สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 440
บทที่440 เทพเมถุน!
สนามพวกนี้ ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นสถานที่ที่ถูกนำมาใช้จัดการพนันระดับต่ำ แต่ตอนนี้พวกมันกลายเป็นสนามการแข่งขันของสุดยอดดาบสามเล่ม
สนามการแข่งขันโดยรอบด้านนั้น เจ้าหน้าที่ของสมาคมการพนันเพชรพลอยแต่ละคนใส่ชุดสูทสีดำ สวมแว่นตาดำ ยืนอยู่โดยรอบของสนามการแข่งขัน พวกเขาแต่ละคนสีหน้าเย็นชา คนเหล่านี้ล้วนเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่สมาคมการพนันเพชรพลอยจ้างมาผ่านบริษัทรักษาความปลอดภัยบางส่วน ปกป้องความเป็นระเบียบเรียบร้อยของงาน
ด้านนอกสนามการแข่งขัน ภาพเงาแต่ละคนผ่านประตูกักตรวจความปลอดภัยที่สร้างขึ้นชั่วคราวแต่ละบาน เดินเข้าในห้องประชุม พื้นที่โดยรอบเสียงดังเอะอะ แต่กลับไม่เสียความเป็นระเบียบเรียบร้อย
“การตรวจความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดขนาดนี้เลยเหรอ?” หลีชิงเยียนมองเห็นภาพเงาคนหนึ่งในนั้น หลังจากถูกค้นเจอมีดพก โดนยึดทรัพย์ไว้ทันที
“แน่นอนครับ เพราะที่นี่ได้กลายเป็นจุดสำคัญของทั้งหัวเซี่ย บุคคลยิ่งใหญ่เหล่านั้นที่เดินทางมาไกลจากทั่วทุกสารทิศของหัวเซี่ย ที่รอคอยก็คือวันนี้ พวกเขาต่างชุมนุมกันที่นี่ ดังนั้นพวกเราจึงต้องรับประกันความปลอดภัยของที่นี่อย่างเข้มงวด…ขอเพียงมีสักคนเกิดอะไรขึ้น พวกเราสมาคมการพนันเพชรพลอยยากจะหนีความผิดได้” จางเป่าเฉิงพยักหน้าแล้ว “สุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนี้ แม้กระทั่งยังมีขนาดใหญ่กว่าสุดยอดการประชุมของหัวเซี่ยหลายงานเสียอีก ดังนั้นจึงไม่สามารถเกิดความผิดพลาดสักนิดได้ ยอมที่จะฆ่าคนเป็นพัน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดสักอย่าง!”
หลีชิงเยียนเหมือนกำลังคิดอะไร แวบหนึ่งเธอฟังความกดดันหนักอึ้งที่สำคัญและต้องแบกรับนั้นในคำพูดของจางเป่าเฉิงออก
ผ่านไปไม่นาน บนที่นั่งผู้ชมใกล้จะนั่งกันจนไม่เห็นที่ว่างแล้ว เหลือเพียงโซนแขกวีไอพี ยังมีที่นั่งว่างอยู่ไม่น้อย
ในเวลานี้ บนที่นั่งผู้ชม มีเสียงเอะอะระลอกหนึ่ง แต่สายตาของผู้ชมมากมายกลับจ้องที่หน้าประตูตรวจความปลอดภัยตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งนานยังไม่ได้ย้ายออกไป
ทันใดนั้น ภาพคนคนหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าประตูแล้ว ชั่วขณะนั้นทำให้สายตาของหลีชิงเยียนแข็งทื่อฉับพลัน
“หัวหน้าของสมาคมธุรกิจหู้ไห่ คาดไม่ถึงจะมาด้วย……” หลีชิงเยียนจงใจกดเสียงต่ำ ภายในดวงตาเปล่งประกายแสงอันรุ่งโรจน์ที่ไม่อยากเชื่อ และตื่นตกใจ
เห็นได้ชัดว่าท่านประธานเทพธิดายังนึกไม่ถึงว่าหัวหน้าสมาคมธุรกิจที่อยู่ไกลตั้งหู้ไห่ จะมาถึงที่นี่เช่นกัน
ดวงตาเฉินเป่ยหรี่เล็กน้อย สายตาของเขาตกอยู่ที่โซนแขกวีไอพีแล้ว เขาหรี่ดวงตาไว้ สายตากวาดผ่านภาพแต่ละคนที่อยู่โซนแขกผู้มีเกียรติ แววตาล้ำลึกอย่างยิ่ง
“ไม่เพียงแค่หัวหน้าสมาคมธุรกิจของหู้ไห่ แม้แต่บุคคลยิ่งใหญ่ของเยี่ยนจิงมากมายก็เข้ามากันหมด” จางเป่าเฉิงพึ่งพูดจบ ทันใดนั้น บนที่นั่งผู้ชมไม่ไกลออกไปนัก คาดไม่ถึงมีเสียงร้องที่กระตือรือร้นมากดังขึ้นมากะทันหัน
บนที่นั่งผู้ชม ผู้คนมากมายลุกขึ้นยืนกัน มองทางภาพคนคนนั้นที่ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยหลายคนปกป้องอย่างแน่นหนาที่หน้าประตูตรวจสอบความปลอดภัย ร้องตกใจ “อวี้เฉิงวั่ง! นายใหญ่ของตระกูลอวี้! คุณพระ คาดไม่ถึงว่าในช่วงที่ฉันมีชีวิตอยู่ จะได้เห็นอวี้เฉิงวั่งด้วยตาตัวเอง!”
“อวี้เฉิงวั่งในฐานะตระกูลพนันเพชรพลอย ก่อนที่ยังไม่ได้นั่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ก็เคยมีผลงานรางวัลชนะเลิศสุดยอดดาบสามเล่มครั้งหนึ่ง สุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนี้ เขาปรากฏตัวจริงๆ ด้วย”
“บิดาของอวี้ย้งเซวียน อวี้เฉิงวั่งเดิมคืออัจฉริยะการพนันเพชรพลอย เขาสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ นี่ปกติมาก” มีคนพูดขึ้น
“ไม่รู้ว่าครั้งนี้อวี้เฉิงวั่งยังเอารางวัลชนะเลิศไปได้อีกหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้ ทุกที่เป็นคนมีความสามารถ รางวัลชนะเลิศของสุดยอดดาบสามเล่ม ระดับความยากดูท่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากเหลือเกิน”
มีคนไม่น้อยที่เห็นได้ชัดว่านับถือตระกูลอวี้ที่ชื่อเสียงโด่งดัง กระตือรือร้นและตื่นเต้นอย่างมาก แต่นักพนันมากมายกลับนิ่งเฉยมาก
“กลัวว่าครั้งนี้จะเป็นไปไม่ค่อยได้ เทียบกับอวี้ย้งเซวียนลูกชายของอวี้เฉิงวั่ง หลายวันก่อนว่ากันว่าตายอยู่ที่เยี่ยนจิงแล้ว พรสวรรค์ของอวี้ย้งเซวียน เทียบกับสมัยหนุ่มของอวี้เฉิงวั่งยังสูงกว่าอีก เกือบจะถูกให้ความสำคัญอย่างมากทั้งตระกูลอวี้ แต่จนกระทั่งตอนนี้ สาเหตุการตายของอวี้ย้งเซวียนยังไม่กระจ่าง นายดูท่าทีจิตใจนี้ของอวี้เฉิงวั่ง จะมีความหวังได้ยังไงกัน!” มีคนแอบกระซิบกระซาบ สายตาแต่ละคู่ตกอยู่บนตัวของอวี้เฉิงวั่ง ความจริงเป็นเช่นนี้จริงๆ อวี้เฉิงวั่งสีหน้าอึมครึม ไม่เหมือนกันกับเขาในอดีตที่ปรากฏอยู่หน้าจอโทรทัศน์หน้าตาที่ดูอิ่มเอิบ
หลังเดินเข้ามาโถงประชุม อวี้เฉิงวั่งเพิกเฉยต่อเสียงตะโกนของแฟนคลับที่ฮึกเหิมตื่นเต้นเหล่านั้นไปโดยตรง นั่งลงไปทันที
“นายว่าทำไมอวี้ย้งเซวียนถึงตายอย่างน่าประหลาดแล้วล่ะ?” หลีชิงเยียนถามขึ้น
“คนทำอะไร สวรรค์ดูอยู่ นี่คือกรรมตามสนองเขา” เฉินเป่ยตอบกลับนิ่งๆ
และเวลานี้ ในโซนแขกวีไอพี บนที่นั่งหนึ่งในนั้น ผู้ชายที่หล่อสง่าคนหนึ่งจ้องมองอวี้เฉิงวั่งแบบเงียบๆ ทันใดนั้นมุมปากยกเส้นรัศมีวงกลมขึ้น
เขาจ้องอวี้เฉิงวั่งอย่างแน่วแน่มาก เอ่ยปากกับลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างว่า “ไปบอกอวี้เฉิงวั่ง ฉันหาคนร้ายที่ฆ่าลูกชายของเขาเจอแล้ว คือสามีของท่านประธานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของหู้ไห่ เฉินเป่ย ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปแบบหนีไม่พ้น”
“ครับ!”
ลูกน้องคนนั้นรับปาก จากนั้นรีบเดินไปทางอวี้เฉิงวั่งทันที
ส่วนหลีเช่าเทียนที่บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ทันใดนั้นหมุนตัวมองทางเฉินเป่ย
เฉินเป่ยเหมือนมีลางบอกเหตุ บังเอิญกวาดสายตาไปเห็นหลีเช่าเทียนแล้ว
สายตาทั้งสองปะทะเข้าด้วยกันที่กลางอากาศ ดวงตาเฉินเป่ยแข็งทื่อฉับพลัน ส่วนหลีเช่าเทียนมองทางเฉินเป่ยวาดมุมปากขึ้นนิดหน่อย เผยรอยยิ้มที่มีความสนุกออกมา มีการเยาะเย้ยจางๆ
รอยยิ้มนี้ของหลีเช่าเทียน ความจริงช่างยั่วยุเหลือเกิน
เฉินเป่ยสีหน้าเรียบเฉย เพียงแต่สายตาที่มองทางหลีเช่าเทียนยิ่งเย็นยะเยือกขึ้น
“หลีเช่าเทียน ทำไมเขามาด้วยล่ะ?” หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างเฉินเป่ยสังเกตเห็นการมีอยู่ของหลีเช่าเทียนแล้ว
“ไม่เพียงแต่เขามา……” ทันใดนั้น เฉินเป่ยเอ่ยปากบอก
หลีชิงเยียนตะลึงนิดหน่อย เธอกวาดตาแวบหนึ่ง ถึงพบว่าไม่เพียงหลีเช่าเทียนที่มาแล้ว เหล่าญาติพี่น้องของตระกูลหลีล้วนนั่งอยู่ไม่ไกลจากหลีเช่าเทียนนัก
นอกจากหลีหงแล้ว ญาติเหล่านี้ของตระกูลหลีต่างมากันเกือบหมด
หลีชิงเยียนมองเหล่าญาติพี่น้องของหลีเช่าเทียนเหล่านี้อยู่ ดวงตาเปล่งประกาย ไม่นานสีหน้าเปลี่ยนไป
ร่างกายของหลีชิงเยียนสั่นเทาเล็กน้อย สำหรับเธอนั้นญาติพี่น้องของตระกูลหลีเหล่านี้ ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีอะไรนัก
เธอมีความทรงจำฝังลึกกับคนเหล่านี้ ตอนแรกเป็นเพราะคนเหล่านี้ร่วมกันกับสายญาติที่แตกแขนงไปคนอื่นๆ ไล่ตนเองและบิดาออกจากตระกูลหลี
เธอจะลืมได้อย่างไรกัน ตนเองกับบิดาโดนขับออกจากตระกูลหลี สายตาดูถูกเหยียดหยามที่ญาติพี่น้องเหล่านั้นมองตนเอง
หลังเธอมาที่เยี่ยนจิง พยายามไม่ไปนึกถึงความทรงจำที่ปวดร้าวในอดีตมาโดยตลอด จนกระทั่งเวลานี้ มองเห็นการมีตัวตนของคนต่ำต้อยพวกนั้นที่ไล่ตนเองออกจากตระกูลในสมัยก่อน หลีชิงเยียนจะปั้นสีหน้าดีได้อย่างไร?
ท่านประธานเทพธิดากัดริมฝีปากแดงแน่น เหมือนว่าจะกัดหนังให้ขาดไปเลย
เธอพยายามควบคุมตนเองอยู่ แต่ไฟโกรธและความฮึกเหิมในดวงตางดงามยังเปิดโปงเธอจนได้
หลีชิงเยียนเป็นคนที่มีสติเสมอมา แต่มีวันหนึ่งที่เธอเปลี่ยนไปบุ่มบ่ามเช่นนี้อย่างคาดไม่ถึง สามารถจินตนาการได้ว่าคนเหล่านั้นสร้างบาดแผลใหญ่แค่ไหนให้หลีชิงเยียน
เล็บของท่านประธานเทพธิดาจิกเข้าในเนื้อลึก กำหมัดทั้งสองแน่น ร่างกายสั่นเทาอย่างแรงเนื่องจากความฮึมเหิม
ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ที่กว้างหนาอบอุ่นคู่หนึ่งกุมมือสวยเรียวของท่านประธานเทพธิดาเอาไว้
หลีชิงเยียนใบหน้าแข็งทื่อ เสียงที่คุ้นเคยและกลับอ่อนโยนลอยเข้าในหูของเธอแล้ว
“เมื่อในอดีตผมไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ แต่ตอนนี้ขอเพียงมีผมอยู่ จะไม่มีใครรังแกคุณได้อีก พวกเขาแม้แต่ขนเส้นหนึ่งของคุณ ก็อย่าคิดแตะต้อง!”
เสียงของเฉินเป่ยอ่อนโยน ทว่าเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดที่น่าประหลาด ราวกับครอบครองแรงดึงดูดที่เป็นธรรมชาติต่อหลีชิงเยียน
“นาย……” หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยแบบอึ้งๆ คำพูดนี้ของเฉินเป่ยรุกเข้าในใจขอหลีชิงเยียนอย่างไร้ซึ่งแรงต้านทาน ทำให้ภายในใจท่านประธานเทพธิดาสั่นอย่างแรง มีความหวาดผวาที่น่าประหลาด
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยแบบเหม่อลอย ความแน่วแน่ที่เปล่งประกายในแววตาของเฉินเป่ยนั้น หลีชิงเยียนมองเห็นอย่างชัดเจน
ไม่รู้ทำไม ท่าทีของเฉินเป่ยอย่างกับสามารถติดต่อสู่คนได้ หลีชิงเยียนไม่ทันรู้ตัว คาดไม่ถึงเลือกเชื่อเฉินเป่ยแล้ว
“วางใจเถอะ ผมจะให้พวกเขาเสียใจที่ไล่พวกคุณออกไป ทำให้พวกเขามาหาเองถึงที่ มาขอโทษกับคุณ!” เฉินเป่ยมองทางหลีเช่าเทียน ค่อยๆ เอ่ยปากบอก “วันนี้…คงอีกไม่นานเท่าไร…”
พอได้ยินเฉินเป่ยจะมุ่งจะโค่นล้มหลีเช่าเทียน หลีชิงเยียนถึงได้สติกลับมา จากนั้นตอบสนองเข้ามา ดึงมือของตนเองกลับทีหนึ่ง พูดจาเย็นชา “เอาแต่พูดอย่างเดียวจะมีประโยชน์อะไร ไม่สู้หุบปากไปซะ”
เฉินเป่ยตะลึง สีหน้าประหลาดอยู่บ้าง อดบ่นพึมพำไม่ได้ “นึกจะโกรธก็โกรธ เปลี่ยนไวเสียยิ่งกว่าอะไร……”
“นายว่าอะไรนะ?” แวบหนึ่งคำพูดของเฉินเป่ยลอยถึงหูของท่านประธานเทพธิดา ทำให้หลีชิงเยียนสีหน้าเปลี่ยนไป
“ไม่มีอะไร ชิงเยียน คุณหูฝาดแล้ว เมื่อกี้ผมชมคุณว่าสวยล่ะ” เฉินเป่ยรีบหัวเราะเฮฮา พูดอธิบาย
หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด และตอนที่เธอหันหน้ามองไป ชั่วขณะนั้นทั้งสองคนมองเห็นบอดี้การ์ดคนหนึ่งของหลีเช่าเทียนเดินไปทางอวี้เฉิงวั่ง บอดี้การ์ดของหลีเช่าเทียนเดินไปถึงด้านข้างของอวี้เฉิงวั่ง กระซิบที่ข้างหูสองสามประโยค แวบเดียวอวี้เฉิงวั่งลุกขึ้นยืน หันหน้ามองมายังหลีชิงเยียนและเฉินเป่ยทางนี้ สีหน้าดูแย่อย่างยิ่งในแวบเดียว
“เกิดอะไรขึ้น?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย กอดหน้าอก เธอไม่เข้าใจ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“แย่แล้ว” และเฉินเป่ยสายตาประกาย เอ่ยปากบอกทันที “นี่หลีเช่าเทียนอยากจะยัดเยียดความผิดใส่ร้าย”
“ยัดเยียดความผิดใส่ร้าย?” หลีชิงเยียนสีหน้าตระหนก เฉินเป่ยพยักหน้าแล้ว ดวงตาเผยความหนักอึ้งล้ำลึกออกมา “ถึงตอนนี้อวี้เฉิงวั่งยังไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองอวี้ย้งเซวียนตายยังไงกัน เวลานี้หลีเช่าเทียนให้คนไปกระจายข่าว นี่ไม่ใช่อยากเอาความผิดมาป้ายบนหัวพวกเราแล้วจะคืออะไร?”
“งั้นทำยังไงดี?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว เธอนึกไม่ถึงว่านับวันหลีเช่าเทียนยิ่งยากจะรับมือ เพียงแค่ให้ลูกน้องส่งต่อสองสามประโยค ก็ทำให้อวี้เฉิงวั่งพาลโกรธพวกเขาได้
ถ้านี่เป็นช่วงปกติคงไม่มีอะไรใหญ่โต แต่ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญ ไม่นานจางเป่าเฉิงก็ต้องลงสนามเข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่ม ถึงตอนนั้นถ้าอวี้เฉิงวั่งพุ่งเป้าไปยังจางเป่าเฉิง นี่คงทำให้จางเป่าเฉิงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ราบรื่น
“งั้นทำยังไงดี?” หลีชิงเยียนแวบหนึ่งสับสนอยู่บ้าง
“ดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ” เฉินเป่ยสีหน้าล้ำลึก พูดขึ้นช้าๆ
“เดี๋ยวใกล้จะเริ่มการแข่งขันแล้ว นายยังมาดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ อะไร?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น ชั่วขณะนั้นไม่พอใจขึ้นมา