สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 498
บทที่ 498 ตะพาบน้ำในตู้กระจก
“ดี รอคำสั่งจากฉัน” หลีเช่าเทียนวางสาย ฉับพลันนัยน์ตาก็เย็นยะเยือกขึ้น งานเลี้ยงครั้งนี้ เขาเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนไว้หมดแล้ว แผนการถูกเตรียมไว้นับไม่ถ้วน เพื่อรับมือเรื่องไม่คาดฝันต่างๆ
แค่เฉินเป่ยกับหลีชิงเยียนก้าวเข้ามาในบ้านหลี ไม่ว่าเฉินเป่ยกับหลีชิงเยียนจะเล่นลูกไม้อะไร เขาก็เตรียมรับมือไว้แล้วเช่นกัน
กล่าวได้ว่า เขาใช้ความคิดอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมที่ตายให้กับหลีชิงเยียน!
ครั้งนี้ เขาไม่มีทางจะปล่อยหลีชิงเยียนไป ต่อให้เฉินเป่ยเป็นราชาหลงก็ไม่อาจช่วยได้ ทำได้แค่มองอยู่ข้างๆ แล้วแบกรับความเจ็บปวดที่มหาศาล
คิดถึงตรงนี้ มุมปากหลีเช่าเทียนก็รอยยิ้มที่เย็นชาและแปลกประหลาดขึ้น
… …
ในเวลานี้ ด้านนอกบ้านหลี เฉินเป่ยขับรถยนต์มาจอดอย่างนิ่มนวลที่หน้าประตู
ลูกน้องบ้านหลีคนหนึ่งก้าวออกมาอย่างกระตือรือร้น เปิดประตูรถให้กับหลีชิงเยียน แล้วใช้มือหยุดขบวนรถไว้
หลังจากมองเห็นใบหน้าสวยประณีตของหลีชิงเยียน คนงานตระกูลหลีคนนี้ก็วิญญาณหลุดจากร่างไปในระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นก็ยิ่งความกระตือรือร้นมากขึ้นไปอีก
“นี่ อย่ามาทำรุ่มร่ามกับภรรยาของฉัน” เฉินเป่ยมองลูกคนนั้นกำลังจูงมือหลีชิงเยียนออกไปจากรถ ชั่วเวลาสั้นๆ ก็พูดเสียงดังอย่างไม่พอใจ
แต่ลูกน้องบ้านหลีคนนั้นเพียงแค่ชำเลืองมองเฉินเป่ยแวบเดียว เห็นเฉินเป่ยนั่งที่คนขับ ก็ยิ้มออกมาอย่างดูแคลน
“หุบปาก มีมารยาทหน่อย!” หลีชิงเยียนตะคอกออกมา
เฉินเป่ยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะทำได้เพียงจ้องปราดไปที่คนงานคนนั้นด้วยความไม่พอใจ คำพูดที่กำลังจะพ่นก็ถูกกดข่มกลับเข้าไป
“ไปเถอะ” หลีชิงเยียนใช้น้ำเสียงอันน่าดึงดูดพูด ลูกน้องก้มหัวพลางโค้งตัวลงรับคำ นำทางหลีชิงเยียนกับซูเหลยเข้าไปในบ้านหลี
ขณะที่เฉินเป่ยเพิ่งจอดรถเสร็จ กำลังเตรียมตัวจะเข้าไป ทันใดนั้นลูกน้องที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เข้ามาขวางเฉินเป่ยเอาไว้ ใช้สายตาสังเกตเฉินเป่ยอย่างละเอียด ก็จำได้ “นายนั่นเอง”
“ให้ฉันเข้าไป” เฉินเป่ยพูด
ลูกน้องคนนั้นขวางเฉินเป่ย พูดว่า “มีบัตรเชิญไหม”
เฉินเป่ยชี้เข้าไปในบ้านหลี พูดว่า “ผู้หญิงที่เพิ่งเข้าไปคนนั้น เป็นภรรยาฉัน”
ลูกน้องคนนั้นจ้องเข้าไปข้างในเล็กน้อย พูดว่า “นั่นคือผู้หญิงของนาย? สภาพอย่างนายเนี่ยนะ คู่ควรหรือ”
แววตาของเฉินเป่ยเรียบนิ่งขึ้นเล็กน้อย มองไปที่ลูกน้องคนนั้น ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลงอย่างฉับพลัน “นายไม่เชื่อใช่ไหม ฉันสามารถเรียกให้เธอออกมาได้เดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้องแล้ว” ลูกน้องมองเฉินเป่ยอย่างคนที่อยู่สูงกว่า พูดเสียงเย็น “บ้านหลีมีกฎ ยึดบัตรเชิญไม่รับคน”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมผู้หญิงข้างๆ ถึงเข้าไปได้” เฉินเป่ยถามถึงซูเหลย
“นั่นคือบอดี้การ์ดของเธอ แน่นอนว่าเข้าไปได้” ลูกน้องคนนั้นพินิจเฉินเป่ยชั่วครู่ แค่นเสียงเย็น มองเฉินเป่ยอย่างคนที่ต่ำกว่า
พลางพูดว่า” นายก็แค่คนขับรถ จะมีคุณสมบัติอะไรกัน?”
“ใครบอกว่าฉันเป็นคนขับรถ ฉันเป็นบอดี้การ์ดของเธอ” เฉินเป่ยเลิกคิ้วขึ้น ถามอย่างไม่แยแส
“บอดี้การ์ด?” ลูกน้องคนนั้นชะงักไปเล็กน้อย ตามด้วยเบิกตากว้าง มองเฉินเป่ยอย่างลึกล้ำ ก่อนจะหัวเราะยกใหญ่ พูดอย่างดูถูกว่า “แขนขาผอมกะหร่องอย่างนายเนี่ยนะ บอดี้การ์ด?”
สายตาของลูกน้องคนนั้นตกอยู่ที่แขนของเฉินเป่ยที่ถูกบดบังโดยสูท ทำให้มองไม่ออกว่าแท้จริงแล้วมีร่องรอยกล้ามเนื้อใดๆ หรือไม่
ลูกน้องคนนั้นหัวเราะเสียงดังอย่างดูถูกดูแคลน เฉินเป่ยมองลูกน้องคนนั้น ในที่สุดก็เหลือบมองไปที่ปากของอีกฝ่ายอย่างหมดความอดทน
เมื่อลูกน้องคนนั้นอ้าปากกว้าง ทันใดนั้น เฉินเป่ยก็ระเบิดหมัดโจมตีออกมาโดยฉับพลัน!
“ปัง!” เฉินเป่ยระเบิดหมัดโจมตีออกมาออกมาด้วยความเร็วราวกับฟ้าผ่า นี่คือหมัดฮุค!
ลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าประตูคนนั้น ในขณะที่หัวเราะเยาะอยู่ก็ถูกหมัดของเฉินเป่ยโจมตีจนกระเด็น!
ลูกน้องที่ถูกหมัดนั้นของเฉินเป่ยกระแทกจังๆ จนกระเด็น ในที่สุดก็ตกลงบนพื้นเต็มๆ กระอักเลือดสดๆ ออกมาอย่างแรง!
เฉินเป่ยยืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบ เขากำลังจะเท้าก้าวเข้าไป ในเวลานี้เอง ลูกน้องตระกูลหลีก็พากันล้อมรอบเข้ามา
“หยุดนะ ไม่อนุญาตให้เข้าไป!” ลูกน้องเหล่านั้นตะโกนพร้อมกันอย่างเฉียบขาด
เฉินเป่ยค่อยๆ หันกลับมา กวาดตามองพวกเขาเย็นชาปราดเดียว สายตาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง เมื่อสายตาคู่นั้นกวาดผ่าน คนเหล่านี้สั่นอย่างรุนแรง! เพราะว่าพวกเขาไม่เคยพบเจอรังสีอำมหิตที่เลือดเย็นโหดเหี้ยมราวสัตว์ป่าเช่นนี้มาก่อน! ในความทรงจำของพวกเขา คนปกติทั่วไปจะมีสายตาอย่างนี้ได้อย่างไรกัน มีแค่สัตว์ป่าเท่านั้นที่มีแววตาที่โหดร้ายทารุณเช่นนี้ได้!
“ฉันไม่อยากพูดเป็นรอบที่ 2 หลีกไป!” เฉินเป่ยพูดอย่างช้าๆ ลูกน้องตระกูลหลีเหล่านั้นถูกพลังที่ถูกเปล่งมาจากตัวของเฉินเป่ยทำให้ตัวสั่นระริกพลางถอยออกไป
นี่ไม่ใช่คนที่จะสามารถต่อกรได้โดยสิ้นเชิง ลูกน้องพวกนี้ยังใจสั่นไม่หาย รอจนเงาของเฉินเป่ยหายลับไปในบ้านหลีแล้ว ระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เหงื่อเย็นไหลไม่ขาดสาย
“ไปแจ้งให้คุณชายหลีทราบ เดี๋ยวนี้!”
… …
ชั่วพริบตาเดียวที่เฉินเป่ยเข้าไปในบ้านหลี ก็ถูกล้อมด้วยกลิ่นน้ำมันหอมระเหยอันแปลกประหลาดพันไว้ งานเลี้ยงครั้งนี้ ไม่สามารถพูดได้ว่าหลีเช่าเทียนไม่ใส่ใจ ตกแต่งประดับประดาบ้านหลีได้อย่างฟุ้งเฟ้อไม่มีใครเทียบ แขกเกือบจะทั้งหมดในงานนี้ เป็นสายรอง ตระกูลที่แตกสาขาออกไป รวมถึงสายตรงต่างก็อยู่ในรายชื่อแขกที่ต้อนรับ
ทว่าในขณะที่เฉินเป่ยเข้าไปในบ้านหลี พลังบนกายก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ราวกับว่าทั่วทั้งร่างเกิดการเปลี่ยนกระดูกอย่างไรอย่างนั้น ให้กลิ่นอายสง่าผ่าเผยถึงขีดสุด เขาถือโอกาสหยิบเหล้าจากถาดของคนรับใช้ที่กำลังเดินอยู่ขึ้นมาแก้วหนึ่ง คลึงในอยู่มือ ยกขึ้นจิบไปหนึ่งคำ แล้วเดินเข้าไปในกลุ่มคน ฟังเพลงที่กำลังบรรเลงโดยนักดนตรีบนเวทีในขณะนี้ด้วยสีหน้าไม่แยแส
เขาในเวลานี้ คู่ควรกับสูทราคาแพงหูฉี่บนกายอย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งคู่ควรกับชื่อเสียงของอาจารย์คนนั้นที่ลงมือตัดสูทชุดนี้ด้วยตนเอง!
เฉินเป่ยเดินท่ามกลางผู้คนผ่านไปมาไม่ขาดสาย สายตาของเขากวาดไปที่แขกแต่ละคน กลับไม่มีการดูถูกเหมือนก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย กลับกันในทุกๆ การเคลื่อนไหวกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและสง่างาม กลายเป็นสุภาพบุรุษที่มีทั้งความสุภาพและมารยาท
หากว่าเวลานี้หลีชิงเยียนอยู่ที่นี่ด้วย คงคาดไม่ถึงเลยว่าการเปลี่ยนแปลงของเฉินเป่ยจะเร็วขนาดนี้
หลีชิงเยียนจะต้องสงสัยแน่ๆ ว่าเฉินเป่ยยังมีอีกกี่ด้านที่ตนเองไม่รู้กัน!
รอจนเฉินเป่ยไปไปถึงโต๊ะอาหารด้านข้าง ก็สายตาถูกตรึงไว้ที่อีกฝั่ง
ในที่สุดเฉินเป่ยก็หาหลีชิงเยียนเจอ ในเวลานี้ผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ต่อหน้าหลีชิงเยียน กระตือรือร้นอย่างมากในการรุกใส่หลีชิงเยียนด้วยการชวนคุย
“คุณหนู คุณถือกำเนิดมาได้ใบหน้าที่งดงามขนาดนี้ ทำไมผมถึงไม่เคยเจอคุณเลยนะ” ผู้ชายคนนั้นถามขึ้นอย่างมึนงง
หลีชิงเยียนใบหน้าแข็งค้างไปเล็กน้อย แล้วใช้น้ำเสียงที่มีเสน่ห์อธิบายว่า “พอดีฉันอยู่ต่างประเทศมาตลอดค่ะ”
“ไม่น่าล่ะ ไม่น่าล่ะ” ผู้ชายเข้าใจได้ในทันทีล้วงนามบัตรออกมาจากหน้าอก ส่งให้หลีชิงเยียน ยิ้มอย่างเขินอาย “ได้รู้จักคุณถือว่าเป็นเกียรติของผมแล้ว ผมนามแซ่จาง เป็นสายรองจองตระกูลหลี หลานของหลีไท่ไป่ มีโชคได้รู้จักกับคุณ โชคชะตาดีเกินไปแล้ว”
หลีชิงเยียนยิ้มอย่างเก้อกระดาก ยังไม่ได้พูดอะไร ผู้ชายคนนั้นก็ถามหลีชิงเยียนยิ้มๆ “ไม่ทราบว่าคุณหนูหลี คุณคือสายไหน”
“ฉัน…” มือขาวเรียวราวกับหยกของหลีชิงเยียนที่กำลังถือนามบัตรก็ชะงักค้างกลางอากาศ คำถามของผู้ชายคนนั้น เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้สีหน้าของหลีชิงเยียนแข็งค้างไปแล้ว ครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าไม่รู้จะทำอย่างไรขึ้นมา ใบหน้าก็ปรากฏแววอึดอัดอยู่แวบหนึ่ง
“ว่ายังไง คุณหนู ผมก็แค่อยากถามว่าคุณอยู่สายไหน นี่หยาบคายต่อคุณหรือเปล่า” ผู้ชายคนนั้นเห็นสีหน้าของหลีชิงเยียนไม่เป็นธรรมชาติ ก็ระมัดระวังขึ้นมา
ในขณะที่หลีชิงเยียนไม่รู้จะตอบอะไรอยู่นั้น ทันใดก็มีเสียงลอยเข้ามาในหูเธอ “ชิงเยียน ทำไมมาอยู่ที่นี่ ผมหาคุณตั้งนานสองนาน”
ร่างกายของหลีชิงเยียนสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ทิศทางของเสียงที่พูดทำให้ดวงตาที่สวยงามของเธอก็หดลงทันที!
เฉินเป่ยสวมสูท ในมือถือแก้วเหล้า ก้าวยาวๆ มาทางนี้ เมื่อมาถึงข้างกายหลีชิงเยียน ก็จับมือขาวเรียวราวกับหยกนั้นขึ้นมาอย่างสนิทสนม มือเล็กเกลี้ยงเกลาของประธานนางฟ้าถูกเฉินเป่ยกุมเอาไว้ เฉินเป่ยอดไม่ได้ที่ใจสั่นไประลอกหนึ่ง
“นายมาได้ทำไม…” ดวงตางดงามของหลีชิงเยียนเข้มขึ้น กดเสียงต่ำถามออกด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“มาช่วยคุณไง ไม่มีผม คุณอยู่ที่นี่ 3 นาทีก็ไม่รอดแล้ว” เฉินเป่ยพูด
“ใครให้นายช่วยกัน!” หลีชิงเยียนแค่นเสียง หึ ออกมาอย่างไม่ยอมแพ้
ทันใดนั้น ใบหน้างามก็ชะงักไป ร่างกายที่บอบบางของเธอรู้สึกได้ความผิดปกติบางอย่าง
หลีชิงเยียนก้มหน้า มองเห็นมือใหญ่ข้างหนึ่งของเฉินเป่ยโอบเอวบางเธอไว้อย่างไม่เกรงกลัว ทว่าเฉินเป่ยกำลังส่งยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวให้กับผู้ชายตรงหน้าเธอ“เลื่อมใส เลื่อมใส ได้ยินชื่อหลีไท่ไป่มานานแล้ว…”
เฉินเป่ยยิ้มเต็มใบหน้า จนทำให้ผู้ชายที่ไม่รู้จักเฉินเป่ยคนนั้นมีสีหน้ามึนงง แต่ทว่าได้พบกับความกระตือรือร้นมากขนาดนี้ จึงทำได้แต่ฝืนยิ้มออกมา
“ภรรยา ผมหาคุณมาตั้งนาน คุณอยู่นี่กลับไม่บอกผมสักคำ อยู่บ้านคุณจะโกรธอย่างไรก็ได้ แต่อยู่ข้างคุณก็ควรจะไว้หน้าผมคนนี้สักหน่อย” อยู่เฉินเป่ยก็หันกลับมาพูดกับหลีชิงเยียน
เสียงของเฉินเป่ยดังราวกับใช้เครื่องขยายเสียง ครู่เดียวก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่อยู่รอบๆ ได้ จนทำให้ภาพลักษณ์สุภาพบุรุษในตอนแรกถูกทำลายไปหมดสิ้น
ใบหน้างามของหลีชิงเยียนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ! ส่วนผู้ชายคนเมื่อสักครู่สำรวจเฉินเป่ยเพียงแวบเดียว ใบหน้าแสดงความประหลาดใจระคนตกตะลึง คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า หลีชิงเยียนที่เรียกได้ว่าสวยเลิศล้ำ จะมีคนรักที่ไม่มีมารยาทแบบนี้!
“นาย…” ฉับพลันใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนก็อึ้งจนพูดไม่ออก
กล่าวได้ว่า ประธานนางฟ้าในเวลานี้ทั้งอายทั้งโกรธ