สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 576
บทที่ 576 ไม่ได้
“ไม่ได้!” หลีชิงเยียนร้อนรนขึ้นมาทันที นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะเห็นเลย!
หยูนหลิงเซียวยังคงสายตาเย็นชา ตะคอกเสียงเย็นว่า “ดีมาก เดิมคิดว่าจะเหลือศพเต็มๆไว้ให้พวกแก…ตอนนี้ดูแล้ว คงไม่จำเป็นแล้วล่ะ” น้ำเสียงหยูนหลิงเซียวเย็นมาก เย็นถึงขีดสุด! สีหน้าเขาในวินาทีนี้เปลี่ยนหลายแบบมาก เปลี่ยนจนดูแย่มาก!
“ปั้ง—!” เสียงกระสุนนัดหนึ่งดังขึ้น! ! ลูกกระสุนลูกหนึ่งหลุดจากปากกระบอกปืนรุ่น92ไป! มันแล่นผ่านข้างหูเฉินเป่ยไป เสียงสนั่นแสบแก้วหูมาก! !
ลูกกระสุนพุ่งเข้าชนกำแพงด้านหลัง และที่ปากกระบอกปืนของหยูนหลิงเซียวก็มีควันเล็กน้อยออกมา!
คนไม่กี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ นอกจากเฉินเป่ยแล้ว ต่างตะลึงกับเสียงปืนนัดนี้ของหยูนหลิงเซียวกันทั้งนั้น! ! หลีชิงเยี่ยนและซูเหลยต่างไม่คิดเลยว่า…หยูนหลิงเซียวนี่กล้ายิงปืนจริงๆ? ! ที่นี่คือหัวเซี่ยนะ! นี่เป็นบ้านเมืองมีขื่อมีแปนะ! มันกล้ายิงจริงๆ? !
แถมที่นี่มีกล้องวงจรปิดเต็มไปหมด ถ้าภาพที่หยูนหลิงเซียวเหนี่ยวไกปืนโดนเก็บไว้ได้ คงต้องสะท้านไปทั่วเยี่ยนจิงแน่!
นอกจากเฉินเป่ยแล้ว คนอื่นในที่นั้นไม่มีใครรู้ฐานะที่แท้จริงของหยูนหลิงเซียวกันเลย… เขาไม่เพียงเป็นหัวหน้าแก๊งเทพมาร เบื้องหลังของเขาก็คือจิง! เรื่องสกปรกที่ก่อปัญหามากมายให้กับจิง ก็มีแต่ไหว้วานแก๊งเทพมารให้ไปทำทั้งนั้นแหละ…
ครั้งนี้จิงประกาศหมายจับในเว็บมืด เขาก็รับมาเลย
ความหมายของจิงชัดมาก ขอเพียงทำให้ราชาหลงหายไปจากเยี่ยนจิง ไม่ว่าผลตอบแทนหนักหนาไหนเขาก็จัดการได้หมด
ประกาศจับอันนั่นไม่เพียงประกาศจับเฉินเป่ย ยังหมายถึงอำนาจโลกใต้ดินมากมาย แถมยังอาศัยโอกาสนี้สานสัมพันธ์กับจิงได้ด้วย! ดังนั้นเลยมีอำนาจของแก๊งอย่างทุกวันนี้ ต่อให้รู้ถึงชื่อเสียงใหญ่โตของราชาหลง ก็ยังเลือกที่จะบ้าคลั่ง
วินาทีนี้ ฐานะของหยูนหลิงเซียวไม่ได้เป็นแค่หัวหน้าแก๊งเทพมารเท่านั้นแล้ว ฐานะของเขาดูลึกลับขึ้นมาเลย
หรือแม้กระทั่ง แค่คำว่า “หยูนหลิงเซียว” สามคำนี้ก็จะชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วหัวเซี่ย! เพราะฉะนั้นวันนี้หยูนหลิงเซียวถึงเลือกที่จะยิงปืน!
กระสุนลูกนั้นแล่นเฉียดหูเฉินเป่ยไป ไม่มีบาดแผลใดๆ มีแต่เสียงลมที่สะท้อนจากอากาศโดนตัดผ่านอย่างรุนแรงเท่านั้น! มันยิ่งแสดงถึงความน่ากลัวของหยูนหลิงเซียวมากขึ้นไปอีก! ฝีมือการยิงปืนของเขา…แทบจะเรียกว่าระดับเทพเลย! ยิงแค่นี้ ก็เป็นการบอกราชาหลงว่า ถ้าเขาอยากให้ราชาหลงตาย ได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว!
เพียงแต่ว่า ในฐานะหัวหน้าแก๊งเทพมาร เขาต้องให้ราชาหลงตายอย่างยอมรับความพ่ายแพ้จริงๆ!
“ถ้าไม่หลีกไป นัดต่อไปจะเข้าที่ร่างแก!” น้ำเสียงหยูนหลิงเซียวเย็นเยียบสุดๆ!
“ไม่มีทาง!” น้ำเสียงซูเหลยเย็นชามาก ไม่คิดหลีกทางสักนิด!
หยูนหลิงเซียวมือถืออาวุธ สีหน้าถมึงทึงเพราะความโกรธ!
“พวกนายสู้กันตามสบาย ชิงเยียน ยืนดูอยู่ที่นี่เหนื่อยแล้วล่ะสิ เข้าไปพักผ่อนเถอะ” เฉินเป่ยหันมองหลีชิงเยียน พลางยิ้มน้อยๆ
ชิ้ง! บรรยากาศดูจะชะงักไปอึดใจ! !
ประธานหญิงตะลึง..นี่มันอะไรกัน?
มือที่ถืออาวุธของหยูนหลิงเซียวชะงักกึก สายตาเย็นเยือกราวป่าดิบชื้นหายวับไปในพริบตา เขาตะลึงมองราชาหลงตรงหน้า ที่กำลังโอบเอวผู้หญิงสวยคนนั้นเข้าไปในเครื่องบินส่วนตัว..
สายตาเฉินเป่ยมองหยูนหลิงเซียวอย่างสงบ และก็โอบเอวหลีชิงเยียนอย่างสนิทชิดเชื้อหายเข้าไปในเครื่องบินส่วนตัว..
เขาเมินเฉยหยูนหลิงเซียวที่อยู่ด้านหลังอย่างสิ้นเชิง! แต่มีเพียงมีดหลงหยาในมือที่เขาจับไว้มั่นในกระเป๋ากางเกงด้านขวาเท่านั้นที่เตือนว่า ถึงสีหน้าเฉินเป่ยจะดูสงบนิ่ง แต่ความระวังในใจกลับพุ่งถึงขีดสุด!
ด้านหลัง หยูนหลิงเซียวยืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวรูปสลัก สายตาคมเข้มเปลี่ยนไม่หยุด เขายกอาวุธในมือขึ้นช้าๆ…แต่ลังเลอยู่หลายวินาที…แล้วก็วางกลับลงไป…เพราะในตอนนี้ใจของเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน! เขามองตามแผ่นหลังราชาหลงที่เดินจากไป…และหันมามองซูเหลยที่ยืนอยู่ด้านข้าง…หยูนหลิงเซียวโกรธระเบิดทันที!
เขายกมือขึ้นมายิงปืนรัวๆ!
“ปั้งปั้งปั้งปั้ง—!” ลูกกระสุนถูกสาดออกมานับไม่ถ้วน!
เสียงยิงปืนสนั่นหวั่นไหวทำให้ซูเหลยใจกระตุก! นานแล้วที่ไม่ได้เจอปืนรุ่น92…นี่มันอาวุธปืนที่แท้จริง!
หลังจากเฉินเป่ยส่งหลีชิงเยียนเข้าห้องพักผ่อนของเครื่องบินส่วนตัวไปเสร็จ เขาล็อคประตูห้องพักผ่อน จากนั้นกดปุ่มสีแดงให้ประตูเครื่องปิดลง ก่อนที่ประตูจะปิดลง เขาหันไปมองแผ่นหลังหลีชิงเยียนที่ยังไม่รู้ตัวอีกครั้ง…
หลีชิงเยียนนั่งลงบนโซฟาในห้องพักผ่อน ยังไม่ทันรู้ตัว…จู่ๆเธอรู้สึกอะไรได้ เลยลุกขึ้นมองไปทางหน้าต่างกระจกของเครื่องบิน!
แต่เธอไม่เห็นอะไรเลย หน้าต่างกระจกปิดลง มืดสนิท!
“นี่ เปิดประตูนะ!” หลีชิงเยียนกระแทกรองเท้าส้นสูงวิ่งไปที่ประตู พยายามจะเปิดประตู แต่พบว่าโดนล็อคจากด้านนอก
“เจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไรอีกเนี่ย! สีหน้าสวยงามของหลีชิงเยียนเผยแววเย็นชาขึ้นมา เธอพึ่งเคยโดนขังเป็นครั้งแรก!
ด้านนอกเครื่องบิน หยูนหลิงเซียวขยับไกปืน เล็งไปที่คิ้วซูเหลย
ซูเหลยคิ้วขมวดแน่น กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ในใจรู้สึกถึงอันตรายแรงกล้า เธอจ้องมือปืนรุ่น92ในมือหยูนหลิงเซียวเขม็ง และเตรียมพร้อมหลบหลีกการโจมตีนั่นทุกเมื่อ
ในตอนนี้เอง เสียงถอนหายใจดังมาจากหน้าประตูเครื่องบิน หยูนหลิงเซียวใจกระตุกวูบ ยกมือขึ้นทันควัน! เล็งปากประบอกปืนไปที่หว่างคิ้วของเฉินเป่ยที่ยืนอยู่ปากทางเข้าเครื่องบินส่วนตัว!
เฉินเป่ยไม่แยแส ยิ้มเย็นชาให้เขา มองทางซูเหลยพลางพยักหน้าว่า “ทำได้ไม่เลวเลย”
ซูเหลยได้รับคำชมก็ทำเธออึ้งเล็กน้อย คล้ายกับว่าเธอเองไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำชมจากราชาหลง
หยูนหลิงเซียวยืนอยู่ที่เดิมนิ่งๆ ในมือกำปืนรุ่น92แน่น…แรงจากมือทำปืนบิดเบี้ยว…เปลี่ยนรูปร่าง! เห็นได้ทันทีว่าเขาโกรธมากแค่ไหนในเวลานี้!
“พรืด!” หยูนหลิงเซียวทนไม่ไหว กระอักเลือดอกมาคำโต!
“เธอเข้าไปก่อนเถอะ ที่นี่ฉันจัดการเอง” เฉินเป่ยพูดออกมาเนิบๆด้วยสีหน้าเรียบสงบ
“ได้” ซูเหลยลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า หมุนตัวเดินเข้าไปในเครื่องบินส่วนตัว
“พวกแก…” ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ หยูนหลิงเซียวโกรธจนตัวสั่น เขามีหรือจะฟังความหมายที่ซ่อนอยู่ไม่ออก…คำว่าจัดการที่เฉินเป่ยใช้ บวกกับสีหน้าเรียบเฉย คล้ายกับว่าตัวเขาก็แค่ขยะเท่านั้นเอง!
ทันใดนั้นหยูนหลิงเซียวกำปืนแน่น ตะคอกดังว่า “ราชาหลง..ตาย…ซะ!”
ทันใดนั้น ปากเขาพึมพำ รังสีอำมหิตกำจาย!
“ชิ้ง!” วินาทีต่อมา ร่างเขาพุ่งเข้าไปหาเฉินเป่ยอย่างรวดเร็ว!
เสียงตัดผ่านอากาศดังชิ้ง! รังสีอำมหิตสะท้านเยือก!
ในเวลาเดียวกัน เฉินเป่ยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย และพุ่งไปทางหยูนหลิงเซียวเหมือนกัน!
ร่างเฉินเป่ยพุ่งตัดผ่านอากาศ เข้าไปหาหยูนหลิงเซียวด้วยความเร็วสูง!
“ตาย!” เฉินเป่ยตะคอกออกมา ใบหน้าเสียดสีกับอากาศไม่หยุด ดูเย็นชาราวปีศาจร้าย! ตามการตะคอกของเขา มีดสั้นในมือหลุดออกจากฝัก! ประกายคมตัดผ่านอากาศ ตัดผ่านด้านล่างอย่างรวดเร็ว! อากาศว่างเปล่าคล้ายกับโดนประกายคมปลาบนี่ตัดออกเป็นสองท่อน บรรยากาศบิดเบี้ยวทันที!
ด้านล่าง หยูนหลิงเซียวตากระตุก ในความมืด เงาร่างพุ่งตัดมาหา…เขายังไม่ทันตั้งตัว เลยยกปืนรุ่น92ขึ้นสกัดกั้น!
“แกร๊ง…. !”
ร่างหยูนหลิงเซียวถอยไปด้านหลังหลายก้าว เขามองปืนรุ่น92ในมืออย่างตะลึง…เพราะมันมีรอยมีดขึ้นจางๆ!
“เอาอีก!”
วินาทีนี้แรงกดดันจากเฉินเป่ยมากกว่าซูเหลยหลายเท่านัก ทำให้ยามหยูนหลิงเซียวเงยหน้าขึ้น แววตาทั้งคู่ถูกความอยากเอาชนะเข้าครอบงำ!
หยูนหลิงเซียวควักดาบยาวจากฝักที่อยู่ด้านหลังออกมาอย่างแรง ฟาดฟันไปที่เฉินเป่ย!
ดาบยาวออกจากฝัก ประกายคมสะท้อนในอากาศ แฝงซ่อนประกายคมแรงกล้า!
สีหน้าเฉินเป่ยเย็นชา และขยับมีดหลงหยาในมือทันที!
“แกร๊ง!”
ดาบยาวคมในมือหยูนหลิงเซียวโดนตัดออกเป็นสองท่อน! ดาบหัก!
ร่างหยูนหลิงเซียวถลาไปราวกับลูกกระสุนที่ขาดการควบคุม เขาลอยกระเด็นออกไปสิบกว่าเมตร ก่อนจะล้มกระแทกกับพื้นอย่างแรง!
“พรืด!” เขากระอักเลือดออกมาคำโต!
หยูนหลิงเซียวจ้องมองดาบยาวในมือตนที่หักอย่างตะลึง…ดาบยาวเล่มนี้…ทำจากมือปรมาจารย์ทำดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในเยี่ยนจิง แข็งแกร่งไร้เทียมทาน! แต่ตอนนี้กลับ…โดนคนหักออกเป็นสองท่อน? !
ความมืดคืบคลาน เฉินเป่ยสายตาเย็นชาจัด มีดหลงหยาในมือเขาสะบัดไปทางหยูนหลิงเซียวอย่างเย็นชา…
หยูนหลิงเซียวร่างกระตุก เขาลุกขึ้นอย่างสั่นเทา คิดจะโต้ตอบ…
ทันใดนั้น ร่างเฉินเป่ยที่อยู่ห่างไกลพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ!
หยูนหลิงเซียวเบิกตากว้าง เขาไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ เฉินเป่ยก็หายตัวมาถึงหน้าเขาแล้ว!
“แกร๊ง!” เสียงอาวุธปะทะกันอย่างแรง!
ร่างหยูนหลิงเซียวโดนปะทะกระเด็นออกไปอีกครั้ง! เขาลอยไปกระแทกกับเครื่องบินลำหนึ่งด้านหลังอย่างแรง เครื่องบินนั่นบิดเบี้ยวทันที!
“อาศัยว่ามีมันเป็นแบ็คให้แก เลยจะมาเอาชีวิตฉัน หยูนหลิงเซียว..แกนี่ไม่ดูตัวเองเลยนะ” น้ำเสียงเฉินเป่ยลอยมาราวกับปีศาจร้าย เขาถือมีดในมือ เดินเนิบนาบเข้ามา ดุจราวกับภูตวิญญาณ…ท่ามกลางความมืด!
“ฉันมีสัญญากับจิง ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน แกจะรับผลทีหลังไม่ไหวแน่!” หยูนหลิงเซียวกระอักเลือดคำโต
“เหอะ…จงรักภักดี? ช่างเป็นหมาที่จงรักภักดีซะจริงนะ…” น้ำเสียงเฉินเป่ยเย็นชา และยังแฝงแววประชดอย่างแรงกล้า!
“ราชาหลง…แกสู้พวกเราไม่ได้หรอก!” หยูนหลิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา พยายามจะลุกขึ้น เขาในตอนนี้ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด ดูน่าอนาถนัก
“อำนาจของท่านจิงน่ะแกคิดไม่ถึงหอรก แกต้องแพ้แน่!” หยูนหลิงเซียวพูดเสียงสั่นเทา แต่กลับแฝงด้วยความมั่นใจอย่างแรงกล้า!
เฉินเป่ยเดินย่างก้าวเข้ามาทีละก้าว เขาแค่นยิ้มมุมปาก…วินาทีนี้เขาเหมือนได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก!
“ฉันเคยเอาชนะมันเมื่อนานมาแล้ว ถ้าไม่เห็นแก่ว่ามันทำประโยชน์เพื่อเมืองนี้มามาก ถึงยอมปล่อยมันสักครั้ง ตอนนี้…มันกลับกล้าโอหังกับฉัน!” ร่างเฉินเป่ยแวบเข้ามาอย่างเร็ว พุ่งเข้ามาฟาดฟันหยูนหลิงเซียวอย่างว่องไว! มีดยาวฟาดฟัน รัศมีมีดสะท้านเยือก!
“ฉันจะดูสิว่า แกจะจงรักยังไง!” เฉินเป่ยตะคอกแฝงความประชด! ดาบยาวฟาดฟันอย่างเร็ว!
หยูนหลิงเซียวสีหน้าซีดเผือด เขาใช้แรงทั้งหมดลุกขึ้นอย่างเร็ว และเอนตัวหลบการโจมตี!
“แกร๊ง… !” เสียงอาวุธปะทะกันดังขึ้น! ดาบยาวของเฉินเป่ยฟาดฟันลงมาที่ร่างหยูนหลิงเซียว…อย่างรวดเร็ว! รัศมีดาบที่น่ากลัวแทบทำร่างนั้นขาดสองท่อน!
ดาบนี้…หลบทัน!
หยูนหลิงเซียวถอยหนีอย่างเร็ว ในเวลานี้เองเขาสั่นเทาน่าอนาถถึงขีดสุด!
“จะไปไหน!” เฉินเป่ยแวบร่างตามติด!
ประกายคมปลาบสะท้านออกจากฝักราวกับมังกรดำผงาดกลางฟ้า!
“แกร๊งแกร๊งแกร๊ง!” ดาบเข้าฟาดฟันกับดาบหักในมือหยูนหลิงเซียว ประกายไฟเสียดสีกันระหว่างความมืดมิด!
ร่างของหยูนหลิงเซียวไม่สามารถรับได้เลย เขาถอยไม่หยุด…พื้นใต้ฝ่าเท้าเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ เลือดในปากเขาทะลักออกมา!
“เบิกตาหมาๆของแกให้กว้างๆซะ…ใครกันแน่ที่เป็นมังกร? !” เฉินเป่ยสีหน้ามาดร้าย ประกายคมแล่นปลาบ เร็วปานสายฟ้าแลบ! ประหนึ่งมังกรตัวหนึ่งแหวกว่ายอยู่ในความมืด! เราคือราชาหลง เขาต่างหากที่เป็นมังกร!
“พรืด!” มีดหลงหยาแสนคมฟันเข้าไปที่ท้องหยูนหลิงเซียวอย่างจัง เล่นแทงทะลุท้องเขาไปเลย แทงทะลุเข้ามาจากด้านหลัง!
“อึก…” สีหน้าหยูนหลิงเซียวกระตุกแรง เลือดสดไหลทะลักจากท้องออกมา!
สายตาเฉินเป่ยทอแสงเข้ม ประหนึ่งปีศาจร้ายจับจ้องมองหยูนหลิงเซียว!
“ตอนนี้ รู้ว่าใครคือมังกรแล้วหรือยัง?” น้ำเสียงเขาเย็นเยือกประหนึ่งป่าดิบชื้นลึก สะท้อนในความมืด
หยูนหลิงเซียวกระตุก ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วท้อง..อวัยวะภายในของเขา…โดนมีดนี้ตัดขาด เขาในตอนนี้เข้าโหมดอันตรายสุดๆ!
……..
ครึ่งชม.ต่อมา หลีชิงเยียนลุกขึ้นมาจากโซฟาอย่างร้อนใจ เธอเดินไปมาในห้องพักผ่อน เห็นได้ชัดว่าร้อนใจ
“นี่ มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?” หลีชิงเยียนหันไปมองซูเหลย
“ฉันก็ไม่รู้” ซูเหลยที่อยู่นอกประตูส่ายหัว
“หมอนี่ คิดจัดการเองโดยพลการ รอเขากลับมา ฉันไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆแน่”
หลีชิงเยียนพึ่งพูดจบ ทันใดนั้น ประตูห้องพักผ่อนเปิดออก เฉินเป่ยกับซูเหลยโผล่ต่อหน้าสายตาเธอ
“นี่!”
ประธานสาวโกรธมาก พุ่งเข้าไปจับเสื้อเขาแน่น ถามเสียงเย็นว่า “นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชิงเยียน นั่งลงเถอะ เตรียมขึ้นบินแล้วล่ะ” เฉินเป่ยพูดเสียงอ่อน สายตาที่มองหลีชิงเยียนเต็มไปด้วยความรักและอ่อนโยน
ส่วนหลีชิงเยียนกลับขมวดคิ้วแน่ ยิ่งเฉินเป่ยเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้น
“ปล่อยนะ ฉันจะออกไป!” หลีชิงเยียนเดินไปทางหน้าประตูทางเข้า
ทันใดนั้น เครื่องบินขึ้นบินแล้ว หลีชิงเยียนยืนไม่อยู่ เสียหลังตกลงไปในอ้อมกอดเฉินเป่ย
เฉินเป่ยรับไว้ทัน พูดเบาๆว่า “เครื่องขึ้นบินแล้ว ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีก รีบจากไปจะดีกว่า”
หลีชิงเยียนพยายามใช้แรงสุดขีดหนีจากอ้อมกอดเฉินเป่ย เธอหมุนตางามที่วาวโรจน์ด้วยความโกรธจ้องมองเฉินเป่ย ถามคาดคั้นว่า “นายคิดจะทำอะไรกันแน่!”
“ไม่ได้ทำอะไรนี่ แค่คุยกับเขา และให้เขาจากไปก็เท่านั้น” เฉินเป่ยอธิบายด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หลีชิงเยียนแค่นเสียงเย็น มองเฉินเป่ยด้วยหางตา ถามกลับว่า “นายคิดว่าข้ออ้างที่เด็กยังไม่เชื่อนี่ ฉันจะเชื่องั้นหรอ?”
เฉินเป่ยคิดจะพูดอะไรอีก ทันใดนั้นรู้สึกเจ็บที่หน้าอกฉับพลัน
สีหน้าเฉินเป่ยเปลี่ยนเล็กน้อย ซีดเผือดลง เขาพูดกับหลีชิงเยียนว่า “คุณเข้าไปก่อนเถอะ มีอะไรพวกเรานั่งลงคุยกันนะ”
พูดจบปุ๊บ เฉินเป่ยพึมพำเดินเข้าห้องพักผ่อน
หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว กำลังคิดจะวิ่งเข้าไปถาม ก็เห็นเฉินเป่ยโบกมือไล่
เฉินเป่ยสีหน้าซีดขาว พูดอย่างอ่อนแรงว่า “คุณเข้าไปก่อนเถอะ..ผมอยากพักสักหน่อย…”
หลีชิงเยียนอึ้งเล็กน้อย มองเขาอย่างงงๆ “นายเป็นอะไรน่ะ?” เธอพึ่งเห็นว่าสีหน้าเขาดูผิดปกติ
เฉินเป่ยส่ายหัวช้าๆ พยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดที่หน้าอก “คุณรีบไปเถอะ”
หลีชิงเยียนยิ่งตกใจมากขึ้น เธอลุกเดินมายืนหน้าเฉินเป่ยช้าๆ มองเขาอย่างเป็นห่วง
ซูเหลยที่เงียบอยู่ข้างๆก็เดินเข้ามา สีหน้าเป็นห่วงเหมือนกัน
เฉินเป่ยอยากไล่หลีชิงเยียนไป…เพราะเขาไม่อยากให้หลีชิงเยียนเป็นห่วง…แต่ตอนนี้หลีชิงเยียนกลับไม่ไปละ มองเขาอย่างเป็นห่วง
เฉินเป่ยหน้าซีดกว่าเดิม เขาทนไม่ไหวแล้ว และกระอักเลือดคำโตออกมา!
เลือดสดสีแดงไหลเต็มคอเสื้อเขา ทั้งปากมีแต่เลือด…รสชาติขมฝาดกระจายเต็มอากาศ!
วินาทีนี้ หลีชิงเยียนตกใจ ทำอะไรไม่ถูกเลย!
“นายเป็นอะไรน่ะ? !” หลีชิงเยียนรีบเข้าไปพยุงเขา ประธานสาวตอนนี้ว้าวุ่นไปหมด ร้อนรนและร้อนใจ!
เธอเห็นหมอนี่สภาพแย่แบบนี้น้อยมาก!
เฉินเป่ยส่ายหน้าทั้งสีหน้าซีดขาว “ไม่เป็นไร…ไม่ต้องห่วงหรอก”
“เป็นขนาดนี้แล้ว ยังบอกไม่เป็นไรอีก? !” น้ำเสียงหลีชิงเยียนร้อนใจมาก..เห็นสภาพเฉินเป่ยในตอนนี้..ประธานสาวร้อนใจจนแทบจะร้องไห้แล้ว! เธอเย็นชาใส่เฉินเป่ยได้ ตะคอกใส่เฉินเป่ยได้…แต่พอวินาทีที่เห็นเฉินเป่ยกระอักเลือดนั่น…ความเย็นชาในใจเธอทั้งหมด..ความแข็งเย็นทั้งหมดโดนตีแตกหมดแล้ว! วินาทีนี้ ประธานสาวร้อนใจร้อนรนมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี!
เฉินเป่ยค่อยๆนั่งลงตามการพยุงของหลีชิงเยียน…เขายื่นมือออกมาเช็ดเลือดที่มุมปาก..เลือดสดเต็มมือเลยก็ว่าได้
“นายอย่าเช็ดเลย…” หลีชิงเยียนใกล้ร้องไห้รอมร่อแล้ว เธอรีบหยิบกระดาษทิชชู่ออกมายกใหญ่ ช่วยเฉินเป่ยเช็ดเลือดอย่างร้อนรน…เลือดบนมุมปาก เสื้อผ้าสดมาก สะท้อนแววตารื้นน้ำตาของหลีชิงเยียนออกมา สายตางามของเธอคลอไปด้วยน้ำตา วินาทีนี้เธอลนลานจริงๆ
“นายรอก่อนนะ ฉันจะไปโทรเรียกรถพยาบาล!” หลีชิงเยียนจะหยิบมือถือโทรหา120
เฉินเป่ยกลับคว้ามือเธอไว้
“ไม่ต้อง…ไม่ต้องโทรหรอก…เครื่องขึ้นบินแล้ว…แผลเล็กน้อยเท่านั้นเอง พอกลับหู้ไห่ พักผ่อนสักหน่อยก็พอแล้ว” เฉินเป่ยพูดอย่างช้าๆ พยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดที่หน้าอก
หลีชิงเยียนสีหน้าซีดขาว ดวงตางามมีแววรื้นน้ำตา เธอพูดอย่างร้อนใจว่า “นายเจ็บขนาดนี้แล้วยังจะบอกว่าแผลเล็กน้อยอีก? !”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ไม่ต้องโทรหรอก” เฉินเป่ยพูดอย่างจริงจัง ใช้น้ำเสียงออกคำสั่งเล็กน้อย
วินาทีนี้หลีชิงเยียนยิ่งเป็นห่วงหนักขึ้น เธอไม่รู้จะทำยังไงดี
“วางใจเถอะ แค่ได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกนิดหน่อยเท่านั้น ผมพักผ่อนซักหน่อยก็พอแล้ว” เฉินเป่ยจับมือเธอไว้ ส่งสายตาวางใจให้เธอ ลมปราณของเฉินเป่ยในตอนนี้เริ่มดีขึ้น เลือดที่กระอักออกมาเมื่อกี้ ทำให้ความเจ็บปวดที่หน้าอกเริ่มคลายลง
หลีชิงเยียนโดนเฉินเป่ยห้ามไว้ได้ ในที่สุดเลยไม่ได้โทรหา120 แต่เธอก็ไม่ได้เดินไป แต่กลับอยู่ข้างเขาอย่างระมัดระวัง คอยดูแลเขา เช็ดเลือดให้เขา หยิบผ้าร้อนเช็ดหน้า ป้อนยาแก้อักเสบให้เขา..ป้อนน้ำอุ่นให้เขา…
หลีชิงเยนคุณหนูใหญ่แต่ไหนแต่ไรมาตอนนี้กลายเป็นสาวน้อยแม่บ้านไปก็ไม่ปาน..ถึงเธอจะไม่รู้จักการดูแลคน..ถึงท่าทางเธอจะดูเก้ๆกังๆ แต่เธอกำลังดูแลเฉินเป่ยอย่างตั้งใจ
ภายใต้การดูแลของประธานสาว เฉินเป่ยค่อยๆอาการดีขึ้น
หลีชิงเยียนใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าเขาอย่างแผ่วเบา…เพื่อลดความเจ็บปวดให้เขา เทพธิดาสาวในตอนนี้ถึงผมเผ้าจะยุ่งเหยิง ดวงตางามร้อนรน…แต่กลับแสดงถึงความอ่อนโยนเล็กๆ ทำให้คนใจสั่น เธอช่วยเฉินเป่ยซับเหงื่ออย่างระมัดระวัง…แต่ไม่รู้เลยว่าใบหน้าเธอเริ่มผุดเม็ดเหงื่อขึ้น…เพราะความตื่นเต้นและร้อนรน
เฉินเป่ยเห็นเธอดูแลตัวเองอย่างระมัดระวังขนาดนี้ หัวใจของเขาเหมือนโดนจับเขย่า…เขาจับมือเธอแผ่วเบา
หลีชิงเยียนมองเขาอย่างงุนงง
จู่ๆเฉินเป่ยก็ออกแรงดึง..ร่างงามหลีชิงเยียนขาดสมดุล…ร่วงลงไปในอ้อมกอดเฉินเป่ยทันที…
หลีชิงเยียนพยายามจะลุกหนี เฉินเป่ยกลับโอบเอวเธอไว้ รั้งเธอเข้าอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา ไม่ยอมให้เธอจากไป…
“ผมหนาวนิดหน่อย..ให้ผมกอดแป๊บหนึ่งได้ไหม? แป๊บเดียว…” น้ำเสียงเฉินเป่ยเบามากอ่อนแอมาก เหมือนมีแววขอร้องอยู่ในนั้น