สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 420
บทที่420 หนึ่งในนายพลหลง!
เช้าตรู่วันต่อมา
ปราสาทเต๋อกุลาที่น่าสะพรึงกลัว แผ่ปกคลุมในป่าผืนหนึ่ง มีเพียงแสงแดดเช้ายามนั้นที่แหวกฉากยามค่ำคืนออก ตอนที่สาดส่องบนปราสาทเต๋อกุลา ถึงเห็นได้ชัดว่าไม่ได้น่าสะพรึงกลัวมืดมิดขนาดนั้น
ภายในปราสาทเต๋อกุลา ผู้อาวุโสที่ใส่สูทหรูหราท่านหนึ่งยืนอยู่ด้านในปราสาท มองผ่านหน้าต่างไปทางลำแสงสีทองด้านนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าอึมครึม
“เจ้านาย ท่านไม่ได้พักผ่อนเลยทั้งคืน ท่านไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะครับ” คนรับใช้ผู้หนึ่งก้าวขึ้นมา เอ่ยปากบอกด้วยสีหน้าที่เคารพ
“ไม่ต้องหรอก ฉันมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมากๆ” ผู้อาวุโสท่านนั้นส่ายๆ หน้าแล้วถามว่า “ลูกชายของเท่อน่าถึงยุโรปแล้วหรือยัง?”
“เครื่องบินกำลังบินอยู่ครับ” คนรับใช้ผู้นั้นตอบอย่างนอบน้อม
“ฉันรู้แล้ว นายออกไปเถอะ” ผู้อาวุโสท่านนั้นปักมืออย่างรำคาญ
หลังจากที่คนรับใช้ถอยออกไป ผู้อาวุโสมองทางนอกหน้าต่าง สายตาเปลี่ยนไปร้อนรุ่มกระสับกระส่ายขึ้นมา
“ราชาหลง…ขอให้ราชาหลงอย่าได้ตามเข้ามาอีก……” ผู้อาวุโสก้มหน้า บ่นพึมพำกับตนเอง ในใจของเขาสั่นเทาอย่างคลุ้มคลั่ง พอนึกถึงราชาหลง อารมณ์ของเขาก็ไหลทวนกลับ อดนึกถึงเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ ฉากหนึ่งที่ราชาหลงนำกองทหารหลงมา ยืนอยู่ตรงหน้าปราสาทเต๋อกุลาขู่ว่าจะระเบิดปราสาทเต๋อกุลา เวลานั้น ทุกคนในปราสาทเต๋อกุลา ไม่มีสักคนที่ขวางราชาหลงไว้ได้
ถ้าไม่ใช่ตอนแรกนั้นราชาหลงมีความกรุณา ไม่อย่างนั้นปราสาทเต๋อกุลาจะสืบทอดมาถึงทุกวันนี้ได้หรือ ไม่แน่ทั้งนั้น
“ขอเพียงสามารถหาของต้องห้ามในตำนานเจอ ขอเพียงพวกเราชนเผ่าเลือดสามารถรักษาเชื้อไฟได้……ก็จะผงาดขึ้นมาได้อีกแน่นอน!” ผู้อาวุโสก้มหน้า พูดพึมพำกับตนเอง
แต่ที่ผู้อาวุโสกังวลมากที่สุด…ก็คือราชาหลง
เท่อน่าทำธุระไม่สำเร็จ คาดไม่ถึงถูกราชาหลงพบเข้า ผิดใจราชาหลงแล้ว ถ้าเท่อน่าตายแล้วราชาหลงไม่ตามเอาเรื่องก็ยังดี แต่ที่ผู้อาวุโสกังวลที่สุดคือราชาหลงโกรธแค้น ขอเพียงพาลโกรธมาถึงเหล่าชนเผ่าเลือด นั่นคือหายนะฉากหนึ่ง
“ไม่ต้องกังวลหรอก เท่อน่าเป็นแค่คนในตระกูลธรรมดาคนหนึ่ง ขอเพียงเท่อน่าฉลาดอยู่บ้าง ไม่ทำเรื่องที่เด่นเกิน ราชาหลงคงไม่พาลมาโกรธพวกเราชนเผ่าเลือดเพียงเพราะเท่อน่าหรอก” ในเวลานี้ เสียงที่ลุ่มลึกลอยมาจากด้านข้าง ผู้อาวุโสท่านนี้หันหน้าไป มองเห็นผู้อาวุโสผมขาวที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง บนหน้ามีโหนกแก้มนูนสูง และสีหน้าเห็นได้ชัดว่าอึมครึมอยู่บ้างเดินเข้ามา
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่” ผู้อาวุโสที่สวมสูทหรูหราท่านนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาที่มองทางท่านผู้อาวุโสใหญ่ทันใดนั้นเปลี่ยนมาเคารพอย่างมาก
“ถึงแม้ตอนนั้นพวกเรากับราชาหลงจะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะกลัวราชาหลงกันจริงๆ” ท่านผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยปากพูดนิ่งๆ
“ตอนแรกนั้นราชาหลงบีบจนมาจนถึงมุมกำแพง พอหลังจากนั้นก็ถอยหลังไปเอง เป็นเพราะมีความหวาดกลัว กลัวพวกเราจะสู้กันจนพังทั้งสองฝ่าย ขอเพียงมีคนในตระกูลหนีออกไปจากการปิดล้อมของพวกเขา จะทำให้ที่ต่างประเทศเกิดสงครามนองเลือดที่ทารุณขึ้นได้” เสียงท่านผู้อาวุโสใหญ่หยุดเงียบลง พูดต่อไปว่า “ดังนั้น ราชาหลงจึงไม่กล้าลงมือง่ายๆ โดยเฉพาะเขาก็ไม่ได้เข้าใจพวกเราชนเผ่าเลือดว่ามีวิชามากมาย ความจริงไม่ต้องกลัวเขาเลย”
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่พูดถูก” ผู้อาวุโสท่านนั้นที่อยู่ด้านข้างท่าทางเผยสีหน้าที่เคารพเลื่อมใส
“ถึงแม้ราชาหลงจะเป็นบุคคลอันดับหนึ่งที่ต่างประเทศแล้วยังไง ที่นี่คือปราสาทเต๋อกุลา เป็นถิ่นของพวกเราชนเผ่าเลือด ถ้าเขาไม่มา พวกเราต่างก็ไม่ไปล้ำเส้นกัน ต่างฝ่ายต่างก็จะปลอดภัย แต่ถ้าเขากล้าเข้ามาหา…ฉันจะให้เขาได้รับผิดชอบทั้งหมด” ท่านผู้อาวุโสใหญ่เสียงเย็นชา แรงอาฆาตแค้นที่เหน็บหนาวแผ่ออกมาอย่างอดไม่ได้
………….
ในเวลานี้ ตอนที่ท่านผู้อาวุโสใหญ่กำลังพูดจาดุดันอยู่ในปราสาทเต๋อกุลา นอกยุโรป ท่ามกลางอากาศสูงอย่างมาก มีภาพเงาดำแต่ละอัน แฉลบผ่านอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้าสูง เข้ามาใกล้ทางยุโรปอย่างฉับไว
ยุโรป อังกฤษ
ในฐานทัพใต้ดินแห่งหนึ่ง ภายในห้องหนึ่ง หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่มากจอหนึ่ง ปรากฏกราฟเรดาร์ขนาดใหญ่ภาพหนึ่ง
ภายในห้อง เหล่านายทหารที่สวมเสื้อผ้าชุดพรางตาแต่ละนายกำลังยุ่งตรวจตราและควบคุมการกระทำของน่านฟ้าและน่านน้ำอยู่
ในเวลานี้เอง บนกราฟเรดาร์ขนาดใหญ่ภาพนั้น มีจุดสีแดงหนึ่งจุดปรากฏอยู่กลางกราฟเรดาร์อย่างฉับพลัน
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมคนหนึ่งสีหน้าเปลี่ยนกะทันหันแล้ว มีความตื่นตกใจแวบผ่าน
ชั่วครู่เดียว บนกราฟเรดาร์ปรากฏจุดสีแดงจุดที่สองขึ้นแล้ว
ตามมาด้วยจุดที่สาม…จุดที่สี่…จุดสีแดงแต่ละจุดปรากฏขึ้นติดต่อกัน
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมที่อยู่ในห้อง สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนยกใหญ่ พวกเขาต่างรู้ว่านี่หมายความว่าอะไร นี่คือศัตรูเข้าจู่โจม ศัตรูเข้าจู่โจมแบบไม่มีลางสังหรณ์สักนิด
“รีบรายงานทันที ขอร้องแจ้งเตือนขับไล่!” เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมแต่ละคนถอดหูฟังทันที จ้องกราฟเรดาร์ภาพนั้นแบบตาไม่กะพริบ
จุดแดงบนกราฟเรดาร์นับวันยิ่งมากขึ้น หนาแน่น เกือบจะใกล้กลายเป็นขบวนรูปลูกธนู บินเข้ามาทางยุโรปอย่างรวดเร็ว
“นี่…” ในห้องสี่เหลี่ยม ชั่วขณะนั้นผู้คนมากมายสีหน้าเปลี่ยนกัน ขนาดใหญ่แบบนั้น พวกเขายังเคยเจอเป็นครั้งแรก
นี่ไม่ใช่ศัตรูบุกจู่โจมแบบธรรมดาแล้ว ฝ่ายตรงข้ามที่เข้าสู่ประเทศนั้น เป็นผู้มีอิทธิพลเหนือขั้นอย่างแน่นอน
ผู้คนมากมายสีหน้าจืดชืด ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอศัตรูบุกโจมตีขนาดใหญ่แบบนี้
นี่สรุปว่าเป็นอิทธิเหนือชั้นที่ไหนกัน ระดมศัตรูบุกโจมตีอย่างกะทันหัน และไม่ได้มีสัญญาณล่วงหน้าสักนิดเดียว
ในห้องทำงานแห่งหนึ่งที่อยู่ภายในฐานทัพใต้ดิน นายพลระดับสูงท่านหนึ่งกำลังก้มหน้าทำงานอยู่บนโต๊ะ
ทันใดนั้น เสียงกริ่งโทรศัพท์ที่เร่งด่วนแสบหู ดังขึ้นกึกก้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ในห้องทำงาน
นายพลระดับสูงท่านนั้นมองทางโทรศัพท์ตั้งโต๊ะสีดำเครื่องนั้น สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย นานมากแล้วที่โทรศัพท์สีดำเครื่องนี้ไม่เคยดังขึ้นมา เพราะครั้งก่อนที่มันดังขึ้น ทำให้ทั้งประเทศล้วนเข้าสู่สภาพเตรียมรบกันหมด
ครั้งนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้โทรศัพท์สีดำเครื่องนี้ดังขึ้นได้
หลังจากนายพลระดับสูงรับสายโทรศัพท์ ถามด้วยเสียงทุ้ม “เกิดอะไรขึ้นแล้ว?”
“รายงานครับ มีเครื่องบินศัตรูจำนวนมากบุกรุกน่านฟ้าของทางเรา!”
“พรึบ!”
นายพลระดับสูงลุกขึ้นทันใด ดวงตาหดอย่างแรง
“นายว่าอะไรนะ?” เสียงของนายพลระดับสูงมีความเคร่งขรึมเพิ่มขึ้นมาทันที
“เครื่องบินจำนวนมากพยายามบุกรุกเข้าน่านฟ้าของทางเรา!”
“รีบแจ้งเตือน จัดกำลังคนทั้งหมดควบคุมน่านฟ้า ฉันจะรีบเข้าไป!” พอนายพลท่านนี้วางโทรศัพท์ลง สวมหมวก รีบร้อนพุ่งออกจากห้องทำงาน
ด้านนอกห้องทำงาน นายทหารแต่ละคนต่างรีบร้อนเดินกัน ทั้งอาคารใหญ่ค่อยๆ ได้รับการแจ้งเตือนทุกด้านแล้ว
ทั้งอาคารใหญ่ล้วนจมสู่ความประหม่าที่ดุเดือดและวิกฤติ
ชั่วครู่หนึ่งทั้งชั้นห้องทำงานก็วุ่นวายอย่างสุดจะทน อังกฤษเหมือนกำลังจะเผชิญหน้ากับวิกฤติใหญ่โตฉากหนึ่ง
ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะเครื่องบินที่ไม่ชัดแจ้งที่บุกรุกเข้าน่านฟ้าทีมนั้น
“ตึกๆๆๆ……”
เสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้น เลขาฯสองคนเดินออกจากห้องทำงาน รีบตามอยู่ที่ด้านหลังของนายพลระดับสูง รายงานว่าเวลานี้อิทธิต่างประเทศแต่ละด้านกำลังล้อมดู แม้กระทั่งเรือรบของประเทศเพื่อนบ้านจอดอยู่ที่น่านน้ำของอังกฤษ จ้องตาเป็นมัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเราไม่ได้ไปล่วงเกินใคร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ขึ้นกะทันหัน!”
นายพลระดับสูงพุ่งไปที่ห้องสังเกตการณ์และควบคุม เห็นเพียงบนกราฟเรดาร์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่นั้น จุดแดงแต่ละจุดนั้นกำลังเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว
“ดำเนินการแจ้งเตือนหรือยัง?” นายพลท่านั้นถามด้วยเสียงหนาวเหน็บ
“ได้ใช้หลายภาษาแจ้งเตือนเข้าไปหลายครั้งแล้วครับ แต่พวกเขาไม่ได้หยุดลง” นายทหารคนหนึ่งเอ่ยปากบอก
นายพลระดับสูงจ้องมองหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่นั้นอย่างตาไม่กะพริบ มือทั้งคู่กุมหมัดแน่น เหมือนดิ้นรนอยู่ตั้งนาน เขาสั่งการทันใด พูดตะโกน “โจมตีกลับ เคลื่อนกำลังเครื่องบินรบสกัดกั้น!”
“ครับ!”
เสียงตะโกนของนายพลระดับสูงดังก้องอยู่ในห้องสังเกตการณ์และควบคุม ราวกับฟ้าผ่ามาที่พื้นกะทันหัน ทำให้ผู้คนมากมายต่างรู้สึกดังจนหูแทบหนวก
ชั่วพริบตาเดียว พื้นดินแยกแตกแกรกๆ ฝุ่นฟุ้งกระจาย เครื่องบินรบแต่ละลำหมุนวนอยู่ถูกยกขึ้นมา จอดอยู่บนพื้นดิน
ผ่านไปไม่นาน เสียงดังสนั่นของเครื่องเหนือเสียงแต่ละอันสั่นสะเทือนท้องฟ้า ดังสะท้อนอยู่ที่ว่างกลางอากาศ เครื่องบินรบแต่ละลำคำรามออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับลูกธนูที่พุ่งออกจากสายธนูไปยังระยะไกล เหลือเพียงเมฆหางเครื่องบินยาวๆ เส้นหนึ่งไว้
………
และเวลานี้ โซนขอบยุโรป เครื่องบินรบแต่ละลำคุ้มกันเครื่องบินขนส่งมาจากฐานทัพ บินแล่นอยู่กลางอากาศอย่างเฉียบไว ผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ในเครื่องบินรบขนาดนั้น คาดไม่ถึงทำให้เครื่องบินรบลำนี้เบียดเสียดคับแคบมากอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าขัดกัน
เครื่องบินรบพวกนี้ดำขลับทั้งหมด บนตัวเครื่องของเครื่องบินรบมีเพียงลายมังกรตัวหนึ่ง นั่นคือมังกรที่มีชีวิตชีวาตัวหนึ่ง สัญลักษณ์มังกร ทำให้เครื่องบินรบเหล่านี้เพิ่มความโหดเหี้ยมหนาวเย็นขึ้น ราวกับกลายเป็นสัตว์ปีศาจที่เหี้ยมโหด
เครื่องบินรบเข้าเขตประเทศ ผู้มาเยือนไม่หวังดี
เครื่องบินรบเหล่านี้มาด้วยลักษณะท่าทางดุดัน ไม่นานก็กระตุ้นความสนใจของอังกฤษแล้ว ผ่านไปไม่นาน ในหูฟังของผู้ชายคนนั้นมีการแจ้งเตือนดังขึ้น
บนกราฟเรดาร์ของเครื่องบินรบสแกนได้อย่างชัดแจ้งที่ระยะไกลว่ามีเครื่องบินศัตรูหลายลำจู่โจมมา นี่คือการสกัดกั้นพวกเขา
“แม่งเอ๊ย สกัดฉันงั้นเหรอ? ฝันไปแล้วมั้ง ครั้งก่อนตอนที่ฉันเข้ามาก็เคยบอกไว้แล้วว่าใครที่กล้าสกัดฉัน มีจุดจบที่ไม่ดีแน่!” ชายหนุ่มทำเสียงฮึดฮัด กล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวนูนสูงขึ้นทันที
“เครื่องบินศัตรูด้านหน้า ฉันคือทหารอากาศลำดับสามของอังกฤษ นายเข้าสู่น่านฟ้าของทางเรา คุกคามความปลอดภัยทางอากาศของพวกเราอย่างร้ายแรง ขอให้รีบออกไป ขอให้รีบออกไป ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์หลังจากนี้นายรับผิดชอบเอง!”
“เครื่องบินศัตรูด้านหน้า…..”
ในเครื่องบินรบของกองทหารหลง เสียงแจ้งเตือนที่ดุเดือดของเครื่องบินรบอังกฤษตรงข้ามลอยมาอย่างชัดเจน
ส่วนผู้ชายที่สูงใหญ่คนนั้นกลับตัดสายไปอย่างรำคาญ ตอบกลับเสียงดุอย่างฉุนเฉียว “แม่งเอ๊ย คุกคามอย่างร้ายแรง ที่ฉันมาครั้งก่อนยังไม่พูดจาไร้สาระสักคำ ตอนนี้เจริญแล้ว กล้ามาขวางฉันเหรอ!”
“แกกล้าสกัดเหรอ ฉันเสือขาวจะต้องให้พวกแกอังกฤษรับผิดชอบทั้งหมด ให้พวกแกกองทัพอากาศ กลายเป็นจุดอ่อนที่น่าตลกบนโลกนี้!” ผู้ชายคนนั้นตะโกนเสียงดุ “ฉันมีธุระสำคัญต้องทำ ห้ามขวาง!”
“ปัง!”
ในห้องสังเกตการณ์และควบคุม เสียงของชายหนุ่มดังก้องอยู่ในห้องสังเกตการณ์และควบคุมอย่างกังวานไม่มีผิด ทันใดนั้นบรรยากาศเงียบงัน นายทหารนับไม่ถ้วนเงียบกริบ
น้ำเสียงที่ก้าวร้าวของผู้ชายคนนี้ คำพูดที่กำเริบเสิบสาน เดิมทีไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา
ช่างโอหังเหลือเกิน กำเริบก้าวร้าวจนแทบไม่ไหว นายทหารมากมายเหล่านั้นมึนงงกันแล้ว
และนายพลระดับสูงคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิม ได้ยินคำพูดของผู้ชายคนนั้น สีหน้าแข็งทื่อทันใด
สีหน้าของเขาดูแย่ขึ้นมาทันใด เขายืนอยู่ตรงนั้น อุณหภูมิอากาศโดยรอบเพิ่มขึ้นอย่างฉับไว ที่ว่างกลางอากาศราวกับสั่นสะเทือนบิดเบี้ยวเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นายพลระดับสูงตะโกนด้วยเสียงโมโห “โอหัง สกัดไว้ให้ฉัน เอาตัวคนหัวเซี่ยนี้ ยิงลงมาให้ฉัน ไม่ต้องสนใจการชดใช้ใดๆ!”
นายพลระดับสูงเอ่ยปากเสียงโมโห เขาตบมือลงบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ดังปัง โต๊ะทำงานแยกออกดังแก๊กๆๆ แตกเป็นเสี่ยงๆ