สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 504
“แกมันก็แค่แมงดาไร้ประโยชน์ นี่ทำบ้านอะไร!” ป้าใหญ่ที่หน้าบูดเบี้ยวมาพร้อมกับเสียงแหลมคมและความเคียดแค้นสุดขีด
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างเฉินเป่ยก็ถึงกับเอ๋อไปเลย และยังตะลึงกับสิ่งที่เฉินเป่ยทำอย่างคาดไม่ถึง
“ฉันทำอะไร? ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย?” เฉินเป่ยเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ป้าใหญ่ด้วยท่าทางที่สงบอย่างน่ากลัว ราวกับว่าคนที่เพิ่งสาดน้ำใส่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
“ชาแนลที่ฉันเพิ่งซื้อเมื่อสองวันก่อน!” ป้าใหญ่ก้มลงมองไปที่เสื้อผ้าชื้นๆของเธอ และตะโกนขึ้น
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างเฉินเป่ยงุนงง เธอมองไปที่เฉินเป่ยทำให้ภายในใจเธอสับสนวุ่นวายไปหมด
เธอไม่คาดคิดว่าเมื่อเฉินเป่ยลงมือ จะหยาบคายเกินความคาดหมายของเธอขนาดนี้!
“พวกแกสองคนมันหญิงชั่วชายเลย วันฉันต้องเอาพวกแกตายคาบ้านตระกูลหลีให้ได้ ไม่เชื่อคอยดู” หลังจากที่ป้าใหญ่กรีดร้องอย่างเเกรี้ยวกราด ก็ได้จ้องไปที่เฉินเป่ยและหลีชิงเยียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเครียดแค้นสุดขีด และพูดขึ้น
“คำพูดพวกนี้ไม่มีผลใดๆกับผม กับชิงเยียนก็ด้วย” เฉินเป่ยพูดด้วยอย่างเบาๆ
ทันทีที่เฉินเป่ยพูดขึ้น ทำให้บางคนถึงกับผงะ จากนั้นมองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างประชดประชัน
ป้าใหญ่มองไปที่เฉินเป่ย แล้วพูดอย่างแรงกล้า “ไงล่ะ เกาะยัยนั้นกิน แล้วแสร้งทำมาเป็นปกป้องเธองั้นเหรอ ไปส่องกระจกดูๆสารรูปตัวบ้างนะ กล้าดีอย่างไงมาอยู่ในบ้านตระกูลหลีแล้วพูดคำพวกนี้ ช่างน่ากลัวอะไรขนาดนี้!”
“ในเมื่อพสกแกสามีภรรยารักกันขนาดนี้ งั้นพรุ่งนี้ก็ขอให้จมน้ำตายไปด้วยกันเลยนะ” ในตอนนี้ พี่สะใภ้ของหลีเช่าเทียนพูดขึ้น
หลีชิงเยียนกอดอกและมองไปที่กลุ่มคนเหล่านี้ด้วยสีหน้าที่เย็นชาประหนึ่งน้ำค้างที่เย็นยะเยือก คนเหล่านี้เป็นเหมือนที่หลีหยางเคยพูดไว้จริงๆด้วย ตอนที่หลีหยางยังไม่ตัดขาดกับตระกูลหลี เขาดีกับหลีหยางเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะประชดประชัดหลีชิงเยียนเเละคนอื่นถึงเพียงนี้
ในขณะนี้ เฉินเป่ยถือแก้วชาที่เพิ่งรินใหม่ขึ้นแล้วมองไปที่ญาติของหลีเช่าเทียน ด้วยสายตาที่นิ่งสงบและแฝงไปด้วยความเย็นชา จากนั้นพูดขึ้น “ฉันพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ ว่าฉันนะว่าได้ แต่อย่ามาว่าชิงเยียน”
ในตอนนี้ น้ำเสียงของเฉินเป่ยค่อยๆเย็นลงและลึกล้ำมากขึ้น จากร่างกายที่ร้อนผาวก็ค่อยๆเย็นลงและนิ่งขึ้น…
“แกกล้าดีอย่างไง คนในตระกูลหลีก็ไม่ใช่ ไม่ไล่ตะเพิดแกออกจากบ้านตระกูลก็ถือว่าไว้หน้าแกแล้ว” ในเวลานี้ หญิงที่แต่งใบหน้าหนักไปด้วยเครื่องสำอางพูดขึ้น เธอก็คือป้ารองหลีเ่าเทียนนั้นเอง
“แกร็ก!”
ทันใดนั้นเอง แก้วในมือของเฉินเป่ยก็แตกและเกฺดรอยร้าวไปทั้งใบ!
“กลั๊ก กลั๊ก กลั๊ก…”
ทันใดนั้นเองแก้วทั้งใบก็แตกร้าว ราวกับว่ามันพร้อมจะแตกได้ในทุกเมื่อเพราะมันดูเปราะบางมาก
บรรยาศกาศเงียบก็เกิดขึ้น มีเสียงที่ชัดกังวานดังขึ้น ทำให้แขกจากตระกูลหลี่ที่อยู่รอบโต๊ะอาหารก็มองข้ามไปเช่นกัน
จากนั้นไม่นาน เฉินเป่ยได้วางแก้วที่แตกร้าวลงบนโต๊ะ ที่สร้างความประหลาดใจและสร้างความตกใจให้กับผู้คนนับไม่ถ้วนก็คือมีรอยแตกร้าวมากมายปรากฎบนแก้ว ทว่าแก้วนั้นก็ไม่แตก ถ้ามองจากใกล้ๆ รอยร้าวที่ทำให้เกิดการแตกส่วนนี้ก็เสมือนกับงานศิลปะที่สวยสง่าเช่นกัน
เมื่อซูเหลยเห็นแก้วแตกร้าวใบนี้ ก็ได้มองไปที่เฉินเป่ยด้วยสายที่สยดสยอง คนนอกอาจจะมองว่ามันน่าตื่นเต้น แต่กับคนในแล้วมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย ครอบครัวหลีที่อยู่รอบข้าง รวมถึงพวกป้าๆน้าเหล่านั้นต่างประหลาดใจกับปาฏิหาริย์นี้…แต่กลับซูเหลยมันไม่ใช่เลย เธอกลับมองเห็นสิ่งแปลงประหลาดที่เลือนลางอยู่ภายในนั้น
“ถ้าฉันไม่ไว้หน้าเขา ตอนอยู่หู้ไห้ฉันไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสกลับจากหู้ไห่มาเยี่ยนจิงหรอ” เฉินเป่ยพูดอย่างนิ่มนวล
ใบหน้าหญิงผยองของป้าใหญ่เมื่อกี้ก็ค่อยๆซีดลง เธอจ้องมองแก้วที่ทำท่าเหมือนจะแตกได้ทุกเมื่อด้วยแววงตาที่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก และไม่เข้าใจว่าเฉินเป่ยทำมันได้อย่างไร … แก้วใบนี้ทำไมไม่แตก……
“แท้จริงแล้วเป็นแก…ที่ต่อกรกับเช่าเทียนมาโดยตลอด จะบ้าตายจริงๆ ต่อกรกับเช่าเทียนก็ไม่ต่างอะไรกับต่อกรกับตระกูลหลี วันนี้ยังกล้ามางานเลี้ยงอีกเหรอ มาหล่นหาที่ตายชัดๆ เกรงว่าแกคงไม่ได้เห็นแสงตะวันของรุ่งเช้าพรุ่งนี้แล้ว!” พี่สะใภ้ของหลีเช่าเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปรียบไปด้วยพลัง
“เขา…ทำได้อย่างไร?” หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างซูเหลยพูดขึ้นด้วยเสียงที่ทุ้ม แม้แต่เธอยังไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน” ซูเหลยส่ายหัว แม้ว่าเธอจะบอกกับหลีชิงเยียนว่าไม่รู้ แต่เมื่อเธอมองไปที่แก้วที่แตกร้าวนั้น ดวงตาของเธอเหมือนมีสัมผัสแห่งการรู้แจ้งแล้ว เมื่อมองไปมองไปที่ดวงตาขิงเฉินเป่ยเธอก็ยิ่งหวาดผวายิ่งขึ้นไปอีก!
มันไม่แตกเลย…ในหัวเซี่ยมีกี่คนที่ทำได้?
ซูเหลงหลงท่องอยู่ในความคิดของตน แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงมาไกล “คุณชายหลีอยู่ที่นี่!”
“ว้าว!”
คนในตระกูลหลีที่นั่งอยู่ต่างลุกขึ้นยืน ในประตูบานเล็กๆ ร่างที่คุ้นเคยปรากฎให้ทุกคนได้เห็นครั้ง
หลีเช่าเทียนเดินออกมาอย่างช้าๆ ท่ามกลางเหล่าลูกน้อง เท้าที่สวมรองเท้าหนังวัวอิตาลีแฮนด์เมดที่ได้มาจากหนังวัวหนังลูกวัวแท้ได้เหยียบลงบนพื้น เสียงดังก้องฟังชัดไปในอากาศ ช่วงเวลาที่หลี่เช่าเทียนปรากฎตัวขึ้นนั้น เสียงที่วุ่นวายในโซนรับประธานอาหารก่อนหน้านี้ก็ได้หายไป คงไว้แต่ความเงียบสงบ
“ช่างวิเศษจริงๆ หลีเช่าเทียนฝึกคนเหล่านี้ได้เยี่ยมจริงๆ แม้แต่ตำรวจยังไม่สามารถฝึกสุนัขให้เชื่อฟังขนาดนี้ได้เลย” เฉินเป่ยมองไปรอบๆและพึมพำออกมา
ผลจากจากที่เฉินเป่ยพูดออกมาอย่างสบายใจ แต่บรรยากาศที่เงียบกริบเช่นนี้ เสียงที่พึมพำของเขาก็เสมือนเสียงพูดปกติ ถ้อยคำทุกคำที่เขาพูดออกมา ทุกคนในงานต่างได้ยินอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นเอง สายตาหลายต่อหลายคู่ก็ได้จ้องไปที่เฉินเป่ย อากาศเยือนยะเยือกอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายแห่งความอาฆาตที่น่าสะพรึงก็พร้อมปะทุอย่างยากที่จะจินตาการได้ เมื่อเฉินเป่ยเอ่ยคำพวกนี้ออกมา
หลีชิงเยียนแสดงสีหน้าบูดบึ้งออกมา พร้อมทั้งด่าเฉินเป่ยในใจนับครั่งไม่ถ้วน ถ้าเป็นไปได้เธออย่างจะปิดปากของเฉินเป่ยด้วยกาวซะเดี๋ยวนั้นเลย!
เฉินเป่ยนี่ปากมากเกินไปแล้ว! หลีชิงเยียนอดสงสัยไม่ได้ว่า เฉินเป่ยที่ปากดีอย่างนี้ มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร
“ตึก ตึก ตึก…”
มันเป็นเสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นกระเบื้องของหลีเช่าเทียน ที่รอบล้อมไปด้วยบอดีการ์ดที่สูงและล่ำสันและแข็งแกร่ง เขาปรากฎตัวต่อหน้าทุกคน และเดินมุ่งมายังโต๊ะของเฉินเป่ยและหลี ชิงเยียน
เมื่อหลีเช่าเทียนเห็นทุกคนในตระกูลหลี เขายิ้มเล็กน้อยและแสดงท่าที่พอใจ จากนั้นพูดขึ้น “การรับประทานอาหารในบ้านตระกูลหลี มีกฎไม่มีนักหรอกนะ ทุกท่านเชิญเพลิดเพลินกับของทานเล่นก่อน ในไม่อาหารมือหลักจะจะตามมา หลังจากที่พิธีกรพูดจบ ทุกท่านก็สามารถที่จะเพลิดเพลินกับอาหารมือหลักได้อย่างเต็มที่เลย”
หลังจากที่หลีเช่าเทียนพูดจบ ทุกคนในตระกูลหลีต่างนั่งลงทีละคน เมื่อหลีเช่าเทียนเดินมาถึงโต๊ะของเฉินเป่ยและหลีชิงเยียน เขาก็ได้หยุดเดิน
เมื่อป้าๆน้าของหลีเช่าเทียนเห็นเขาเดินมา ก็รีบลุกขึ้นยืนประจบในทันที ป้าใหญ่คว้าไปที่แขนของหลีเช่าเทียน จากนั้นชี้ไปที่หลีชิงเยียนและเฉินเป่ยด้วยน้ำเสียงอันแหลม “ เช่าเทียน มันสองคนนั้นแหละที่เข้าบ้านตระกูลหลีอย่างไร้ยางอาย ยังพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับตัวลูกอีก ยังทำเสื้อผ้าป้าน้าอาเปียกไปหมด”
ป้าใหญ่ทั้งพูดอย่างดุเดือดและจ้องไปที่เฉินเป่ยและหลีชิงเยียนด้วยสายตาอันภาคภูมิใจ การแสดงออกของเธอมันดูหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก
“ไม่ต้องสงสัยเลย…” หลีชิงเยียนจ้องไปที่ญาติของหลีเช้าเทียน หลังจากที่หลีเช่าเทียนมาก็ผยองขึ้นมาทันที เธอที่เป็นคนนิ่งและสุขุมมาโดยตลอด ก็อดที่จะไม่ด่าไม่ได้และแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป
คนเหล่านี้มันคนหลอกลวงและหยิ่งผยอง ทั้งยังทำให้หลีชิงเยียนอับอายขายหน้า จะทำให้เธอโกรธได้อย่างไร?
“ถูกต้อง ชิงเยียนเธอพูดถูกจริงๆ ก็แค่กลุ่มสุนัขที่ชอบใช้อำนาจของผู้อื่น ชิงเยียน เธอไม่ต้องไปกังกลกับพวกเธอหรอก” ในตอนนี้ เฉินเป่ยที่อยู่ข้างๆก็ได้พูดปลอบเธออย่างอบอุ่น
หลีชิงเยียนที่ดูแข็งทื่อ ตัวเองแค่บ่นออกมา ผลคือชายคนนี้ได้พูดคำปลอบพวกนั้นออกมา สิ่งนี่ต่างหากล่ะที่ทำให้ใจเธอระทวย
หลีชิงดยียนจ้องไปที่เฉินเป่ยด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างไม่หน้าเชื่อ แต่บรรดาป้าๆมากมายที่มีหลีเช่าเทียนหนุนหลัง พวกเธอยิ่งยิ่งผยองมากขึ้นและชี้ไปที่จมูกของหลีชิงเยียนและถามถึงทั้งครอบครัว