สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 523
บทที่523 ตั้งรางวัลมูลค่ามหาศาล!
“ประธานหลี…” รอซูเหลยตอบสนองเข้ามา หลีชิงเยียนก็พุ่งออกไปนอกห้องแล้ว
ซูเหลยรีบก้าวตามออกไป ไม่นานพบว่าหลีชิงเยียนปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูห้องของเฉินเป่ย ยกมือที่เรียวงามขึ้น เคาะประตูดังตึงๆๆ
“ประธานหลี เบาหน่อยค่ะ” ซูเหลยพูดตื่นสติด้วยความหวังดี เวลานี้หลีชิงเยียนเสียการควบคุมตัวโดยสิ้นเชิง ไม่มีลักษณะของหญิงสาวสง่าผ่าเผยแบบปกติสักนิด ร้อนรนเหมือนมีเรื่องเร่งด่วนอะไร ทำให้เธอไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเองแต่อย่างใด
“ก่อนหน้านี้ฉันมองเห็นคนคนหนึ่ง เหมือนจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับเสื้อกั๊ก” หลีชิงเยียนพูดอธิบายเสียงรีบร้อน
ซูเหลยตะลึง มองทางหลีชิงเยียน ถามว่า “ประธานหลีคะ คุณแน่ใจเหรอ? คุณหมายความว่าเฉินเป่ยคือคนที่หยุดยั้งนักฆ่าพวกนั้นไว้” ซูเหลยเอ่ยปากพูดแบบสีหน้าไม่เปลี่ยน
“ไกลเกินไป มองไม่ค่อยชัด ดังนั้นฉันถึงมาเคาะประตูห้องเขาไง ถ้าเป็นเขาจริง เขาต้องไม่อยู่ด้านในนี้” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วแน่น พูดตอบ
ถึงแม้เธอเองก็ไม่เชื่อว่าเฉินเป่ยจะมีความสามารถมากขนาดนั้น แต่ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร
ซูเหลยมองหลีชิงเยียนอยู่ ในใจแอบทอดถอนใจ หล่อนรู้ดี ตามการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา ต่อให้ปิดซ่อนดีอย่างไรคงต้องปรากฏพิรุธออกมาบ้าง ถึงแม้การปกปิดของเฉินเป่ยจะซ่อนแบบไม่มีช่องโหว่ใดๆ แต่ก็คงค่อยๆ เผยเบาะแสออกมา
และในช่วงเวลานี้ หลีชิงเยียนสงสัยเป็นพิเศษ ไม่เพียงแค่ครั้งเดียวที่ให้ซูเหลยจ้องการกระทำของเฉินเป่ยไว้ ช่วงที่เฉินเป่ยไม่ใส่ใจเผยฝีมือออกมา ถึงแม้ไม่ได้สั่นสะเทือนถึงหลีชิงเยียน แต่ทำให้เธอเกิดความสงสัยภายในใจแล้ว
ต่อให้เฉินเป่ยอธิบายว่าตนเองเพียงแค่กำลังจัดการอันธพาลเสเพล ทว่าหลีชิงเยียนไม่เคยเข้าใจเบื้องหลังของเฉินเป่ยอย่างแท้จริงมาแต่ไหนแต่ไร ย่อมไม่เชื่อลูกไม้แบบนี้เป็นธรรมดา
“ประธานหลีคะ คุณสงสัยเขา? ฉันคิดว่าไม่ค่อยน่าเป็นไปได้มั้ง” ซูเหลยยิ้มตอบ
ส่วนหลีชิงเยียนตบประตูอยู่ตั้งนาน สีหน้าเผยความสงสัยไม่เข้าใจออกมา “ฉันเคาะมานานขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงยังไม่ตอบรับอะไร?”
“ประธานหลีคะ ต้องการให้ฉันจัดการมั้ยคะ?” ซูเหลยถามขึ้น
หลีชิงเยียนครุ่นคิดสักครู่ พยักหน้าแล้ว หลังหลีชิงเยียนถอยไปด้านข้าง ซูเหลยยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพัก สูดหายใจเข้าลึกๆ เตรียมยกเท้าถีบประตูห้องออก
ในเวลานี้ ทันใดนั้นประตูห้องเปิดออกเสียงกึก ประตูมีช่องหนึ่งแง้มออก ศีรษะของเฉินเป่ยมุดออกมาจากด้านในแล้ว มองหลีชิงเยียนและซูเหลยแวบหนึ่ง ตะลึงนิดหน่อย ถามอย่างไม่เข้าใจ “ชิงเยียน ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว พวกคุณยังมาทำอะไรกัน?”
“อย่ามาไร้สาระ ให้พวกฉันเข้าไป” หลีชิงเยียนพูดแบบหน้าตาเย็นชา
เฉินเป่ยตะลึง หน้าเผยสีหน้าที่ลำบากใจ “นี่…นี่ไม่ค่อยดีมั้ง”
“ไม่มีอะไรไม่ดีทั้งนั้นแหละ หลบไป” หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด ผลักประตูห้องออกไปทีหนึ่ง เตรียมบุกเดินเข้าไปกับซูเหลย
และทันทีที่ประตูห้องเปิดออก ดวงตาหลีชิงเยียนแข็งทื่อ ชั่วขณะนั้นอึ้งอยู่ที่เดิม
สายตาของหลีชิงเยียนตกอยู่บนตัวของเฉินเป่ย แวบเดียวก็มองเห็นเฉินเป่ยยืนอยู่หน้าประตูแบบเปลือยเปล่า ไม่ได้ใช้แม้กระทั่งมือปกปิด จนสะท้อนเข้าในตาของหลีชิงเยียนแบบมองเห็นภาพทั้งหมดเลย
“ว๊าย!” หลีชิงเยียนร้องตกใจออกมา ถึงแม้เธอจะนิสัยเย็นยะเยือก ตอนที่มองเห็นร่างกายที่แข็งแรงกำยำและรอยแผลเป็นนับไม่ถ้วนของเฉินเป่ยยังตกใจยกใหญ่เข้าให้ กลั้นไม่ไหวร้องส่งเสียงออกมา
และตอนที่ดวงตาของเธอกวาดผ่านร่างกายของเฉินเป่ยในชั่วขณะนั้น มองเห็นทุกส่วนที่ไม่ควรมองอย่างแจ่มชัด รีบร้อนปิดดวงตาไว้ทันที ใบหน้างดงามเปลี่ยนเป็นสีแดงฉ่ำแวบหนึ่ง
ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนร้อนฉ่าอย่างไร้ที่เปรียบ ประกายสีแดงอับอายขึ้น ท่านประธานเทพธิดาที่บริสุทธิ์ผุดผ่องและสูงส่ง เวลานี้อับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแทบไม่ทัน
“ป้าบ!”
หลีชิงเยียนทั้งอายทั้งโมโห หมุนตัวกลับไปทันที ตะโกนใส่เสียงดุ “รีบไปใส่เสื้อผ้า! เดี๋ยวนี้!”
ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างหลีชิงเยียน ย่อมมองเห็นสิ่งที่หลีชิงเยียนเห็นทั้งหมด ในฐานะผู้หญิง หล่อนย่อมรับไม่ค่อยได้เท่าไร สีหน้ากระอักกระอ่วนมาก
เฉินเป่ยหน้าตาไร้ความผิด “นี่ ชิงเยียน ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณจะมาเยี่ยมกลางดึก อะไรคุณก็มองเห็นหมดแล้วยังมีอะไรต้องอายกันอีก ผมยังไม่ได้ให้คุณรับผิดชอบ คุณกลับให้ผมใส่เสื้อผ้าก่อนอีก”
เฉินเป่ยสวมกางเกงขึ้นพลางบ่นพึมพำไปด้วย ทำให้หลีชิงเยียนที่หมุนตัวไป โกรธจนกัดฟัน อยากฉีกร่างเฉินเป่ยให้ขาดแทบแย่
เฉินเป่ยทำท่าทางไร้ความผิด เสมือนว่าโดนหลีชิงเยียนเอาเปรียบเข้าแล้ว และเหมือนตนเองได้รับความเสียหายมากมาย ทำให้หลีชิงเยียนไม่รู้สึกอับอายจนโมโหได้อย่างไร
หลังจากเฉินเป่ยใส่กางเกงเรียบร้อย เปลือยท่อนบนไว้หมุนตัวกลับมา มองทางหลีชิงเยียน มุมปากแฝงด้วยรอยยิ้ม “ประธานหลี มาหาดึกดื่น หรือว่าจะมาทำอะไรบางอย่าง?”
ตอนแรกหลีชิงเยียนไม่เข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของเฉินเป่ย กวาดสายตามองเฉินเป่ยอย่างเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงที่มีการสอบถาม “ฉันเคาะประตูอยู่ตั้งนาน นายไม่ตอบรับมาสักนิด นายกำลังทำอะไรอยู่?
เฉินเป่ยตะลึง จากนั้นมองทางหลีชิงเยียน ไม่นานก็ตอบสนองเข้ามาแล้ว หัวเราะหึๆ พูดอธิบาย “นี่ผมไม่ได้กำลังฝันอยู่เหรอ ในฝันพลิกไปพลิกมากับคุณ ถ้าคุณอยากรู้ ผมเล่ารายละเอียดให้คุณฟังได้นะ”
“หุบปาก!” หลีชิงเยียนถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างแรง เสียสติอยู่บ้าง เฉินเป่ยพูดจาเปิดเผย ทำให้หลีชิงเยียนไม่อับอายหงุดหงิดได้อย่างไร
ดวงตาหลีชิงเยียนมีความหมายอาฆาตแค้นที่ดุเดือด ถือว่าทำให้เฉินเป่ยหุบปากลงไปแบบเชื่อฟัง
“เฉินเป่ย นายบอกมานะ ทำไมตั้งนานขนาดนี้ถึงยังไม่ตอบรับกลับมา นายทำอะไรอยู่ในห้องกันแน่?” ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างพูดตาม
“นี่…” เฉินเป่ยมองไปด้านในห้องแวบหนึ่งอย่างหวาดผวา หลีชิงเยียนที่อ่อนไหวรู้สึกถึงจุดนี้ได้ ทำเสียงฮึดฮัด ใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ พุ่งไปด้านในห้องด้วยท่าทางดุดัน
และหลังจากหลีชิงเยียนพุ่งไปในห้องพัก มองไปรอบด้านสักหน่อย แวบหนึ่งมองเห็นแล็ปท็อปที่วางไว้บนโต๊ะกาแฟเครื่องหนึ่ง ตอนที่ท่านประธานเทพธิดาสังเกตเห็นภาพบนหน้าจอแล็ปท็อปเข้า สีหน้าตื่นตกใจแบบยากจะเชื่อ
บนหน้าจอแล็ปท็อปฉายภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังปลุกปล้ำกันอย่างดุเดือด…ภาพที่ขัดตานั้นทำให้หลีชิงเยียนมึนงงไป แม้กระทั่งเธอยังสามารถได้ยินเสียงที่ทำให้สติปัญญาและพลังเดือดพล่าน…
หลีชิงเยียนที่ฉลาดหลักแหลม แวบหนึ่งก็ตอบสนองเข้ามา ทำไมก่อนหน้านี้เฉินเป่ยถึงตัวเปล่าเล่าเปลือย จึงเข้าใจมาในชั่วขณะหนึ่ง ทำไมตนเองทุบประตูเจ้าหมอนี่เป็นตายอย่างไรถึงไม่เข้ามาเปิด นี่เห็นได้ชัดว่าดูจนเพลิน เสียงในแล็ปท็อปนี้กลบเสียงเธอตบประตูไว้ทั้งหมด
“ไร้ยางอาย…สารเลว!” หลีชิงเยียนรู้สึกแค้นเคือง ไม่นานก็ย้ายสายตาออกจากบนหน้าจอแล็ปท็อป หันหน้ามองทางเฉินเป่ย ทั้งอายทั้งโมโห ในดวงตาแฝงด้วยความหนาวเย็นและโกรธเคือง
เฉินเป่ยเกาศีรษะอย่างกระอักกระอ่วน หัวเราะฮาๆ “ชิงเยียน ตอนแรกผมไม่รู้ว่าเป็นพวกคุณ ผม…”
“หุบปาก ให้นายพูดแล้วรึไง!” หลีชิงเยียนใบหน้าหนาวเหน็บ ดวงตามองทางสายตาของเฉินเป่ย เกือบจะสับเจ้าหมอนี่ให้แหลกละเอียด
“ไปกันเถอะ” หลีชิงเยียนมองทางซูเหลย พูดจาเดือดดาล จากนั้นเดินออกไปด้านนอก
และหลังจากหลีชิงเยียนเดินออกนอกประตูไป ทันใดนั้นเฉินเป่ยพิงที่ขอบประตูก็พูดขึ้น “ทั้งสองคน ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ไหนๆ ก็มาแล้ว ผมคิดว่าพวกคุณอยากจะแลกเปลี่ยนแบบลึกซึ้งกับผมสักหน่อย……”
เฉินเป่ยเอ่ยปากอย่างมีความสนใจ โดยเฉพาะตรงคำว่า“แลกเปลี่ยนอย่างลึกซึ้ง”ได้เน้นหนักมาก ทำให้หลีชิงเยียนและซูเหลยชะงักฝีเท้า
“ซูเหลย ไปสั่งสอนเขาสักยก ยิ่งแรงยิ่งดี!” ไม่นานหลีชิงเยียนก็กัดฟันเอ่ยปากอย่างหนาวเย็น แต่ละคำล้วนมีแรงอาฆาตที่น่ากลัวมาก
ส่วนเฉินเป่ยที่พิงขอบประตู ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของหลีชิงเยียน เหมือนจะรู้สึกได้ถึงความหมายเย็นเฉียบที่มาจากในคำพูดของหลีชิงเยียน จนสั่นทั่วทั้งตัวอย่างควบคุมไม่อยู่ ในใจเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น
คาดไม่ถึงว่าซูเหลยจะมองหลีชิงเยียนทีหนึ่ง สีหน้ามีความจำใจแวบผ่าน
ให้หล่อนสั่งสอนเฉินเป่ย? นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน? คนอื่นไม่รู้ว่าเฉินเป่ยเป็นใคร แต่ซูเหลยยังไม่รู้ด้วยเหรอ? นั่นเป็นราชาหลงนะ
ซูเหลยมองทางเฉินเป่ย สีหน้าจำใจกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่พอนึกถึงในความเป็นจริงหลีชิงเยียนให้ตนเองทำแบบนี้ และเฉินเป่ยก็กลัวหลีชิงเยียนขนาดนั้น ครู่หนึ่งซูเหลยจึงความเพิ่มมั่นใจหลายระดับ
หลังซูเหลยเดินเข้าไปหาเฉินเป่ย ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที ราชาหลงที่อันธพาลคลุ้มคลั่ง เวลานี้เกิดความรู้สึกหวาดกลัว ถอยไปด้านหลัง
“ซูเหลย ลงมือไม่ต้องปรานี เขาหนังหนา” หลีชิงเยียนเอ่ยปากนิ่งๆ หลังสั่งการเสร็จ จึงเดินไปที่ห้องพักของตนเอง ส่วนซูเหลยวางใจลงมา ลงมือดุจสายฟ้าแลบ จับข้อมือของเฉินเป่ยไว้ พับหักทันที
“โอ๊ย!” เฉินเป่ยสีหน้าแข็งทื่อ เจ็บปวดจนทำให้เขาอดหวาดกลัวและตกใจไม่ได้
“อย่าๆๆ…พี่ซู พี่ซู ลงมือปรานีด้วย ต่อยคนไม่ต่อยหน้า!” เกรงว่าทั้งหลงหุนคงคิดไม่ถึงว่าราชาหลงที่นำทีมพวกเขายกทัพปราบต่างประเทศ และท่วงท่าน่ากลัวเกรียงไกร จะมีวันหนึ่งที่โดนผู้หญิงซึ่งเป็นอดีตทีมรบพิเศษหัวเซี่ยรังแกจนร้องโหยหวนไม่หยุด
ส่วนตอนที่เฉินเป่ยโดนซูเหลยต่อยไม่ยั้ง อดมองไปทางภาพด้านหลังของหลีชิงเยียนไม่ได้ ในใจแอบก่นด่า แม่เสือตัวนี้ เดินก็ช่างช้าเสียจริงๆ เลย…
เพราะเสียงร้องโหยหวนของเขาเดิมทีไม่ใช่แสร้งร้องออกมา ซูเหลยลงมือหนักจริง ถึงสามารถทำให้เขาส่งเสียงร้องได้สมจริงเช่นนี้ได้
หลังจากที่หลีชิงเยียนเดินเข้าไปในห้องพัก สีหน้าของเฉินเป่ยถึงฟื้นคืนสู่สภาพปกติ มองทางซูเหลย พูดว่า “พอได้แล้ว ละมือเถอะ”
มุมปากซูเหลยยกขึ้นเล็กน้อย วาดรอยยิ้มขึ้น เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้หล่อนเองยังคิดไม่ถึงว่ามีวันหนึ่ง ราชาหลงที่น่าเกรงขามจะโดนตนเองต่อยจนแย่ขนาดนั้น……