สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 452
บทที่452 ผ่าของเสียออกมา!
“สรุปพวกนายอยากทำอะไรกันแน่?” หลีชิงเยียนถามด้วยเสียงเย็นเฉียบ
“ไม่ทำอะไร เพียงแต่อยากจะเตือนสติพวกเธอสองคน ตำแหน่งชนะเลิศของสุดยอดดาบสามเล่มต้องเป็นของฉัน ขอให้ทั้งสองคนอย่ามาขวางทางของฉัน ดีที่สุดถอนตัวออกไปเอง เลี่ยงที่จะทำลายมิตรภาพของพวกเรา” หลีเช่าเทียนเอ่ยปากด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลาย ส่วนหลีชิงเยียนใบหน้าอึมครึมทันใด
มาถึงตอนนี้ หลีชิงเยียนพึ่งเข้าใจเป้าหมายของหลีเช่าเทียน เดิมหลีเช่าเทียนอยากได้ตำแหน่งชนะเลิศของสุดยอดดาบสามเล่ม
หลีชิงเยียนยักคิ้วขึ้น ตอบกลับแบบเย็นชา “ตำแหน่งชนะเลิศนี่คือการอาศัยความสามารถส่วนตัวมาช่วงชิง นายอยากให้พวกเราถอนตัวออกไปเอง คนอื่นก็คงไม่ยอมด้วยแน่”
รอยยิ้มที่มั่นใจนิ่งเรียบบนหน้าหลีเช่าเทียนไม่ลดลง เหมือนเดาได้ตั้งแต่แรกว่าหลีชิงเยียนจะพูดปัญหาแบบนี้ออกมา จึงเอ่ยปากตอบไปทันที “ฉันเพียงแค่เห็นในตัวของเธอมีสายเลือดของตระกูลหลีอยู่ ถึงมาเตือนสักหน่อย แน่นอนว่าถ้าเธอดื้อดึงไม่ยอม เทพเมถุนผู้อาวุโสสองท่านนี้ ย่อมจะไม่ลงมือแบบปรานี เกรงว่าชื่อเสียงของหัวหน้าสมาคมจางคงไม่เหลือแน่”
หลีเช่าเทียนหันหน้ามองเทพเมถุนแวบหนึ่ง เทพเมถุนที่อยู่ด้านหลังหลีเช่าเทียนกวาดสายตามองจางเป่าเฉิงไปทันที สายตาคู่นั้นตกลงบนตัวจางเป่าเฉิง ชั่วขณะนั้นทำให้ร่างกายจางเป่าเฉิงสั่น
ถึงแม้จางเป่าเฉิงเป็นหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอย แต่ผู้มีพรสวรรค์ในสังคมไม่น้อย อย่างเช่นเทพเมถุนที่เป็นตำนานแม้แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่เคยพ่ายแพ้แบบนี้ ต่อให้เป็นจางเป่าเฉิง ตอนที่เผชิญหน้าก็ต้องใจสั่นเช่นกัน
หลีชิงเยียนจ้องหลีเช่าเทียนอย่างเย็นชา คำพูดพวกนี้ของหลีเช่าเทียนช่างจอมปลอมเหลือเกิน ในคำพูดที่มากขนาดนี้ ความหมายที่อยากจะแสดงออกมายังชัดเจนว่าอยากให้หลีชิงเยียนเห็นความยากลำบากจนถอนตัวไป นี่คือให้คำเตือนหนึ่งกับหลีชิงเยียน
“เวลาพักใกล้หมดแล้ว พวกเราต้องกลับไปก่อน ถ้าเธอมีเวลาว่าง งานพนันเพชรพลอยจบลง มานั่งเล่นที่บ้านหลีได้นะ ประตูของบ้านหลีเปิดกว้างรอเธอกับพ่อเธอทุกเวลา” หลีเช่าเทียนมองหลีชิงเยียนแบบมีความสนใจแวบหนึ่ง แววตาแฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง
หลังมุมปากของเขาวาดเส้นรัศมีวงกลมที่ผิดปกติขึ้น หมุนตัวออกไปพร้อมกันกับเทพเมถุน ภายใต้การอารักขาของบอดี้การ์ดโดยรอบ
“ตึกๆๆ……”
ดวงตางดงามจ้องมองภาพด้านหลังของหลีเช่าเทียน เสียงที่ดังกังวานติดๆ กันดังขึ้นกะทันหัน
หลีชิงเยียนจ้องหลีเช่าเทียนอย่างเย็นชา ร่างกายที่อ่อนช้อยสมบูรณ์แบบกำลังสั่นเทาเบาๆ ไม่หยุด
ในดวงตาของท่านประธานเทพธิดาเต็มเปี่ยมด้วยไฟโกรธและความเย็นเฉียบที่มหาศาล แม้กระทั่งเธอกำหมัดทั้งสอง ข้อต่อนิ้วมือถูกเธอกำจนซีดขาว เล็บมือจิกเข้าในเนื้อจนลึก
“ประธานหลี” ซูเหลยที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลีชิงเยียน เห็นฉากนี้เข้า ร้องเรียกแบบอดเป็นห่วงไม่ได้
“ฉันไม่เป็นไร” หลีชิงเยียนค่อยๆ คลายข้อนิ้วมือที่บีบจนซีดขาวออก หลังจากหลีเช่าเทียนเดินไปไกล สีหน้าของเธอถึงดูดีขึ้นบ้าง
“ประธานหลี นี่สรุปเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน คุณคือคนของตระกูลหลี?” จางเป่าเฉิงหันหน้ามองทางหลีชิงเยียนแบบมีความกลัวในใจ
แต่ทว่าหลีชิงเยียนกลับส่ายหน้าแล้ว “ฉันกับตระกูลหลีไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันค่ะ”
เธอย่อมไม่พูดออกมาเป็นธรรมดา เมื่อสักครู่นี้เธอโกรธแค้นฮึกเหิมขนาดนั้น เป็นเพราะหลีเช่าเทียนสาดเกลือมาบนบาดแผลเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนแรกที่ตระกูลหลีขับไล่เธอกับบิดาออกจากบ้าน ตอนนี้หลีเช่าเทียนก็พูดถึงเรื่องเก่าอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าจงใจกระตุ้นเธอเหรอ ตระกูลหลีไม่ได้ยอมรับตนเองตั้งนานแล้ว เขากลับจงใจเน้นถึงตระกูลหลี ทำให้หลีชิงเยียนนึกถึงสถานที่ที่ไม่ยอมนึกถึงมากที่สุดนั้นขึ้นมา
หลีเช่าเทียนมีเจตนาไม่ดี เป็นการตั้งใจโดยสิ้นเชิง
ถึงแม้หลีชิงเยียนจะไม่ยอมรับ แต่จางเป่าเฉิงยังคงสงสัยอยู่บ้าง แต่ตอนที่เขามองเห็นหลีชิงเยียนสีหน้าแย่ขนาดนั้น ท้ายที่สุดก็ไม่ได้จี้ถามต่อไปอีก
“เวลาพักผ่อนใกล้จะหมดแล้วมั้ง คุณน่าจะต้องกลับไปแล้ว” หลีชิงเยียนมองทางจางเป่าเฉิง
จางเป่าเฉิงพยักหน้า หลีชิงเยียนให้กำลังใจจางเป่าเฉิงไปสองสามประโยค จากนั้นมองจางเป่าเฉิงหมุนตัว เดินไปทางสนามแข่งขันที่นอกที่นั่งผู้ชม
หลีชิงเยียนจัดผมยาวที่ยุ่งเหยิงแล้ว ลมหายใจค่อยๆ สงบลง
และหลีชิงเยียน ซูเหลย แม้แต่จางเป่าเฉิงกลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งกระบวนการ ในที่นั่งผู้ตัดสิน มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังแอบจ้องมองพวกเขาอยู่ตั้งแต่เริ่ม
เฉินเป่ยนั่งอยู่ที่กลางนั่งผู้ตัดสิน เงยหน้ามองไปยังที่นั่งผู้ชม เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงที่นั่งผู้ชมอยู่ในสายตาชัดเจนดี
แต่ตั้งแต่แรกจนจบ สายตาของเฉินเป่ยแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป มีเพียงตอนที่มองเห็นเทพเมถุนปรากฏตัวด้านหลังของหลีเช่าเทียน ดวงตาของเฉินเป่ยถึงหดตัวฉับพลัน
ไม่นาน สายตาเฉินเป่ยเผยความชาญฉลาด เหมือนเข้าใจอะไรมาบ้าง ในสายตาที่มองทางเทพเมถุนเพิ่มความหมายหนาวเหน็บอ่อนๆ
และผ่านไปอีกสามนาที พิธีกรขึ้นเวทีมาอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นทั่วทั้งงานเงียบสงบลงมา ที่นั่งผู้ชมที่ก่อนหน้านี้จอแจ หลังมองเห็นพิธีกรปรากฏตัวขึ้น คนดูมากมายต่างนั่งลงมากัน
รอบที่สองการแข่งขันคัดออกจากแปดคนสู่สี่คน ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
พิธีกรยิ้มหยิบไมโครโฟนขึ้น ไม่นานก็ประกาศกติกาของการแข่งขันคัดออกก่อนแล้ว
ระดับความยากของการแข่งขันคัดออกสูงยิ่งกว่ารอบแรก ทุกคนครอบครองหินหยาบสี่ก้อนที่ผู้ตัดสินทางการถือโอกาสแยกให้ ในการแข่งขันคัดออก ภายในเวลาที่กำหนด ผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้หินหยาบในมือของตนเอง ไปแลกเปลี่ยนกับคนอื่นได้ตามชอบใจ สุดท้ายยังคงนำมูลค่าของหินหยาบมาจัดลำดับ
“ส่วนของการแข่งขันคัดออกรอบนี้ ผ่านการออกแบบใหม่หมดด้วยงั้นเหรอ?” ทันใดนั้นเฉินเป่ยถามผู้ตัดสินกานที่นั่งตรงกลางสุด
ผู้ตัดสินกานกวาดตามองอย่างดูถูก หัวเราะเยาะแบบได้ใจ “แน่นอน มีเพียงส่วนใหญ่ถึงสามารถเพิ่มจุดสนใจได้มากยิ่งขึ้น”
“เพียงเพราะสาเหตุอันนี้ กลัวว่าคงไม่พอทำให้คุณยุ่งยากออกแบบแต่ละส่วนใหม่อีกครั้งหรอกมั้ง?” เฉินเป่ยจ้องผู้ตัดสินกานตรงๆ ราวกับว่าแวบเดียวก็มองเขาออกแล้ว จากนั้นสอบถามกะทันหัน “ใครกัน เป็นใครให้คุณทำขนาดนี้?”
ผู้ตัดสินกานสีหน้าอึมครึม ทำเสียงฮึ พูดว่า “เจ้าหนุ่ม นายมีสิทธิ์อะไรมาซักถามฉัน? ฉันทำอะไรหรือว่ายังต้องบอกนายด้วยเหรอ?”
ผู้ตัดสินกานมองเฉินเป่ย เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ในแววตาทั้งหมดเต็มไปด้วยการเหยียดหยามและโอหัง “เหตุผลง่ายมาก ฉันกับจางเป่าเฉิงเคยมีเรื่องบาดหมางกัน ในอดีตตอนที่ช่วงชิงตำแหน่งหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอย เดิมทีผู้ที่ได้รับเลือกคือฉัน ถ้าไม่ใช่จางเป่าเฉิงใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรกพวกนั้น หัวหน้าสมาคมในตอนนี้ควรจะเป็นฉัน”
“เหตุผลอันนี้ เพียงพอรึยัง?” ผู้ตัดสินกานตอบอย่างเย็นชา ภายในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความก้าวร้าว
“จางเป่าเฉิงน่ะ รอบแรกให้เขาเลื่อนขั้นได้แบบโชคดี ส่วนรอบที่สอง นายคิดว่าเขายังมีโชคแบบนั้น ตัดอัญมณีสองสีออกมาได้อีกเหรอ?” ในน้ำเสียงของผู้ตัดสินกานเต็มไปด้วยการเสียดสี ผู้ตัดสินที่เหลือเหล่านั้นพยักหน้าไม่หยุดตาม เหมือนทัศนคติของพวกเขากับผู้ตัดสินกานเหมือนกัน
“ผู้ตัดสินกาน ไม่ต้องไปสนใจเขา การแข่งขันใกล้เริ่มแล้ว พวกเราควรไปแจกหินหยาบกันได้แล้ว” ผู้ตัดสินอีกท่านหนึ่งพูดเอาใจทางผู้ตัดสินกาน
ผู้ตัดสินกานพยักๆ หน้า ลุกขึ้นเอ่ยปากบอกนิ่งๆ “ไปเถอะ”
บนที่นั่งกรรมการ ผู้ตัดสินแต่ละท่านลุกขึ้น ที่สนามแข่งขันขนาดใหญ่ในเวลานี้เหลือเพียงโต๊ะแปดตัว ยิ่งเห็นได้ชัดว่าดูโล่งกว้าง
และผู้เข้าร่วมแข่งที่เหลือแปดคนยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะแล้ว มองผู้ตัดสินแต่ละท่านผ่านโต๊ะของตนเองไป
ครั้งนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้เข้าแข่งขันเลือกหินหยาบเอง แต่ผู้ตัดสินทุกคนจะแจกให้ก้อนหนึ่ง ผู้ตัดสินแต่ละท่านให้หินหยาบกับผู้แข่งขันก้อนหนึ่ง รับประกันความยุติธรรม
ส่วนตอนที่เฉินเป่ยเดินมาตรงหน้าของจางเป่าเฉิง สีหน้าของจางเป่าเฉิงดูแย่มาก เพราะเขาสร้างศัตรูไว้มากมาย
นอกจากเขาแล้ว ในบรรดาเจ็ดคนที่เหลือ เทพเมถุนและอวี้เฉิงวั่งโดนเขาทำผิดใจก็แย่แล้ว ห้าคนที่เหลือยังเป็นความสัมพันธ์แบบคู่แข่งกับเขา แต่ที่สำคัญสุดคือในบรรดาผู้ตัดสิน เขามองเห็นผู้ตัดสินกานแล้ว และผู้ตัดสินที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเขาหลายคน นี่เหมือนว่าสวรรค์กำลังล้อเล่นยกใหญ่กับเขา
ในใจจางเป่าเฉิงขมขื่น ถึงจะพูดว่ามีหินหยาบที่ได้รับแจกจากผู้ตัดสินไม่เหมือนกัน แต่บนโลกนี้มีความยุติธรรมที่เฉียบขาดที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ผู้คนมากมายอยากปัดเขาตกรอบจนใจแทบขาด อันตรายรอบด้าน ดวงตาแต่ละคู่จ้องตนเองแบบตาเป็นมัน
ก่อนหน้านี้ตนเองโชคดีผ่าอัญมณีสองสีออกมา เลื่อนขึ้นได้ แต่นี่หมายถึงอะไรอีก? กติกาของรอบที่สองกำหนดว่าต้องแลกเปลี่ยนหินหยาบกับคนอื่น มีเทพเมถุนและอวี้เฉิงวั่งอยู่ ผลกระทบของพวกเขาสองคน ใครจะกล้าแลกกับตนเอง?
จางเป่าเฉิงสามารถนั่งตำแหน่งหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยได้ ย่อมมองหลักครองตนในสังคมได้ทะลุปรุโปร่งเป็นธรรมดา ในใจเขารู้ดีมาก เกรงว่าหลีเช่าเทียนคงคำนวณทุกอย่างนี้เข้าไปตั้งแต่แรก เขาหลงเข้าไปในแผนที่หลีเช่าเทียนออกแบบไว้แล้ว
ไม่นาน จางเป่าเฉิงมองหินหยาบสี่ก้อนที่อยู่บนโต๊ะ แอบถอนหายใจในใจ เขาเงยหน้า มองทางผู้ตัดสินกานท่านนั้น ผู้ตัดสินการกวาดตามองจางเป่าเฉิงแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดแบบมีเลศนัย “หัวหน้าสมาคมจาง ขอให้นายโชคดีนะ”
หลังผู้ตัดสินกานพูดจบ หัวเราะผิดปกติ จากนั้นหมุนตัว ออกไปกับผู้ตัดสินคนอื่น
“เริ่มต้นการแข่งขัน” พิธีกรสั่งขึ้น ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน ก้มหน้าศึกษาวิจัยหินหยาบของตนเองแบบละเอียดขึ้น
ส่วนจางเป่าเฉิงก้มหน้า ยังดูได้ไม่นานมาก ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ในใจจางเป่าเฉิงสั่นฉับพลัน
“ใครกล้าแลกเปลี่ยนกับจางเป่าเฉิง ฉันจะทำให้เขาตกรอบในรอบนี้ทันที”
จางเป่าเฉิงเงยหน้า มองเห็นเทพเมถุนกำลังจ้องตนเองเหมือนอยากจะเขมือบ