สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 449
บทที่449 เทพเมถุนอันดับหนึ่ง!
เฉินเป่ยหัวเราะกำเริบเสิบสานเหลือเกิน แม้กระทั่งยังมีความหมายเลวทรามด้วย ทำให้ผู้ตัดสินคนอื่นขมวดคิ้วแน่น ชั่วขณะนั้นภายในใจเกิดอารมณ์หุนหันอยากตีเฉินเป่ยให้ตาย
“นายขำอะไร? ว่าตามที่นายพูดแล้ว กติกาการแข่งขันใช้เครื่องตัดเพียงได้ในเวลาของการแข่งขันเท่านั้น ตอนนี้เกินเวลาการแข่งขันมาแล้ว นี่มีอะไรน่าขำกัน?” ผู้ตัดสินท่านหนึ่งขมวดคิ้วต่อว่า
เสียงหัวเราะของเฉินเป่ยค่อยๆ เบาลง เผยสีหน้าที่เรียบเฉยนิ่งสงบออกมา กวาดสายตามองผู้ตัดสินเหล่านี้แวบหนึ่ง ส่ายๆ หน้า “ความคิดล้าหลัง ใครบอกพวกคุณว่าการตรวจดูว่าดีไม่ดีของการพนันเพชรพลอย ใช้ได้แค่เครื่องตัดกัน?”
ผู้ตัดสินทั้งหมดในสนามได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเฉินเป่ยแล้วสีหน้าแข็งทื่อ ขมวดคิ้วขึ้น ผู้อาวุโสท่านนั้นสีหน้าอึมครึม ตวาดเสียงดุ “นายรู้มั้ยว่าตัวเองกำลังพูดอะไร? ถ้าไม่ใช้เครื่องตัด โครงสร้างที่สมบูรณ์ของหินหยาบจะได้รับความเสียหายได้ง่ายมาก…มีความเป็นไปได้มากว่าหยกที่อยู่ด้านในจะพัง! คำพูดเมื่อกี้ของนาย เป็นภัยกับทั้งวงการพนันเพชรพลอย!”
สีหน้าของเฉินเป่ยไม่ได้หวั่นไหวสักนิด มองผู้อาวุโสท่านนั้นแวบหนึ่ง ภายในแววตามีความหมายเย้ยหยันแวบผ่าน “ว่าตามที่คุณพูดขนาดนี้ สมัยโบราณที่ตอนที่ยังไม่มีเครื่องตัด หยกของหินหยาบคงได้รับความเสียหายทั้งหมดแล้ว?”
ผู้อาวุโสและผู้ตัดสินทั้งหมดในงานสีหน้าตะลึง ชั่วขณะหนึ่งคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรตอบโต้เฉินเป่ยกลับไป
และในเวลานี้เอง เฉินเป่ยพลิกข้อมือกะทันหัน ตามมาด้วยในดวงตาผู้ตัดสินเหล่านี้ในสนาม มีแสงดำแวบผ่านไป ไม่มีใครมองแสงดำนั้นชัดเจนว่าคืออะไรกันแน่… “ชิ้ง!”
ชั่วพริบตาเดียว แสงดำเส้นนั้น ภายใต้สายตาของมวลชนที่กำลังจ้องมอง โจมตีไปบนหินหยาบก้อนนั้นฉับพลัน เกิดเสียงชิ้ง ประกายไฟกระเด็น
เสียงกระทบที่แสบแก้วหูนี้ ทำให้ในใจผู้ตัดสินสั่นสะเทือนอย่างแรง หลังจากนั้นตอนที่พวกเขามองทางหินหยาบก้อนนั้น สีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่
“นี่เป็นไปไม่ได้!”
ผู้อาวุโสมองหินหยาบก้อนนั้นอย่างอึ้งทึ่ง หลุดปากออกมาจากจิตใต้สำนึก ลูกตาใกล้จะหล่นลงพื้นแล้ว
ส่วนผู้ตัดสินคนอื่นๆ ในใจสั่นสะท้านอย่างแรง พวกเขามองหินหยาบก้อนนั้นอยู่ เหมือนกับเห็นผีอย่างนั้นเลย
ผู้ตัดสินหนึ่งในนั้นหยิบหินหยาบก้อนนั้นขึ้น ลูบคลำหินหยาบก้อนนี้ด้วยความระมัดระวัง พูดพึมพำ “รอยตัดที่เกลี้ยงเกลาเรียบตรงแบบนี้ แถมห่างจากหยกด้านในเพียงนิดเดียว……แม้แต่เครื่องตัดยังทำไม่ได้ถึงระดับแม่นยำแบบนี้……”
เฉินเป่ยมองหินหยาบก้อนนั้น สีหน้าสงบนิ่ง เหมือนว่าทุกอย่างนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเขา
ส่วนสายตาที่ผู้อาวุโสมองทางเฉินเป่ยชั่วขณะนั้นเปลี่ยนมาก สายตาที่ตื่นตกใจ เหมือนกำลังมองสัตว์ประหลาด
บนที่นั่งผู้ชม คนดูนับไม่ถ้วนตื่นตกใจเป็นแถบ ทุกคนที่อยู่ในงานล้วนมองเห็นภาพเมื่อสักครู่ที่เฉินเป่ยลงมือฉายอยู่ในหน้าจอยักษ์ แต่ทว่าไม่มีสักคนมองการกระทำของเฉินเป่ยได้แจ่มแจ้ง
ผู้คนส่วนใหญ่มองเห็นเพียงเฉินเป่ยคล้ายกับล้วงของอะไรออกมา ตามมาด้วยแสงดำสายหนึ่งแวบผ่าน ผิวภายนอกของหินหยาบก้อนนั้นก็ถูกตัดทิ้ง เผยหยกก้อนใหญ่ที่อยู่ด้านในออกมา
วิธีที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ เหมือนว่าเครื่องตัดยังแย่กว่าหน่อย
ด้านนอกสนาม ในโซนพักผ่อนของผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ผู้อาวุโสสองท่านกำลังหลับตาพักผ่อน สีหน้าของพวกเขาเรียบเฉย เผยความหยิ่งยโส เหมือนว่าทุกอย่างของโลกภายนอกต่างยากจะกระตุ้นความสนใจของพวกเขาได้
สองท่านนี้คือเทพเมถุนที่หลีหงไปเยี่ยมเยือนมาด้วยตนเอง และมีชื่อเสียงสั่นสะเทือน
และตอนที่หน้าจอยักษ์ฉายภาพซ้ำที่เฉินเป่ยลงมือ ผู้อาวุโสสองท่านนี้ได้ยินพิธีกรพูดอธิบายอย่างตื่นตะลึงตกใจ ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาฉับพลัน แสงกระจ่างเส้นหนึ่ง แวบผ่านไป
พวกเขาจ้องภาพเล่นซ้ำที่เฉินเป่ยลงมือไปตรงๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง เทพเมถุนสองท่านนี้ที่หน้าตาภายนอกคล้ายคลึงกันอย่างมาก มองหน้ากันและกัน และเอ่ยปากพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “น่าสนใจอยู่”
โซนแขกผู้มีเกียรติวีไอพี
หลีเช่าเทียนแอบมองสีหน้าของผู้ตัดสินที่กำลังตกใจบนหน้าจอเหล่านั้น สองข้างตัวของเขามีชายชุดดำที่รูปร่างสูงใหญ่สองคนลุกยืนด้วยความเคารพ หลีเช่าเทียนท่วงท่าลุ่มลึกเงียบขรึม เพียงแค่ดวงตาทั้งคู่เผยความทระนงองอาจออกมาไม่ขาดสาย
พอกล้องหมุน ชั่วขณะนั้นบนหน้าจอปรากฏหน้าของเฉินเป่ยที่คลุมผ้าดำไว้ ทันใดนั้น หลีเช่าเทียนยกมุมปาก สายตามองดวงตาของเฉินเป่ย ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
สายตาแบบนี้ เขาคุ้นเคยมาก แต่ชั่วขณะนั้นเขากลับนึกไม่ออก
อีกมุมหนึ่งของโซนวีไอพี หลังหู้มองเห็นการลงมือของเฉินเป่ยในหน้าจอยักษ์ พูดสั่งการกับลูกน้องด้านข้างทันใด “ความเร็วของเขาไวมาก ความสามารถน่าจะไม่ด้อย ไปบอกเขา ฉันอยากเชิญเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงส่วนตัวของฉัน”
“ครับ” ลูกน้องคนนั้นออกไปด้วยความเคารพนอบน้อม ความหมายของหู้ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร ผ่านการเล่นซ้ำเมื่อสักครู่นี้เพียงแวบเดียว เขาก็มองผู้ตัดสินลึกลับชุดดำท่านนี้ออกแล้วว่าครอบครองความสามารถที่ไม่ธรรมดา แสดงความเป็นมิตรและมอบโอกาสให้
“ผู้ตัดสินนี้สรุปเป็นมายังไงกัน?” ด้านนอกสนาม อวี้เฉิงวั่งลุกขึ้นทันที มองทางหน้าจอใหญ่ สายตาเผยความสามารถออกมา
ในฐานะผู้นำตระกูลพนันเพชรพลอยที่ประวัติศาสตร์ยาวนาน และตำแหน่งชนะเลิศของสุดยอดดาบสามเล่ม อวี้เฉิงวั่งฝีมือในด้านการพนันเพชรพลอย แบกรับคำเรียกว่าปรมาจารย์คำนี้ไหวแน่นอน
แต่ตอนนี้ การกระทำเมื่อสักครู่ของเฉินเป่ย คาดไม่ถึงทำให้อวี้เฉิงวั่งมองไม่ออก แม้แต่เขาก็ยังไม่ชัดเจน สรุปแล้วเฉินเป่ยทำได้อย่างไรกัน
“ท่าเมื่อกี้นี้ ทำได้ยังไงกันแน่?” ผู้ตัดสินหนึ่งในนั้นกลืนน้ำลายอย่างแรง ภายในความเงียบสงัด ในที่สุดอดถามกลับไปไม่ได้
เฉินเป่ยมองผู้ตัดสินท่านนั้นแวบเดียว เอ่ยปากตอบนิ่งๆ “วิชาต่อสู้ระดับโลก มีเพียงความเร็วถึงจัดการได้ การพนันเพชรพลอยก็เหมือนกัน ตั้งแต่โบราณมา ไม่มีการตรวจสอบภายในว่าต้องใช้เครื่องตัดกฎเกณฑ์ข้อนี้”
เสียงของเฉินเป่ยดังก้องอยู่ในสมองของแต่ละคน และในใจของผู้ตัดสินแต่ละคนนี้สั่นสะเทือนกันหมด
ผู้อาวุโสท่านนั้นถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างแรง เฉินเป่ยทำลายแผนการของเขาแล้ว ย่อมทำให้เขาโกรธแค้นมากเป็นธรรมดา
เขาโบกมือแบบไม่พอใจ มองทางหินหยาบก้อนที่ห้านี้ พูดเสียงหนาวเหน็บ “งั้นประเมินใหม่อีกครั้ง”
“นี่คืออัญมณีสองสี?” ทันใดนั้น สายตาของผู้ตัดสินท่านหนึ่งตกอยู่บนหินหยาบก้อนนั้น สีหน้าเคร่งขรึมฉับพลัน
“อัญมณีสองสี คาดไม่ถึงเป็นอัญมณีสองสี?” คำพูดของผู้ตัดสินท่านนั้นพอดังขึ้น ชั่วขณะหนึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งงานมากันหมด
แวบเดียวกล้องก็จับภาพไปที่หินหยาบก้อนนั้น บนที่นั่งผู้ชม คนดูมากมายคาดไม่ถึงจะอยู่ไม่นิ่งขึ้นมา
“ฉันไม่ได้ฟังผิดไปนะ คาดไม่ถึงคืออัญมณีสองสี!”
“ของล้ำค่าแบบนี้ก็ตัดออกมาได้ด้วย!”
บนที่นั่งผู้ชม ชั่วขณะหนึ่ง คนดูนับไม่ถ้วนคลื่นมหาชนไม่สงบขึ้นมาตามๆ กัน คนมากมายอยากรีบลงไปจนใจแทบขาด สังเกตดูให้ละเอียดอัญมณีสองสีที่หายากก้อนนั้นสักหน่อย
“อัญมณีสองสี…คุณพระ!” ท่านประธานเทพธิดาใบหน้าฝืดค้าง มึนงงไปทั้งตัวแล้ว
ธุรกิจอัญมณีของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปพัฒนาจนเจริญรุ่งเรือง หลีชิงเยียนย่อมเคยได้ยินตำนานของอัญมณีสองสีเป็นธรรมดา
“อะไรคืออัญมณีสองสีคะ?” กลับเป็นซูเหลยที่อยู่ด้านข้างถามมาแบบไม่เข้าใจ
“อัญมณีส่วนใหญ่มีเพียงแค่สีเดียว และอันที่มีสารไม่บริสุทธิ์ และสีผสมปนเปพวกนั้นเดิมทีไม่อาจเรียกเป็นอัญมณีได้ แต่อัญมณีสองสี กลับเป็นอัญมณีสองประเภทที่ความบริสุทธิ์สูงสุดโดยธรรมชาติประสานอยู่ด้วยกัน……เหตุการณ์แบบนี้แทบจะมีน้อยมาก คาดไม่ถึงว่ามีอยู่จริง!”
หลีชิงเยียนอธิบายให้ซูเหลยฟังอย่างอดทน “แต่ไหนแต่ไร ต่างมีผลสรุปทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่ามีความเป็นไปได้แบบนี้ แต่ยังไม่มีใครเคยเจอ ถึงเป็นสุดยอดดาบสามเล่มสมัยก่อนก็ไม่เคยปรากฏขึ้น นึกไม่ถึงว่านี่เป็นเพียงรอบแรกคัดสิบหกเหลือแปดจะปรากฏขึ้นแล้ว ที่แท้พอผู้เชี่ยวชาญลงมือ ก็รู้ว่ามีไม่มีได้” หลีชิงเยียนกล่าวชื่นชม สายตาที่มองไปยังจางเป่าเฉิงเพิ่มความหมายเลื่อมใสหลายระดับ
ส่วนจางเป่าเฉิงที่ด้านนอกสนาม มองเห็นภาพของอัญมณีสองสีที่ฉายบนหน้าจอใหญ่ ในสมองเกิดเสียงดังปังทันที มึนงงฉับพลัน
เขาเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าจะผ่าอัญมณีสองสีออกมาได้ ตอนแรกเขาเพียงแค่คิดว่าเป็นแซฟไฟร์ขนาดใหญ่ที่ความบริสุทธิ์สูงเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับเป็นอัญมณีสองสีแดงและน้ำเงินนั้นได้
“นี่……” ผู้ตัดสินอาวุโสท่านนั้นจ้องอัญมณีสองสีก้อนนี้ตาไม่กะพริบ มุมปากกระตุกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่เขา ทั้งชีวิตยังไม่เคยเจออัญมณีสองสีมาก่อน แต่ตอนนี้ ของในตำนานชิ้นนี้กลับปรากฏตรงหน้าของเขาแล้ว
“อัญมณีสองสีนี้ เกรงว่าต้องให้คนที่พวกคุณเห็นดีเห็นงามด้วยไม่น้อยต้องตกรอบแล้ว” เฉินเป่ยพูดจาผ่อนคลายแบบไม่ช้าไม่เร็ว
ผู้อาวุโสเงยหน้าทันใด ถลึงสายตาที่โกรธเคืองเคียดแค้นใส่เฉินเป่ยทีหนึ่ง ทุกอย่างนี้ช่างเหมือนละครเหลือเกิน ทำให้เขาไม่มีทางยอมรับได้
เดิมทีเขาไม่ชอบขี้หน้าจางเป่าเฉิง อยากถือโอกาสทำให้จางเป่าเฉิงเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาประสบความสำเร็จแล้ว จางเป่าเฉิงตัดอัญมณีสองสีเจอ นี่คงต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นในวงการพนันเพชรพลอยอย่างแน่นอน
เป็นเพราะอัญมณีสองสีนี้ ทำให้ผู้อาวุโสที่ก่อนหน้าเคยคุยโอ้อวด เพื่อนเก่าที่เห็นดีเห็นงามมีชื่อเสียงหลายคน มีความเป็นไปได้มากว่าจะตกรอบแรกเพราะเหตุนี้
นอกเสียจากว่าพวกเขาสามารถตัดอัญมณีสองสีแบบนี้และยิ่งเป็นอัญมณีที่น่าตกใจออกมาได้……
เวลานี้ ผู้ตัดสินที่ก่อนหน้าเคยมีเรื่องบาดหมางกับจางเป่าเฉิงหลายคนนั้นเสียใจมาก ถ้ารู้แต่แรกว่าหินหยาบก้อนที่ห้านี้เป็นอัญมณีสองสี ให้ตายอย่างไรพวกเขาคงไม่ยอมให้มันถูกวินิจฉัยประเมินออกมา
และตอนที่ผู้ตัดสินเหล่านั้นใช้สายตาโกรธแค้นมองทางเฉินเป่ย สีหน้าเฉินเป่ยกลับเรียบนิ่งเป็นพิเศษ เหมือนเขารู้ผลลัพธ์ตั้งแต่แรกแล้ว
“ถ้าไม่มีผู้ตัดสินลึกลับท่านนี้ เกรงว่าจางเป่าเฉิงคงตกรอบแรกไปแล้วแน่ๆ” หลังสงบอารมณ์ลงมาได้บ้าง หลีชิงเยียนเอ่ยปากอย่างมีอารมณ์ความรู้สึกมากมาย
ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างนั่งอยู่ข้างกายของหลีชิงเยียน ฟังหลีชิงเยียนแล้วทอดถอนใจ หล่อนกลับมองเฉินเป่ยด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
บนหน้าจอใหญ่ การกระทำแต่ละอย่างของเฉินเป่ยล้วนทำให้สีหน้าของซูเหลยยิ่งประหลาดขึ้น
ไม่นาน หินหยาบสี่ก้อนที่เหลือก็ผ่านการวินิจฉัยและประเมินค่าจากผู้ตัดสินหลายท่านแล้ว ได้คะแนนสูงพอสมควรออกมาอย่างรวดเร็ว
ในความเป็นจริง ตั้งแต่ต้นจนจบผู้ตัดสินหลายท่านนั้นที่มีเรื่องบาดหมางกับจางเป่าเฉิงอยากจะให้คะแนนต่ำ แต่ผู้ชมทั้งงานมากขนาดนี้จ้องมองอยู่ พวกเขาย่อมไม่กล้าให้คะแนนต่ำเกินไป เลี่ยงที่จะเป็นข่าวพาดหัววันพรุ่งนี้ และกลายเป็นเรื่องตลกทั้งวงการพนันเพชรพลอยที่เอาเรื่องงานมาแก้แค้นส่วนตัว