สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 486
บทที่486 กองทหารใหญ่ถอยทัพ!
“รายงานครับ ห่ากระสุนของพวกเราไม่มีทางทำให้เกิดบาดแผลอะไรได้เลยครับ ไม่รู้ว่าศัตรูใช้ของอะไรมาสกัดกั้นไว้” นายทหารคนหนึ่งขึ้นไปรายงานต่อผู้อาวุโส
“พวกนายไม่ใช่ไม่รู้กัน พวกนายแค่ไม่มีทางเชื่อว่าเขาใช้เพียงแค่มีดเล่มหนึ่งสกัดห่ากระสุนของพวกนายทุกคนเอาไว้!” ผู้อาวุโสเอ่ยปากช้าๆ น้ำเสียงล้ำลึกเคร่งขรึม เสียงกลับแฝงอาการสั่นเครือ
“มีดเล่มหนึ่ง…….” นายทหารคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหัน กลายเป็นซับซ้อนตกใจอย่างยิ่ง เขายากจะเชื่อถือ
ห่ากระสุนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ของพวกเขา คาดไม่ถึงราชาหลงจะใช้มีดเล่มเดียวสกัดได้แล้ว นี่เป็นไปได้อย่างไร เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย! นี่เดิมทีมันขัดกับหลักการฟิสิกส์เอามากๆ!
ความเร็วของราชาหลงไวมาก เดิมทีพวกเขาไม่มีทางสืบค้นได้
“รายงานครับ วงปิดล้อมที่หนึ่งของพวกเราใกล้โดนเขาสลายแล้วครับ” มีนายทหารคนหนึ่งพุ่งมาบอกสถานการณ์เร่งด่วนต่อหน้าของผู้อาวุโส
“รายงานครับ วงปิดล้อมที่หนึ่งโดนสลายแล้วครับ!”
“รายงานครับ วงปิดล้อมที่สองโดนสลายครับ!”
“รายงานครับ…….”
นายทหารแต่ละคนขึ้นมาข้างหน้า พวกเขาแต่ละคนสีหน้าดูแย่ เพราะพวกเขาไม่เพียงจับราชาหลงไว้ได้ แต่ยังทำให้ราชาหลงหนีรอดแบบหนีไปทางไหนก็แหลกราบไปหมด
พวกเขาล้วนเป็นกองทหารที่เกรียงไกรฝีมือดี ล้วนเป็นผู้เข้มแข็งที่สุดของเยี่ยนจิง เวลานายทหารระดับสูงนับไม่ถ้วนพูดถึงพวกเขาต่างชื่นชมไม่ขาดปาก แต่พวกเขานึกไม่ถึงว่าจะมีวันหนึ่งที่พวกเขาซึ่งเป็นกองทัพเกือบพัน ล้วนขวางการโจมตีของคนเดียวไม่อยู่
นายทหารเหล่านี้แม้แต่หน้ายังไม่ได้เงยขึ้นมา นี่ช่างน่าอัปยศอดสูเหลือเกิน นี่คือการตบหน้าและเหยียบย่ำที่โจ่งแจ้งอย่างยิ่ง พวกเขาเคยได้รับเกียรติยศมากขนาดนั้น เวลานี้ยามเผชิญหน้ากับราชาหลง กลับอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงขนาดนั้น
นายพลเหล่านั้นยิ่งมองภาพเงาคนที่บุกเข้าจู่โจมรวดเร็วฉับไวในระยะไกลด้วยสีหน้าอับอาย อยากหาร่องหลุมแถวนั้นมุดเข้าไปใจแทบขาด
ราชาหลง นี่ต่างหากที่เป็นความสามารถของราชาหลง ล้มล้างความเข้าใจของทุกคนหมด ก่อนหน้านี้ยังมีพวกเขาไม่น้อยที่ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา คิดว่าจัดการศัตรูคนหนึ่ง จะใช้กองทหารเกือบพันคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็นทหารที่เกรียงไกร นั่นล้วนเป็นเรื่องเล็กที่ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมากมาย แต่ตอนนี้ความเป็นจริงได้ตบหน้าพวกเขาทุกคนไปคนละทีแล้ว พวกเขามองดูราชาหลงหนีรอดไปต่อหน้าต่อตา
“ใช้กำลังทหารทั้งหมด……ตามมาให้ฉัน! ให้ทีมหุ้มเกราะใช้ห่ากระสุนปืนใหญ่ปกคลุม ฆ่าไม่ได้ งั้นก็ระเบิดทิ้ง!” ผู้อาวุโสจ้องมองที่ระยะไกล ค่อยๆ เอ่ยปาก
“รับทราบครับ!”
ชั่วพริบตาเดียว รถถังรถหุ้มเกราะที่รอบด้านโรงแรมต่างเลี้ยวรถกลับ ตามโจมตีไปทางของเฉินเป่ย
“ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับราชาหลงอีกมั้ย?” ผู้อาวุโสถามกับลูกน้องที่ด้านข้าง
“ไม่มีแล้วครับ จิงไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายกับพวกเราอีกครับ” ลูกน้องคนนั้นพูดเสียงต่ำ
ผู้อาวุโสทำเสียงฮึดฮัด “ให้ฉันช่วยเขากำจัดคน ผลปรากฏว่าไม่บอกอะไรฉันเลย เดี๋ยวฉันจะรอดูโฉมหน้าที่แท้จริงของราชาหลงที่พูดถึงกันคนนี้!”
…………
ตึง!
บนถนนเส้นหนึ่งของเยี่ยนจิง รถยนต์คันหนึ่งที่อยู่บนกำลังหนีอุตลุด รถถังและรถหุ้มเกราะแต่ละคันตามติดมาด้านหลัง ลักษณะกว้างใหญ่สง่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“ปัง!”
รถถังที่ตามรถยนต์คันนั้นมาติดๆ ทันใดนั้นปากกระบอกปืนใหญ่เล็งเป้าที่รถยนต์ ยิงกระสุนฉับพลัน
แสงไฟสายหนึ่งระเบิดยิงไปยังรถยนต์คันนั้น รถยนต์คันนั้นตกที่นั่งลำบากอย่างเทียบไม่ได้ เปลวไฟกองหนึ่งกำลังระเบิดออกด้านข้างรถยนต์ เฉินเป่ยหน้าตามอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่นอยู่ในรถ เห็นได้ชัดว่ากระเซอะกระเซิงสุดๆ
“แม่งเอ๊ย!” เฉินเป่ยด่าออกมาคำหนึ่ง ด้านหลังที่ระยะไกลมีเฮลิคอปเตอร์หลายลำปกคลุมภายใต้ฉากยามค่ำ เข้ามาใกล้รถยนต์ของเฉินเป่ยด้วยความว่องไว
“ตึกๆๆ…….” หลังจากเฮลิคอปเตอร์ล็อกเป้าเฉินเป่ยได้ กระสุนปืนที่สยองขวัญนับไม่ถ้วนดุจเม็ดฝนก็กระหน่ำยิงเฉินเป่ย เฮลิคอปเตอร์กราดยิงอย่างบ้าคลั่ง ทั่วถนนทุกที่ล้วนเป็นร่องรอยของรูกระสุนและปลอกกระสุนผ่านไปอย่างโชกโชน
“ไม่มีทางยิงโดนเป้าหมายเลย!” ในเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งในนั้น ผู้อาวุโสได้ยินบทสนทนาของนักบินแต่ละคนในอินเตอร์คอม มองทางพื้นผิวถนนด้วยสีหน้าอึมครึม
บนถนน รถยนต์ของเฉินเป่ยอยู่ภายใต้การไล่ล่าของทั้งกองทหารใหญ่กลุ่มหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ากระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง แต่การโจมตีของเฮลิคอปเตอร์และรถถังในทุกครั้ง รถยนต์สามารถใช้มุมลึกล้ำที่สุดหลบหนีไปได้
“แม่งเอ๊ย เขาเป็นปลาไหลเหรอวะ!”
ในรถถังหัวแถวคันหนึ่ง นายทหารคนหนึ่งหลุดปากสบถออกมา เดิมทีพวกเขาไม่มีทางเล็งเป้าเฉินเป่ยได้เลย
รถยนต์ที่เฉินเป่ยขับนั้น ความจริงช่างลื่นไหลเหลือเกิน ทำให้พวกเขาโมโหอย่างมาก
“คนมากขนาดนี้ จัดการเขาคนเดียวไม่ได้เหรอ?” ผู้อาวุโสตะโกนเสียงเย็นชา “ไม่ต้องสนใจการชดใช้สักอย่าง ใครกำจัดเขาได้ เอารางวัลพิเศษไปเลย!”
ซู่!
พอคำพูดนี้ของผู้อาวุโสออกไป ชั่วขณะนั้นทำให้นายทหารนับไม่ถ้วนสีหน้าฮึกเหิม
ชั่วขณะหนึ่ง ห่ากระสุนยิ่งหนาแน่นขึ้น ในนั้นมีหลายครั้งที่เฉินเป่ยเกือบจะโดนลูกกระสุนปืนใหญ่ยิงโดน
“เอาโทรโข่งเข้ามาให้ฉัน” ผู้อาวุโสพูดสั่ง
ลูกน้องคนหนึ่งหยิบโทรโข่งเสียงมากให้ด้วยความเคารพ ผู้อาวุโสรับโทรโข่งมา ทำเสียงฮึดฮัด ตะโกนไปทางรถยนต์ที่เฉินเป่ยหนีไม่เลิก “ราชาหลง นายหนีไม่รอดหรอก รีบลงรถซะ ไม่มีทางต้านทานได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เหลือศพทั้งตัวไว้ให้นายด้วย!”
โทรโข่งในมือของผู้อาวุโส ชั่วขณะนั้นเสียงของผู้อาวุโสดังขยายแบบไร้ขีดจำกัด สั่นสะเทือนทั้งท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ราชาหลง ยอมแพ้เถอะ ที่นี่จะเป็นสถานที่ฝั่งร่างของนายแน่!”
“ราชาหลง นายหนีไม่รอดหรอก!”
“ปึงๆๆๆ!”
ลูกกระสุนปืนใหญ่แต่ละลูกระเบิดออกที่ถนนด้านหน้าของเฉินเป่ย ตัดขาดเส้นทางของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยดวงตาหดลงทันใด หมุนพวงมาลัยกะทันหัน ล้อรถและพื้นผิวเสียดสีกัน เกิดเสียงที่แสบแก้วหู รถยนต์เบนออกจากเส้นทางด้วยความสมบูรณ์แบบ ในที่สุดก็หยุดลงมาแล้ว
และเวลานี้ รถยนต์ของซูเหลยกำลังผ่านจากระยะไกล ซูเหลยกวาดตามองทางเฉินเป่ยแวบหนึ่ง ตอนหล่อนมองเห็นหน่วยกำลังเครื่องจักรกลพวกนั้น ในใจหนักอึ้ง สีหน้าดูแย่ขึ้นมาแล้ว
ส่วนหลีชิงเยียนและจางเป่าเฉิงคนอื่นๆ ย่อมมองเห็นฉากนี้เช่นกัน ท่านประธานเทพธิดามองเห็นฉากนี้ แม้กระทั่งในวินาทีนั้นลมหายใจหยุดค้าง
ซูเหลยมองเฮลิคอปเตอร์พวกนั้นที่บินวนกลางอากาศบนรถยนต์ แสงจ้าแต่ละสายค่อยๆ ตกอยู่บนรถยนต์ ทำให้หล่อนสีหน้าซับซ้อนอย่างยิ่ง
นายทหารที่รถถังพวกนั้น แต่ละฉากนั้นเหมือนเคยเห็นมาก่อน สะกิดความคิดและความทรงจำที่ลึกในจิตใจของซูเหลยขึ้นแล้ว
และตอนที่สายตาของซูเหลยตกอยู่บนรถยนต์สีแดงคันนั้น แววตาแข็งทื่อ แวบเดียวในใจก็ประหม่าขึ้นมา
จากสติปัญญาของซูเหลยย่อมคาดเดาได้ไม่ยาก คนนั้นด้านในรถยนต์ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือเฉินเป่ย
เขาเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมถึงจอดรถลง……ในใจของซูเหลยปรากฏความคิดสารพัดอย่างขึ้น มองเห็นรถยนต์คันนั้นโดนห่ากระสุนปืนทำลายจนบุบสลาย ซูเหลยเกิดอารมณ์ประหม่ามากต่อรถยนต์คันนั้นอย่างอดไม่ได้
“พวกนั้นคือ…….” เสียงของหลีชิงเยียนดังขึ้นจากข้างกายของซูเหลย เห็นเพียงดวงตาของหลีชิงเยียนจ้องมองระยะไกลไม่กะพริบ ร่างกายอ่อนช้อยสั่นเทารุนแรง ใบหน้าที่งดงามซีดเซียว เป็นครั้งแรกที่เธอเจอการสู้รบแบบนี้ ย่อมไม่มีทางรับได้เป็นธรรมดา
“พวกเราไปกันเถอะค่ะ ออกห่างที่วุ่นวายแห่งนี้กัน” ซูเหลยพูดเสียงเบา และตอนที่รถยนต์แล่นอยู่บนถนน หลีชิงเยียนเอ่ยปากพูดทันใด “รถยนต์สีแดงคันนั้น คนด้านในก็คือเขาเหรอ?”
ในใจซูเหลยสั่น ส่ายหน้าแล้วพูดปลอบใจ “ประธานหลีคะ วางใจเถอะค่ะ เฉินเป่ยน่าจะไม่เป็นอะไร”
ถึงแม้ปากซูเหลยจะพูดแบบนี้ แต่ยังอดหันหน้ามองทางรถยนต์สีแดงคันนั้นแวบหนึ่งไม่ได้