สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 415
บทที่415 กล้าแก้แค้นเหรอ
สีหน้าเฉินเป่ยไม่สนใจไยดีมากนัก ราวกับเพียงแค่พูดถึงเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้มีค่าพออะไรสักเรื่องเท่านั้น แค่ความหมายในคำพูดนี้ กลับยั่วยุเต็มที่อย่างแท้จริง
เต๋อกุลาสีหน้าแข็งทื่ออย่างฉับพลัน มองทางเฉินเป่ยที่สีหน้าเรียบเฉย แววตามีแสงเหน็บหนาวแวบผ่าน มุมปากเขาฉีกรอยยิ้มที่ผิดปกติขึ้น ค่อยๆ พูดว่า “ก็ดี ให้ฉันคำแนะนำสักหน่อยแล้วกันว่าก่อนราชาหลงผู้น่าเกรงขามจะตาย ต้องเป็นลักษณะยังไง”
เต๋อกุลาพึ่งพูดจบ ทันใดนั้น ดวงตาเขาแข็งตัว หมัดทั้งคู่กุมแน่น โบกกรงเล็บอย่างฉับพลัน ไปทางเฉินเป่ย ข่วนมาอย่างแรง
“แคว่ก!” ที่ว่างกลางอากาศสั่นสะเทือนอย่างแรง ส่วนเฉินเป่ย ตอนที่กรงเล็บของเต๋อกุลาโจมตีเข้ามา ดวงตาเผยแสงดุเดือดรุนแรงออกทันใด
วินาทีนั้น สาดส่องความลึกล้ำที่ไร้จุดสิ้นสุดและความโหดร้ายหนาวเหน็บจากในแววตาเฉินเป่ย
กรงเล็บแหลมคมของเต๋อกุลาหยุดชะงักกลางอากาศ สายตาที่เขามองทางเฉินเป่ยปรากฏความตื่นตกใจขึ้นทันใด
เต๋อกุลาในวินาทีนั้น ในที่สุดเขาก็ลนลานแล้ว
สายตาคู่นั้นของเฉินเป่ย ทำให้ภายในใจของเต๋อกุลาสั่นสะท้านอย่างแรง นั่นประหนึ่งกับเป็นสายตาที่แท้จริง ทำให้ในใจเต๋อกุลาสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่
ในเวลานี้เอง แสงดำในมือของเฉินเป่ยกะพริบขึ้น ตอนที่เต๋อกุลาตอบสนองเข้ามา ก็สายไปเสียแล้ว
“อ่าช่า!”
เต๋อกุลาร่างกายสั่นรุนแรง เขาอยากจะบังแสงดำเส้นนั้นไว้โดยจิตใต้สำนึก ทว่าความจริงคือความเร็วของแสงดำนั้นไวเหลือเกิน แม้ความเร็วของเต๋อกุลาจะสยองขวัญมาก แต่เทียบกับแสงดำนั้นแล้ว เดิมทีไม่มีทางเทียบกันได้
ลูกตาของเต๋อกุลาหดลงจนเท่าเข็ม หลังจากที่เขามองเห็นระดับความเร็วของแสงดำเส้นนั้น ถึงตอบสนองกลับมาว่าตนเองตกหลุมพรางของเฉินเป่ยเข้าให้แล้ว
ความเร็วของแสงดำนี้สยองขวัญแบบหาที่เปรียบไม่ได้อย่างชัดเจน ตนเองใช้กำลังทั้งหมดออกไป อยากจะขัดขวาง อาจจะกินแรงอย่างมาก แต่ก่อนหน้านี้ความเร็วที่แสงดำเส้นนั้นระเบิดโจมตีมาเดิมทีไม่ได้ไวขนาดนั้น…แต่ตอนนี้ล่ะ ความเร็วของแสงดำใกล้ถึงขั้นที่ทำให้คนยากจะจินตนาการ
ไม่เพียงแค่นี้ ร่างกายของเต๋อกุลายังเริ่มสั่นเทาอย่างรุนแรงขึ้นมา
เต๋อกุลาก้มหน้า พบว่าครั้งนี้แสงดำไม่เหมือนกันเลยสิ้นเชิงกับครั้งที่แล้ว และไม่ได้แทงเข้ามาที่หน้าอกของเต๋อกุลา แต่ว่า…ทะลุผ่านอย่างจัง
ตอนที่เต๋อกุลาตอบสนองเข้ามาว่าหน้าอกของตนเองเป็นรูว่างเปล่า เขาก้มหน้า พลันมองเห็นหน้าอกที่เป็นรูกลวงนั้น
“แก!” ตอนเต๋อกุลาเงยหน้ามองทางเฉินเป่ย ในแววตาเหลือเพียงความหวาดกลัวตื่นตกใจอย่างเข้มข้น
อย่างไรเสียเขาก็ไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะพ่ายแพ้เร็วขนาดนี้เลย
วินาทีก่อนหน้านี้เขายังมีท่วงท่าที่เข้มแข็งเกรียงไกร บุกโจมตีไม่หยุดชนิดที่บุกไปทางไหนก็ราบเป็นหน้ากลอง ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับพลิกผันเฉียบพลัน
หน้าอกของเขาปรากฏรูขนาดใหญ่ขึ้นมาอันหนึ่ง เป็นที่น่าสยดสยอง
และที่ยิ่งทำให้ขนลุกขนพองคือเต๋อกุลาไม่ได้ตายลงไปในทันที แต่ยังยืนอยู่ที่เดิม ถลึงดวงตาโต บนหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ มหัศจรรย์ใจ
นี่ช่างโหดร้ายและทำให้คนหนังศีรษะชายิ่งกว่าหนังสยองขวัญเสียอีก
เต๋อกุลาหมุนตัวอย่างยากลำบาก เขาที่สูญเสียหัวใจไปแล้ว จึงไม่มีแหล่งของกำลังอีก…ทั้งร่างกายอ่อนแรงอย่างยิ่ง ดวงตามืดบอดไม่หยุด ภาพตรงหน้าหมุนวนไม่เลิก เขาได้แต่มองเห็นที่ที่ไม่ไกลนักอย่างเลือนราง หัวใจดวงหนึ่งโดนมีดหลงหยาตอกไว้บนกำแพง
“ถ้าไม่ใช่เพราะแกเอาพลังชีวิตมาใช้ล่วงหน้านั้น แม้แต่ตอนนี้แกอาจจะยังทนมาไม่ถึง” ในเวลานี้ เสียงของเฉินเป่ยแว่วมาจากด้านหลังเต๋อกุลา ลอยเข้าในหูของเต๋อกุลา ทำให้เขาหน้าม่อยคอตก
“ที่จริงอยากจะเล่นกับแกดีๆ แต่แกดันไม่เอา งั้นฉันได้แต่ทำให้แกตายแล้วล่ะ” เสียงถอนถอนใจเบาๆ ลอยมาจากทางด้านหลังของเต๋อกุลา เฉินเป่ยค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเต๋อกุลาที่ถลึงดวงตาโต มองเต๋อกุลาด้วยสายตาเย็นชาทีหนึ่ง พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “นี่คือการชดใช้ที่มาแตะต้องผู้หญิงของฉัน!”
หลีชิงเยียน เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา สำหรับเฉินเป่ยแล้ว ตระกูลหลีมีวาสนาต่อกันมาก ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่ทำให้ราชาหลงที่ชื่อเสียงดังระดับโลกยินยอมปลดเกษียณ มาเป็นผู้ชายแต่งเข้าบ้านผู้หญิงกระจอกๆ ที่ตระกูลหลีได้
แม้ว่าผู้ชายแต่งเข้าบ้านผู้หญิงจะคับอกคับใจอย่างไร เฉินเป่ยที่ภายนอกแสดงนิสัยอันธพาลมากแบบนี้ ยังคงมีจิตใจอันเด็ดเดี่ยวที่ไม่ยอมศิโรราบของราชาหลงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลีชิงเยียนเป็นคนสำคัญที่สุดของเขา ผู้ใดที่กล้าแตะต้อง ย่อมไม่มีจุดจบที่ดีเป็นอันขาด
ในความคิดส่วนลึกของเขา ยังคงเป็นราชาหลงที่ตะลุยไปที่ต่างประเทศ และล้มล้างโลกชั่วร้ายทิศตะวันตกคนนั้นอยู่ดี ทำให้อิทธิพลเหนือชั้นนับไม่ถ้วนหวาดหวั่นกัน ความร่ำรวยของเขาทำให้ประเทศมากมายต่างให้ความเคารพและเกรงกลัว
เต๋อกุลาวอนหาที่ตายจริงๆ คาดไม่ถึงกล้ามาหาเรื่องเฉินเป่ย ผลสุดท้ายนี้ยากจะจินตนาการได้
ราชาหลงไม่ใช่คนที่ไม่กังวล ถ้าเต๋อกุลาเพียงแค่พุ่งมาหาเฉินเป่ย บางทีอาจจะยังสามารถหนีหายนะนี้ได้ แต่เมื่อสักครู่เฉินเป่ยมองเห็นหลีชิงเยียนที่น่าสงสารได้รับความตกใจกับตาตนเองเต็มๆ ทั้งยังมีซูเหลยที่กระอักเลือดได้รับบาดเจ็บด้วยแล้ว ไฟโกรธของเขาลุกไหม้ตั้งนานแล้ว
เฉินเป่ยก้มหน้า แสงดำทะลุผ่านหน้าอกของเต๋อกุลาไปแต่แรก เหตุการณ์ที่เกิดฉับพลันไม่ทันตั้งตัวที่ทำบาดเจ็บถึงชีวิตนี้ สังหารเรียบ
แม้กระทั่งเต๋อกุลายังไม่มีการตอบสนองเข้ามา ไม่ทันกลายร่างเป็นค้างคาวบินหนี ก็โดนเฉินเป่ยกำจัดทิ้ง
“นี่…จบสิ้นแล้วเหรอ?” หลีชิงเยียนที่พิงขอบหน้าต่างมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนสนามหญ้าระยะไกล ใบหน้างดงามอึ้งทึ่ง ไม่มีการตอบสนองกลับมาครู่หนึ่ง
ก่อนหน้านี้หลีชิงเยียนยังเป็นห่วงเฉินเป่ยอยู่เลย ผลสุดท้ายใครจะไปคิดว่าเฉินเป่ยจะระเบิดกำลังออกมากะทันหัน ฆ่าเต๋อกุลาทันที
ซูเหลยยืนอยู่ด้านข้างหลีชิงเยียนกำลังมองฉากนี้ หล่อนหายใจถี่เร่งไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าซีดเผือด แม้กระทั่งใจลอยไปช่วงสั้นๆ
ซูเหลยไม่มีทางยอมรับความจริงที่ว่าเต๋อกุลาตายลงฉับพลันได้ ชนเผ่าเลือดที่หล่อนเจอในวันนี้ เทียบกับคนนั้นที่เคยเจอในอดีตยังแข็งแกร่งกว่ามาก แค่เพียงในตอนแรกชนเผ่าเลือดคนนั้นทำเอาทั้งทีมรบพิเศษกลุ่มย่อยแทบพังทลายหมด แต่เฉินเป่ยกลับสามารถฆ่าอย่างฉับพลันได้โดยไม่มีบาดแผลสักนิด อย่างไรเสียซูเหลยก็ไม่เชื่อ ถึงแม้หล่อนจะรู้สถานะของเฉินเป่ย แต่ยังคงไม่มีทางรับได้ว่าชนเผ่าเลือดคนหนึ่งจะมาตายอย่างอัปยศอดสูเช่นนี้ ชนเผ่าเลือดที่ความสามารถเกรียงไกรมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าอยู่ต่อหน้าเฉินเป่ยดันตายเร็วขนาดนี้เลย คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าเฉินเป่ยอ่อนข้อให้มาโดยตลอด
ในใจซูเหลยยากจะสงบ หล่อนหรี่ตาอยู่ จ้องมองเฉินเป่ยในระยะไกล ในใจตนเองซับซ้อนอย่างยิ่ง…แม้แต่ชนเผ่าเลือดยังสังหารได้ฉับพลัน ราชาหลงในตำนานท่านนี้ สรุปแล้วความสามารถแกร่งขนาดไหนกัน? เปรียบเทียบตนเองกับเขาขึ้นมา มีความต่างมากแค่ไหน?
ซูเหลยได้สติกลับมาจึงพบว่าคนที่ตนเองสงสัยเย้ยหยันมาตลอดก่อนหน้านี้ คาดไม่ถึงจะเป็นผู้ชายที่ตนเองแม้แต่จะแหงนหน้ามอง ยังไม่มีทางมองความสูงได้ชัด เขากับตนเองนั้น เดิมทีอยู่กันคนละโลก
และเมื่อก่อนซูเหลยยังอยากตรวจสอบเฉินเป่ยทุกวิถีทาง แม้กระทั่งยังให้ไอรีนหยั่งเชิงเฉินเป่ย นี่แม่งโคตรตลกจริงๆ เลย
ใครสามารถหยั่งเชิงราชาหลงได้กัน?
“ซูเหลย เธอเป็นอะไรแล้ว?” ในเวลานี้ หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างถามอย่างห่วงใย
ซูเหลยได้สติกลับมา ส่ายๆ หน้า พูดว่า “ประธานหลีคะ ฉันไม่เป็นอะไร”
ถึงแม้จะพูดไปแบบนี้ แต่ซูเหลยยังคงมองทางเฉินเป่ยที่อยู่บนสนามหญ้าระยะไกล สายตาเต็มไปด้วยความซับซ้อนที่ไม่จางหายตั้งแต่ต้นจนจบ ซูเหลยอดไม่ไหวในใจเกิดความคิดมากมายขึ้นมา ตอนนั้นที่ทีมรบพิเศษกลุ่มย่อยสู้รบกับชนเผ่าเลือด ถ้าเฉินเป่ยลงมือ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรกัน?
เกรงว่าเพื่อนร่วมรบของตนเองเหล่านั้นคงไม่ต้องพลีชีพกระมัง?
“ไปเถอะ พวกเรารีบลงไปกัน ยิ่งเร็วยิ่งดี พยายามขวางเขาไว้ก่อนที่เขาจะไป” หลีชิงเยียนที่พิงขอบหน้าต่างตอบสนองเข้ามาทันเวลา แววตาสาดส่องไปทางนอกหน้าต่าง เผยความหมายตื่นเต้นฮึกเหิมออกมา
หลีชิงเยียนอยากดักผู้ลึกลับคนนั้นไว้มาโดยตลอด จะได้รู้สถานะของผู้ลึกลับนั้น แต่ก่อนหน้านี้ เธอทำไม่สำเร็จมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่ง่ายที่จะมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง เธอจะปล่อยหลุดมือไปได้อย่างไร?
หลีชิงเยียนพูดจบ บิดเอวขยับ ใส่รองเท้าส้นสูง เดินไปทางด่านนอกห้องพักอย่างเร่งรีบ
ซูเหลยมองภาพด้านหลังที่เซ็กซี่รีบร้อนอย่างมากของหลีชิงเยียนก็ตะลึงนิดหน่อย ถือโอกาสส่ายหน้าด้วยความจำใจ หัวเราะอย่างขมขื่น ลากสังขารที่บาดเจ็บอ่อนล้าเดินตามไปแล้ว……
ข้างถนนที่นอกโรงแรม รถยนต์ระดับสูงสีดำขลับคันหนึ่งจอดอยู่ ภายในรถยนต์ วัยรุ่นชายคนหนึ่งนั่งอยู่แถวหลังกำลังเล่นหยกชั้นดีที่กลมเกลี้ยงงดงามในมืออยู่ ข้างมือซ้ายของเขายังวางไวน์ลาฟิตปีแปดสามขวดหนึ่งกับแก้วทรงสูงที่เทไวน์เอาไว้
ในแก้วทรงสูง น้ำไวน์ที่ประกายแวววับ ราวกับอัญมณี หลังถูกวัยรุ่นชายยกขึ้น แก้วไวน์ก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย สั่นไหวเบาๆ สีแดงที่น่าดึงดูดกระเพื่อมเป็นวงๆ ออก
ในรถไม่ได้เปิดไฟ ภายใต้ฉากยามค่ำคืนมืดมิดแถบหนึ่งชนิดที่ยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นอะไรอย่างนั้น แต่ทว่าวัยรุ่นชายไม่ได้รับผลกระทบต่อความมืดมิดสักนิดเดียว ดวงตาของเขาสว่างแปลกประหลาด เหมือนสัตว์ป่าดุร้ายบางชนิด ดวงตาของพวกประเภทค้างคาวในยามกลางคืน เขามีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
“ทำไมถึงยังไม่ออกมาอีก?” ชายวัยรุ่นจิบไวน์อึกหนึ่ง เงยหน้าสาดส่องสายตาไปทางโรงแรมอยู่ไม่ขาดสาย ในใจที่สงบมั่นคง ในที่สุดก็ค่อยๆ เกิดอารมณ์ที่ร้อนรนหมดความอดทน
ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นสีหน้าชายวัยรุ่นเปลี่ยนเล็กน้อย เขาจ้องทางหนึ่งที่ระยะไกลไปตรงๆ บ่นพึมพำกับตนเอง “อากาศสั่นสะเทือน คาดไม่ถึงมีการกระเพื่อมแรงขนาดนี้ นี่…สรุปเกิดอะไรขึ้นกัน? เดิมทีท่านพ่อทำไม่ได้แน่!”