สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 441
บทที่441 เคยมีท่านหนึ่ง!
เฉินเป่ยชำเลืองมองเธอแวบหนึ่ง “งั้นคุณอยากทำยังไง พุ่งเข้าไปอธิบายกับเขาเหรอ?”
คำพูดของเฉินเป่ยถามจนหลีชิงเยียนจุกไป หลีชิงเยียนพูดไม่ออก ได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “ถ้าอวี้เฉิงวั่งคิดว่าเป็นพวกเราทำ นายคิดว่าตระกูลอวี้จะปล่อยพวกเราไปเหรอ?”
เฉินเป่ยหันหน้ากลับไป เอ่ยปากพูดนิ่งๆ “ผมบอกแล้ว ไม่มีใครแตะต้องเส้นขนสักเส้นของคุณได้ ตระกูลอวี้ก็ด้วย”
ท่านประธานเทพธิดาใบหน้าแข็งทื่อ เกินความคาดหมายของเธออยู่บ้าง เธอมองเฉินเป่ยอยู่ สีหน้าแปลกประหลาด เธอไม่รู้ว่าเฉินเป่ยเป็นอะไรแล้ว ทันใดนั้นก็เหมือนเป็นคนละคน เปลี่ยนไปเผด็จการดุเดือดเช่นนี้ แม้แต่น้ำเสียงที่พูดจายังเปลี่ยนเป็นพูดคำไหนคำนั้นขึ้นมา
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ความคิดของหลีชิงเยียนย่อมละเอียดอ่อนเป็นธรรมดา เธอสามารถสัมผัสได้ถึงเรื่องที่มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย เหมือนในสายตาของเธอ เฉินเป่ยราวกับเกิดใหม่ หลีชิงเยียนเคลิบเคลิ้มสักพัก แม้กระทั่งเธอรู้สึกว่านี่ต่างหากถึงเป็นด้านหนึ่งที่เฉินเป่ยดูสมจริงที่สุด
เฉินเป่ยพลิกเปลี่ยนโฉมใหม่ เวลานี้จากบนตัวของเขาปล่อยท่วงทีนั้นออกมา แหลมคมดุเดือดราวกับดาบแหลมที่พึ่งออกจากฝัก สำหรับหลีชิงเยียน มีแรงดึงดูดที่พูดไม่ชัดเจนอย่างหนึ่ง
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ด้านข้างของเฉินเป่ย เธอย่อมมองไม่เห็น ตอนที่เฉินเป่ยพึ่งพูด แววตาค่อยๆ มีความซับซ้อนนั้นก่อหวอดขึ้นมา……
ตอนมองเห็นบุคคลยิ่งใหญ่มากมายที่โซนแขกวีไอพี เฉินเป่ยใจลอยครู่หนึ่ง คล้ายกับย้อนไปในอดีต ความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในใจตนเองช่วงนั้น……
เขาถึงเข้าใจ มีบางเรื่องคือหนีไม่พ้น มีเพียงออกไปเผชิญหน้า
หลีเช่าเทียนคือสิ่งขีดขวางใหญ่สุดที่อยู่ตรงหน้าตนเอง ก่อนหน้านี้เฉินเป่ยสงสารเขา แต่กลายเป็นหลีเช่าเทียนอยากมาแก้แค้นอย่างบ้าคลั่ง
“ใครมาทำให้คุณเจ็บ ผมจะให้เขาชดใช้เป็นร้อยเท่า!” ทันใดนั้นเฉินเป่ยกุมมือนุ่มของหลีชิงเยียนไว้ เอ่ยปากพูดอย่างจริงจัง
“อืม……” หลีชิงเยียนเดาไม่ได้โดยสิ้นเชิงว่าเฉินเป่ยจะทำขนาดนี้ ชั่วขณะหนึ่งจิตใจล่องลอย หัวใจเด็กสาวสั่นไหว แม้กระทั่งแก้มที่งดงามตึงเด้งนั้น มีสีแดงระเรื่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เฉินเป่ยในเวลานี้ เทียบกับเขาในเวลาปกติที่เล่นแง่อันธพาลแล้วไม่เหมือนกันเลย บวกกับผู้หญิงแต่ไหนแต่ไรมีความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจอย่างหนึ่งต่อคำสัญญาของผู้ชาย หลีชิงเยียนก็ไม่ต่างกัน
เหตุการณ์ต่อเนื่องขนาดนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว ฉากนี้ของทั้งสองคนทำให้ซูเหลยและจางเป่าเฉิงกระอักกระอ่วนมาก สุดท้ายจางเป่าเฉิงทนดูต่อไปไม่ไหว กระแอมขึ้นมาทีหนึ่ง ถึงทำให้หลีชิงเยียนลนลานแบบแก้มแดงอยู่ ดึงมือน้อยๆ ที่เนียนนุ่มกลับจากในมือของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยถลึงตาใส่จางเป่าเฉิงอย่างอึดอัด ในใจอดแอบต่อว่าไม่ได้ จางเป่าเฉิงพวกก้างขวางคอคนนี้ รบกวนเรื่องดีๆ ของตนเองเสียได้
ถ้าไม่ใช่จางเป่าเฉิง เขาคงสามารถดื่มด่ำกับมือน้อยๆ ที่เนียนนุ่มของท่านประธานเทพธิดาได้อีกสักพักหนึ่ง
“คนใกล้จะมาครบแล้ว” ในเวลานี้ จางเป่าเฉิงที่คอยสังเกตการเคลื่อนไหวหน้าประตูตั้งแต่ต้นจนจบเอ่ยปากบอกมากะทันหัน
เฉินเป่ยและหลีชิงเยียนมองไปตามทางสายตาของจางเป่าเฉิง พบว่าเมื่อสักครู่นั้น ที่นั่งของโซนแขกวีไอพี คนนั่งกันใกล้เต็มแล้ว
และในช่วงเวลาสุดท้ายนี่เอง ตำแหน่งของภาพคนที่เอ้อระเหยลอยชายมาสายแต่ละคนก็ยิ่งสูงขึ้นมา
ตั้งแต่ตอนแรกหัวหน้าสมาคมธุรกิจหู้ไห่ ถึงตอนนี้แม้แต่บุคคลชั้นสูงของเมืองอื่นๆ ยังมากันเกือบหลายท่าน
การปรากฏตัวของท่านเหล่านี้ แวบเดียวเกือบจะทำให้โถงประชุมฮือฮาขึ้น ผู้ชมนับไม่ถ้วนสีหน้าฮึกเหิม หลังมองเห็นการปรากฏของบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านั้น แทบจะลุกขึ้นอย่างคลุ้มคลั่ง
“เป็นเขาเอง ในสุดยอดดาบสามเล่มครั้งก่อน ในการแข่งรอบชิงชนะเลิศท้ายสุด แพ้ให้เทพพนันไปอย่างฉิวเฉียด!”
“วงการพนันเพชรพลอยก็มีเทพพนัน?”
“แน่นอน ความสามารถของเขากับอวี้เฉิงวั่งพอๆ กัน สุดท้ายว่ากันว่าอวี้เฉิงวั่งใช้เล่ห์เหลี่ยมบ้าง รบกวนสมาธิของเขา ทำให้เขาเกิดการวินิจฉัยผิดพลาด ถึงทำให้เขาพ่ายแพ้ ไม่อย่างนั้นใครแพ้ใครชนะ ยังไม่แน่เลยล่ะ!”
“หู้! นี่ไม่ใช่ผู้นำของเมืองหู้ไห่เหรอ? เขาก็มาด้วย!”
ในโถงประชุม มีบุคคลยิ่งใหญ่ที่ตาแหลมคมส่วนหนึ่ง แวบเดียวก็พบหู้ที่เดินเข้าในโถงงานมาอย่างธรรมดา เทียบกับบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านั้นที่มีบอดี้การ์ดล้อมรอบ สามารถพูดได้ว่าหู้เรียบง่ายอย่างมาก บวกกับผู้คนมากมายไม่เคยเจอหน้าจริงของเขามาก่อน มีเพียงบุคคลยิ่งใหญ่ส่วนหนึ่งถึงจำหู้ได้
บุคคลที่มีสิทธิ์นั่งอยู่โซนวีไอพีเหล่านี้ ไม่มีสักคนที่ไม่ใช่บุคคลชั้นยอดของหัวเซี่ย แต่ตอนที่พวกเขามองเห็นหู้ ภายในใจอดสั่นอย่างแรงไม่ได้ แม้กระทั่งสายตาเปลี่ยนไปหวาดผวาขึ้นมา
หลังหู้เดินเข้าไปในโซนวีไอพี จึงนั่งลงมา เรียบง่ายจนไม่เหมือนท่วงทีที่ผู้นำหู้ไห่ควรมีอย่างยิ่ง
“หู้……”
สัมผัสการฟังของเฉินเป่ยว่องไวอย่างมาก หู้พึ่งนั่งลงไปเอง สายตาของเฉินเป่ยก็มองเข้าไปแล้ว มองหู้จากระยะไกลแวบหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เหมือนนึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ สายตายิ่งล้ำลึกขึ้น
“เมืองหู้ไห่ของพวกเรายังมีบุคคลแบบนี้ด้วย คาดไม่ถึงไม่มีชื่อ?” หลีชิงเยียนนั่งอยู่บนที่นั่ง ขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ค่อยเข้าใจต่อเมืองหู้ไห่สักเท่าไร แต่ตอนที่บุคคลยิ่งใหญ่แนะนำหู้สักหน่อย เธอกลับสงสัยอยู่บ้าง เพราะบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปดำเนินกิจการมาหลายปี เธอยังไม่เคยได้ยินการมีตัวตนของหู้เลย
“ทุกเมืองล้วนมีผู้ควบคุมอยู่ หู้ก็คือหนึ่งในนั้น หู้ไห่เป็นถิ่นของเขา คุณย่อมไม่รู้เป็นธรรมดา เพราะระดับของคุณยังห่างไกลเกินไป พ่อของคุณน่าจะรู้มานิดหน่อย คุณลองไปถามดูได้”
ขณะเดียวกันเฉินเป่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างหลีชิงเยียนเอ่ยปากพูดอธิบายให้หลีชิงเยียนฟังอย่างเกียจคร้าน
“งั้นนายรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?”ใบหน้าหลีชิงเยียนอึมครึม เธอไม่มีทางยอมรับได้อยู่แล้ว เฉินเป่ยมาถากถางระดับของตนเองยังไม่ถึงขั้นพอ
เผชิญหน้ากับการต่อว่าสอบถามของหลีชิงเยียน เฉินเป่ยหัวเราะนิดหน่อย ในรอยยิ้มมีการเล่นแง่เพิ่มเข้ามา “ไม่สู้คืนนี้ให้ผมนอนบนเตียง ผมจะบอกคุณให้”
“ประสาท” หลีชิงเยียนมองค้อนเฉินเป่ยอย่างแรง หันหน้าออกไป ไม่สนใจเขาแล้ว
“นึกไม่ถึงว่าหู้จะมาแล้ว แต่พวกเราไม่ได้เชิญเขา นี่คือการมาแบบไม่ได้รับเชิญสินะ” ทันใดนั้น จางเป่าเฉิงที่อยู่ด้านข้างหลีชิงเยียนเอ่ยปากขึ้นอย่างกะทันหัน จางเป่าเฉิงขมวดคิ้วแน่น บนหน้าเขียนความไม่เข้าใจเต็มที่
“ทำไมไม่เชิญเขา?” หลีชิงเยียนถามขึ้น
“ผู้ควบคุมเหล่านี้ล้วนลึกลับเหลือเกิน ปกติทำอะไรเรียบง่าย เดิมทีพวกเราไม่มีวิธีติดต่อของพวกเขา นอกจากพวกเขาจะมาหาพวกเราก่อนเอง” จางเป่าเฉิงพูดขึ้นอย่างจำใจ “ถ้าไม่ใช่คนเหล่านั้นดึงดูดความสนใจของผม ผมคงไม่รู้ว่าหู้ก็มาแล้ว”
“หัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยของเมืองซูก็มาถึงแล้วเหมือนกัน”
“ผู้บริหารองค์กรเผยแพร่วัฒนธรรมการพนันเพชรพลอยของอังกฤษก็มาแล้ว”
“เทพเมถุนยังออกมาจากภูเขาด้วย! พระเจ้า!”
วินาทีที่ผู้อาวุโสสองท่านนั้นเดินเข้ามา ที่โถงประชุม ชั่วขณะนั้นมีคนนับไม่ถ้วนลุกขึ้นยืนกันพรึบ
บนหน้าของคนนับไม่ถ้วนแสดงความตกใจและยากจะจินตนาการกันเต็มไปหมด ตอนที่มองเห็นเทพเมถุนปรากฏที่นี่อีกครั้ง ทำให้พวกเขาแต่ละคนตกใจอย่างกับเจอผีเข้าแบบนั้น
“เทพเมถุน เบื้องหลังใหญ่มากเหรอ?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น
“แน่นอน” จางเป่าเฉิงพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง “เทพเมถุนไม่เหมือนกันกับบุคคลบารมีสูงของวงการพนันเพชรพลอยเหล่านั้น เดิมทีพวกเขาไม่ควรมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้……”
“หมายความว่าอะไร?” หลีชิงเยียนมึนงง คำพูดของจางเป่าเฉิง นับวันยิ่งทำให้เธอยิ่งฟังไม่เข้าใจ
“พวกเขาไม่สามารถใช้คนทั่วไปมาบรรยายได้ อวี้เฉิงวั่ง เทพพนัน คนระดับกลางที่มีชื่อเสียงในวงการพนันเพชรพลอยนับไม่ถ้วน หลังที่พวกเขาปรากฏตัว ก็พ่ายแพ้ทั้งหมด……” จางเป่าเฉิงค่อยๆ พูดขึ้น “เทพเมถุนไม่ใช่คนแก่อะไร เมื่อสิบห้าปีก่อน พวกเขาได้กวาดล้างทั้งวงการพนันเพชรพลอย สามเดือนสั้นๆ ทำให้บุคคลมีชื่อเสียงทั้งวงการพนันเพชรพลอยพากันแพ้หนีไปทั้งหมด ไม่มีที่ไม่พ่ายแพ้ กระทั่งยังมีคนสงสัยว่าพวกเขาใช้วิธีบางอย่างโกงด้วย”
จางเป่าเฉิงพูดเสียงสั่นเครือ “แต่หลังจากที่โด่งดังในครั้งนั้น เทพเมถุนก็เงียบหายไปเลย เรียกได้ว่าไม่มีใครเป็นคู่แข่งของพวกเขาสองคน พวกเขาไม่อยากต่อต้านกับพวกสวะกลุ่มหนึ่ง จากนั้นเงียบหายไปหลายปี จนกระทั่งสุดยอดดาบสามเล่มครั้งก่อน มีคนที่มีความปรีชาสามารถโผล่ออกมาคนหนึ่ง ถึงกระตุ้นความสนใจของเทพเมถุน ประกาศว่าอยากศึกษาและแลกเปลี่ยนกับคนคนนั้นสักตั้ง”
“คนคนนั้นคือใคร?” หลีชิงเยียนถามด้วยความสงสัย จางเป่าเฉิงพูดแค่คำสองคำ สะกิดต่อมอยากรู้อยากเห็นของหลีชิงเยียนแล้ว
“ไม่ชัดเจน สุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนั้น มีบรรยายเกี่ยวกับคนนั้นน้อยเหลือเกิน” จางเป่าเฉิงส่ายหน้าแล้ว จ้องมองเทพเมถุน ค่อยๆ พูดว่า “คุณไม่มีทางรู้ตลอดกาล วงการพนันเพชรพลอยมีเรื่องมหัศจรรย์มากเท่าไร ไม่มีทางใช้สิ่งทั่วไปมาคิดเข้าใจได้”
“แค่ภูตผีปีศาจส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง คุณทำลึกลับเกินไปแล้ว” ทันใดนั้น เฉินเป่ยที่ไม่ได้ส่งเสียงมาตลอดเอ่ยปากพูด “ของมหัศจรรย์ ไม่เพียงมีตัวตนในวงการพนันเพชรพลอย จักรวาลที่ไร้ขอบเขต ของที่แปลกประหลาดหายากอะไรก็มีหมด คุณพูดเองว่าไม่มีคนเข้าใจเทพเมถุนว่าทำไมถึงทระนงองอาจขนาดนั้น ในนั้นมีความเป็นไปได้มากว่ามีกลิ่นตุๆ อะไรอยู่”
จางเป่าเฉิงตะลึง จากนั้นมองทางเฉินเป่ยอย่างดูถูก พลางพูดว่า “นายจะรู้อะไร คนไม่รู้เลยไม่กลัว เทพเมถุนเป็นตำนานหนึ่งเดียวของวงการพนันเพชรพลอย ทุกวันนี้เขายังเป็นฝันร้ายของอวี้เฉิงวั่ง เทพพนันและผู้คนมากมาย”
ขณะเผชิญหน้ากับจางเป่าเฉิงที่ดูถูกอย่างโจ่งแจ้ง เฉินเป่ยหัวเราะเล็กน้อย ค่อยๆ ถามว่า “ตำนานเพียงหนึ่งเดียว ทำไมผมจำได้ว่าเหมือนยังมีอีกคนหนึ่ง……”
“คุณแน่ใจ วงการพนันเพชรพลอย มีเทพเมถุนเพียงผู้เดียวที่เคยสร้างตำนานแบบนี้เหรอ?”
ทันใดนั้น ในเสียงของเฉินเป่ยมีความดุเดือดรุนแรงเพิ่มขึ้น ชั่วขณะนั้นสายตาของเขาเปลี่ยนไป จ้องมองเฉินเป่ยอยู่ น้ำเสียงเผยแรงกดดัน กระโจนไปทางจางเป่าเฉิง