สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 54
บทที่ 54 หลงซื่อหลางแห่งสำนักเชียนเย่
“งานหมั้น?” หลีชิงเยียนสีหน้าเยือกเย็นไปทันที แววตาของหล่อนเต็มไปด้วยความโมโห “ให้เขาออกไป!”
เลขาหลินเฉว่ตกใจกับท่าทีและอารมณ์ตอบโต้ของหลีชิงเยียน ในความทรงจำของหล่อน ประธานแสนสวยผู้นี้ ใจเย็นและมีสติอยู่ตลอด ไม่ค่อยโกรธจนวู่วามขนาดนี้
“ประธานหลี หรือว่าหาข้ออ้าง ปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมหน่อยดีไหมคะ?” หลินเฉว่พูดขึ้นด้วยความลังเล
คุณชายหลีเป็นถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากเยี่ยนจิง แม้แต่เทศมนตรีของเมืองเมืองหู้ไห่ยังไม่กล้าทำอะไรเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบริษัทตระกูลหลี
บริษัทตระกูลหลีเป็นเพียงผู้นำในแวดวงธุรกิจ แต่ตระกูลหลีแห่งเมืองเยี่ยนจิง ไม่เพียงหยุดอยู่แค่วงการธุรกิจ กองทัพ สาธารณสุข จนถึงนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์AI และยังมีเรื่องการเมือง แวดวงต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์กับตระกูลหลี
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่คุณชายหลีมีอำนาจยิ่งใหญ่มากมายมาจนถึงทุกวันนี้…เขามีคุณสมบัติและความสามารถเพรียบพร้อมจริงๆ!
“แล้วแต่เธอ” หลีชิงเยียนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ค่ะ” หลินเฉว่เหลือบมองเฉินเป่ยที่นั่งอยู่ด้านข้าง จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ราวกับนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด
“ประธานหลี งั้นฉันขอตัวออกไปก่อนนะคะ” หลินเฉว่กล่าว
“โอเค” หลีชิงเยียนพยักหน้า จากนั้นหลินเฉว่จึงรีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่หลินเฉว่ออกไป เฉินเป่ยจึงหันมามองหลีชิงเยียน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขัดข้องใจ “เรื่องงานหมั้น เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“อย่ามายุ่ง!” หลีชิงเยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางเหลือบมองเขา จากนั้นหันไปมองตึกสูงใหญ่นอกหน้าต่าง แววตาเต็มไปด้วยความสับสน
“ส่วนงานเลี้ยงของตระกูลหลีเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก?” เฉินเป่ยไม่ยอมแพ้ จึงพูดต่อ
“นายมีสิทธิ์อะไรต้องรู้ด้วย?” หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“มีสิทธิ์ที่ผมเป็นสามีคุณไงล่ะ” เฉินเป่ยกล่าว
“เป็นแค่สามีทางกฎหมาย นายคิดจริงแล้วเหรอ?” หลีชิงเยียนหัวเราะเยาะ
“เสี่ยวเยียน เกิดอะไรขึ้นกับงานหมั้นของเธอกับคุณชายหลีกันแน่?” ซูเสี่ยวหยุนถามขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง
หลีชิงเยียนหันหลังไปมองซูเสี่ยวหยุน พูดขึ้น “ตอนแรก พวกเราดูฤกษ์งานหมั้นไว้ ฉันไม่มีทางปฏิเสธได้ ดังนั้นพ่อของฉันจึงให้เขาแต่งงานกับฉัน เพื่อต่อต้านการแต่งงานจอมปลอม”
“คุณชายหลีเป็นบุคคลสำคัญของเมืองเมืองหู้ไห่ เธอแต่งงานกับเขาถือเป็นเรื่องที่ดี แล้วทำไมพวกเธอต้องต่อต้านด้วยล่ะ?” ซูเสี่ยวหยุนขมวดคิ้ว ไม่ว่ายังไงตระกูลหลีถือเป็นตระกูลสำคัญของเยี่ยนจิง มีบรรดาตระกูลเศรษฐีมากมายอยากแต่งงานกับเขา อีกทั้งคุณชายหลียังเป็นคนเก่งมีความสามารถ พวกสาวๆมากมายจึงตกหลุมรักเขากันหมด
คนมากมายนับไม่ถ้วนต่างใฝ่ฝันอยากแต่งงานเป็นสะใภ้ตระกูลหลี แต่หลีชิงเยียนกลับไม่คิดเช่นนั้น ซูเสี่ยวหยุนจึงไม่เข้าใจหล่อน
“ตอนที่ตระกูลหลีกำหนดจัดงานหมั้น เป็นเพราะพวกเขาอยากควบคุมอำนาจทั้งหมดในบริษัทตระกูลหลี” หลีชิงเยียนถอนหายใจออก แววตาสับสน
“ตระกูลหลีเป็นตระกูลใหญ่มีธุรกิจใหญ่โตมากมาย เขาไม่มีทางให้เกียรติบริษัทตระกูลหลีในหู้ไห่หรอก เขาจะยอมสละคุณชายหลีได้อย่างไร ใช้วิธีนี้คุมอำนาจของบริษัทตระกูลหลี?” จู่ๆเฉินเป่ยพูดขึ้น แววตาอันเฉียบแหลม พูดอย่างตรงไปตรงมา
ความสำคัญของคุณชายหลีต่อตระกูลหลีมีมากมายเท่าไหร่คงไม่ต้องพูดถึง คุณชายหลีอาจจะสืบทอดกิจการตระกูลหลี กลายเป็นเจ้าของตระกูลหลี…คนเช่นนี้ มีความสามารถเหลือล้น ตระกูลของเขาคงไม่ให้เขามาสนใจดูแลเมืองเล็กๆอย่างเมืองหู้ไห่หรอก
หลีชิงเยียนเหลือบมองเฉินเป่ยด้วยสีหน้าตกตะลึง “ใช่ ตระกูลหลีไม่อยากได้บริษัทตระกูลหลี พ่อเคยบอกฉันว่า ตระกูลหลีอยากได้กรรมสิทธิ์ในการพัฒนาท่าเรือและสนามบินของบริษัทตระกูลหลี”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” สีหน้าของซูเสี่ยวหยุนเคร่งขรึมมากขึ้น เฉินเป่ยกับซูเสี่ยวหยุนเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมคุณชายหลีจึงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยอมเดินทางมาจากเยี่ยนจิงแดนไกล เพราะมูลค่าของท่าเรือและสนามบินนั้นมากจนไม่สามรถประเมินค่าได้ คุ้มค่ากับการที่เขาต้องเดินทางมาที่นี่
แต่เรื่องงานแต่งงาน เป็นแผนการที่ตระกูลหลีจะควบรวมกรรมสิทธิ์นั้นมาเป็นของตัวเอง
ในแวดวงของนักธุรกิจชั้นสูงและตระกูลเศรษฐีแถวหน้า เรื่องแบบนี้ มีมากมายนับไม่ถ้วน
“ไม่ว่าจะเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อตัวเอง ฉันก็ไม่สามารถตอบรับข้อตกลงนี้ได้” สีหน้าของหลีชิงเยียนเรียบนิ่ง “ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตมากมาย ฉันจัดการเอง”
“สบายใจได้ เสี่ยวเยียน มีฉันกับเฉินเป่ยอยู่ เธอไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” ซูเสี่ยวหยุนพูดปลอบด้วยเสียงอ่อนหวาน
เฉินเป่ยพยักหน้า พูดเสริม “ใช่ๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกของเทพเจ้าองค์ใด ก็ไม่สามารถมาทำอะไรคุณได้!”
หลีชิงเยียนหันหน้าไปจ้องมองเฉินเป่ย แม้ว่าหล่อนไม่รู้ว่าเฉินเป่ยจะช่วยอะไรหล่อนได้ แต่คำพูดของเฉินเป่ยและซูเสี่ยวหยุน ทำให้หล่อนรู้สึกอุ่นใจ จิตใจอันโดดเดี่ยวสั่นคลอน จนทำให้หลีชิงเยียนยิ้มขึ้น พยักหน้าลง
…
ภายในห้องวีไอพีในโรงแรมห้าดาว ใครบางคนยืนอยู่ข้างเตียง มองไปยังตึกที่ใหญ่และรุ่งเรืองที่สุดในเขตCBDของเมืองเมืองหู้ไห่ เขาแกว่งแก้วที่มีน้ำแข็งและวิสกี้ กลิ่นหอมคละคลุ้งเย้ายวนใจ
ทันใดนั้น ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านข้างเขา พูดด้วยความเคารพ “”คุณชายหลี ผมได้แจ้งให้หลีชิงเยียนทราบถึงเรื่องที่ท่านสั่งแล้ว แต่…แต่หล่อน… ”
ทันใดนั้น ลูกน้องชะงักไป ไม่พูดต่อ
“มีอะไร?” คุณชายหลีขมวดคิ้ว ถามขึ้น
“หล่อนปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม” ลูกน้องตอบกลับ
“ปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม?” สีหน้าของคุณชายหลีเย็นชาไปทันที พูดด้วยน้ำเสียงน่าเกรงกลัว!
“งานเลี้ยงตระกูลของพวกเรา หล่อนยังกล้าไม่มาร่วม? งานหมั้นที่คุยกันไว้แล้ว หรือหล่อนจะกลับคำปฏิเสธไม่หมั้น?!” คุณชายหลีค่อยๆเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด แฝงไปด้วยความเหลือเชื่อ!
“คืนนี้ มีคนของตระกูลหลีมาร่วมด้วย ถ้าหล่อนไม่มา ฉันจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?” คุณชายหลีบ่นพึมพำ
“คุณชายหลี หลีชิงเยียนแต่งงานแล้ว เกรงว่านี่คงเป็นเหตุผลที่หล่อนไม่มา…” ลูกน้องพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน คุณชายหลีระเบิดความโมโหออกมา จนทำให้ลูกน้องสั่นไปทั้งตัว!
“แต่งงาน? กับไอ้หมอนั่น ใครให้หล่อนกล้าทำแบบนั้นล่ะ?” คุณชายหลีหัวเราะเย้ย จิบวิสกี้ในแก้ว แววตาของเขาช่างเยือกเย็นน่ากลัว!
“สำนักเสี่ยวเชียนเย่ น่าจะใกล้ถึงแล้วใช่ไหม?” คุณชายหลีถาม
“อีกครึ่งชั่วโมง เครื่องบินของพวกเขาจะลงจอดที่เมืองเมืองหู้ไห่” ลูกน้องตอบกลับ
“ไปเถอะ พวกเราไปรับพวกเขา” คุณชายหลียิ้มอย่างมีเลศนัย “คืนนี้ ฉันจะให้คนชั้นต่ำอย่างหลีชิงเยียน พ่ายแพ้ให้กับฉัน!”
…
มุมหนึ่งในสนามบินนานาชาติเมืองเมืองหู้ไห่
เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่ง ค่อยๆบินลงจอด
เมื่อประตูเครื่องบินถูกเปิดออก มีชายชุดดำสวมแว่นกันแดดค่อยๆเดินออกมา เขาเดินลงมาจากบันไดด้วยท่าทีผ่อนคลาย ในความมืดมนนั้น มีความอาฆาตแฝงอยู่สะท้อนออกมาจากด้านหลัง!
ด้านหลังของเขา มีชายชุดดำติดตามมากมาย ท่าทีเย็นชา เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดอาฆาตแค้น!
พวกเขาเดินตามชายชุดดำออกมาจากเครื่องบิน ท่าทางเย่อหยิ่ง ไม่สนใจใคร! นักท่องเที่ยวมากมายที่รายล้อมอยู่ในที่ห่างออกไป ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้…นี่คงเป็นพวกมาเฟียโหด! ห้ามไปทำอะไรพวกเขาเด็ดขาด!
พวกเขาเดินตรงออกมาจากสนาบิน ชายชุดดำที่เดินนำขบวน ท่าทางกร่าง เย่อหยิ่ง เมื่อเขากวาดสายตามองไปรอบๆ ช่างดูน่าเกรงขามยิ่งนัก!
“หัวเซี่ย…เมืองล้าหลัง ยังคงตกต่ำเหมือนเดิม เทียบไม่ได้กับตี้กั๋ว” หัวเซี่ยที่สวมชุดดำพูดวิจาร์ณเสียงแข็งอย่างไม่สนใจใคร
“นี่! นายเป็นใครกัน! ทำตัวเหมือนปีศาจ เสแสร้ง นิสัยอย่างนายเนี่ยนะ…ประเทศของนายก็ไม่มีอะไรดี!” ทันใดนั้น คนที่มีรอยสักเต็มตัวหัวเราะเยาะขึ้น
เขาอยู่ในสังคมเกเรตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ในสายตาเขา ชายชุดดำพวกนี้ เป็นแค่พวกเสแสร้งจอมปลอม
แต่ในขณะเดียวกัน พวกชายชุดดำต่างพากันหันหลังมามองนักเลงคนนั้น ความอาฆาตแค้นแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ!
สีหน้าของนักเลงคนนั้นเปลี่ยนไปทันที เขาสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่แผ่ปกคลุมเข้ามา! คนพวกนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!
“ปั้ง!” ชายชุดดำคนหนึ่งวิ่งออกมา เงาของเขาหายวับไป…ไม่มีใครเห็นท่าทีของเขาได้ชัดเจน!
ชั่วพริบตาเดียว นักเลงคนนั้นถูกถีบออกไป นอนกองอยู่บนพื้น กระอักเลือดอย่างรุนแรง!
นักท่องเที่ยวที่อยู่รอบๆต่างพากันตกตะลึง ถอยหลังเดินออกไป!
“หัวเซี่ย…ยังคงอ่อนแอเช่นเคย!” ชายชุดดำกวาดตามองนักเลง พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ หยิ่งผยอง
ทันใดนั้น รถBMWสีดำแล่นมาจากถนนอย่างรวดเร็ว!
ชายชุดดำหันไปจ้องมอง รถBMWที่กำลังจอด ประตูรถถูกเปิดออก มีชายผู้ดีคนหนึ่งเดินออกมาจากรถ
“ท่านก็คือเจ้านายของสำนักเสี่ยวเชียนเย่ ชื่อหลงซื่อหลางแห่งสำนักเชียนเย่?” คุณชายหลียิ้ม ถามอย่างมีมารยาท
“ใช่แล้ว” ชายชุดดำไม่ได้ถอดแว่นกันแดดออก ในสายตาของเขา คนอ่อนแออย่างคุณชายหลี ไม่ควรค่าแก่การให้ความสำคัญ!
สีหน้าของคุณชายหลีนิ่งเรียบ ไม่รู้สึกโกรธโมโห เพราะเขารู้อยู่แล้วว่า เจ้านายของสำนักเสี่ยวเชียนเย่ผู้นี้ แปลกประหลาดสุดโต่ง
“คุณชายหลีให้ผมมาที่นี่ เพื่อฆ่าใคร?” หลงซื่อหลางแห่งสำนักเชียนเย่ถามขึ้น
“คนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น” คุณชายหลียิ้มเจื่อน