สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 507
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 507 เหวี่ยงไอ้สวะนั่นออกไป
“ปัง!”
แก้วกระเบื้องแตกเป็นเสี่ยงๆ กระเบื้องมากมายราวกับลูกกระสุนอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก มันกระจายไปทั่วทุกทิศ เสียงที่เกิดจากความรวดเร็วดังขึ้นไม่หยุด ทำให้หลีเฟิงขนหัวลุกขึ้นมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
โดยเฉพาะหลีเฟิงกับคุณน้า มีเศษแก้วอยู่สองชิ้น เหมือนกับมันจะพุ่งผ่านหนังศีรษะของพวกเขาไป ถ้าเศษแก้วสองชิ้นนั้นลอยต่ำลงอีกสักหนึ่งเซนติเมตร ไม่แน่อาจจะปาดผมของหลีเฟิงกับหลีเสียนซูไปแล้ว!
ซูเหลยที่อยู่อีกด้านมีสีหน้าอึ้งไป เธอคิดไม่ถึงว่า แก้วกระเบื้องที่โดนเฉินเป่ยบีบจนแตกก่อนหน้านี้ แค่โดนเขาสะบัดเล็กน้อยจะแสดงความน่ากลัวออกมาเช่นนี้ วิธีการแบบนี้มันเหลือเชื่อจนรับมือไม่ทัน!
ถ้าเฉินเป่ยอยากฆ่าหลีเช่าเทียนกับหลีหงขึ้นมา คงจะไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง!
“ฉึก ฉึก ฉึก”
เสียงเศษแก้วกระเด็นเข้าไปในกำแพงและที่อื่นๆ ทำให้ความโกลาหลบนโต๊ะอาหารสงบลง หลีเฟิงขนหัวลุกและตัวสั่นไปหมด เขาตกใจกับการกระทำของเฉินเป่ย!
คุณชายอย่างหลีเฟิงที่วันๆ เอาแต่ขลุกอยู่ในไนท์คลับ น้อยมากที่จะเจอคนที่มีความสามารถแปลกๆ แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าคนบ้านนอกที่ไม่เคยอยู่ในสายตาอย่างเฉินเป่ย กลับจะมาเอาชีวิตของเขา!
หลีเฟิงหายใจไม่สม่ำเสมอ ส่วนคุณน้ายังคงหวาดระแวง เธอเหลือบมองหลีหง เมื่อเห็นว่าหลีหงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะมองหลีชิงเยียนอย่างหงุดหงิด จากนั้นจึงตวาดออกมาเสียงดังว่า “หลีชิงเยียนนังผู้หญิงต่ำตม แกดูไอ้คนไม่เอาไหนมันสร้างเรื่องสิ นี่มันเจตนาฆ่าชัดๆ!”
“เช่าเทียน รีบเรียกบอดี้การ์ดอะไรนั่นมาสิ ไอ้สวะที่แต่งเข้ามาบ้านเกือบทำให้เราตายแล้ว!”
คุณน้ากระทืบเท้าแล้วลุกขึ้นมา ไม่นาน เหล่าป้าๆ น้าๆ ของหลีเช่าเทียนก็ตั้งสติได้ และเริ่มตำหนิเฉินเป่ยกับหลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนนั่งขมวดคิ้วอยู่ตรงที่นั่ง เธอไม่คิดว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ตอนนี้เธอไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี
หลีเช่าเทียนยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่พูดอะไรสักคำ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่คุณน้าพูดเมื่อครู่
“ให้ตายเหอะ กล้ามาเหิมเกริมในบ้านหลีเหรอ เธอเบื่อการมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ วันนี้ฉันจะจัดการเธอเอง!” หลีเฟิงชี้หลีชิงเยียนแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงน่ากลัว
“หน้าไม่อาย ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งจะมีคนกล้าเหิมเกริมในบ้านหลี!”
“ใช่ คนของตัวเองจะทำร้ายบ้านตัวเองแล้วสิ เจ้าบ้าน คุณต้องตัดสินด้วย!”
“เข้ามาจับผู้หญิงต่ำตมกับไอ้ลูกเขยไม่เอาไหนนี่ออกไปที สองคนนี้ทำให้บ้านหลีเสื่อมเสียชื่อเสียง เอาเสื้อของไอ้ผู้หญิงต่ำตมไปแขวนไว้หน้าประตูบ้านหลี เพื่อประจานคนชั่ว!”
ขณะนั้นเอง จู่ๆ น้าของหลีเช่าเทียน หลีเสียนซูพูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง เธอจ้องหลีชิงเยียน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความดูหมิ่นและเย็นชา!
ลูกน้องของบ้านหลีรับคำสั่งและพุ่งเข้ามาหาหลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว หลีหงกับหลีเช่าเทียนยังคงนั่งเงียบไม่พูดอะไร นี่น่าจะเป็นแผนที่หลีเช่าเทียนวางเอาไว้!
ถอดเสื้อของเธอเพื่อประจานต่อสาธารณชน นี่มันเป็นการลงโทษที่ทุเรศมาก น่าสังเวชยิ่งกว่าการประหารชีวิตเสียอีก!
หลีเซียนสูต้องการแก้แค้นศัตรูที่หู้ไห่ จึงอยากทำลายหลีชิงเยียน!
หลีชิงเยียนกัดฟันกรอด เธอจ้องน้าเขม็ง น้าแสยะยิ้ม แล้วพูดออกคำสั่ง “จัดการ!”
ลูกน้องของบ้านหลีพุ่งเข้าไปหาหลีชิงเยียน จู่ๆ ก็มีคนเข้ามายืนขวางหน้าหลีชิงเยียน แต่ทว่าลูกน้องของบ้านหลีแยกกันพุ่งเข้าไปทางด้านซ้ายและขวาของหลีชิงเยียน
“ผลั่ก ผลั่ก”
จู่ๆ คนนั้นก็เตะออกไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ลูกน้องของบ้านหลีกระเด็นออกไป เหมือนกับลูกปืนใหญ่กระเด็นถอยหลังแล้วกระแทกเข้าไปในผนังอันงดงาม จนทำให้ผนังกลายเป็นรูที่มีรูปร่างเหมือนคน!
เมื่อหลีชิงเยียนเห็นว่าคนที่เข้ามาขวางหน้าเธอคือใคร ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง คนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเฉินเป่ย!
“รนหาที่ตาย จัดการไอ้สวะนั่นซะ!” หลีเสียนซูส่งเสียงไม่พอใจแล้วตวาดสั่งออกมา
“ครับ!”
ลูกน้องของบ้านหลีพากันพุ่งเข้าไปหาเฉินเป่ย เฉินเป่ยกวาดตามอง ในปากยังคงเคี้ยวเนื้อวัว เขาแบะปากเมื่อเห็นลูกน้องของบ้านหลี ราวกับว่าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
ขณะที่ลูกน้องของบ้านหลีพุ่งเข้ามาหาเฉินเป่ย เฉินเป่ยกระโดดขาคู่ ตัวของเขาลอยขึ้นและฉีกขาออก ขาของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนเหมือนมีสิบกว่าขา!
การเคลื่อนไหวของเฉินเป่ยรวดเร็วจนยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า มองเห็นเพียงขาที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและเงาของมันเท่านั้น ราวกับตำนานเตะไร้เงากลับมาเกิดอีกครั้ง!
“ตุ้บๆ”
เสียงของลูกน้องบ้านหลีที่ถูกเฉินเป่ยเตะเขาที่กลางอกกระเด็นถอยหลังไปสิบกว่าก้าว จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาทางปาก สีหน้าของคนพวกนั้นซีดเผือด!
เมื่อเฉินเป่ยลงมือ ซูเหลยจึงถอนหายใจออกมา ซูเหลยรู้ดีกว่าใครในที่นี้ เมื่อเฉินเป่ยลงมือ ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นฝุ่น
เมื่อเขาออกโรงก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง!
หลีเฟิงเห็นฉากที่เฉินเป่ยยกเท้า เขารีบหลับตาปี๋ เมื่อเท้าของเฉินเป่ยแตะลงสู่พื้นแล้วมองมายังเขา ภายในใจของเขาเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี จึงทำให้ชายหนุ่มหันหลังวิ่งหนีโดยไม่ลังเล
ถึงแม้ว่าหลีเฟิงจะไม่ได้เป็นคนที่เรียนศิลปะการต่อสู้ แต่ตอนนี้เขาเหมือนคนโง่เมื่อเห็นการกระทำอันน่ากลัวของเฉินเป่ย และเขารู้แล้วว่าเฉินเป่ยเป็นคนมีฝีมือที่ตัวเขาเองไม่สามารถไปยั่วโมโหได้
ความคิดเดียวของหลีเฟิงในช่วงเวลานี้คือ ต้องเรียกเพื่อนเลวๆ ของเขามาช่วย เขาถึงจะรู้สึกปลอดภัย
แต่ทว่าหลีเฟิงวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงมหาศาลที่หลังของตัวเอง เขาถูกลากกลับไป
“ฉันให้แกไปแล้วเหรอ” เฉินเป่ยกำด้านหลังเสื้อของหลีเฟิง
“แกอย่าได้คืบจะเอาศอก!” หลีเฟิงหันหน้ากลับมาชี้หน้าเฉินเป่ยแล้วเอ่ยขึ้น
“เพียะ เพียะ เพียะ” หลีเฟิงพูดจบเสียงตบก็ดังขึ้น
อย่างที่เฉินเป่ยพูดไว้ เขาตบหน้าหลีเฟิงไปเต็มๆ สามฉาด มันเร็วมากจนหลีเฟิงไม่มีโอกาสตั้งตัว ตบครั้งสุดท้ายทำให้หลีเฟิงกระเด็นลงไปที่พื้นและกระอักเลือดออกมา
“ขอโทษ” เฉินเป่ยจุดบุหรี่ และเอามือสองข้างสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นจึงพูดออกมาสองคำ แต่สองคำนี้กลับทำให้ทุกอย่างเงียบไปหมด
คนในบ้านหลีที่อยู่รอบๆ ต่างพากันวางอุปกรณ์ทานอาหารในมือลง เขาโดนความเงียบดึงดูดเข้าให้แล้ว
คุณน้าสีหน้าถอดสี เธอจะเข้าไปประคองหลีเฟิงด้วยสีหน้าไม่สู้ดี แต่โดนน้องสาวของตัวเองรั้งไว้ บรรยากาศตอนนี้มันค่อนข้างกระอักกระอ่วน
เฉินเป่ยเดินเข้าไปหาคนที่กำลังตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น ตอนนี้หลีเฟิงรู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆ มันเย็นยะเยือกไปหมด ในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ แต่เขากลับขนลุกไปทั้งตัว
“แกรนหาที่ตาย!” หลีเฟิงตะเกียกตะกายลุกขึ้น และเอาแต่จ้องเฉินเป่ย ดวงตาของเขาแดงก่ำ ตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน มีแค่ไม่กี่คนที่กล้าทำร้ายเขา!
“เพียะ!”
หลีเฟิงเพิ่งพูดจบ เฉินเป่ยตบลงไปอีกหนึ่งฉาด
ใบหน้าของหลีเฟิงแดงก่ำและรู้สึกเจ็บ จู่ๆ เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาไม่น้อย
“ขอโทษ” เฉินเป่ยพูดออกมาอีกครั้ง นี่ยิ่งทำให้หลีเฟิงรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าคนจำนวนมากจนไม่เหลืออะไรแล้ว!
“ไอ้เลว แกกล้าตบลูกชายฉันเหรอ!” สุดท้ายหลีเสียนซูก็ทนดูไม่ไหวอีกแล้ว เธอตวาดออกมาเสียงแหลมแล้วลุกขึ้นด้วยความโมโห
ขณะนั้นเองหลีเช่าเทียนพูดขึ้นมาว่า “นั่งลง”
หลีเสียนซูหันหน้าไปมอง เห็นว่าหลีเช่าเทียนยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่กลับมีความน่าเกรงขามแผ่ออกมาอย่างบอกไม่ถูก
หลีเสียนซูอยากพูดเถียง แต่ทว่าหลีเช่าเทียนเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณน้าจะไม่ฟังคำสั่งของผมเหรอครับ”
หลีเสียนซูกัดฟันกรอด แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลีเช่าเทียน ท้ายที่สุดเธอต้องเป็นฝ่ายอ่อนให้ เธอมองหลีหง และจำใจต้องนั่งลงมองลูกชายของตัวเองโดนเฉินเป่ยตบหน้าโดยไม่สามารถทำอะไรได้!
“ฉัน!” หลีเฟิงยืนขึ้น ขณะที่เขากำลังจะพูดจาหยาบคายออกมา ก็เห็นเฉินเป่ยยกง้างมือขึ้นมาอีก แถมแขนของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ จู่ๆ หลีเฟิงก็กลืนคำด่าของตัวเองลงไป “ขะ ขอโทษ ฉันไม่ควรพูดกับนายอย่างนั้น”
หลีเฟิงไม่สนใจศักดิ์ศรีอีกแล้ว เขาจะเอาความกล้ามาจากไหนอีกล่ะ จะยโสไปทำไมอีก เขาแทบจะถูกบดขยี้ภายใต้การตบไม่กี่ครั้งของเฉินเป่ย!
เขาอยากขัดขืน แต่ขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ใช่แค่หลีเช่าเทียนกับหลีหงที่ไม่ยอมห้าม แม้แต่หลีเสียนซูยังโดนรั้งเอาไว้ บ้านหลีไม่แม้แต่จะช่วยเหลือเขา!
“เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ” เสียงตบดังต่อเนื่องกันสี่ครั้ง คนที่เพิ่งจะลุกขึ้นมายืนอย่างหลีเฟิง ลงไปนอนกองอยู่บนพื้นอีกครั้ง ฟันกรามปนเลือดถูกคายออกมา นี่แสดงให้เห็นว่าแรงตบของเฉินเป่ยมันหนักขนาดไหน
เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมาเนิบๆ จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่ใช่ให้ขอโทษฉัน ขอโทษภรรยาของฉัน”
หลีเฟิงตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น สภาพของเขาในตอนนี้น่าเวทนาเป็นอย่างมาก หน้าปูดบวมและฟกช้ำดำเขียว เขารีบพูดร้องขอชีวิต “ขะ ขอโทษ!”
“อย่าพูดคำต่ำๆ ออกมาอีก ถ้าแกยังพูดไร้มารยาทกับภรรยาของฉันอีก ฉันจะทำให้แกเสียใจเพราะปากของแกเอง”
ถึงแม้คำพูดของเฉินเป่ยจะราบเรียบ แต่กลับรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวที่แฝงเอาไว้ จนทำให้อดตัวสั่นไม่ได้
เฉินเป่ยพูดพลางมองหลีเสียนซู
ขณะนี้หลีเสียนซูกับหลีเฟิงตัวสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ หลีเฟิงรู้สึกเหมือนโดนสัตว์ป่าดุร้ายจ้องอยู่ จู่ๆ เหงื่อก็ไหลออกมาเต็มแผ่นหลัง เขาเพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองไปยั่วโมโหผิดคนแล้ว
“พอเถอะ พวกคุณคุยกันต่อเถอะ” เฉินเป่ยปัดมือไปมา แล้วนั่งลงข้างหลีชิงเยียนอีกครั้ง สีหน้าของเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับว่าคนที่โหดเหี้ยมเมื่อครู่ไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้น
แต่หลีชิงเยียนหันหน้ามาจ้องเฉินเป่ยอยู่นาน แววตาที่เขามองเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและความสับสน ผ่านไปพักใหญ่ เธอจึงพูดกับเฉินเป่ยเบาๆ ว่า “ขอบคุณ”
นี่เป็นคำขอบคุณที่เธอพูดออกมาจากใจ การที่เฉินเป่ยปกป้องเธอ ถึงขนาดที่ยอมทำร้ายหลีเฟิง นี่เขายอมผิดใจกับทุกคน
เฉินเป่ยยิ้มออกมา “ถ้าใครกล้ารังแกคุณ ผมจะเย็บปากมันเอง ให้มันพูดไม่ได้ตลอดชีวิต”
ขณะที่เฉินเป่ยกำลังพูด คนที่นั่งอยู่อีกด้านอย่างหลีเฟิงได้ยินสิ่งที่เขาพูด จนตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ ให้ตายเหอะนี่มันจงใจชัดๆ