สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 494
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่494 บุกบ้านตระกูลหลี!
ทั้งที่เกิดเหตุเงียบงันกันไปหมด
พวกอันธพาลคุกเข่าลงบนพื้น ต่างก้มหน้าลงกัน ไม่กล้าพูดจา ร่างกายของพวกเขาสั่นเทารุนแรง ในที่สุดพวกเขาเข้าใจกันในวินาทีนั้นว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้ เดิมพวกเขาหาเรื่องไม่ได้
ผู้ชายกำยำที่เป็นหัวหน้าหนึ่งในนั้นยิ่งรู้สึกเสียใจอย่างมาก หลายวันนี้ที่เยี่ยนจิงโกลาหล เขาถือโอกาสตรวจสอบบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมาละเอียดถี่ถ้วน พอได้ข้อสรุปออกมา บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมีเพียงพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ไม่มีระดับอะไรส่วนหนึ่งยืนเฝ้ายาม แทบจะไม่สร้างการคุกคามใดๆ ให้กับพวกเขาได้เลย เขาถึงวางใจรวมกำลังอันธพาลมาทวงค่าคุ้มครองถึงที่
บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปไม่มีฐานทัพอยู่ที่เยี่ยนจิง ความเกี่ยวข้องทางตำรวจหรือมาเฟียก็ยังไม่ได้สานสัมพันธ์ ชายกำยำคนนั้นวางใจมากว่าต่อให้ก่อเรื่องวุ่นจนมีคนตาย ก็คงไม่มีบุคคลยิ่งใหญ่คนไหนออกหน้าให้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ดังนั้นเขาถึงได้กำเริบเสิบสานเช่นนี้
แต่ตอนนี้กลับปรากฏคนคนหนึ่งมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ดุจเทพเจ้าแห่งสงครามผู้ไม่แพ้ จัดการพวกเขาจนยอมอยู่ใต้อำนาจกันหมด
“ลูกพี่ของพวกแกคือใคร?” เฉินเป่ยค่อยๆ กวาดสายตาผ่านอันธพาลที่คุกเข่าลงบนพื้นพวกนี้ เอ่ยปากถามช้าๆ
ในใจอันธพาลพวกนี้สั่น มองหน้ากันและกันขึ้นมา ส่วนหัวหน้าอันธพาลที่จิตใจสั่นสะท้านคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปชั่วครู่หนึ่ง นี่เห็นได้ชัดว่าเฉินเป่ยอยากดึงเขาออกไป
“ไม่พูดกันใช่มั้ย?” เฉินเป่ยแสยะมุมปาก เขาเก็บมีดยาวเล่มหนึ่งขึ้นจากที่พื้น จากนั้นล้วงผ้าดำผืนหนึ่งออก นำมาปิดดวงตาของตนเองไว้ ในมือชั่งน้ำหนักมีดยาวเล่มนี้อยู่ พูดเสียงดัง “ในเมื่อพวกแกไม่พูด งั้นฉันคงทำได้แค่โยนมั่วไปตามดวงแล้วกัน ส่วนจะโยนโดนหรือเปล่า หรือว่าจะมีใครบาดเจ็บล้มตายหรือเปล่า ฉันก็ไม่รู้นะ ทุกอย่างพึ่งชะตากรรม”
เฉินเป่ยพูดอย่างผ่อนคลายอารมณ์สองสามประโยค ชั่วขณะนั้นทำให้สีหน้าของอันธพาลพวกนั้นเปลี่ยนกะทันหัน
“ฉันนับถึงสามครั้ง เป็นตายให้ชะตากรรมกำหนด” เฉินเป่ยเอ่ยปากเรียบนิ่ง
“สาม สอง หนึ่ง……”
เฉินเป่ยพูดๆ อยู่ก็อยากนำมีดยาวโยนออกไปยังอันธพาลกลุ่มนั้น
ชั่วขณะนั้นอันธพาลตกใจยกใหญ่หน้าเปลี่ยนสี แนวป้องกันที่แข็งแรงภายในใจถูกคำพูดสองสามประโยคของเฉินเป่ย ทำเอาพังทลายจนถึงที่สุด
“ผมรู้ อย่าฆ่าผม!” อันธพาลหนึ่งในนั้นลุกขึ้นยืนทันใด สีหน้าของเขาตื่นตกใจไร้ที่เปรียบ ท่าทางอกสั่นขวัญแขวน
“พูดมา” เฉินเป่ยมองทางอันธพาลคนนั้นแบบมีความสนใจ
“เขา…เขาคือลูกพี่” อันธพาลคนนั้นชี้ไปยังหัวหน้าอันธพาลคนนั้นที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยอาการสั่นเทิ้ม
หัวหน้าอันธพาลคนนั้นเห็นสายตาที่แหลมคมของเฉินเป่ยมองมาทางเขา ในใจตะลึง ลุกขึ้นหันหน้าแล้ววิ่งอย่างไม่ลังเลสักนิดเดียว
ส่วนเฉินเป่ยมองทางภาพด้านหลังของหัวหน้าอันธพาลคนนั้นที่วิ่งหนีไป มุมปากฉีกรอยยิ้มขึ้น หรี่ดวงตามองหัวหน้าอันธพาลคนนั้นอยู่
“คิดจะหนี?” มีดยาวในมือของเฉินเป่ยโยนออกกะทันหัน มีดหลุดออกไปจากมือของเฉินเป่ย ลอยฉวัดเฉวียนด้วยความรวดเร็วไปทางภาพด้านหลังของคนคนนั้น
“ฉึบ!”
มีดเล่มนั้นกรีดแหวกที่ว่างกลางอากาศ ช่วงเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวก็ฟันลงบนขาของคนคนนั้นอย่างแม่นยำ
“อ๊าก!”
ขาของหัวหน้าอันธพาลคนนั้นโดนมีดไปทีหนึ่ง ความเร็วของเขาช้าลงมาทันที เดินกะโผลกกะเผลก พยายามฝืนความเจ็บปวด เดินออกไปให้ไกลอีก
เฉินเป่ยล้วงกล่องบุหรี่ออก หยิบบุหรี่มามวนหนึ่ง หลังจากจุดไฟ สูบเข้ามาทีหนึ่ง จึงเดินไปยังหัวหน้าอันธพาลคนนั้น
“ซี๊ด……” หัวหน้าอันธพาลคนนั้นตกใจมาก ความเจ็บปวดที่สุดจะทานทนเกือบจะทำให้เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไป
ร่างกายหัวหน้าอันธพาลคนนั้นล้มลงที่พื้นแบบควบคุมไม่ไหว ขาของเขาใช้งานไม่ได้แล้ว เดิมทีเดินไปต่อไม่ได้
และเวลานี้ เสียงฝีเท้าที่กังวานดังขึ้น หัวหน้าอันธพาลคนนั้นหันหน้า มองเห็นเฉินเป่ยกำลังบีบคั้นเข้ามาทีละก้าว เดินเข้ามาหาตนเข้าแล้ว
ในใจหัวหน้าอันธพาลสั่นสะเทือนบ้าคลั่ง เขาเกือบใกล้จะใช้พลังทั้งหมดดิ้นรนไป
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนอย่างไร ล้วนไม่เป็นผลอันใด
เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ ค่อยๆ เดินมาที่ข้างกายของเขา โค้งตัว คว้าเขาขึ้นมาอย่างง่ายดายราวกับพญาอินทรีจับลูกนก
“วิ่งสิ แกไม่ใช่วิ่งเป็นมากเหรอ? ทำไมไม่วิ่งแล้วล่ะ?” เฉินเป่ยมองเขาอย่างเย็นชา
“คือว่าลูกพี่ครับ มีอะไร…มีอะไรก็พูดกันได้…” หัวหน้าอันธพาลคนนั้นหน้าตาปวดร้าว เห็นได้ชัดว่าฝืนกลั้นความเจ็บปวดไว้ พยายามแสดงรอยยิ้มออกมา
“พูดกันได้? ตอนที่แกเรียกนักเลงพวกนี้มา อยากจะมาไถเอาค่าคุ้มครอง ทำไมไม่พูดดีๆ บ้างล่ะ? ตอนที่ลูกน้องของแกตีฉัน ทำไมไม่เห็นพูดดีๆ?” เสียงเฉินเป่ยมีความหนาวเหน็บนิดๆ แต่ละคำแต่ละประโยคเอ่ยปากสอบถามเสียงดุ
สีหน้าของหัวหน้าอันธพาลคนนั้นชั่วขณะหนึ่งกลายเป็นดูแย่ สีหน้าซีดขาวฝืนยิ้มออกมานิดๆ “งั้นท่านอยากจะทำยังไงครับ?”
“ทำยังไง? วันนี้แกสั่งคนมากขนาดนี้มาจัดการฉัน สร้างความเสียใจทางจิตใจอย่างใหญ่หลวงให้ฉัน แน่นอนว่าต้องการค่าปลอบขวัญกำลังใจ” เฉินเป่ยพูดขึ้น
“นาย!” เขาจ้องเฉินเป่ยตาเขม็ง นี่แม่งช่างผิดครรลองคลองธรรมเกินไปแล้ว เขาไม่มีทางยอมรับได้
หัวหน้าอันธพาลคนนั้นโมโหจนใกล้กระอักเลือด เชี้ย! ทั้งที่อันธพาลกลุ่มนั้นของเขาโดนตีล้มกันหมด ปรากฏว่าเรื่องราวกลับตาลปัตร ยังมาถามหาค่าทำขวัญกับเขาเสียได้
บนโลกใบนี้มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน ป่าเถื่อนไร้เหตุผลอย่างยิ่ง
เฉินเป่ยเห็นสายตาหัวหน้าอันธพาลคนนั้นเปลี่ยนไม่หยุด ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ถามแบบเล่นแง่ “ทำไม นายยังมีปัญหาอีกเหรอ?”
“ไม่ ไม่มีปัญหา…..” คนนั้นหัวเราะแบบกระอักกระอ่วน หลังจากเฉินเป่ยวางเขาลง โบกมือแล้วพูดว่า “ภายในสามชั่วโมง ถ้าฉันไม่เห็นแกเอาเงินมาให้ถึงที่ ช่วงที่นอนตอนกลางคืนก็ระวังหน่อย…เพราะฉันจะไปเยี่ยมเยือนถึงที่บ้านด้วยตัวเอง…” เฉินเป่ยค่อยๆ พูดขึ้น
“รีบไสหัวออกไปจากหน้าฉัน ฉันไม่อยากเห็นพวกแกอีก” เฉินเป่ยพูดจบแบบเกียจคร้าน อันธพาลที่คุกเข่าบนพื้นพวกนั้นลุกขึ้นยืนกันพรึ่บพรั่บ ประคองลูกพี่ของพวกเขาไว้ รีบหนีออกไป
อันธพาลพวกนี้ตื่นตกใจแยกย้ายวิ่งอุตลุดหลบหนี วิ่งได้ไกลแค่ไหนก็วิ่งแค่นั้น…ชั่วพริบตาสั้นๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกเขาแล้ว
เฉินเป่ยจ้องมองทางที่พวกเขาวิ่งหนีไป ค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออกมา หรี่ดวงตาไว้ มือทั้งคู่ล้วงในกระเป๋ากางเกง สายตาที่ล้ำลึกเปลี่ยนไปมีเลศนัยขึ้นมา
“นายรู้มั้ยว่าเมื่อกี้นายทำอะไรลงไป?”
ในเวลานี้ เสียงที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดค่อยๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลังเฉินเป่ย เฉินเป่ยหันหน้า มองเห็นท่านประธานเทพธิดาที่งดงามใส่รองเท้าส้นสูงเดินเข้ามา สายตาที่มองทางเฉินเป่ยไม่มีความหวังดีใดๆ สักนิด
หลังจากเฉินเป่ยมองเห็นหลีชิงเยียน จึงยิ้มเล่นแง่พูดว่า “ชิงเยียน คุณไม่ใช่กำลังยุ่งอยู่ในห้องทำงานเหรอ ลมที่ไหนหอบคุณมาได้เนี่ย?”
หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด ไม่ได้มองเฉินเป่ยเต็มตาสักหน่อย จากนั้นพูดว่า “ฉันมองเห็นในวงจรปิดวุ่นมาก เลยลงมาดูหน่อย”
“เมื่อกี้ผมปกป้องทั้งบริษัทไว้ คุณยังต้องขอบคุณผมถึงจะถูกใช่รึเปล่า” เฉินเป่ยก้าวมาด้านหน้าแบบกะทันหัน ยืนอยู่ตรงหน้าของหลีชิงเยียน
เฉินเป่ยอยู่ห่างจากหลีชิงเยียนใกล้เหลือเกิน เกือบจะประชิดโดนที่หน้าของหลีชิงเยียนแล้ว แม้กระทั่งกลิ่นที่หอมเย็นเย้ายวนนั้นบนตัวหลีชิงเยียนยังลอยเข้าในจมูกของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยดมกลิ่นหอมเย็นที่ลอยมาจากบนตัวหลีชิงเยียน มือทั้งคู่เริ่มไม่ซื่อสัตย์ขยับมั่วซั่วขึ้นมา…ไต่ไปที่เอวเรียวของท่านประธานเทพธิดาทีละนิด.