สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 550
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 550 คิดฝันเกินตัว!
กลางดึก เยี่ยนจิง
พื้นที่หรูหรามีคฤหาสน์ใหญ่ประมาณสี่ร้อยตารางเมตรหลังหนึ่งของเยี่ยนจิง อยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าcbdของเยี่ยนจิง เห็นได้ชัดเลยว่าฐานะและความรวยของเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ไม่มีใครเทียบเขาได้เลยในเยี่ยนจิงนี้
ภายในคฤหาสน์หรูนี่ ช่วงนี้มีแค่ไม่กี่ห้องที่เปิดแสงไฟ พวกนั้นมักเป็นห้องของการ์ดและแม่บ้านทั้งนั้น
“น่าเบื่อจริงๆ นอนก็นอนไม่หลับ” ในห้องหนึ่งบนชั้นสามของคฤหาสน์ คุณหนูของคฤหาสน์ที่บอบบางแน่งน้อยกำลังนอนเล่นบนเตียง และพลิกขาคู่ยาวขาวไปมาอย่างเบื่อหน่าย สีหน้าเธอเบื่อสุดๆ
“คุณหนูคะ ดึกมากแล้ว ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว คุณหนูควรดื่มนมนอนแล้วนะคะ” ด้านนอกห้อง ก็มีเสียงของแม่บ้านดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
“ไม่เอา ฉันนอนไม่หลับ ชีวิตกลางคืนน่าสนุกจะตาย!” คุณหนูดูจะมีอารมณ์เจ้าหญิงพอดู ผุดลุกขึ้นนั่งฉับพลัน ตะโกนออกไปด้านนอก
“คุณหนู คุณตะโกนแบบนี้ จะรบกวนคุณท่านพักผ่อนได้นะคะ” แม่บ้านด้านนอกรีบกดเสียงต่ำพูดออกมาอย่างร้อนรน
หวาหย่าหรุ่ยแค่นเสียงฮึ ก่อนลุกขึ้นเดินไปที่ประตู เปิดมันออก พูดกับแม่บ้านที่ยืนถือแก้วนมร้อนอยู่ตรงนั้นว่า “ฉันไม่ดื่มนม ฉันจะออกไปเที่ยว”
แม่บ้านพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยสีหน้าลำบากใจ “คุณหนู ดึกป่านนี้แล้ว ด้านนอกจะมีอะไรให้เที่ยวกันล่ะคะ”
“ฉันไม่สน ฉันนอนไม่หลับ ฉันยังตื่นตัวอยู่เลย โทษใครได้ล่ะ” หวาหย่าหรุ่ยพูด
ในระหว่างที่หวาหย่าหรุ่ยคุยกับแม่บ้านอยู่ ทันใดนั้น ด้านหลังหวาหย่าหรุ่ย หน้าต่างบานหนึ่งจู่ๆก็โดนเปิดออก..ร่างดำหนึ่งร่างผลุดเข้ามาราวสายฟ้าแลบ และพลิกตัวความเร็วชนิดสายฟ้ายังทาบไม่ติดเข้ามาในห้อง
“เอ๋…” แม่บ้านรู้สึกเหมือนตาลาย คลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นร่างดำ มองชะโงกเข้าไปในห้องอย่างแปลกใจ พลางถามว่า “คุณหนูคะ เมื่อกี้ดิฉันเหมือนเห็นร่างดำร่างหนึ่ง…ในห้องคุณมีคนอื่นอยู่ด้วยหรอคะ?”
“ดึกป่านนี้ ฉันจะให้คนอื่นมาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง” หวาหย่าหรุ่ยปฏิเสธเสียงเข้ม เหมือนเธอจะเริ่มไม่พอใจแม่บ้านขึ้นมาบ้างแล้ว
แม่บ้านเห็นอย่างนั้น รีบขอตัวถอยออกมาและปิดประตูห้องให้อย่างหัวไว
หลังจากแม่บ้านปิดประตู หวาหย่าหรุ่ยพึ่งหมุนตัวกลัว เงาร่างนั้นก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าเธอ และจับเธอล็อคติดผนัง ใช้มือปิดปากเธอเอาไว้
“อย่าส่งเสียง” เสียงแหบพร่าของเขาลอยเข้าหูหวาหย่าหรุ่ย ทำให้เธอชะงักกึก หัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
“แกเป็นใคร?” หวาหย่าหรุ่ยมองคนนั้นด้วยสีหน้าซีดเผือดระคนหวาดกลัว
“แกต้องการอะไร ฉันมีเงิน ฉันให้พ่อฉันให้แกได้” ปากหวาหย่าหรุ่ยโดนปิดไว้ เลยพูดอุบอิบไม่ชัดเจน
“ผมเอง” เงาร่างนั้นหันหน้ามา แสงไฟกระทบหน้าเขา หวาหย่าหรุ่ยถึงเห็นชัดว่าเป็นใคร สีหน้าเธอแปรเปลี่ยนทันที
“นายหรอ?” หวาหย่าหรุ่ยทั้งตกใจและแปลกใจ เธอคิดไม่ถึงว่า ดึกป่านนี้แล้ว ผู้ชายที่แอบเข้าห้องเธอกลับเป็นเฉินเป่ย
“คุณอา ดึกป่านนี้แล้ว…” หวาหย่าหรุ่ยยังพูดไม่ทันจบ ก็ขมวดคิ้วฟุดฟิดที่จมูก กลิ่นคาวเลือดแรงกล้าเข้าจมูกเธอทันที ทำให้เธออดก้มหน้าลงไม่ได้ และคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเฉินเป่ย ดึงมันออกมา “อ๊า!” พอหวาหย่าหรุ่ยเห็นเลือดสดของเฉินเป่ย เธอตกใจจนเผลอร้องออกมา พลางถอยหลังไปหลายก้าว ถึงจะประคองตัวเองไว้ได้
“อย่าร้อง? ชื้อ!” เฉินเป่ยทำมือจุ๊ปากใส่หวาหย่าหรุ่ยด้วยสีหน้าซีดเผือด หวาหย่าหรุ่ยถึงรีบปิดปากตัวเองไว้
“คุณหนู ทำไมหรอคะ?” เร็วมาก ด้านนอกก็มีเสียงแม่บ้านแทรกเข้ามา
หวาหย่าหรุ่ยควบคุมสติได้เสร็จ รีบตะโกนไปที่ประตูว่า “ไม่มีอะไร แค่หนอนตัวหนึ่งเท่านั้น”
หวาหย่าหรุ่ยพูดจบ เฉินเป่ยที่สีหน้าซีดขาวก็แค่นเสียงต่ำ ยืนพิงเพดานอย่างหมดแรง ก่อนจะล้มลงนอนกับพื้น
“คุณอา…เป็นอะไรน่ะ?” หวาหย่าหรุ่ยมองไปที่เฉินเป่ยด้วยสายตาหวาดหวั่น เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเฉินเป่ยไปเจออะไรมา
เฉินเป่ยมือกุมบาดแผลไว้ น้ำเสียงแสบพร่า “มีกล่องพยาบาลไหม ขอผมหน่อย”
“มี มี” ระหว่างตกใจ หวาหย่าหรุ่ยใช้ความใจเย็นที่มีเหลือเพียงน้อยนิดควานหากล่องพยาบาล และหยิบมันออกมาวางไว้ตรงหน้าเฉินเป่ย
เฉินเป่ยกัดฟัน ทนพิษบาดแผลและความอ่อนล้าที่เสียเลือดมาก ค่อยๆพยุงตัวขึ้นมา มือหนึ่งเปิดกล่องออก เตรียมปฐมพยาบาลให้ตัวเอง
วิ่งมาหลบในห้องหวาหย่าหรุ่ยนี่เป็นการผิดแผนของเขา ทั่วทั้งเยี่ยนจิง คนที่ต้องการชีวิตเขามีมากเกินไป หลังจากเขากลับมายังหัวเซี่ย แทบจะเรียกได้ว่าแยกมิตรศัตรูไม่ออก หลังจากเขาได้รับบาดเจ็บ เยี่ยนจิงต้องไล่ล่าตามหาเขาทั่วทุกโรงพยาบาลแน่ เขาทำได้แค่มาบ้านหวาหย่าหรุ่ยที่อยู่ใกล้ที่สุด
“คุณอา เป็นอะไรหรอ?” หวาหย่าหรุ่ยเงยหน้าขึ้น ดึงมือเฉินเป่ยที่กุมบาดแผลออกอย่างระมัดระวัง และเห็นรูเลือดเข้าอย่างชัดเจน
หวาหย่าหรุ่ยสูดหายใจสะท้านเยือกในอก..มันไม่ใช่บาดแผลธรรมดาแน่!
“ฉันทำเองละกัน” หวาหย่าหรุ่ยเห็นเฉินเป่ยจัดการแผลตัวเองอย่างยากลำบาก เลยหยิบผ้าพันแผลออกจากกล่องพยาบาล เตรียมตัวพันแผลให้เขา
“เธอทำเป็นหรอ?” เฉินเป่ยมองหวาหย่าหรุ่ยหนึ่งที มีแววคลางแคลงใจในสีหน้า
“เมื่อก่อนฉันเคยเรียนปฐมพยาบาลเฉพาะทางมา เพียงแต่ว่าต่อมาพ่อฉันไม่ยอมให้ฉันเป็นหมอ” หวาหย่าหรุ่ยอธิบายอย่างอ่อนโยน
เฉินเป่ยเลิกคิ้วน้อยๆ เขาเห็นสองมือของหวาหย่าหรุ่ยจัดการบาดแผลเขาอย่างคล่องแคล่วอ่อนโยน ท่าทีเย็นชาประดุจน้ำแข็งขั้วโลกค่อยๆสงบลง กลายเป็นอ่อนโยนขึ้น
“นายเป็นอะไรกันแน่?” หวาหย่าหรุ่ยทำแผลให้เฉินเป่ยไปพลาง ถามเสียงอ่อนโยนไปพลาง
ตอนเธอพูด เธอพยายามข่มกลั้นการสั่นเทาของเสียงเอาไว้ ครั้งแรกที่เห็นแผลแบบนี้ เธอตะลึงสุดๆจริงๆ จนถึงตอนนี้ยังสงบลงไม่ได้เลย
นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เธอรู้แล้วจะไม่ดีกับตัวเธอเอา” เฉินเป่ยยิ้มบางๆ
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นายเองก็เจ็บจนเป็นแบบนี้ ยังไม่ยอมบอกฉันอีกหรอว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!” หวาหย่าหรุ่ยเริ่มมีน้ำโห
“นายวิ่งมาบ้านฉัน ให้ฉันทำแผลให้ แต่นายกลับไม่ยอมบอกว่าใครทำร้ายนาย นายกลัวอะไรกันแน่?!”
เฉินเป่ยมองหวาหย่าหรุ่ย หัวเราะพลางส่ายหน้า เขาไม่สามารถบอกหวาหย่าหรุ่ยได้อยู่แล้วว่า ศัตรูของเขาคือหลีเซ่าเทียน คือบ้านหลี มันเป็นอะไรที่คนทั่วทั้งบ้านฮวาไม่สามารถขัดขืนได้..เขาไม่อยากดึงหวาหย่าหรุ่ยมาร่วมด้วย และทำให้เธอกับบ้านหวาลำบาก…
“ไม่บอกเธอก็เป็นการปกป้องเธออย่างหนึ่ง” เฉินเป่ยพูดเสียงเรียบ
หวาหย่าหรุ่ยจ้องเฉินเป่ยเขม็งอยู่หลายวินาที เหมือนกับโมโหแล้ว เธอลุกขึ้นพลางว่า “ทำแผลเสร็จแล้ว รีบไปสิ”
เฉินเป่ยก้มหน้ามอง เห็นบาดแผลของตัวเองได้รับการจัดการอย่างเพอร์เฟคส์ ทั้งแน่นหนาแต่ระบายอากาศ เขาลุกขึ้นมองหวาหย่าหรุ่ย ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ทันใดนั้น จู่ๆเฉินเป่ยก็พูดออกมา “ถ้าพรุ่งนี้เธอได้ยินข่าวการตายของฉัน อย่าบอกใครเด็ดขาดว่าคืนนี้ฉันแวะมา ไม่งั้นจะทำบ้านเธอเดือดร้อนกันหมด”
เฉินเป่ยพูดเสียงอ่อน สีหน้าเขามุ่งมั่นมาก เพราะเขาไม่เพียงจะคิดบัญชีให้เด็ดขาดกับหลีเซ่าเทียน ยังจะส่งสัญญาณอย่างหนึ่งให้หัวเซี่ยด้วย1
ราชาหลง กลับมาแล้ว!
ราชาหลง จะมาฉุดดึงพายุไต้ฝุ่นโหมกระหน่ำที่หัวเซี่ยอีกครั้ง!
ครั้งก่อนที่เฉินเป่ยหนีตายไปเร่ร่อนที่เมืองนอก จนมีชื่อเสียงเป็นราชาหลง..ครั้งนี้เขายังคงไม่รู้เป็นตาย! เพราะสิ่งที่เขาต้องเผชิญคือประเทศใหญ่มากประเทศหนึ่ง!
“นายจะทำอะไรกันแน่ อย่าหาเรื่องไปตายสิ!” หวาหย่าหรุ่ยได้สติกลับมา รีบหมุนตัวกลับมา มองไปที่เฉินเป่ย เธอไม่รู้ว่าเฉินเป่ยจะไปทำอะไร แต่เธอมีลางสังหรณ์ไม่ดีนัก!
ในตอนที่หวาหย่าหรุ่ยหมุนตัวกลับมา จู่ๆเฉินเป่ยยื่นมืออกมาดึงหวาหย่าหรุ่ยเข้าอ้อมกอด และกดเธอไว้กับกำแพงอย่างแรง!
“อุ๊…” หวาหย่าหรุ่ยเบิกตากว้าง ตอนเธอกำลังจะอ้าปากพูด แต่ปากเธอกลับโดนเฉินเป่ยจูบปิดไว้ และโดนเขาล่วงล้ำหาความหวานอย่างไม่กลัวเกรง—
หวาหย่าหรุ่ยดวงตาเบิกกว้างแทบถลนออกมา เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าเวลานี้เฉินเป่ยจะบังคับจูบเธอ เธอค่อยๆตัวแข็งเกร็งขึ้น…
จนผ่านไปนานมาก ร่างของหวาหย่าหรุ่ยถึงอ่อนยวบลง สีหน้าแดงก่ำ เหมือนดื่มเหล้าเมามา
เฉินเป่ยถอนจูบออกจากหวาหย่าหรุ่ย หวาหย่าหรุ่ยมองเฉินเป่ยอย่างอาลัยอาวรณ์ เป็นห่วงเขาอย่างมากมาย เธอทำได้แค่พูดเสียงเบาว่า “ระวังตัวด้วย ต้องรอดกลับมานะ”
“ได้ ฉันรับปากเธอ” เฉินเป่ยยิ้มมุมปาก ยิ้มมองปากบางของหวาหย่าหรุ่ยอย่างมีเลศนัย
“คุณอาบ้า..” หวาหย่าหรุ่ยรู้สึกได้ถึงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเฉินเป่ย เธอก้มหน้าแดงก่ำลงพลางด่าออกมา
และในตอนที่เธอเงยหน้าขึ้น เฉินเป่ยก็หายออกไปจากห้องแล้ว
หวาหย่าหรุ่ยวิ่งมาที่หน้าต่าง มองไปนอกหน้าต่าง แสงจันทร์ทอแสง เงาดำร่างหนึ่งพุ่งไปที่รถสปอร์ตที่ห่างไกล ด้วยความเร็วที่พอมองเห็นด้วยตาเปล่า ยังต้องบอกว่าเป็นความเร็วที่น่ากลัวมาก!
มุมปากหวาหย่าหรุ่ยยกขึ้น และเริ่มห่วงเฉินเป่ยน้อยลง…