สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 417
บทที่417 พยายามหาข้อบกพร่อง!
“ฉันไม่เป็นอะไร” วัยรุ่นชายคนนั้นส่ายหน้าแล้ว น้ำเสียงเผยความแหบแห้งอย่างน่าประหลาด มุมปากยังมีเลือดสดติดนิดๆ ค่อยๆ ไหลออกมา
“นายน้อยครับ ใครเป็นคนทำร้ายคุณเข้ากันแน่?” คนขับรถคนนั้นสีหน้าฝืดค้าง ตอนที่มองเห็นวัยรุ่นชายกระเซอะกระเซิงเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นเสียงเย็นลงมาแล้ว
“ออกรถเถอะ” วัยรุ่นชายส่ายๆ หน้า ท่าทางอิดโรย ดวงตาเต็มไปด้วยแสงหนาวเหน็บและความเกลียดดุร้าย
รถยนต์สีดำขับสตาร์ทเครื่องยนต์ คนขับรถเหยียบคันเร่ง ไม่นานรถยนต์ก็คำรามแล่นไปทางถนนระยะไกล
และสิ่งที่วัยรุ่นชายและคนขับรถผู้นั้นไม่รู้คือพวกเขาไม่ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบ ระหว่างที่รถยนต์สตาร์ทเครื่องยนต์ ในห้องพักโรงแรมของเฉินเป่ย หน้าต่างบานหนึ่งถูกบังด้วยผ้าม่านอันหนาทึบ ผ้าม่านดึงออกมุมหนึ่งขึ้นกะทันหัน
ในมือหนึ่งของเฉินเป่ยถือโทรศัพท์ไว้ จ้องรถยนต์ที่แล่นไปอย่างรวดเร็วคันนี้ด้วยดวงตาเย็นชา ดวงตาราวกับดาวบนท้องฟ้า ล้ำลึกไม่มีที่สิ้นสุด
“ลูกพี่ อยู่ดีๆ ทำไมลูกพี่ถึงนึกอยากจัดการปราสาทเต๋อกุลาแล้ว ปราสาทเต๋อกุลาไม่ได้จัดการได้ง่ายๆ นะ ตอนแรกพวกเราใช้พลังกันไปมากขนาดนั้นก็ไม่ได้มีผลที่ดีอะไรเท่าไร…….” ในสายนั้น เสียงของชิงเหนียนเผยความแปลกใจ เขาไม่เข้าใจอย่างมาก คิดไม่ออกว่าในใจของเฉินเป่ยกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนแรกนั้นทั้งกองทหารหลง ล้วนไม่ได้หาข้อได้เปรียบอะไรที่ปราสาทเต๋อกุลาที่นั่นได้เลย ตอนนี้ทั้งที่เฉินเป่ยตัวอยู่ที่หัวเซี่ย กลับสนใจเรื่องของชนเผ่าเลือดขึ้นมา คาดไม่ถึงยังอยากลงมือก้าวก่ายด้วย
“ชนเผ่าเลือดเข้ามาที่หัวเซี่ย มีเจตนาร้ายแอบแฝง ยังอยากทำไม่ดีไม่ร้ายกับเมียฉันอีก” เฉินเป่ยสีหน้าหนาวเย็นล้ำลึก เอ่ยปากสั้นๆ ชัดถ้อยชัดคำ
เขามองรถยนต์เคลื่อนตัวช้าๆ ใครๆ ต่างก็ไม่รู้ว่าเวลานี้ในใจของเขากำลังคิดอะไรบ้าง
ในสายโทรศัพท์นั้น เสียงของชิงเหนียนหลังเงียบสักครู่ จากนั้นดังขึ้นอีกครั้ง เสียงของชิงเหนียนในครั้งนี้เด็ดขาดและแน่วแน่กว่าก่อนหน้าอยู่มาก “แม่งเอ๊ย ชนเผ่าเลือดไม่อยากอยู่กันแล้วจริงๆ ตอนแรกทำบาปกรรมไว้มากขนาดนั้น ฆ่าฟันคนมากขนาดนั้นแล้ว เดิมคิดว่าพวกเราสยบพวกมันเอาไว้ได้ คิดไม่ถึงพอได้ยินว่าลูกพี่ปลดเกษียณ ก็เริ่มคิดไม่ซื่อกันแล้ว! แม้แต่หัวเซี่ยยังกล้ามา แม้แต่พี่สะใภ้ยังกล้ารังแกอีก!”
ในสายนั้น เห็นได้ชัดว่าชิงเหนียนเดือดดาลแล้ว สอบถามโดยตรง “ลูกพี่ บอกมาตรงๆ เลยดีกว่า คิดจะเอายังไงกับพวกมัน?”
“เหนื่อยครั้งเดียวสบายตลอดชีวิต ตัดปัญหาให้สิ้นซาก……แม้แต่คนพวกมันยังไม่นับว่าเป็น ก็แค่สัตว์ป่าที่ใส่เสื้อผ้าหรูหราฝูงหนึ่ง” เฉินเป่ยค่อยๆ เอ่ยปากบอก
“ส่งกองทหารหลงไปปฏิบัติการเท่าไรดี?” ชิงเหนียนถามขึ้นอีก
“กระจายกำลังล้อมอย่างแน่นหนา ออกโจมตีทั้งกองทหาร!” เฉินเป่ยนิ่งไป ภายในแววตามีแรงอาฆาตแค้นที่สยองขวัญหนาวเหน็บอย่างมากสาดส่องออกมา
“ครับ!”
……….
ในรถยนต์ วัยรุ่นชายไม่กระจ่างแจ้งสักนิดเดียวว่าเป็นเพราะเต๋อกุลา ทั่วทั้งต่างประเทศยุโรป ภายภาคหน้าจะจมสู่สถานการณ์ไม่สงบครั้งใหญ่
และเวลานี้ วัยรุ่นชายนั่งอยู่ในรถแถวหลัง ครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง วัยรุ่นชายล้วงโทรศัพท์ดาวเทียมเครื่องหนึ่งออกมา หลังต่อสายไป ในสายนั้นมีเสียงที่ดูมีอำนาจดังขึ้น “เท่อน่า กระบวนการตรวจสอบเป็นยังไงบ้างแล้ว? มีอะไรคืบหน้าบ้างรึเปล่า?”
วัยรุ่นชายสงบสติอารมณ์แล้ว เท่อน่าหมายถึงเต๋อกุลา…หลังวัยรุ่นชายสูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าเอ่ยปากบอก “ท่านพ่อของผมเสียแล้วครับ โดนราชาหลงโค่นลง”
“ซู่!”
ในสายโทรศัพท์นั้น หลังผู้อาวุโสท่านหนึ่งได้ยินข่าวนี้ ตกใจจนปล่อยมืออย่างเสียการควบคุม โทรศัพท์ดาวเทียมในมือตกลงพื้นเสียงดังปึง
หลังจากผู้อาวุโสที่แต่งตัวหรูหราคนนั้นมีการตอบสนองเข้ามา รีบร้อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เอ่ยปากพูดกับในสายนั้น “ลูกชายของเท่อน่า?”
“ผมเองครับ” วัยรุ่นชายพยักหน้าแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับเท่อน่า? ราชาหลงอะไร นี่สรุปเป็นอะไรกันแล้ว?” ผู้อาวุโสที่แต่งตัวหรูหราคนนั้นรีบถามขึ้นทันที
“ในระหว่างที่ท่านพ่อตรวจสอบราชาหลง ตามมาถึงที่โรงแรมแห่งหนึ่งเหมือนสงสัยว่าราชาหลงปรากฏตัวขึ้น เขาจึงเข้าไปก่อน อยากจะพิสูจน์ความจริง กลับนึกไม่ถึงว่าหลังโดนราชาหลงพบเข้าจะถูกฆ่าทิ้งให้ ทั้งยังเหลือตราของราชาหลงไว้อีก……..” เสียงวัยรุ่นชายคนนั้นเผยความหมายที่เศร้าเสียใจ
“ตราของราหลง? งั้นสถานะของเขาไม่ใช่ว่าเปิดเผยออกมาแล้วเหรอ?” ในสายโทรศัพท์นั้น สีหน้าของผู้อาวุโสคนนั้นมืดครึ้มลงมาทันใด
“ครับ มีความเป็นไปได้มากว่าราชาหลงจะพบการมีตัวตนเองของผมด้วย” วัยรุ่นชายพยักหน้าแล้ว แววตาเผยความเกลียดชังและจำใจอย่างรุนแรงออกมา
เขามองเห็นมากับตาตนเองว่าเต๋อกุลานอนตายตาไม่หลับอยู่ที่พื้น…ร่างที่หนาวเย็นนั้น ทำให้เดิมทีเขาไม่มีทางรับได้
และตอนนี้ ไม่มีวินาทีไหนที่เขาไม่อยากแก้แค้น แต่เขาทำได้เหรอ? นั่นไม่ใช่คนธรรมดาที่ไหน นั่นคือราชาหลง ในยุคปัจจุบันนี้ ราชาหลงสร้างศัตรูมานับไม่ถ้วน แต่คนที่กล้าแก้แค้นเขาอย่างแท้จริงนั้นน้อยนิดมาก…เกือบจะไม่มี
และตอนนี้ เขาไม่เพียงไม่สามารถแก้แค้นได้ เขายังต้องพึ่งพากำลังของตระกูลมาช่วยเหลือ ทำให้ตนเองหนีออกจากหัวเซี่ย ยิ่งออกไปจากราชาหลงได้ยิ่งไกล ถึงจะปลอดภัย
“พวกสวะ! ฉันให้พวกนายไปตรวจสอบราชาหลง ให้ดำเนินการลับๆ นี่เป็นความลับสุดยอดของชนเผ่าเลือด แม้ชนเผ่าเลือดจะไม่ยอมรับต่อคนอื่นว่าการกระทำของพวกนายเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูล นี่พวกนายกลับเปิดเผยตัวเองออกไป อยากเชื่อมโยงมาถึงตระกูลรึไง?” ในสายนั้น ผู้อาวุโสสีหน้าอึมครึม ตะคอกใส่อย่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
วัยรุ่นชายจมสู่ความเงียบ นี่คือการตัดสินใจของเต๋อกุลา และตอนนี้เต๋อกุลาก็เสียชีวิตไปแล้ว แม้กระทั่งเขายังไม่มีทางไปเก็บศพ นำศพของเต๋อกุลากลับไปที่ปราสาทเต๋อกุลา
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง หลังผู้อาวุโสใจเย็นลงมา พูดเสียงทุ้มอย่างหนาวเหน็บ “ฉันจะจัดการให้นายกลับมาก่อน ในอดีตราชาหลงเคยให้คำเตือนกับพวกเรามา ปราสาทชดใช้ไปมากมายแล้ว หลายปีนี้พักผ่อนฟื้นตัวมาตลอด ขอเพียงพวกเราทำได้ก็สามารถมีผู้แข็งแกร่งแบบราชาหลงได้ ต่อไปชนเผ่าเลือดจะต้อนรับความรุ่งโรจน์ของกองทหารหลง ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว”
“สามารถ…ให้กำเนิดราชาหลงได้อีกจริงเหรอครับ?” ในเสียงของวัยรุ่นชายมีความไม่อยากเชื่ออยู่
ผู้อาวุโสหัวเราะเยาะ “นายคิดว่าหลายปีนี้ตระกูลพักผ่อนฟื้นตัวมาตลอดโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ งั้นเหรอ? หลายปีนี้ตระกูลใช้จ่ายไปจำนวนมหาศาล ค้นหาข่าวคราวที่ต่างประเทศมาตลอด…มีเบาะแสมากมาย ทั้งหมดชี้ลงไปที่ราชาหลง…ความสามารถสยองขวัญของราชาหลงนี้ ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้นเด็ดขาด!”
“ราชาหลงในตอนนี้ ถึงแม้ตำแหน่งของเขาจะสำคัญยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์ของชาติอภิมหาอำนาจมากมาย กระทั่งชาติอภิมหาอำนาจมากมายล้วนต้องดูสีหน้าของเขา แต่ถ้าให้เวลาอีกนิด คงจะได้เห็นว่าชนเผ่าเลือดก็สามารถมีผู้แข็งแกร่งที่เหนือชั้นกว่าใครคนหนึ่งได้เช่นกัน นั่นคือโลกที่แบ่งกันระหว่างชนเผ่าเลือดกับหลงหุน ชนเผ่าเลือดก็ไม่ต้องกระเซอะกระเซิงอย่างกับหนูข้างถนนอีกต่อไป” น้ำเสียงผู้อาวุโสค่อยๆ ฮึกเหิมขึ้นมา เขาพูดกับตนเอง ในแววตาประกายแสงโชติช่วงที่ร้อนแรง ฮึกเหิมตื่นเต้นอย่างมาก
หลังวางสายโทรศัพท์ วัยรุ่นชายเงียบสักครู่หนึ่ง เอ่ยปากบอกกับคนขับรถว่า “ไปสนามบิน พวกเราจะออกไปจากหัวเซี่ยกันตอนนี้”
“นายน้อยครับ งั้นศพของเท่อน่า……” หลังคนขับรถได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่ของวัยรุ่นชาย ก็เข้าใจว่าทำไมตอนที่วัยรุ่นชายเดินออกจากโรงแรมมาถึงมีสภาพนั้น
ร่างกายของวัยรุ่นชายสั่นเทา เขาหลับตาลงด้วยความปวดร้าว ส่ายๆ หน้า เต๋อกุลาในฐานะบิดาของตนเอง ตนเองในฐานะลูกชายของเขา มีวันที่ตนเองกลับไม่สามารถจัดการศพเพื่อเต๋อกุลาได้
วัยรุ่นชายพิงไปบนที่นั่งแถวหลังอย่างหมดแรง สีหน้าหงอยเหงาเศร้าซึม เสียงเผยความแหบแห้งที่หมดแรงหมดหวัง บอกว่า “ต่อไปค่อยว่ากันเถอะ เชื่อว่าท่านพ่อจะให้อภัยฉัน……”
………
และเวลานี้ ต่างประเทศ ที่มหาสมุทรมองไปสุดลูกหูลูกตา และคลื่นซัดสาดขยายวงกว้างออกไปผืนหนึ่ง ฉากยามค่ำคืนที่มืดมิดล้ำลึกปกคลุมท้องฟ้า พระจันทร์สุกสกาวดวงหนึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้า แสงจันทร์ที่ธรรมดาสาดส่องลงมา มักจะมองเห็นได้ว่าตอนที่มหาสมุทรกระเพื่อมแสงระยิบระยับ กลายเป็นภาพทิวทัศน์ที่งดงามภาพหนึ่ง
และกลางมหาสมุทรแห่งนี้ มีเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง รอบด้านล้อมด้วยทะเล ถูกหมอกหนาทึบผืนหนึ่งห่อหุ้ม ถึงแม้จะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบันนี้ ยังยากที่จะทะลุผ่านหมอกหนาทึบผืนนี้ และตรวจพบสภาพภายในเกาะเล็ก
และถ้าใช้ตาเปล่าธรรมดาไปมองดู ทั้งเกาะเล็กคงเป็นเพียงสถานที่ว่างเปล่ารกร้าง ราวกับไม่มีร่องรอยที่โดนมนุษย์ใดๆ รุกราน ป่าเขียวชอุ่มผืนใหญ่ เหมือนว่าย้อนกลับไปยุคโบราณ
นี่คือหนึ่งในเขตต้องห้ามที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ คนและดาวเทียมส่วนมากแทบจะหาร่องรอยของเกาะเล็กแห่งนี้ไม่เจอ เสมือนว่าเกาะเล็กแห่งนี้ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้เลย
นอกเสียจากว่าครอบครองอุปกรณ์วัดตำแหน่งที่แม่นยำถูกต้องแท้จริง แต่ปัญหาคืออุปกรณ์วัดตำแหน่งที่แม่นยำบนดาวเทียมพบเพียงว่านี่คือมหาสมุทรผืนหนึ่ง ไม่มีร่องรอยของเกาะเล็กสักนิดเดียว มีเพียงตาเปล่าของคนถึงสามารถพบข้อพิรุธได้ ค้นหาการมีอยู่ของเขตต้องห้ามเจอ
เขตต้องห้ามแบบนี้ที่ต่างประเทศมีจำนวนไม่มาก แต่ทุกที่ล้วนครอบครองตำนานลึกลับมากมาย แม้กระทั่งตั้งแต่โบราณเป็นต้นมา มีนักสำรวจนับไม่ถ้วนตามหาเขตต้องห้าม ค้นหาแต่ละรุ่นๆ มาด้วยความยากลำบาก เขตต้องห้ามบางส่วนในนี้ถึงค่อยๆ เผยเบาะแสและส่วนหนึ่งที่น้อยนิดออกมา
ส่วนเกาะเล็กแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในเขตต้องข้ามเช่นกัน…ใครจะไปคิดตอนแรกเคยมีผู้ชายคนหนึ่งพาคนกลุ่มหนึ่งมา หาเขตต้องห้ามแห่งนี้เจอเข้าให้ แบ่งพื้นที่เพื่อเป็นราชา ตั้งแต่นั้นมาก็ดังครึกโครมไปทั่วโลก
ตอนนั้นขุนศึกชาติอภิมหาอำนาจมากมายต่างอิจฉาเขตต้องห้ามแห่งนี้กัน แม้กระทั่งกลายเป็นการรวมตัวกันต่อต้านเฉินเป่ย บอกว่าเฉินเป่ยไม่สามารถครอบครองเกาะเล็กไร้ซึ่งผู้คนแห่งนี้ได้ ต่อมาเฉินเป่ยพากองกำลังย่อยชุดหนึ่ง แต่ละคนบุกเข้าไป ต่อยจนอิทธิพลเหนือชั้นที่อิจฉาตาร้อนพวกนั้นเงียบเฉยกันหมด
ตั้งแต่นั้นมา ที่นี่จึงกลายเป็นฐานทัพของราชาหลง
เกาะเล็กแห่งนี้ที่ดูจากภายนอกรกร้างไร้ผู้คน มีเพียงหลังจากเข้ามาถึงพบว่าเกาะเล็กแห่งนี้มีการป้องกันอย่างเข้มงวด เพียงแค่รอบนอกของเกาะเล็ก เขตทุ่นระเบิดสารพัดวางกับดักไว้ไม่ขาดสาย มากกว่าสามสิบประเภท แม้กระทั่งเคยมีนายพลหลงท่านหนึ่งพูดอย่างโอหัง ถ้าหัวหน้าขุนศึกนานาชาติพวกนั้นอยากโจมตีเกาะ ยกพลขึ้นบกทำสงคราม…….อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามเดือนถึงจะสามารถบุกยึดรอบเกาะน้อยไว้ได้
ในความเป็นจริง ขุนศึกนานาชาติที่มีสมองพวกนั้นคงไม่สิ้นคิดไปตามหาฐานทัพหลงหุน…นี่ถ้าถูกราชาหลงรู้เข้า นั่นต้องร้ายแรงมากแค่ไหน?
ในเวลานี้ ภายในเกาะเล็ก ในยอดเขาแห่งหนึ่ง ผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งรับสายโทรศัพท์อยู่ “เป็นยังไงบ้าง ลูกพี่ให้งานมาแล้วเหรอ ฉันรอมานานมากเลย ในที่สุดก็มาถึงซะที!”
ผู้ชายคนนั้นหน้าตาดูเหมือนพวกผีห่าซาตาน แต่เวลานี้บนหน้าของเขากลับเผยความตื่นเต้นดีใจออกมา
“ลูกพี่มีคำสั่งมาแล้ว ทุกคนลงมือ จัดการปราสาทเต๋อกุลาทิ้ง ชนเผ่าเลือดสักคนก็อย่าปล่อยให้หนีไปได้!” ในสายนั้นคือเสียงของชิงเหนียนคนนั้น
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนนั้นตะลึง “ทุกคน? ลูกพี่ให้คนฉันมาทีมเดียวก็พอแล้ว ฉันจะออกไปฆ่าทันที ถึงยุโรปแล้วสามวันจัดการเสร็จ!”
“ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ลูกพี่สงสัยว่ามีชนเผ่าเลือดหนีกลับปราสาท ปราสาทต้องมีการป้องกันแน่นหนา!” หลังชิงเหนียนพูดจบ ไม่ได้รอสักวินาทีเดียว พลันมีเสียงดังปังวางสายโทรศัพท์ลง
“ชนเผ่าเลือด…มนุษย์ค้างคาวพวกนั้น ฉันคิดอยากจะต่อยพวกแกมาตั้งนานแล้ว!” ชายกำยำคนนั้นหัวเราะเยาะ ตบปุ่มสีแดงด้านบนแท่นควบคุมเครื่องจักรลง
ชั่วขณะนั้นภายในฐานทัพมีเสียงสัญญาณเตือนเสียดแก้วหูดังก้องขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ไฟเตือนสีแดงกะพริบไม่หยุด ทั้งฐานทัพ ถูกแสงสีแดงปกคลุม
ช่วงสั้นๆ ไม่ถึงสองนาที บนลานกว้างโล่งของฐานทัพ ทางเข้าแต่ละประตูเปิดออก นายทหารที่แต่งชุดเต็มยศ และสะพายปืนบรรจุกระสุนเอาไว้ พุ่งเข้ามาที่ลานกว้างอย่างรวดเร็ว
“ราชาหลงมีคำสั่ง ชนเผ่าเลือดฝ่าฝืนข้อตกลงโดยพลการ กองทหารหลงออกปราบ ไม่ให้เหลือสักคน!” ผู้ชายกำยำคนนั้นเอ่ยปากตะโกน ราวกับเสียงฟ้าผ่าสนั่นหวั่นไหว ดังก้องอยู่ภายในลานกว้าง
“รับทราบ!”
มองไปสุดลูกหูลูกตา คลื่นมหาชนแน่นขนัดบนลานกว้าง ฝูงชนที่หนาแน่นกลุ่มหนึ่ง ทั้งหมดคือนายทหารของกองทหารหลง
“ทั้งกองทหารออกโจมตี! เป้าหมาย ปราสาทเต๋อกุลา!”