สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 501
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ทันใดนั้นบรรยากาศโดยรอบก็เงียบสงัดลง หลีเช่าเทียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขามองไปที่เฉินเป่ยและหลีชิงเยียนด้วยใบหน้าที่ไม่แยแสและยิ้มมุมปากขึ้น
ดูเหมือนว่าเขารอคอยที่จะให้เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว
“คุณเป็นใครกัน กล้าดียังไงมาโหวกเหวกโวยวายอาละวาดที่นี่”
“จริงด้วย รปภ.อยู่ไหน ยังไม่มาลากตัวหมาบ้าตัวนี้ออกไปอีก”
“ถ้ายังไล่ไม่ไปอีกละก็ มีหวังงานเลี้ยงของตระกูลหลีได้พังไม่ท่าแน่”
เฉินเป่ยชี้นิ้วไปที่หญิงสาวเหล่านี้ ทันใดนั้นเองก็ต้องขนลุกซู่ในทันที เมื่อร่างที่อ้วนท้วนราวกับลูกบอลยักษ์ วางขนมหวานในมือของพวกเธอลงและพุ่งมาที่เฉินเป่ยอย่างเกรี้ยวกราด
“ตายแล้ว!”
เมื่อคนในตระกูลหลีจำนวนมากเห็นหญิงสาวผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ หน้าก็ซีดไปตามๆกัน
พวกเขามองไปที่หญิงสาวผู้สูงศักดิ์เหล่านั้น ด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด
บางคนถึงขั้นกลัวจนตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวเหล่านี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“รีบแยกย้ายกันไป!”
คนในตระกูลหลีต่างแย่งกันไปสองด้านอย่างเบียดๆ หญิงสาวเหล่านี้ก็ได้พุ่งมาราวกับรถถัง ความน่ากลัวจากการโจมตีนี้ ไม่มีทางที่คนในตระกูลหลีจะรับมือได้อย่างแน่นอน
“ชิงเยียน คุณไปพักด้านนั้นก่อนเถอะ เดี๋ยวที่นี่ผมจัดการเอง” ในขณะที่เฉินเป่ยหันไปมองหลีชิงเยียนและพูดอย่างอ่อนหวาน
หลีชิงเยียนกก้มใบหน้าที่สวยงามของเขาลงครุ่นคิดสักครู่ และได้พยักหน้า จากนั้นมองไปที่เฉินเป่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
เธอไม่รู้ว่าเฉินเป่ยจะทำอะไร แม้ว่าจะสงสัยเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจัง และน่าเชื่อถือของเฉินเป่ย เธอจึงเลือกที่จะเชื่ออยู่ดี
เมื่อหลีชิงเยียนดึงซูเหลยไปด้านข้าง เฉินเป่ยก็ถอนหายใจออกมา และมองไปที่หญิงสาว ที่พุ่งเข้ามาหาเขาทีละคน
เฉินเป่ยกวาดสายตาไปโดยรอบ หญิงสาวคนเหล่านี้เกือบจะกลายเป็นลูกบอลยักษ์ ไม่ได้ทำให้เขาเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังนิ่งอย่างผิดปกติ
รูปร่างของคนพวกนี้ อาจไม่น่ากลัวเท่านักมวยปล้ำซูโม่ของประเทศที่เป็นเกาะเลย
จะอยู่ในสายตาเฉินเป่ยเหรอ?
ด้วยท่าทางตื่นตระหนกตกใจของคนในตระกูลหลีนั้น เฉินเป่ยได้ยืนอยู่กับที่โดยไม่สนใจ
แต่คนในตระกูลหลีที่หลบซ่อนอยู่ไกลออกไปด้านข้าง เมื่อเห็นเฉินเป่ยที่ยืนอยู่ใจกลางทาง ทั้งยังเดินมุ่งไปหาหญิงสาว คนส่วนใหญ่ถึงกับผงะไปชั่วขณะ พอรู้ตัวอีกที ต่างฝ่ายต่างก็ส่งรอยยิ้มที่ถากถางให้แก่กันแล้ว
ในสายตาของพวกเขา เฉินเป่ยที่ดำคล้ำและตัวเตี้ยนั้น…ประหนึ่งกำลังชนเข้ากับก้อนหินก้อนกรวดก็เท่านั้น
ไม่เพียงแค่นั้น สายตาของหลีชิงเยียนที่มองไปที่เฉินเป่ยก็เต็มไปด้วยความกังวล ที่เธอเป็นห่วงเฉินเป่ยมาก เป็นเพราะทั้งเธอและคนในตระกูลหลีไม่มีใครมีความมั่นใจในเฉินเป่ยเลย
แต่เฉินเป่ยไม่ใส่ใจกับคำเยาะเย้ยของคนเหล่านี้ ทั้งยังเดินมุ่งไปหญิงสาวอย่างเร็วขึ้น และเร็วขึ้น จากนั้นเริ่มวิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เขาไปหาที่ตายชัดๆ”
“หญิงอ้วนเหล่านี้เพียงแค่ชน กระดูกของเขาก็สามารถแตกกระจุยกระจายได้แล้ว!” คนในตระกูลต่างซุบซิบกันพลางมองไปที่เฉินเป่ยด้วยสายตาที่ดูถูก
เฉินเป่ยและหญิงอ้วนเหล่านั้นก็เริ่มเข้าใกล้กันอย่างรวดเร็ว!
“ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง…” พื้นสั่นสะท้านไปทั้งทั่ว ร่างที่ราวกันรถถังยักษ์เหล่านี้ได้พุ่งเข้ามาอย่างจัง ทำให้พื้นสั่นสะเทือนไปหมด
ระยะห่างของทั้งสองกำลังถูกทำให้ใกล้ขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อเฉินเป่ยกำลังจะพุ่งชน ทันใดนั้นเองเส้นเอ็นสีเขียวก็ได้ปูดขึ้นบนน่องของเขาอย่างเห็นได้ชัด เขาใช้ขาทั้งสองข้างรวมถึงตัวพุ่งเข้าใส่หญิงสาวเหล่านั้นด้วยพละกำลังที่ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่
การโจมตีของเฉินเป่ยมันเร็วมากจริงๆ จนทำให้พวกคนที่ประหนึ่งสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่ทันตั้ง ตอบโต้ และสัมผัสได้ว่าตาลายไปชั่วขณะ
ทันใดนั้นเองเฉินเป่ยก็ได้หยุดลอยตัวกลางอากาศ พลางยิ้มมุมปากที่แฝงไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม จากนั้นเขาก็ได้พลิกตัวหันกลับมา
คนในตระกูลหลี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็ต่างตกตะลึงในพลังของเฉินเป่ย ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ที่มีศิลปะการต่อต่อสู้บางท่านยังอึ้งจนพูดไม่ออกกับพลังของเฉินเป่ย
ท่าทางที่ธรรมดาเรียบง่ายของเฉินเป่ยมันช่างเหลือเชื่อมากจนทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยแทบจะหมดความเชื่อกับกฎทฤษฎีของฟิสิกส์ไปเลย
“เป็นไปไม่ได้!” คนในตระกูลหลีต่างตกตะลึ่ง และภายในใจสั่นจนเกินจะต้านได้
ท่าทางที่สุดแสนจะธรรมดาของเฉินเป่ย ทำให้คนในครอบครัวหลีหลายคนรู้สึกว่ามันช่างน่าเหลือเชื่อ และพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นเลย
เนื่องจากเฉินเป่ยไม่ได้รับผลกระทบจากความเฉื่อยที่รวดเร็วเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังสามารถหันกลับมาราวกับว่าไม่มีความเฉื่อยในตัวของเขาเลย
หลีเช่าเทียนที่ยืนอยู่ที่เดิมได้ยินเสียงตะโกนด้วยความตกใจของผู้คนจำนวนมากที่รายล้อม เมื่อมองไปที่มุมปากและตาเฉินเป่ย กลับสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งที่ลึกล้ำซ่อนอยู่ในตาคู่นั้น
เฉินเป่ยหันกลับมา เขากวาดสายตาไปที่หลีชิงเยียนด้วยแววตาที่ตกใจจากใบหน้าที่สวยงาม และยิ้มกรุ้มกริ่ม ทันใดนั้นเองก็ได้พุ่งไปที่ต้นคอของหญิงสาวทั้งสอง!
“โครม! ”
เฉินเป่ยได้เตะอย่างจังไปที่ต้นคอของร่างที่ราวกับลูกบอลทั้งสอง เกิดเสียงกระดูกแตกดังกึกก้อง ทันใดนั้นร่างประหนึ่งภูเขาของทั้งสองก็ได้ระเบิดสลายไปในที่สุด และทำให้พระสุธาสั่นสะท้านไปทั่ว
เฉินเป่ยก็ได้ลงมาพร้อมกับการตีลังกากลับหลังและท่าทางที่สมบูรณ์แบบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เฉินเป่ยก้มศีรษะลง มองไปที่หญิงสาวที่ดุจภูเขาทั้งสอง และค่อยๆหันกลับมามองหญิงสาวที่เหลือ ที่กำลังตกตะลึงยืนอึ้งเป็นอย่างมาก จากนั้นพูดอย่างเบาๆ “พวกหล่อนจะไปด้วยกันไหมหล่ะ? ”
ทันทีที่เฉินเป่ยแสดงฝีมือ ทำให้ผู้ชมทั้งงานเงียบกริบและตกใจกันหมด
หญิงที่เหลืออยู่กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า มองไปที่เฉินเป่ยด้วยความสั่นกลัว ชายที่อยู่ตรงหน้านั้นยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?
หญิงสาวมองหน้ากัน ความหยิ่งผยองก่อนหน้านี้ของพวกเขาได้หายไป เมื่อได้เผชิญหน้ากับเฉินเป่ย
พวกหล่อนได้เปลี่ยนบทสนทนาในทันที จากนั้นได้สบถคำด่าออกมา “แกคิดว่าแกเป็นใคร กล้าดีอย่างไงมาทำร้ายพวกพ้องของเรา แกซวยแล้ว พวกเราได้จดและจำแกไว้แล้ว! ”
แล้วผู้ชายของพวกหล่อนล่ะ? ผู้ชายของพวกแกไม่ลุกขึ้นมาทำเรื่องแบบนี้ แต่กลับปล่อยให้พวกหล่อนมาสู้บังหน้า นี่นะหรือผู้ชายตระกูลหลี?
น้ำเสียงที่นิ่งและไม่แยแสของเฉินเป่ย แต่เมื่อหญิงสาวเหล่านี้ได้ยินมันกลับมองว่าเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี!
หญิงสาวเหล่านั้นมองไปโดยรอบ และได้ตะโกนพูดขึ้น “ ออกมานี่!”
ในไม่ช้า ผู้คนตระกูลหลีที่อยู่รอบข้างได้เกิดความปั่นป่วน มีชายที่ทั้งผอมทั้งเตี้ยไม่กี่คนเดินออกมาด้วยท่าทางขี้อายและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขี้ขลาด
พวกหญิงสาวเห็นผู้ชายเหล่านั้น ส่งเสียงและโบกมือไปมาให้พวกเขาแล้วตะโกนว่า “ มานี่ ”
ชายเหล่านั้นตัวสั่นไปหมด รีบวิ่งไปที่หญิงสาวเหล่านั้นด้วยตัวที่สั่นกลัว
และเมื่อพวกเขายืนข้างหญิงสาวนั้น กลับดูตลกมากขึ้นไปอีก เพราะหญิงสาวนั้นสูงกว่าพวกเขาเป็นอย่างมาก ทำให้พวกเขาไม่ต่างอะไรจากคนแคระเลย
หญิงสาวไม่กี่คนสามารถยกชายเหล่านี้ขึ้นได้อย่างง่ายดาย เสมือนเหยี่ยวนักล่าที่โฉบลูกไก่
“พวกแกนี่ไร้ประโยชน์สิ้นดี ถ้าไม่ไว้หน้าตระกูลหลีละก็ คิดพวกแกคู่ควรกับพวกเรางั้นหรือ?”
หญิงสาวเหล่านี้กำลังแบกชายเหล่านี้ด้วยความโหดเหี้ยมและดุร้ายที่ไม่อาจจะเทียมได้
“หลีเช่าเทียนน่ะ เขาจะยืนมองคนของตัวเองถูกรังแกต่อหน้าทุกคนแบบนี้งั้นเหรอ?” ซูเหลยที่ยืนอยู่ข้างหลีชิงเยียนเห็น แล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่งงงวย
หลีเช่าเทียนยืนอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย มองไปที่คนในตระกูลหลีที่ผอมซูมเหล่านี้ถูกรังแกอย่างสบอารมณ์ ไม่เพียงแต่เขาไม่เสียอารมณ์ แต่เขากลับดูเหมือนจะสนใจเป็นอย่างมาก
“ในสายตาคุณ คุณคิดว่าครอบครัวเหล่านี้มีความสามัคคีปรองดองกันงั้นเหรอ?” หลีชิงเยียนจ้องไปที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนบนใบหน้าอันสวยงามของเธอ ราวกับว่าเรื่องราวเหล่านี้ทำให้เธอหวนคืนความทรงจำของเธอ
ซูเหลยดูตกใจมาก หลีชิงเยียนพูดต่อ “คุณคิดผิดแล้ว ยิ่งตระกูลมีอำนาจมากเท่าไหร่ตระกูลก็ยิ่งต่อสู้กันรุนแรงเท่านั้น… โดยเฉพาะขนาดของตระกูลอย่างตระกูลหลี แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสายเลือดของตระกูลหลีทั้งหมด แต่การต่อสู้ภายในตระกูลนั้นดุเดือดซะยิ่งกว่าการต่อสู้ของตระกูลหลี่บางตระกูลเสียอีก คนในตระกูลหลีแต่ละคนจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเลื่อนขั้นสถานะของพวกเขาในตระกูลหลี แม้ว่าสายเลือดโดยตรงจะมีตำแหน่งที่มั่นคงในตระกูลหลี แต่เมื่อมีร่องลอยของความอ่อนแอเพียงเล็กน้อยก็จะถูกสายเลือดอื่นนั้นกำจัดโดยง่ายดาย และสิ้นซากไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
หลีชิงเยียนพูดอย่างเนิบๆ เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและซับซ้อนที่แฝงอยู่ในน้ำเสียง “บนฐานธุรกิจขนาดใหญ่และกว้างขวางของตระกูลหลีนั้น แต่จะทำงานร่วมกันนั้น ก็ต่อเมื่อเกิดวิกฤตการณ์สำคัญบางอย่างเกิดขั้นเท่านั้นแหละ”
ซูเหลยที่อยู่ข้างๆหลีชิงเยียน หลังจากได้ฟังคำพูดของประธานเทพธิดา เธอทั้งตกตะลึง และรับไม่ได้อยู่หักใหญ่
ซูเหลยนั้นไม่ได้มาจากตระกูลเช่นตระกูลหลี จึงไม่รู้จริงๆว่าการต่อสู้ภายในครอบครัวมันช่างโหดร้ายและดุเดือดขนาดนี้
“คาดไม่ถึงเลยว่าภายในครอบครัวจะมีเรื่องที่น่าอึ้งอะไรแบบนี้” ซูเหลยพูดด้วยอารมณ์และถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
หลีชิงเยียนยิ้มอย่างขมขื่น “ มีหลายเหตุผลที่พ่อของฉันเลือกที่จะห่างจากครอบครัวนี้ และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลนั้น”
“ที่จริงแล้วคนในตระกูลหลีที่ผอมบางเหล่านี้เป็นเพียงคนอ่อนแอที่สุดของตระกูล แม้ว่าจะไม่ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากผู้อาวุโสในครอบครัว โดยทั่วไปแล้วพวกเขามักจะกลายเป็นเหยื่อของการจับแต่งงานระหว่างตระกูลหลีและตระกูลอื่นๆ ที่คุณเห็นนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของผู้ชายเท่านั้น ยังมีผู้หญิงบางส่วน หลังจากแต่งงานและหมดสนุกแล้ว ก็ถูกทิ้งให้ประสบความกับความขมขื่นเพียงลำพัง บางคนก็ถูกขายให้เป็นหญิงอย่างว่าด้วยซ้ำไป…” หลีชิงเยียนที่กำลังพูดอยู่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อนึกถึงชะตากรรมของหญิงเหล่านั้นกลับทำให้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากขึ้น แต่เธอก็รู้ดีเช่นกันว่าถ้าเธอตกอยู่ในเงื้อมมือของหลีเ เขามีหวังให้ทำอะไรแบบนี้เป็นแน่
ไม่แน่บางทีชะตากรรมของเธอจะเลวร้ายยิ่งกว่าหญิงสาวเหล่านั้น ไม่มีทางหลีเช่าเทียนจะขายเธอแล้วปล่อยเธอไปง่ายๆเป็นแน่!
ในขณะนี้เอง หลีเช่าเทียนได้ก้าวออกมาและพูดขึ้น