สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 446
บทที่446 หัวหน้าสมาคมนับถอยหลัง!
เฉินเป่ยขี้เกียจจะโต้เถียงกับคนเหล่านี้ พยักหน้าๆ “งั้นตามใจพวกคุณเถอะ”
ผู้อาวุโสท่านนั้นเห็นเฉินเป่ยอ่อนข้อยอมแพ้แล้ว จึงทำเสียงฮึแบบได้ใจ ไม่ถือสาหาความต่อไปอีก
“ให้พิธีกรขึ้นเวที เริ่มต้นการแข่งขันเถอะ” ผู้อาวุโสหันหน้า พูดสั่งกับเจ้าหน้าที่หนึ่งในนั้น
เจ้าหน้าที่คนนั้นหมุนตัวออกไป ไม่ทันนาน พิธีกรก็ปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชมทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง ถือไมโครโฟนขึ้นเวทีมา
“ผู้ชมทุกๆ ท่าน เมื่อสักครู่ได้รับแจ้งมาว่าสุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากครั้งที่แล้วอยู่นิดหน่อยครับ สุดยอดดาบสามเล่มครั้งนี้จะมีผู้ตัดสินพิเศษเพิ่มมาท่านหนึ่ง ผู้ตัดสินท่านนี้ในอดีตเคยสร้างความทรงจำที่ลึกซึ้งไว้ ในสุดยอดดาบสามเล่มครั้งหนึ่งกลายเป็นม้ามืดมาแรง ชั่วเวลาแวบเดียวก็มีชื่อเสียงโด่งดัง……ต่อมาทั่วทุกหัวระแหงกลับไม่ได้ข่าวคราวของเขาอีก วันนี้ เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่อีกครั้งหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าในครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นผู้เข้าร่วมแข่งขันอีก แต่มาด้วยสถานะของผู้ตัดสิน!”
ทันใดนั้นพิธีกรมองทางเฉินเป่ย แววตาเผยความเคารพนับถือที่เร่าร้อนออกมา “เทียบกับเทพเมถุน เทพพนัน เขาแม้แต่ชื่อเรียกยังไม่มี เขาช่างลึกลับเหลือเกิน ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เป็นเกียรติของพวกเรามาก ที่สามารถเชิญเขามาได้!”
หลังจากที่พิธีกรพูดไปสักพักหนึ่ง บนที่นั่งผู้ชมก็ไม่ได้เหมือนก่อนหน้านี้ยามที่ผู้ตัดสินเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้น ซึ่งมีปฏิกิริยาตอบรับตื่นเต้นอย่างรุนแรง แต่นี่กลับเหยียดหยามอยู่บ้าง
เพราะเทียบกับผู้ตัดสินที่มีชื่อเสียงเรียงนามแต่ละท่านในนั้น ความจริงเฉินเป่ยช่างไม่เป็นที่รู้จักเอาเสียเลย ทำให้ผู้คนจำนวนมากนึกไม่ออกว่าเดิมทีเฉินเป่ยเป็นใครกันแน่
ถึงแม้พิธีกรจะกล่าวว่าชื่อเสียงและกระแสในอดีตพอจะเทียบกับเทพเมถุนได้ ยังยากที่จะทำให้คนเหล่านี้มีความทรงจำต่อเฉินเป่ยได้มากสักเท่าไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนั้นเฉินเป่ยมีชื่อเสียงโด่งดังเพียงชั่วขณะหนึ่ง ไม่เหมือนกับเทพเมถุน ทำการท้าทายกับคนมีชื่อเสียงในวงการพนันเพชรพลอยในตอนนั้นสักยกหนึ่ง ถึงทำให้ทั้งวงการพนันเพชรพลอยต่างจดจำพวกเขาได้
เฉินเป่ยเป็นเพียงม้ามืดที่มาแรงในสุดยอดดาบสามเล่มครั้งหนึ่ง ทำให้วงการพนันเพชรพลอยในตอนนั้น สั่นสะเทือนเลยทีเดียว
ชั่วครู่หนึ่งบนที่นั่งผู้ชมผู้คนนับไม่ถ้วนต่างมองหน้ากัน มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจคำพูดนั้นที่พิธีกรพึ่งพูดออกมา
พอเห็นฉากนี้เข้า เฉินเป่ยหน้าตาดูหมองคล้ำลง ภายในใจกระอักกระอ่วนแทบไม่ไหว เกือบจะสติแตกแล้ว
ตอนนี้เขาอยากเข้าไปจับปี้หย่วนเอาไว้ และทุบอย่างแรงไปสักยกจนใจแทบขาด ตนเองเพียงแค่อยากมาเป็นผู้ตัดสิน ไม่ได้ให้เขามาโฆษณาตนเองอย่างยิ่งใหญ่อลังการสักหน่อย
ชั่วขณะนั้นเฉินเป่ยตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว รองานพนันเพชรพลอยจบลง เขาจะไม่ปล่อยปี้หย่วนไปโดยเด็ดขาด
“เชอะ ฉันก็ว่าอยู่ ให้พวกเรารออยู่ตั้งนาน ที่แท้เป็นผู้ตัดสินเซอร์ไพรส์ที่ไม่มีใครเคยได้ยินนี่เอง!” ผู้อาวุโสคนนั้นก่อนนี้สีหน้ายิ่งกำเริบได้ใจใหญ่ มองทางเฉินเป่ย พูดจาเสียดสีเย้ยหยัน “ปี้หย่วนให้นายโผล่ออกมากะทันหันขนาดนี้ ไม่ได้บอกนายเหรอว่าพวกเราผู้อาวุโสที่สามารถมานั่งตำแหน่งนี้ได้เหล่านี้ ถึงพูดไม่ได้ว่าเป็นที่หนึ่งของวงการพนันเพชรพลอย แต่ล้วนมีอำนาจและบารมี แล้วนายล่ะ? ยัดเงินให้ปี้หย่วนกับรองหัวหน้าสมาคมเหล่านั้นไปเท่าไรกัน ถึงทำให้พวกเขาเพิ่มที่นั่งให้นายได้?”
คำพูดของผู้อาวุโสเสียดแก้วหูเป็นพิเศษ ทำให้แววตาของเฉินเป่ยแข็งทื่อเล็กน้อย
เพียงแต่ไม่นาน สายตาเฉินเป่ยขยับนิดๆ จ้องมองไปที่หลีชิงเยียนที่บนที่นั่งผู้ชม หมัดที่กำแน่นค่อยๆ คลายออก สีหน้าเปลี่ยนมาเรียบนิ่งขึ้นมา
ส่วนผู้ตัดสินหลายคนนั้นเห็นเฉินเป่ยไม่มีการตอบสนอง ได้แต่หัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยามทีหนึ่ง ขี้เกียจไปสนใจเขาอีก มองไปทางพิธีกรที่สนามโดยตรง จากนั้นทำท่าโบกไม้โบกมือให้
พิธีกรรับทราบ รีบหยิบไมโครโฟนพูดขึ้นมา “อย่างนั้น ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันของพวกเราเข้าสนามครับ!”
ภาพแต่ละคนเดินเข้ามาในเขตการแข่งขัน แวบหนึ่งหลีชิงเยียนหาภาพของจางเป่าเฉิงในนั้นเจอ แอบบีบหมัดเอาไว้ ในใจให้กำลังใจกับจางเป่าเฉิง
ทั้งสิบกว่าคนเดินเข้ามาที่สนามพันตารางเมตร ทุกคนล้วนมีระยะห่างกันร้อยเมตรเต็มๆ หลีกเลี่ยงเหตุการณ์คดโกงใดๆ โดยสิ้นเชิง และทำให้ผู้ชมที่อยู่บนที่นั่งสามารถมองเห็นการกระทำของพวกเขาแต่ละคนได้จากทุกมุมอีกด้วย
งานใหญ่แบบนี้จัดธรรมดาและเรียบง่าย คล้ายกับวัฒนธรรมการพนันเพชรพลอย ประเพณีที่ดำเนินการมาอย่างยาวนานนับพันปี ถึงตอนนี้ งานพนันเพชรพลอยได้สืบทอดอย่างครบถ้วนต่อมาแล้ว
บนที่นั่งผู้ชม ทันใดนั้นซูเหลยขมวดคิ้วขึ้น ชี้ไปทางจุดหนึ่งในนั้น เอ่ยปากบอกกับหลีชิงเยียน “คุณดูทางนั้นสิ”
หลีชิงเยียนมองไปทางที่ซูเหลยชี้ไว้ แวบเดียวก็มองเห็นอวี้เฉิงวั่งยืนอยู่ตรงหน้าของจางเป่าเฉิง
หลีชิงเยียนมองเห็นฉากนี้ ชั่วขณะนั้นภายในใจเต้นตึกตัก หลุดปากออกมาว่า “แย่แล้ว”
“อืม” เวลานี้ต่อให้เป็นซูเหลยก็สัมผัสถึงความไม่ปกตินิดๆ เช่นกัน
ใจกลางสนามการแข่งขันของสุดยอดดาบสามเล่ม เริ่มแรกจางเป่าเฉิงยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะของตนเอง ทันใดนั้น ภาพคนคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของจางเป่าเฉิง เสียงหนาวเย็นลอยเข้าหูของจางเป่าเฉิง “หัวหน้าสมาคมจางกลายเป็นผู้ช่วยคนร้ายของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรกัน”
จางเป่าเฉิงเงยหน้า มองเห็นอวี้เฉิงวั่งที่สีหน้าอึมครึมยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง
จางเป่าเฉิงย่อมรู้จักอวี้เฉิงวั่งเป็นธรรมดา แสดงความเคารพพูดว่า “ผู้นำตระกูลอวี้ ระหว่างพวกเราน่าจะมีอะไรเข้าใจผิด……”
จางเป่าเฉิงยังไม่ทันพูดจบ ก็โดนอวี้เฉิงวั่งขัดจังหวะอย่างหยาบคาย “เข้าใจผิด? ระหว่างพวกเราจะมีอะไรเข้าใจผิดได้? คุณในฐานะหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยหัวเซี่ย คาดไม่ถึงว่าแอบช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ!”
อวี้เฉิงวั่งจ้องจางเป่าเฉิงแบบเย็นชา “การตายของลูกชายผม พวกคุณต้องชดใช้!”
จางเป่าเฉิงตะลึงนิดหน่อย จากนั้นพูดด้วยเสียงทุ้ม “ผู้นำตระกูลอวี้ครับ การตายของอวี้ย้งเซวียนยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ ก่อนหน้านี้ผมได้ติดต่อทางตำรวจของเยี่ยนจิงไปแล้ว ปัจจุบันยังไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับคนร้าย คุณอย่าไปเชื่อคำปลุกปั่นของคนอื่น……”
อวี้เฉิงวั่งหัวเราะเยาะ “ไม่มีเบาะแส ลูกชายผมตายยังไง ผู้หญิงบนที่นั่งคนนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจเสียยิ่งกว่าอะไร คุณชายตระกูลหลีบอกผมทั้งหมดแล้วว่าคือไอ้เด็กหนุ่มที่ผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงไว้ที่ฆ่าลูกชายผม ปรากฏว่าตอนนี้คุณยังช่วยพวกเขาปกปิดความจริงอีก”
จางเป่าเฉิงขมวดคิ้ว อวี้เฉิงวั่งในเวลานี้ดื้อรั้นมากอย่างชัดเจน ทำให้เขาจนใจมาก
“ผู้นำตระกูลอวี้ หลีเช่าเทียนกับหลีชิงเยียนทั้งสองคนมีบุญคุณความแค้นกันอยู่ การตายของลูกชายคุณ ผมจะต้องช่วยคุณสืบหาให้กระจ่าง……”
คำพูดของจางเป่าเฉิงยังไม่ทันจบ อวี้เฉิงวั่งก็พูดขัดมาแบบเย็นชา “ไม่ต้องหรอก มีผมอยู่ พวกคุณฝันไปเถอะว่าจะได้รางวัลชนะเลิศของสุดยอดดาบสามเล่มนั้น!”
หลังอวี้เฉิงวั่งพูดจบทำเสียงฮึดฮัด หมุนตัวออกไปด้วยสีหน้าเขียวปัด เหลือไว้เพียงจางเป่าเฉิงที่กระอักกระอ่วน มองภาพด้านหลังของอวี้เฉิงวั่ง ถอนหายใจอย่างจำใจ
“อวี้เฉิงวั่งคงไม่ปล่อยจางเป่าเฉิงไปแน่” ถึงแม้หลีชิงเยียนและซูเหลยจะไม่รู้บทสนทนาระหว่างสองคนนั้น แต่เมื่อสักครู่ พวกเธอมองเห็นลูกน้องของหลีเช่าเทียนไปติดต่อกับอวี้เฉิงวั่ง ต่อให้เป็นคนโง่ในเวลานี้ก็ยังเข้าใจ ข้างในนี้ต้องมีพิรุธเป็นแน่
“หัวหน้าสมาคมจางเป็นหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอย ประสบการณ์โชกโชน เขาน่าจะสามารถรับมือด้วยตนเองได้” ซูเหลยมองความกังวลของหลีชิงเยียนออก จึงพูดปลอบใจ
หลีชิงเยียนพยักหน้าอย่างจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย พูดว่า “หวังให้เป็นแบบนั้น”
ถึงแม้สีหน้าเธอจะดูดีขึ้นมากแล้ว แต่ในใจเธอรู้ดีมาก ระดับความยากของสุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนี้เกินกว่าเมื่อก่อนไปไกลมาก ผู้เข้าร่วมแต่ละท่านล้วนเป็นบุคคลมีชื่อที่โด่งดังในวงการพนันเพชรพลอยมานานมาก และการต่อสู้ของสุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนี้ต้องดุเดือดยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ ในอดีตหลายเท่าอย่างแน่แท้
แม้แต่เทพเมถุนตำนานผู้ไม่พ่ายแบบนี้ ยังปรากฏตัวขึ้นเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ เลย
จางเป่าเฉิงจะสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันที่ดุเดือดเช่นนี้มาได้จริงเหรอ?
พอคิดแบบนี้เข้า ในดวงตาของหลีชิงเยียนเผยความกังวลใจออกมา
ไม่เพียงมีผู้นำมากมายขนาดนี้อยู่ในการแข่งขัน ยังมีอวี้เฉิงวั่ง อันตรายที่ซ่อนแฝงอยู่ภายในคนคนนี้อีก หลีชิงเยียนเป็นห่วงจางเป่าเฉิงมากจริงๆ
โดยรอบของจางเป่าเฉิงอันตรายทุกด้าน
“เมื่อเริ่มต้นการแข่งขัน จะนับถอยหลังหนึ่งชั่วโมง ภายในหนึ่งชั่วโมง ผู้เข้าร่วมแข่งขันสามารถเลือกหินหยาบที่ทางการเตรียมเอาไว้ให้ได้ตามสบาย สามารถเลือกหินหยาบได้มากที่สุดห้าก้อน หลังจากสิ้นสุด จะมอบให้ผู้ตัดสินประเมินมูลค่า เรียงลำดับมูลค่าทั้งหมด หลังเรียงลำดับแปดลำดับแรกจะเข้ารอบไปโดยอัตโนมัติ” ในเวลานี้ เสียงระฆังดังขึ้น หลังพิธีกรเน้นกฎเกณฑ์ไปอีกครั้งหนึ่ง รถเข็นแต่ละคันถูกเข็นมาด้านหน้าของผู้เข้าร่วมแข่งขันแต่ละคน
และรอบด้านของสนามแข่งขันมีหน้าจอยักษ์แต่ละจอแขวนไว้ ถ่ายทอดสดการกระทำของผู้เข้าร่วมแข่งขันแต่ละคนอยู่ ทำให้ผู้ชมที่อยู่บนที่นั่งดูมองเห็นชัดเจนขึ้น
สายตาของหลีชิงเยียนจ้องจางเป่าเฉิงไม่ขยับ พอเริ่มต้น สายตาของเธอก็ไม่ได้ย้ายไปไหน
“หนึ่งชั่วโมง เวลาเต็มที่ขนาดนี้?” บนที่นั่งผู้ตัดสิน เฉินเป่ยตะลึงนิดหน่อย เอ่ยปากพูดขึ้น
ส่วนผู้อาวุโสก่อนหน้านี้ที่เสียดสีเฉินเป่ยทำเสียงฮึดฮัด ในน้ำเสียงแฝงด้วยความหยิ่งยโสและได้ใจ “ถึงตอนนั้นนายจะได้รู้ว่าสุดยอดดาบสามเล่มไม่เพียงทดสอบแค่การพนันเพชรพลอย ยิ่งเป็นภายในใจด้วย”
เฉินเป่ยยักคิ้วเล็กน้อย ตอนนั้นที่เขาเข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่ม เวลาของสุดยอดดาบสามเล่มมีเพียงสิบนาทีสั้นๆ เอง
ครั้งนี้กลับยืดยาวออกไปหกเท่าเลย
สรุปพวกเขาอยากทำอะไร? เฉินเป่ยหัวใจเต้นเร็วขึ้น ชั่วขณะหนึ่งเขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง