สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 503
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
“คุณเฉิน คุณก็เห็นแล้วว่าหญิงสาวเหล่านั้น ที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลหลีของพวกเรา มันเป็นเพราะระเบียบวินัยที่หละหลวมของตระกูลหลีของฉัน ไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณแต่งงานกับหลีชิงเยียนแล้ว ชิงเยียนจะเคร่งกับคุณอีกไหมล่ะ?” หลีเช่าเทียนมองไปที่เฉินเป่ย ยิ้มเล็กน้อยแล้วถาม
เฉินเป่ยนิ่งไป แต่สีหน้าของหลีชิงเยียนเป็นกังวล เห็นได้ชัดว่าหลีเช่าเทียนต้องการที่จะยุเฉินเป่ย เพื่อให้เธอและเฉินเป่ยมีปัญหากัน!
ในขณะที่คนในตระกูลที่อยู่รอบๆกำลังอยู่ในความโกลาหล หลีเช่าเทียนใช้โอกาสนี้เหน็บแนมเฉินเป่ยและจงใจใช้คำว่าแต่งงานคำนั้น เพื่อทำให้คนในตระกูลหลีหลายคนโกรธ
“ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม ถูกขอแต่งงาน? เขาเป็นผู้ชายนะ!”
หรือว่าเขาแต่งแล้วมาอยู่บ้านภรรยางั้นเหรอ? แม้ว่าตระกูลจะมีพวกที่ไร้ประโยชน์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยมีชายตระกูลอื่นแต่งเข้ามาในตระกูลหลีนะ และตระกูลนี้ก็ใช่ว่าจะจะยอมรับใครก็ได้ นี่เขาจะทำให้ตระกูลหลีขายขี้หน้าหรือไง!
ทันใดนั้นเองสายตานับไม่ถ้วนต่างที่มองมาที่เฉินเป่ยก็เปลี่ยนไป
ตระกูลหลีถือว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย และเมื่อพวกเขารู้เรื่องราวระหว่างเฉินเป่ยกับหลีชิงเยียน ถึงกับหัวร้อนขึ้นมาในทันที
“หลีชิงเยียนได้ถูกไล่ออกจากตระกูลหลีไปแล้วนี่ เรื่องของเขาสองคน ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับตระกูลหลีของเราเลยแม้แต่น้อย คุณชายหลี พรุ่งนี้คุณต้องชี้แจงให้ชัดนะ” ชายชราคนหนึ่งพูดอย่างรีบร้อน
“ใช่ หลีชิงเยียนไม่ได้เป็นคนในตระกูลหลีของเราตั้งนานแล้ว และไม่รู้ว่าทำไมวันนี้คุณชายหลีได้เชิญเธอมาด้วย”
“คนที่ถูกถอดถอนให้ออกจากตระกูลหลีแล้ว ก็ไม่สมควรที่จะเข้ามาเหยียบบ้านตระกูลหลีอีก”
“มันน่าจะดีนะ ถ้าให้คนติดป้าตรงทางเข้าว่า คฤหาสน์หลีไม่อนุญาตให้สุนัขและคนที่ถูกไล่ออกจากตระกูลหลีเข้า”
เสียงพูดคุยมากๆจากทีละคนดังขึ้น คนในตระกูลต่างมองไปที่หลีชิงเยียนและเฉินเป่ยด้วยสีหน้าที่เย็นชาแบะดูถูก สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหนือธรรมชาติบางอย่าง
หลีชิงเยียนมองไปที่คนพวกนี้ หน้าผากที่สะท้อนแสงและเรียบเนียนของเธอมีเส้นเลือดสีเงินปรากฎออกมา ทำให้ใบหน้าอันงดงามของเธอช่างน่าเกลียดมาก!
ในหลายปีที่ผ่านมาเธอและหลีหยางออกทนกับการวิพากษ์วิจารย์ในทุกด้าน แต่คาดไม่ถึงว่า คนเหล่านี้กลับไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อยๆ และพูดดูหมิ่นใดๆก็ถูกพวกเขาสบถออกมา
“ประธานหลี เรากลับกันเถอะ” ซูเหลยที่ยืนอยู่ข้างๆทนฟังไม่ไหวและได้กระซิบบอก
“ไป จะไหนกันล่ะ? เธอคิดว่าหลีเช่าเทียนจะให้งั้นเหรอ?” หลีชิงเยียนถามด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
ซูเหลยถึงกับผงะ ดูเหมือนว่าเข้าใจความหมายที่หลีชิงเยียนสื่อ จากนั้นมองไปรอบๆอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าที่ดูน่าเกลียดเล็กน้อย
ห้องจัดเลี้ยงถูกคุ้มกันจากบอดี้การ์ด ในทุกทิศทาง ทุกมุมทุกประตู ทุกทางเข้าออก ซูเหลยเพิ่งตระหนักได้ว่า หลีซูเทียนไม่ได้ต้องการให้บอดี้การ์ดเหล่านี้มาคุ้มกันคนในตระกูลหลี แต่ทั้งหมดนี้เป็นหลีเช่าเทียนที่ปกป้องพวกเขาเอง และนี่ก็ขึ้นกับดักแห่งสวรรค์ที่หลีเช่าเทียนนั้นสร้างขึ้นมา
ซูเหลยดูเคร่งขรึม เขาเห็นอย่างรวดเร็วว่าบอดี้การ์ดเหล่านั้นพกปืนไว้ข้างกายหมดเลย
บนเวทีของห้องจัดเลี้ยง มีวงดนตรีที่ถูกจ้างด้วยเงินจำนวนมากจากหลีเช่าเทียน กำลังแสดงดนตรีที่หรูหราอยู่ บรรยากาศในตอนนี้ช่างหาที่เปรียบไม่ได้เสียจริง
หลีชิงเยียนและซูเหลยต่างได้กลิ่นของบรรยากาศที่เป็นลางไม่ดีจากงานเลี้ยงสังหารนี้
หลีเช้าเทียนมองไปที่เฉินเป่ย ด้วยแววตาที่ต้องการสื่อความหมายและประชด หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ค่อยๆพูดขึ้นว่า “วันนี้ฉันจัดงานเลี้ยงขึ้นในบ้านตระกูลหลีเพื่อชิงเยียน เมื่อกี้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย ทุกคนใจเย็นๆนะ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มในทันที”
หลังจากที่หลีเช่าเทียนรับไมโครโฟนจากลูกน้องและพูดจบ พลางเพ่งมองไปที่เฉินเป่ย จากนั้นหันหลังเดินไปยังพื้นที่ทานอาหารที่จัดเลี้ยง
หลีเช่าเทียนได้นำลูกน้องของเขาไปพื้นที่ทานอาหาร ไม่นานนัก คนในตระกูลหลีก็ต่างทำตามหลีเช่าเทียนเพื่อจับกลุ่มกันไปพื่นที่สำหรับรับประทานอาหาร
เฉินเป่ยกลับไปหาหลีชิงเยียน มองไปที่หลีชิงเยียนที่ดูเป็นกังวล และถามด้วยรอยยิ้มว่า “ชิงเยียน คุณโอเคใช่ไหม?”
“นี่แค่เพิ่งเริ่มต้น ไม่มีทายาทโดยตรงของหลีเช่าเทียนปรากฏอยู่เลย เราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้วแหละ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก” หลีชิงเยียนถอนหายใจ
“อย่ากังวลไปเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกหน่า” จู่ๆเฉินเป่ยก็พูดขึ้น
หลีชิงเยียนมองไปที่เฉินเป่ย เฉินเป่ยจ้องไปที่หลีชิงเยียนอย่างจริงจังและพูด ”ฉันสัญญา”
หลีชิงเยียนและเฉินเป่ยสบตากันสองสามวิ ทันใดนั้นเองหน้าของหลีชิงเยียนก็แดงร้อนผ่าว และผละมือดุจหยกของเธอออกจากมือเฉินเป่ย อันที่จริงเฉินเป่ยจับมือดุจหยกของหลีชิงเยียนมาสักพักหนึ่งและไม่ยอมปล่อยเสียที
“ไปกันเถอะ ไปกินอะไรสักหน่อย ดูสิว่าหลีเช่าเทียนจะทำอะไรต่อไป” หลีชิงเยียนพยายามสงบสติอารมณ์และกล่าว
หลีชิงเยียนและซูเหลยเดินอย่างฉับไวไปที่ห้องจัดเลี้ยงเหมือนกับคนอื่นๆ เฉินเป่ยจ้องไปที่แผ่นหลังที่สวยงามและเซ็กซี่ของหลีชิงเยียน ทันใดนั้นรอยยิ้มที่เจ้าเลห์ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา และรีบตามไป
ภายในบ้านตระกูลหลีหรูหราตระการตาเป็นอย่างมาก จะบอกว่าเป็นโรงแรมระดับห้าดาวเลยก็ว่าได้
พื้นที่รับประทานอาหารอยู่ถัดจากห้องจัดเลี้ยง ที่สามารถรองรับคนได้หลายร้อยคนที่มาทานอาหารในเวลาเดียวกันได้ ทั้งเยี่ยนจิง แทบจะหาไม่ได้เลย
และในครั้งนี้หลีเช่าเทียนได้ให้พนักงานเสิร์ฟหลายร้อยคน นำแขกจากตระกูลหลี ไปที่โต๊ะอาหารค่ำที่จัดไว้ล่วงหน้าทีละคน
ในไม่ช้า ก็มีพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งปรากฎตัวต่อหน้าหลีชิงเยียน พนักงานเสิร์ฟเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกอย่างดีโดยหลีเช่าเทียน ทุกคนต่างดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก พนักงานเสิร์ฟชายคนนี้เหมือนกับดาราหนุ่มในโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่งในหัวเซี่ยเดินมุ่งมาหาหลีชิงเยียน และกล่าวอย่างน้อมน้อมและสุภาพ “ คุณผู้หญิงหลีชิงเยียน คุณชายหลีให้เราทั้งสามมานำทางคุณ”
“โอเค คุณนำทางเลย” หลีชิงเยียนพยักหน้า ในขณะเดียวกันความกังวลกระวายก่อนหน้านี้ก็ถูกแทนที่ด้วยความสงบ
“ครับ”
พนักงานเสิร์ฟทั้งสามนำพาหลีชิงเยียนไปที่โต๊ะที่ไม่มีคนอยู่ ได้หยุดลงและพูด “ ทั้งสามเชิญนั่งก่อนครับ เดี๋ยวแขกจะมาถึงในอีกไม่ช้า”
“เดี๋ยวก่อน” พนักงานเสิร์ฟเดินไปไม่กี่ก้าว หลีชิงเยียนนั่งลง และเรียกหยุดพนักงานเสิร์ฟไว้
“ยังมีใครอีกบ้างที่นั่งร่วมโต๊ะนี้?” หลีชิงเยียนถามพร้อมกับมองไปที่พนักงานเสิร์ฟ
พนักงานเสิร์ฟยิ้มเล็กน้อยและมองไปที่ตาของหลีชิงเยียนด้วยความขี้เล่น “คุณชายหลีบอกว่า ถ้าถึงเวลาคุณก็จะรู้เอง”
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วเข้มและมองไปที่พนักงานเสิร์ฟที่เดินจากไป เธอกอดอกและบ่นพึมพำ “นี่มันอะไรกันเนี่ย หลีเช่าเทียนต้องการจะทำอะไรกันแน่”
“เพื่อเกมนี้ กว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาหมดไปไม่น้อยกับการเชิญคนมากมายในตระกูลหลีมา” ในขณะเดียวกันเฉินเป่ยก็ขึ้นอย่างนุ่มนวล
“งั้นเราจำอย่างไรดีล่ะ? ทำได้แค่เฉยไว้งั้นเหรอ?” หลีชิงเยียนยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นอีก
“ค่อยวางแผ่นหลังจากนั้นแล้วกัน” เฉินเป่ยตอบอย่างใจเย็น
“แม่งเอ้ย!” ใบหน้าที่สวยงามของหลีชิงเยียนตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเธอทนไม่ได้จนต้องสบถคำหยาบ
เป็นเรื่องที่อยากจะจินตนาการออกจริงๆเลย เฉินเป่ยคาดไม่ถึงว่าประธานเทพธิดาที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติและได้รับการศึกษาระดับสูง จะพูดหยาบกับเรื่องนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าหลีชิงเยียนหมดความอดทนกับเฉินเป่ยแล้ว!
“เห้อ!” หลีชิงเยียนมองไปที่เฉินเป่ยด้วยความเเกรี้ยวกราด และพูดขึ้น “ฉันไม่น่าเชื่อคำพูดไร้สาระของคุณเลย อะไรค่อยวางรับมือทีหลัง คุณแสร้งใจเย็นต่อไปเองเถอะ!”
หลีชิงเยียนมองไปที่เฉินเป่ยอย่างน่าผิดหวัง เธอผิดหวังทั้งกับคำพูลและการกระทำของเฉินเป่ย ตอนนี้เธอรู้สึกหมดหวังไปบ้างแล้ว
ซึ่งแตกต่างกับเฉินเป่ย คำพูดของหลีชิงเยียนไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรเลย แต่กลับจิบชาเถี่ยกวนอินบนโต๊ะอย่างสบายใจ
เฉินเป่ยและทั้งสองรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นแขกคนอื่นๆ จากตระกูลหลีนั่งกันที่โต๊ะอาหาร แต่โต๊ะพวกเขากลับว่าง หลีชิงเยียนอดสงสัยไม่ได้ว่าหลีเช่าเทียนเจ้าเลห์นี่ ต้องการจะทำอะไรกันแน่
เขาให้ทั้งสามอยู่บนโต๊ะตามลำพัง เขาต้องการอะไรกันแน่?
แม้ว่าเฉินเป่ยจะยังเดาไม่ออก แต่ตอนนี้หลีเช่า เขาไม่ใช่คุณชายหลีแห่งหู้ไห่ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่ดีอีกต่อไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าหลีเช่าเทียนดูมืดมนยิ่งกว่าตอนอยู่หู้ไห่ จิตใจดูลึกลับกว่าที่เคยเป็นมาก
เฉินเป่ยยังเห็นว่าหลีเช่าเทียนนั้นที่อารมณ์ไม่ต่างจากหลีหงเลย
เป็นไปได้ว่าหากหลีหง ถ่ายทอดและดูแลหลีเช่าเทียนอย่างดี ในอนาคตหลีเช่าเทียนอาจประหนึ่งหลีหงในเยียนจิง หรือทั้งแผ่นดินหัวเซี่ย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลีชิงเยียนกำลังอ่านรายงานการทำงานของลูกน้องเธอในมือถือ ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ทรงพลังดังก้องมาแต่ไกล พร้อมกับพูดอย่างถากถางว่า “ไง นี่ไม่ใช่เจ้าตัวเล็กของหลีหยางเหรอ?”
หลีชิงเยียนเงยหน้ามองและเห็นผู้ที่ทัก เธอถึงกับผงะ ใบหน้าอันแสนงดงามนั้นทำให้หญิงนับไม่ถ้วนอิจฉาเป็นอย่างมาก เธอมองไปอย่างเย็นชาและพูดขึ้นอย่างมีพลัง “ฉันมีชื่อมีนามสกุล โปรดอย่าพูดมั่วซั่ว”
เฉินเป่ยมองไปที่หลีชิงเยียน แล้วเห็นหญิงที่ดูร่ำรวยเหล่านั้นเดินมา คนเหล่านี้เหมือนเฉินเป่ยเคยเห็นที่เมืองหู้ไห่นั้นเป็นญาติๆของหลีเช่าเทียนและหลีชิงเยียนเช่นกัน
“คุณป้างั้นเหรอ? ฉันกับเธอเป็นอะไรกัน แกกับพ่อของแกโดนไล่ออกจากตระกูลหลีตั้งนานแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นป้าของเช่าเทียน พวกป้าๆน้าๆเหล่านี้ก็ไม่เป็นอะไรของเธอเช่นกัน แกอย่างพูดไปเรื่อยเชียวนะ
ทำเหมือนว่าเราคุ้นเคยซะจน” เหล่าป้าๆน้าๆของหลีเช่าเทียนเดินมาที่โต๊ะและนั่งลง
คิ้วของหลีชิงเยียนขมวดเข้มอีกครั้ง เธอไม่ต้องการที่จะสานสัมพันธ์กับคนเหล่านี้ เพียงแค่เรียกป้าอย่างสุภาพ คาดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่าทำเหมือนตัวเองดูสูงศักดิ์ และรู้สึกขยะแขยงที่ได้พบกับหลีชิงเยียน
“หลีเช่าเทียนให้พวกท่านมานั่งที่นี่ใช่ไหม?” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกของหลีชิงเยียน เธอไม่จำเป็นต้องไว้หน้าคนเหล่านี้ตั้งแต่แรกแล้ว
“อะไรที่พูดได้ก็พูดไป อะไรที่ไม่ควรก็หุบปากไว้ซะ เช่าเทียนเป็นชื่อที่เธอจะพูดก็พูดได้งั้นเหรอ? ต้องเรียกคุณชายหลีต่างหากล่ะ” คุณป้าหัวเราะเยาะและมองเหยียดไปที่หลีชิงเยียน
“พี่ใหญ่ อย่าเสียเวลาไปพูดกับเธอเลย ถึงพ่อเธอจะอยู่ที่นี่ก็ไม่มีหน้ามาคุยกับเราอยู่แบบนี้หรอก อย่างเธอที่หล่นหาที่ตายนะเหรอ” ป้ารองที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น
“นั้นสิ เช่าเทียนได้เชิญพวกแกมารับประทานอาหารที่นี่ ก็ถือว่าเขาเห็นแก่ความผูกพันเก่าๆของพวกแกกับตระกูลหลีแล้ว น่าไม่อาย น่าไม่อายจริงๆ พวกแค่ไม่มีคุณสมบัติใดๆ ที่จะเข้ามาตรงประตูตระกูลหลีด้วยซ้ำ พวกเราไม่ให้พวกแกลุกขึ้นยืนแล้วพูดก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
พวกป้าๆน้าเหล่านี้ต่างพึมพำ จากนั้นก็เริ่มพูดเยาะเย้ยหลีชิงเยียนและเฉินเป่ย
ขณะที่พวกเขาพูดกันอย่างชอบใจ ทันใดนั้นเองเฉินเป่ยก็คว้าชาตรงหน้าและสาดใส่พวกเขาในทันที!
ว้าย!
พวกป้าๆน้าเหล่านี้ก็ประหนึ่งซุปไก่ในทันที
ทันใดนั้นบรรยากาศโดยรอบเงียบสงบลง แขกที่อยู่รอบโต๊ะอาหารต่างแพ่งความสนใจมาและจับตาดูกันมาที่นี่ทุกคน
เจตนาฆ่าอย่างเย็นยะเยือกอบอวลไปในอากาศ ทว่าเฉินเป่ยหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบด้วยท่าทางที่ปกติ
พวกป้าๆน้าๆเหล่านั้นตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นยืนขึ้นมาและจ้องอย่างอาฆาตไปที่เฉินเป่ยด้วยใบหน้าที่ทั้งเหยี่ยวย่นและบูดเบี้ยว!