สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 549
บทที่ 549 ศัตรูคู่แค้น!
“ปังปัง!”
แสงไฟก้อนใหญ่นั่นเริ่มห่างจากเฉินเป่ยไปเรื่อยๆ เสียงระเบิดก็เริ่มเบาลง ในที่สุดเฉินเป่ยก็หนีออกมาจากรัศมีระเบิดได้สำเร็จ ที่นั่งของเขาในตอนนี้เละไม่มีชิ้นดี ขนาดกระโปรงรถก็ยังหายไประหว่างทางหนีเมื่อกี้
ในตอนที่เฉินเป่ยขับรถอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงของเฉินเป่ย เขาใช้มือเดียวบังคับพวงมาลัย อีกมือหยิบมือถือออกมา กวาดตามองหน้าจอ ก่อนกดรับสาย
“พี่ใหญ่ พี่ทำอะไรน่ะ พี่บ้ามากเลยนะ นี่พี่กะจะป่วนทั่วหัวเซี่ยเลยหรือไง!” ปลายสายส่งเสียงร้อนรนของชายหนุ่มคนหนึ่งออกมา
“ผู้หญิงของฉัน ไอ้หลีเซ่าเทียนกล้าใช้ทหารป้องกันประเทศไปตามฆ่า มันล้ำเส้นฉันแล้ว ฉันไม่มีทางละเว้นมันหรอก!” เฉินเป่ยพูดเสียงเรียบ น้ำเสียงเย็นชาแบบที่ทำให้คนหนาวสันหลังได้เลย
“งั้นพี่ก็น่าจะบอกผมก่อนนะ ผมจะได้เตรียมตัวหน่อย จะได้ช่วยพี่ได้ด้วย” ชายหนุ่มบอก
“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?” เฉินเป่ยถาม
“อยู่ในเยี่ยนจิงนี่แหละพี่” ชายหนุ่มตอบ
เฉินเป่ยอึ้งเล็กน้อย สายตาส่อแววตกใจ เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าชายหนุ่มจะอยู่ที่เยี่ยนจิงแล้ว
“นายมาเยี่ยนจิงทำอะไร?” เฉินเป่ยถาม
“ได้ยินข่าวมา เยี่ยนจิงมีตระกูลใหญ่สบคบคิดกับองค์กรต่างประเทศ สืบมาหลายวัน ยังสืบอะไรไม่ได้เลย” ชายหนุ่มบอก
ชายหนุ่มชะงักไปหน่อย ถามต่อ “พี่ใหญ่ ตอนนี้พี่จะไปทำอะไร?”
“หลีเซ่าเทียนไม่ตาย ฉันไม่หยุดการตามฆ่าแน่” เฉินเป่ยพูดเสียงเรียบ น้ำเสียงหมายมาดมาก
ชายหนุ่มอึ้งไป “พี่ใหญ่ คิดดีๆนะ ถ้าเป็นปกติก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้พี่ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เท่าที่ผมรู้ คนใหญ่คนโตหลายคนจับตามองพี่แล้ว ลงมือเวลานี้ จะเกิดอะไรขึ้นนี่ผมไม่กล้าคิดเลยนะ!”
“ต่อให้ต้องเกิดอะไรมากแค่ไหน หลีเซ่าเทียนก็ต้องตาย!” เฉินเป่ยตอบตรงแน่วไม่เปลี่ยนใจเลย!
ผ่านไปสักครู่ ชายหนุ่มที่อึ้งก็ได้สติกลับมา “พี่ใหญ่ แค้นอะไรกันเนี่ย น้อยมากที่จะเห็นพี่เป็นแบบนี้”
“หลีเซ่าเทียนกล้าใช้ทหารป้องกันเยี่ยนจิงมาเป็นทหารส่วนตัวใช้สอย คนแบบนี้จะพาหัวเซี่ยไปสู่ทางล่มสลาย โดยเฉพาะเขายังเป็นเจ้าตระกูลน้อยของบ้านหลี ต่อไปต้องมีอำนาจมากแน่ คนแบบนี้จะปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด!” เฉินเป่ยเอ่ยปากบอก
ปลายสาย ชายหนุ่มนิ่งชะงักไปชั่วครู่ ก่อนได้สติกลับมา “พี่ใหญ่ พี่ต้องการให้ผมทำอะไร สั่งมาได้ทุกเมื่อเลย ภาพอัดกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผมทำลายทิ้งหมดแล้ว”
“ช่วยฉันสืบหน่อยว่า เขาจะไปเส้นทางไหนและเป้าหมายที่ไหน” เฉินเป่ยพูดเสียงเบา
“โอเค” หลังจากชายหนุ่มวางสาย ไม่นานก็ส่งข้อความมา ด้านบนมีที่อยู่หนึ่ง คือสนามบินนานาชาติเยี่ยนจิง
“พี่ใหญ่ หวังว่าถึงเวลาตอนช่วยพี่จัดการปัญหาจะไม่เหนื่อยมากนัก” ชายหนุ่มลงป.ล.ไว้ท้ายข้อความดังนี้ ทำให้สีหน้าเฉินเป่ยดูอบอุ่นเล็กน้อย
จากนั้น เฉินเป่ยเหยียบคันเร่งเต็มมิด เครื่องยนต์รถเปล่งเสียงดังราวสัตว์ป่า วิ่งแล่นไปไกล..
….
ภายในโรงแรม ตอนนี้ดึกมากแล้ว หลีชิงเยียนนอนพลิกไปมาบนเตียง แต่ไม่เหมือนปกติที่นอนหลับง่ายดาย ทำยังไงเธอก็นอนไม่หลับ ทุกครั้งที่เธอหลับตาลง สมองจะปรากฏภาพรอยยิ้มประชดมุมปากก่อนจากไปของเฉินเป่ยไม่ได้ และยังความอบอุ่นที่เหลือไว้ที่ริมฝีปากเธอ..
หัวใจสาวน้อยตอนนี้เต้นไม่เป็นส่ำ หลังจากงุ่นง่านบนเตียงสักพัก ก็เลยลุกขึ้นมา หยิบไวน์แดงในตู้หัวเตียง เทให้ตัวเองหนึ่งแก้ว เธอยืนพิงหน้าต่างดูวิวทิวทัศน์ด้านนอก ซึมซับแสงไฟนอกหน้าต่าง
ทันใดนั้นมือถือหลีชิงเยียนดังขึ้น เธอหยิบมากวาดตามอง เห็นเป็นข่าวอัพเดทส่งมา
หลีชิงเยียนยังไม่ทันดูละเอียด ออดประตูห้องวีไอพีของโรงแรมก็ดังขึ้นอย่างรีบด่วน!
“เกิดอะไรขึ้น?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว ตอนนี้ต่อให้เป็นเธอ ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลละ
เธอวางแก้วไวน์ลง หลีชิงเยียนเดินไปที่หน้าประตู พอเปิดประตู เห็นซูเหลยยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ดึกป่านนี้แล้ว มีเรื่องอะไรหรอ?” หลีชิงเยียนในชุดนอนสีม่วง ภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลของทางเดิน ยังคงมองเห็นทรวดทรงองค์เอวที่เพอร์เฟคจนทำให้คนอิจฉาริษยาของเธออยู่ดี
“ประธานหลี เกิดเรื่องขึ้นแล้ว” ซูเหลยเอ่ยปากเสียงขรึม น้ำเสียงร้อนรนอย่างหาได้ยากยิ่ง
“เรื่องอะไร?” หลีชิงเยียนถามอย่างแปลกใจ ดึกป่านนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นได้?
“คุณดูข่าวหรือยัง?” ซูเหลยถามขึ้น
“ยังไม่ได้ดูละเอียด..” หลีชิงเยียนก้มหน้าดูเล็กน้อย คิ้วงามเริ่มขมวดแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ เธอถามออกมาเลย “หลีเซ่าเทียนโดนลอบฆ่าหรอ?”
“ใช่ค่ะ” ซูเหลยพยักหน้า “บ้านหลีโดนใครที่ไหนไม่รู้บุกเข้าไป ได้ยินว่ามาเพื่อลอบฆ่าหลีเซ่าเทียน เพียงแต่ว่าตอนนั้นหลีเซ่าเทียนไม่อยู่บ้านหลี” ซูเหลยหยิบมือถือออกมาส่งให้หลีชิงเยียน “นี่เป็นข่าวสดข่าวแรกที่ออกมา ดูเหมือนจะมีเส้นสายพิเศษ ด้านบนยังมีภาพหนึ่ง เพียงแต่เลือนลางมาก เห็นแค่ว่ามีคนหนึ่งอยู่หน้าบ้านหลี”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ? ถ้าหลีเซ่าเทียนเป็นอะไรไป พวกเราเองก็ปลอดภัยมากขึ้นหน่อย” หลีชิงเยียนเอ่ยเสียงเรียบ เธอออกจะดีใจที่เห็นหลีเซ่าเทียนเป็นอะไรไป
ซูเหลยส่ายหัว แทรกถามขึ้นมาว่า “ประธานหลี หลังจากคุณกลับมาโรงแรม ได้ติต่อเฉินเป่ยบ้างหรือเปล่า?”
“เปล่า ติดต่อเขาทำไม..” หลีชิงเยียนยังพูดไม่ทันจบ ฉลาดเป็นกรดอย่างเธอได้สติกลับมา ถามเสียงเข้มว่า “ความหมายของคุณคือ เขาทำหรอ? เป็นไปได้ยังไง?”
“คุณดูรูปนั่นสิ ดูแล้วเหมือนเขานะ…” ซูเหลยส่งมือถือให้หลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนมองอีกที “แต่ชุดเป็นสีแดงนะ ดูไม่เหมือนเขาเลย..”
ซูเหลยส่ายหัว เธอไม่บอกหลีขิงเยียนหรอกว่า จากประสบการณ์ของเธอแล้ว สีแดงนั่นไม่มีทางเป็นสีของเสื้อผ้า แต่มันเป็นเลือด! !
“หลีเซ่าเทียนมีความแค้นกับเขามานานแล้ว และนิสัยของเขาที่ไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดินนอกจากคุณแล้ว เป็นไปได้มากว่าจะไปคิดบัญชีกับหลีเซ่าเทียน..แน่นอน ถ้าไม่ใช่เขาจะดีมาก แต่ถ้าเป็นเขา..” ซูเหลยไม่ได้พูดต่อไปแล้ว หลีชิงเยียนสีหน้าเปลี่ยนทันที เอ่ยปากตัดบททันที “ฉันจะติดต่อเขาตอนนี้เลย”
พอหลีชิงเยียนหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเฉินเป่ย แต่ยังไงก็โทรไม่ติด!
โทรติดกันสามสี่ทีก็ยังไม่ติด หลีชิงเยียนสบตากับซูเหลย ต่างรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนัก
….
รถคันหนึ่งกำลังแล่นไปด้วยความเร็วสูงท่ามกลางความมืด ในรถ สีหน้าเฉินเป่ยซีดเผือด มือที่จับพวงมาลัยกำลังสั่นเทา
มือหนึ่งของเขาจับพวงมาลัย อีกมือกดแผลไว้ พอเขาเอามือออก ก็เห็นเลือดสดไหลริน ดูน่าตกใจมาก!
ราชาหลง ยังไงก็เป็นคนคนหนึ่ง เสียเลือดมากเกินไป..เขาก็ทำอะไรไม่ได้!
ตามเวลาที่ผ่านไป เลือดเฉินเป่ยยิ่งไหลมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าเริ่มแย่ขึ้น ขนาดริมฝีปากภายใต้หน้ากากยังเริ่มซีดขาว!
ทันใดนั้น มือที่จับพวงมาลัยของเฉินเป่ยหักเลี้ยวกะทันหัน รถเลี้ยวเข้าไปอีกทิศทางหนึ่ง…