึ้นเถอะ”
ผู้อำนวยการเถาดีใจยกใหญ่ จิงให้เขาลุกขึ้นมา ชัดเจนว่าไว้ชีวิตเขาแล้ว
หลังเถาเหลียงลุกขึ้นยืน เก้าอี้ผู้บริหารนั้นค่อยๆ หันเข้ามาแล้ว เผยใบหน้าที่หล่อสง่างดงามของจิงใบนั้นออกมา บนตัวของจิง ไม่เพียงครอบครองความน่าเกรงขามที่คนอื่นยากจะจินตนาการไว้ ยิ่งมีเสน่ห์ประหลาดที่คนอื่นพูดไม่ถูกอีกด้วย แม้แต่เถาเหลียงยังสามารถรู้สึกได้ว่าบนตัวจิงแพร่กระจายท่วงทีไร้รูปร่างออกมา
จิงลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่ริมหน้าต่าง ยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่าง จ้องมองอาคารตึกสูงของเยี่ยนจิง ในแววตาทั้งสองล้ำลึกราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างไพศาลนับไม่ถ้วน
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ดวงตาของจิงก็เปล่งประกาย มุมปากวาดเส้นรัศมีวงกลมที่ลึกลับขึ้น เอ่ยปากบอกทันใด “นายย่อมสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว”
“เขา?” เถาเหลียงตะลึงเล็กน้อย “เป็นคุณเฉินเหรอครับ?”
“คุณเฉิน?” จิงหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง แยกไม่ออกว่าลึกซึ้งหรือเยาะเย้ย “ฉันตรวจพิสูจน์สถานะของเขามาโดยตลอด…น่าเสียดาย เขาฉลาดมาก ไม่มีเผยช่องโหว่ออกมาสักนิด……”
จิงค่อยๆ เอ่ยปาก เหมือนพูดกับตนเอง “เพียงแค่ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนไปยังไง ฉันสามารถรู้สึกได้ ธาตุแท้ส่วนลึกในจิตวิญญาณของเขา ยังเป็นลักษณะเช่นเดียวกับคนคนนั้น……”
เถาเหลียงที่อยู่ด้านหลังจิง ยืนก้มหน้าอย่างเคารพ เพียงแค่ฟังคำพูดของจิง เถาเหลียงก็สับสนแล้ว เดิมทีฟังเข้าใจว่าจิงกำลังพูดอะไรบ้าง
แต่เถาเหลียงที่เป็นผู้อำนวยการสมาคมการพนันเพชรพลอยตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จะเข้าใจได้อย่างไรกัน คนในที่จิงพูดถึง เมื่อหลายปีก่อน ก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นที่เยี่ยนจิง…จนเกือบใกล้จะทำให้เยี่ยนจิงแตกแยก
ตอนนั้นการมีตัวตนที่ต้องห้ามราวเทพนิยายนั้น ไม่รู้ว่าสร้างเรื่องมหัศจรรย์มากมายเท่าไร แต่เพียงชั่วข้ามคืนสั้นๆ เยี่ยนจิงสะเทือนเลื่อนลั่นใหญ่ คนคนเดียวทำให้ทั้งเยี่ยนจิงเป็นที่วิจารณ์กันครึกโครม
จนกระทั่งท้ายที่สุด เกี่ยวกับคนนั้นเป็นหรือตาย สำหรับผู้ที่รู้เรื่องเหล่านั้น ต่างเป็นปริศนา
“ถ้าเป็นเขาจริง ขอเพียงเขากล้าก่อเรื่องที่เยี่ยนจิง ฉันจะไม่ให้เขามีชีวิตรอดเดินออกไปจากเยี่ยนจิงเด็ดขาด” น้ำเสียงของจิงเพิ่มแรงอาฆาตแค้นเย็นเฉียบเข้ามา ชั่วขณะนั้นทั้งห้องทำงานถูกความหนาวเหน็บปกคลุม แรงอาฆาตแค้นเย็นยะเยือก ตลบอบอวลไปทั่วห้องทำงาน
เถาเหลียงที่อยู่ด้านหลังจิงหน้าเปลี่ยนสีทันใด จิงพูดเพียงแค่ประโยคหนึ่ง แรงอาฆาตบนตัว ยังสามารถทำให้เขาขนลุกขนพองไปทั้งตัวได้ นี่ยังเป็นคนอยู่เหรอ
วินาทีนั้น ภายในสมองของเถาเหลียง ปรากฏภาพเงาสองคนขึ้นชั่วขณะหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือจิง ส่วนอีกคนคือเฉินเป่ย
สำหรับเขา เฉินเป่ยกับจิงล้วนไม่ใช่คน เป็นครั้งแรกที่เขาเจอมีคนที่สละโควตาของสุดยอดดาบสามเล่มไปเอง ในความเป็นจริงช่างโอหังก้าวร้าวเหลือเกิน ไม่ต่างอะไรกับพวกอันธพาลข้างถนนเลย
“การแข่งขันรอบสุดท้ายของสุดยอดดาบสามเล่มค่อยบอกฉันอีกที ต่อไปนี้ เอาคลิปวงจรปิดที่เกี่ยวกับเฉินเป่ยส่งให้ฉันทุกวันด้วย”
รอเถาเหลียงได้สติกลับมา จิงก็หายตัวไปจากห้องทำงานแล้ว เหลือเพียงเสียงของเขาไว้ ดังก้องอยู่ในห้องทำงานแบบเลือนราง……
และไม่นาน ในงานพนันเพชรพลอยก็เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ขึ้น
โควตาลำดับสุดท้ายของสุดยอดดาบสามเล่มได้รับการยืนยันเรียบร้อย ทำให้นักพนันมากมายที่พยายามช่วงชิงอยู่ในงานพนันเพชรพลอยพากันหมดหวังสุดๆ
โดยเฉพาะได้ยินว่าผู้อำนวยการเถาออกหน้าเชื้อเชิญเฉินเป่ยเข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่มด้วยตนเองแต่กลับโดนปฏิเสธ จึงได้แต่เชิญจางเป่าเฉิงให้เข้าร่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่ยิ่งทำให้คนนับไม่ถ้วนฮือฮาอย่างยิ่ง
“อะไรนะ? ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม จางเป่าเฉิงเข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่ม งานพนันเพชรพลอยตาบอดแล้วรึไง? นี่ไม่เท่ากับว่ากำลังโกงอยู่เหรอ! จางเป่าเฉิงเป็นหัวหน้าสมาคมนะ!”
“ใช่ จางเป่าเฉิงเป็นหัวหน้าสมาคมไม่ผิด แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นผู้ชนะในนั้น กรรมการที่เชิญมาในสุดยอดดาบสามเล่มล้วนเป็นผู้อาวุโสมีชื่อเสียงโด่งดัง และขึ้นชื่อมานาน ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ กับงานพนันเพชรพลอย ฉันได้ยินมาว่าในนั้นยังมีท่านหนึ่งที่มีความแค้นกับจางเป่าเฉิงด้วย”
“เป็นคนบ้านนอกที่ไหน คาดไม่ถึงจะสละสิทธิ์ไป ให้จางเป่าเฉิงได้เปรียบแล้ว จากความสามารถของจางเป่าเฉิง กวาดล้างสุดยอดดาบสามเล่มย่อมไม่เป็นปัญหาเด็ดขาด!”
“จางเป่าเฉิงเป็นหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยก็มีประโยชน์อะไร งานพนันเพชรพลอยครั้งนี้ ผู้อาวุโสทยอยออกมาจากเขากัน คนที่ได้เข้าสู่สุดยอดดาบสามเล่ม ทั้งหมดต่างมีผู้อาวุโสมามายช่วยเหลือ เทียบกับผู้อาวุโสเหล่านั้น จางเป่าเฉิงก็เป็นเพียงน้องชาย สุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนี้ กลัวว่าจะดุเดือดมากกว่าเมื่อก่อนอีก…มีเพียงบุคคลที่ยืนอยู่บนยอดพีระมิดในวงการพนันเพชรพลอย ถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่ม!”
……….
ตอนที่ข่าวลือนับไม่ถ้วนแพร่กระจายไปทั่วในงานพนันเพชรพลอย ผู้ชายที่หน้าไร้สีเลือดคนนั้น และบนตัวสวมชุดทางการระดับสูง นั่งอยู่บนโซฟา มองวัยรุ่นชายที่อยู่ด้านข้าง ฉีกมุมปากขึ้น “นึกไม่ถึงว่าแกจะเข้าไปสู่สุดยอดดาบสามเล่มของหัวเซี่ยได้จริง…..”
วัยรุ่นชายเบ้ปาก คล้ายเหยียดหยามสุดๆ “ใช้เวลาไปสามเดือน กวาดล้างวงการพนันเพชรพลอยของหัวเซี่ย ผมก็ช้าไปแล้ว ให้ผมอีกสามเดือน ผมสามารถทำให้ขี้โรคแห่งเอเชียพวกนี้ เอาหินหยาบมาตั้งเซ่นไหว้เองเลย”
“เข้าสู่สุดยอดดาบสามเล่มได้เป็นเรื่องที่ดี ดีเลยแกจะได้หาเกี่ยวกับเบาะแสของสิ่งต้องห้ามนั้นสักหน่อย” ผู้ชายคนนั้นพยักหน้า ค่อยๆ พูดขึ้น
และคำพูดเขาพึ่งจบลง เสียงกริ่งมือถือที่ด้านข้างดังขึ้นมาทันที ขัดบทสนทนาของเขากับวัยรุ่นชายแล้ว
ผู้ชายคนนั้นตะลึง หลังรับสายโทรศัพท์ ชั่วขณะนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป ผ่านไปตั้งนาน ผู้ชายคนนั้นถึงถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แน่ใจมั้ย?”
“มั่นใจแน่นอนครับ ท่านเท่อน่า” ในสายนั้นมีเสียงที่เคารพนอบน้อมอย่างยิ่งลอยมา แม้กระทั่งยังมีความหมายเอาอกเอาใจด้วย
หลังจากชายคนนั้นวางสายโทรศัพท์ วัยรุ่นชายเห็นชายคนนั้นสีหน้าไม่ค่อยปกติ จึงถามว่า “มีอะไรเหรอครับ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วเหรอ?”
ผู้ชายกวาดตามองวัยรุ่นชาย สีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยปากอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ราชาหลง……ปรากฏตัวแล้ว!”