สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 425
บทที่425 สังหารหมู่!
ผู้อาวุโสท่านนั้นพูดมาขนาดนี้ ชั่วขณะนั้นทำให้บรรยากาศที่โต๊ะประชุมเปลี่ยนไปลุ่มลึกขึ้นมา ผู้อาวุโสชนเผ่าเลือดหลายคนที่เหลือค่อยๆ มองทางผู้อาวุโสที่สีหน้าหดหู่ท่านนั้น แววตาเผยการขบคิดออกมา เหมือนกำลังพิจารณาคำพูดเมื่อสักครู่ของผู้อาวุโสที่สีหน้าหดหู่ท่านนั้น
ท่านผู้อาวุโสใหญ่สีหน้าแข็งทื่อ มองทางผู้อาวุโสที่หดหู่ท่านนั้น ถอนหายใจทีหนึ่ง พูดอธิบายอย่างเตือนแล้วเตือนอีกด้วยความหวังดี “นั่นคือสถานการณ์สองแบบ ครั้งก่อนสาเหตุที่ว่าทำไมราชาหลงถึงถอยไป ทุกคนคงชัดเจนดี ไม่ใช่กังวลว่าไม่สามารถฆ่าพวกเราให้ตายหมดได้เหรอ แต่ครั้งนี้พวกเขาเข้ามาฆ่าอย่างดุดัน เกรงว่าคงเตรียมพร้อมมาเรียบร้อย……” ท่านผู้อาวุโสใหญ่ที่ใจร้อนรุ่มกระสับกระส่ายพูดความกังวลของเขาออกมา กลับคาดไม่ถึงว่าจะกระตุ้นความสนใจของทุกคนได้เลยสักนิด
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ถึงแม้ราชาหลงจะมีฝีมือแค่ไหนแล้วยังไง พวกเราชนเผ่าเลือดครอบครองวิชาป้องกันตัวไว้ ต่อให้กองทหารหลงแกร่งแค่ไหน มีวิชาของชนเผ่าเลือดอยู่ อย่างน้อยพวกเราก็มีกำลังปกป้องตัวเองได้” ผู้อาวุโสที่หดหู่ท่านนั้นทำเสียงฮึดฮัด พูดนิ่งๆ
ท่านผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วแน่น ท่านผู้อาวุโสชนเผ่าเลือดเหล่านี้ที่นั่งกันอยู่ทะเยอทะยานโอหัง หลายปีนี้ชนเผ่าเลือดดำเนินการแบบเรียบง่าย ท่านผู้อาวุโสชนเผ่าเลือดเหล่านี้อยู่จำศีลในปราสาทเต๋อกุลามาโดยตลอด เปลี่ยนไปผยองเช่นนี้แบบไม่รู้ตัว คาดไม่ถึงแม้แต่กองทหารหลงยังไม่เห็นอยู่ในสายตา
ท่านผู้อาวุโสชนเผ่าเลือดเมื่อสักครู่นั้นพวกเขาเองยังไม่รู้ชัดแจ้งว่าการถกเถียงพวกนั้นของพวกเขา สามารถทำให้เกิดการสั่นสะเทือนที่ต่างประเทศได้
ถึงแม้ว่าท่านผู้อาวุโสใหญ่เขาอยู่ในชนเผ่าเลือดจะพูดจามีน้ำหนักมาก แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถ้าเขาไม่ได้รับการสนับสนุนของท่านผู้อาวุโสคนอื่น ถึงอำนาจของเขาจะมากแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ คุณอยากพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ ไม่ต้องอ้ำๆ อึ้งๆ” ท่านผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งเอ่ยปากบอก
“ความคิดของฉันก็ง่ายมาก แสดงมิตรภาพกับราชาหลง ตัดความสัมพันธ์กับเท่อน่าทิ้ง หยุดปัญหายุ่งยากทุกอย่างลง” ท่านผู้อาวุโสใหญ่พูดขึ้น
“อะไรนะ? ให้พวกเราก้มหัวให้ราชาหลง?”
“พรึ่บ!”
ผู้อาวุโสที่สีหน้าหดหู่ท่านนั้นลุกขึ้นมาทันใด จ้องท่านผู้อาวุโสใหญ่อย่างเย็นชา สายตาอึมครึมหนาวเหน็บ ราวกับงูพิษตัวหนึ่ง
“เพราะชนเผ่าเลือดธรรมดาที่กระจอกคนเดียว ถึงกับต้องให้ก้มหัวให้ราชาหลง ท่านผู้อาวุโสใหญ่ นี่คุณพูดเล่น มากเกินไปหรือเปล่า” ท่านผู้อาวุโสอีกคนพูดเสียงเย็นชา บนโต๊ะประชุม อุณหภูมิอากาศ ลดลงด้วยความรวดเร็วเฉียบพลัน
บนโต๊ะประชุม ท่านผู้อาวุโสหลายท่านปล่อยลมหายใจนิดๆ ออกมา เพียงแค่ลมหายใจนิดๆ พวกนี้ก็ทำให้ที่ว่างในอากาศบนโต๊ะทำงานกระเพื่อมอย่างแรง แวบหนึ่งอุณหภูมิอากาศลดลงหลายระดับ ส่วนแรงกดดันของท่านผู้อาวุโสใหญ่เพิ่มขึ้นฉับพลันเช่นกัน
บนโต๊ะประชุมเกิดความฮือฮา ท่านผู้อาวุโสหลายคนค่อยๆ พูดกระซิบกระซาบ สายตาที่มองทางท่านผู้อาวุโสใหญ่ ชั่วขณะนั้นเปลี่ยนไปเย็นชาขึ้นมา สำหรับท่านผู้อาวุโสเกือบจะทั้งหมดมองว่า นี่เห็นได้ชัดว่าท่านผู้อาวุโสใหญ่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
เพราะราชาหลงฆ่าคนในตระกูลธรรมดาคนหนึ่งทิ้ง ทั้งชนเผ่าเลือดถึงกับต้องโดนบีบให้ก้มหัว นี่คือตรรกะประหลาดอะไรกัน
บนโต๊ะประชุม ท่านผู้อาวุโสใหญ่จมสู่ความเงียบแล้ว ท่านผู้อาวุโสแต่ละท่านมองทางท่านผู้อาวุโสใหญ่ สายตาเพิ่มการดูถูกเหยียดหยามเข้ามาแล้ว
ส่วนผู้อาวุโสที่สีหน้าหดหู่ท่านนั้น ยิ่งพูดยิ่งฮึมเหิม คำพูดก็ยิ่งกำเริบเสิบสานขึ้นมา “ระยะห่างกับครั้งก่อนผ่านมานานขนาดนั้น พวกเราชนเผ่าเลือดเป็นตระกูลสูงศักดิ์ ถ้าราชาหลงอยากลงมือกับพวกเราจริง เขากล้าก็เข้ามาหาที่ตายจากแรงกดดันของอิทธิพลทั้งหมดในยุโรป กองทหารหลงกำลังยิ่งใหญ่แค่ไหน หรือว่ายังสามารถต้านทานทั้งยุโรปได้เหรอ?”
“ราชาหลงปลดเกษียณไปตั้งนานแล้ว กองทหารหลงก็สู้ตอนนั้นไม่ได้เหมือนกัน ต่อให้กองทหารหลงเข้ามาจริง ไม่มีการนำทัพของราชาหลง กองทหารหลงก็ไม่ใช่แค่ตัวตลกเท่านั้นเองรึไง!”
“ใช่ กองทหารหลงเป็นเพราะราชาหลงอยู่ถึงค่อยๆ แข็งแกร่ง ไม่มีราชาหลงแล้ว กองทหารหลงจะถือว่าเป็นอะไรกัน ราชาหลงเป็นหัวใจของกองทหารหลง… มั่นใจว่ากองทหารหลงต้องไม่กล้าเข้ามาฆ่า!”
ท่านผู้อาวุโสแต่ละท่านเอ่ยปากตามๆ กัน ค่อยๆ แสดงความคิดของตนเองออกมา
บนโต๊ะประชุม สถานการณ์แสดงความคิดเห็นปรากฏแนวโน้มเอียงไปอีกข้างอย่างกะทันหัน นี่ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่คนนั้นยิ่งได้ใจขึ้น เขาลุกขึ้นยืนแล้ว มองท่านผู้อาวุโสใหญ่อย่างหยิ่งยโส พูดว่า “อย่าพูดว่าราชาหลงกองทหารหลงไม่กล้าเข้ามาเลย ต่อให้พวกเขามากันจริง ถ้าผมเป็นท่านผู้อาวุโสใหญ่ จะต้องให้พวกเขามาแบบไม่ได้กลับแน่นอน! ลิ้มรสจุดจบที่ยั่วยุพวกเราชนเผ่าเลือดดูหน่อย และไม่ใช่มานั่งที่โต๊ะประชุม หารือกันว่าจะยอมจำนนยังไง!”
“ไม่มีราชาหลงแล้ว กองทหารหลงก็ไร้ค่า พวกเราชนเผ่าเลือดเลือกคนในตระกูลออกไปสักหน่อย ก็พอจะทำให้พวกเขาชดใช้ได้แล้ว!”
“ใช่ ผมยังไม่เคยลองรสชาติของกองทหารหลง ไม่รู้ว่านายพลหลงที่ถูกยกยอในตำนาน เลือดจะรสชาติเป็นยังไง…….”
บนโต๊ะประชุม สีหน้าของท่านผู้อาวุโสเหล่านั้นผ่อนคลายอยู่มาก เจอผู้อาวุโสที่หดหู่พูดขนาดนี้ ชั่วขณะนั้นความตึงเครียดของพวกเขาหายไปครึ่งใหญ่ แวบเดียวผ่อนคลายมากมาย
แม้กระทั่งมีผู้อาวุโสหลายคนเริ่มคิดแผนการจัดการกองทหารหลง พิจารณาว่าจะจับกองทหารหลงอย่างไร ในฐานะธนาคารเลือดของตนเอง ยังสามารถกระตุ้นกองทหารหลงได้อย่างแรง ตบหน้าราชาหลงด้วย
ท่านผู้อาวุโสใหญ่นั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม สีหน้ากลับดูไม่ดีอย่างยิ่ง ท่านผู้อาวุโสของชนเผ่าเลือดเหล่านี้ เขาสูญเสียการควบคุมอย่างถึงที่สุดแล้ว
ผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่ท่านนั้นลุกขึ้น หมุนตัวเดินไปด้านนอก ก่อนจะไปทิ้งคำพูดหนึ่งไว้อย่างเย็นชา “หลายปีนี้ที่ปราสาทเต๋อกุลาเรียบง่ายจำศีลมา เพื่อที่จะมีวันหนึ่งสามารถแก้แค้นที่กองทหารหลงนำมาให้……ถ้ากองทหารหลงกล้ามาจริง กำลังที่พวกเราชนเผ่าเลือดสะสมมาหลายปีนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ ถ้ากองทหารหลงตาย ในต่างประเทศจะมีใครที่ขัดขวางพวกเราชนเผ่าเลือดได้อีก?”
“ปึง!”
บรรยากาศบนโต๊ะประชุมถูกผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่คนนั้นจุดไฟไหม้ฉับพลัน มีท่านผู้อาวุโสหลายคนก่อนหน้านี้ท่าทีคลุมเครือ และจุดยืนไม่ชัดเจน หลังจากได้ฟังคำพูดนี้ก็ค่อยๆ เริ่มหวั่นไหว
ท่านผู้อาวุโสใหญ่นั่งอยู่หน้าโต๊ะประชุม ถึงแม้เขาจะยังเป็นท่านผู้อาวุโสใหญ่ของชนเผ่าเลือด แต่ครั้งนี้ท่านผู้อาวุโสส่วนใหญ่ไม่ได้สนับสนุนเขา เขาเกือบใกล้จะสูญเสียจิตใจร่วมของประชาชนแล้ว
ท่านผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจทีหนึ่ง น้ำเสียงจำใจปวดร้าว ผู้อาวุโสที่สีหน้าหดหู่คนนั้นได้รับการสนับสนุนของท่านผู้อาวุโสจำนวนมากไปจากการประชุมในครั้งนี้อย่างง่ายดาย…ท่านผู้อาวุโสใหญ่ย่อมมองออก ท่านผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่ท่านนั้นพยายามทำตรงกันข้ามกับเขาอยู่ มีความเป็นไปได้มากว่าอยากสถาปนาตัวเขาขึ้นมาแทนที่กับตนเอง
และเวลานี้ ท่านผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่คนนั้นเดินออกมาแล้ว ท่านผู้อาวุโสหลายคนก็พุ่งออกจากด้านใน ล้อมเข้าเอาไว้ คุ้มครองเขาไว้ เดินไปทางด้านนอก
“คุณคิดว่า กองทหารหลงจะมาจริงเหรอ?” ท่านผู้อาวุโสหนึ่งในนั้นทนเก็บความสงสัยในใจไม่ไหว ถามขึ้น
ผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่ทำเสียงเย้ยหยัน เอ่ยปากพูดนิ่งๆ “กองทหารหลงจะมาไม่มา ผมไม่สนใจ แต่พวกเราชนเผ่าเลือดแสดงตัวอย่างเรียบง่ายมาหลายปีแล้ว ไม่ใช่พวกที่ต้องดูท่าทีของกองทหารหลงแบบตอนนั้นอีกตั้งนานแล้ว ถ้ากองทหารหลงกล้ามาจริง จะได้กลายเป็นที่เหยียบให้พวกเราชนเผ่าเลือดสร้างชื่อที่ต่างประเทศพอดี”
พอคำพูดนี้ออกไป ชั่วขณะนั้นทำให้เกิดความรู้สึกร่วมของท่านผู้อาวุโสมากมายด้านข้างเพิ่มขึ้นแล้ว พวกเขาพยักหน้าติดๆ ดูเหมือนว่าจะเห็นด้วยกับคำพูดพวกนี้ของผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่
และในเวลานี้เอง ทันใดนั้นปราสาทเต๋อกุลาสั่นอย่างรุนแรง
“ตึง!”
เสียงคำรามที่สะเทือนแก้วหูดังขึ้นอย่างฉับพลัน ดังก้องอยู่ภายในของปราสาทเต๋อกุลา
ในปราสาทเต๋อกุลา ผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่และท่านผู้อาวุโสท่านอื่นที่กำลังถกเถียงถึงกองทหารหลงเมื่อสักครู่ยังสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เสียงคำรามนี้ช่างดังเหลือเกิน ทำเอาแก้วหูของพวกเขาเหมือนจะเขย่าแตก
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ท่านผู้อาวุโสหนึ่งในนั้นเอ่ยปากด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
ผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่อ้าปากแล้ว กำลังอยากจะพูดอะไร ทันใดนั้นหินแตกฝุ่นร่วงหล่นลงมา ทำให้ตระกูลผู้ดีที่สนใจภาพลักษณ์ภายนอกเหล่านี้เปื้อนฝุ่นเต็มไปหมด กระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง
“ครืนๆๆ!”
เป็นเสียงระเบิดคำรามที่น่าสยองดังขึ้นอีก พื้นสั่นหวั่นไหว แม้แต่พื้นใต้เท้าของท่านผู้อาวุโสหลายคนนี้ยังสั่นสะเทือนเบาๆ
เดิมท่านผู้อาวุโสใหญ่ที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ตอนที่สายตาของเขาตกลงที่พื้น สีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน
เขาลุกขึ้นทันที พุ่งไปที่ริมหน้าต่าง มองทางด้านนอก ดวงตาหดอย่างแรง
ตามมาด้วยดวงตาของท่านผู้อาวุโสใหญ่เผยความล้ำลึกที่ซับซ้อนพูดไม่ถูกออกมา ผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาถึงถอนหายใจยาวๆ
ที่ควรมา ในที่สุดก็มาแล้ว
ในใจของท่านผู้อาวุโสใหญ่สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้เขาจะคาดเดาได้แล้ว แต่ที่เขาเดาไม่ถึงว่าทุกอย่างนี้จะมาไวขนาดนี้เลย
“ออกไปดูหน่อย!” ผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่ที่อยู่ตรงกลางคนนั้นผลักหน้าต่างออกอย่างไม่ลังเลสักนิด กระโดดออกไปทันที
ตอนที่ผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่ท่านนั้นปรากฏตัวอยู่นอกปราสาทเต๋อกุลา ถึงพบกับเงามืดผืนหนึ่งเข้า แฉลบผ่านด้านบนปราสาทเต๋อกุลาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น
ปล่อยระเบิดเป็นชุดลงมาจากด้านบนเงามืดนั้น
ท่านผู้อาวุโสที่สีหน้าหดหู่ท่าทางเปลี่ยน การโจมตีทางอากาศ
เกิดขึ้นไวจนบรรยายไม่ทัน ท่านผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่มองเห็นระเบิดแต่ละลูกนั้น ราวกับฝนที่ตกซู่ซ่าลงมา เขาเสียวสันหลังเย็นวาบ
“ครืน!”
ปราสาทเต๋อกุลาที่ถูกโจมตีทางอากาศ กระหน่ำยิงหินแตกนับไม่ถ้วน ความเร็วของหินแตกไวมาก กำลังยังสยองขวัญเสียยิ่งกว่าลูกกระสุนอีก
ส่วนปราสาทเก่าแก่ที่โดดเด่น และสูงตระหง่านหลังนั้น พอที่จะบดบังท้องฟ้าได้ขนาดกว้างใหญ่ ถูกระเบิดโหมซัดสาดรอบแล้วรอบเล่า ค่อยๆ ล้มลง
ผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่หมุนตัว เห็นเพียงปราสาทหลังนี้กำลังค่อยๆ เอนลง ราวกับยักษ์ตนหนึ่ง สูญเสียแรงค้ำยันแล้ว กำลังจะฝังภาพเงาคนตัวกระจิดเดียวที่หนีตายเหล่านั้นทั้งหมด
ถึงแม้ชนเผ่าเลือดพวกนั้นจะมีวิชาป้องกันตัวมากแค่ไหน พอเผชิญกับปราสาทล้มลง กลับไม่มีวิธีใดๆ
ถึงแม้พวกเขาจะแปลงร่างเป็นค้างคาว ก็หนีไม่พ้น
“ครืน!”
ปราสาทที่ยิ่งใหญ่สูงโดดเด่นหลังหนึ่งล้มลง ฝุ่นควันหนาแน่น แผ่ปกคลุมกระจายไปทั่วระยะไกลด้วยความรวดเร็ว
ภาพเงาคนแต่ละคนหนีตายกันอย่างว่องไว พวกเขากับปราสาทที่ใหญ่โตเปรียบเทียบกันแล้ว ความจริงช่างเล็กเหลือเกิน
ฝุ่นควันมากมายพวกนั้นแผ่ปกคลุมอย่างเร็ว ตามหลังชนเผ่าเลือดแต่ละคนนั้นมาติดๆ ราวกับจะกลืนกินภาพเงาเหล่านี้แล้ว
ในใจผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ตาของเขาหดเหลือเท่าเข็ม การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างนี้ เกิดขึ้นไวเหลือเกิน เขาไม่ได้เตรียมป้องกันสักนิด
“ไม่!”
เขามองคนในตระกูลแต่ละคนโดนหินแตกที่ร่วงลงยิงสลบต่อหน้าต่อตา ในใจกระตุกอย่างแรง
“ครืน!”
เครื่องบินรบแต่ละลำโฉบผ่าน ระเบิดแต่ละลูกทิ้งลงมา ปราสาทเต๋อกุลาที่ใหญ่โตทั้งหลัง ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ยังสงบปลอดภัย ทว่าไม่กี่นาทีหลัง กลับเปลี่ยนเป็นความเสียหายทะเลไฟผืนหนึ่ง
ชนเผ่าเลือดแต่ละคนต่างพยายามแย่งกันหนีออกมา และในเวลานี้เอง ที่ระยะไกล ปรากฏจุดดำหลายจุดขึ้น ความเร็วของจุดดำพวกนี้ไวมาก แล่นมาจากระยะไกล ชั่วพริบตาเดียว คนในตระกูลของชนเผ่าเลือดที่อ่อนแอมองเห็นได้ชัด…นี่คือเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธแต่ละลำ
“ศัตรูโจมตี!”
ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมาแล้ว คนในตระกูลของชนเผ่าเลือดแต่ละคนขยับเข้ามา รวมตัวด้วยกัน จ้องเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธแต่ละลำตรงหน้าตาไม่กะพริบ ราวกับทะเลสีดำผืนหนึ่ง มาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ทั้งตัวของผู้อาวุโสสีหน้าหดหู่คนนั้นเกือบจะกลายเป็นหิน เขาจ้องฉากนี้ตาไม่กะพริบ สีหน้าซีดเซียวดูแย่
ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างแรง ฉากตรงหน้าทำให้เขาพูดไม่ออกสักประโยคเดียว อายจนจะแทรกแผ่นดินหนีไม่ทัน