สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 594
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่594 มีคำสั่งออกมา
จากนั้นเฉินเป่ยถึงปล่อยมือของหลีชิงเยียนออก หลีชิงเยียนถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างแรงทีหนึ่ง ทันใดนั้นในใจหลีชิงเยียนผุดไฟโกรธที่ดุเดือดขึ้น ไอ้สารเลวที่สมควรตายคนนี้ ผู้ชายที่น่าขยะแขยง
หลีชิงเยียนโมโหเดือดดาล หมุนตัวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใส่รองเท้าส้นสูงสะบัดมือแล้วออกไปจากห้องโถงงานเลี้ยงโดยตรง
เฉินเป่ยมองภาพด้านหลังที่เซ็กซี่นั้นของหลีชิงเยียน หัวเราะอย่างจำใจแล้วเดินออกจากห้องงานเลี้ยงตามไปติดๆ…หลีชิงเยียนตัวหลักไปแล้ว…เขายังอยู่ที่นี่ทำอะไรกันล่ะ? ในเมื่อที่ควรกินควรดื่มก็กินมาพอสมควรแล้ว
ด้านนอกโรงแรมไอดับเบิลยูซี หลีชิงเยียนใส่รองเท้าส้นสูงเดินออกมาอย่างโมโหเดือดดาล เปิดมือถือขึ้นทันที เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งมา
“นี่ชิงเยียน รอผมก่อนสิ” เฉินเป่ยตามออกมาอย่างขี้โกง
หลีชิงเยียนเวลานี้กำลังโกรธเลือดขึ้นหน้าเชียวล่ะ เดิมทีไม่สนใจเขา
เฉินเป่ยเดินมาถึงด้านข้างชิงเยียนเบาๆ จากนั้นโอบเอวเล็กของเธอเอาไว้ พูดเสียงละมุน “ชิงเยียน อย่าโกรธนะ”
“นายปล่อยฉันออกนะ! นายมันไอ้คนไร้ยางอายสารเลว! นายอยากทำอะไรก็ไปทำอันนั้น ไม่เกี่ยวกับฉัน!” หลีชิงเยียนใบหน้าหนาวเย็นอย่างยิ่ง หายใจยุ่งเหยิงอยู่บ้าง
เฉินเป่ยโอบเอวของเธอไว้ กอดเธอเข้าในอ้อมอกแนบแน่น…รู้สึกถึงกลิ่นอายที่หยาดเยิ้มน่าประทับใจนั้นของเทพธิดา หอมหวานดุจดอกกล้วยไม้ กลิ่นหอมเตะจมูก
หลีชิงเยียนพยายามดิ้นรน แต่เฉินเป่ยพลังมหาศาล โอบเธอไว้แน่น ไม่ปล่อยโอกาสเธอให้ได้ดิ้นรนทั้งสิ้น
“ชิงเยียน อย่าโกรธเลยนะ ครั้งหน้าผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว…” เฉินเป่ยกอดเธอไว้ ค่อยๆ พูดอธิบาย
พอได้ยินคำอธิบายของเฉินเป่ย การดิ้นของหลีชิงเยียนก็ค่อยๆ เบาลงมาแล้ว…
“ชิงเยียน ไม่โกรธแล้วนะ ได้มั้ย~” เฉินเป่ยพูดเสียงอ่อนโยน
หลีชิงเยียนไม่ได้พูดอะไร แอบอิงอยู่ในอ้อมอกของเฉินเป่ยแบบนี้…เธอในเวลานี้ หัวใจเต้นสับสนเป็นพิเศษ…
เฉินเป่ยกอดเธอไว้ วินาทีนี้เขารู้สึกถึงความผ่อนคลายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ความรู้สึกที่ได้กอดผู้หญิงที่รักไว้ในอ้อมอก บางทีนี่อาจคือสิ่งที่เรียกว่าความรักล่ะมั้ง
เฉินเป่ยถูที่แก้มของเธอเบาๆ ทั้งสองแนบอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม~
จากนั้นหลีชิงเยียนดิ้นรนขึ้นมาอีกครั้ง เธอสำนึกขึ้นได้ในขณะนั้น ตนเองเหมือนถูกเฉินเป่ยหลอกลวงเข้าแล้ว
ทั้งที่บอกว่าตนเองว่าจะไม่ทำแบบนั้น แต่ยังมาโอบตนเองเอาไว้แน่น เขาอยากทำอะไรกันแน่?
ดวงตาหลีชิงเยียนหดตัว ตามมาด้วยใบหน้าเย็นชาอีกครั้งหนึ่ง
ในเวลานี้เอง…ทันใดนั้นเฉินเป่ยก็ขบที่ติ่งหูของเธอไว้แล้ว…
ร่างกายหลีชิงเยียนสั่นรุนแรงไปทั้งตัว ราวกับโดนกระแสไฟ
หลีชิงเยียนดิ้นรนรุนแรงยิ่งขึ้น เฉินเป่ยในเวลานี้ราวกับกลายเป็นปีศาจร้ายตนหนึ่ง เธออยากจะหนีออกจากกรงเล็บปีศาจ
เฉินเป่ยกอดเธอแน่น ไม่ให้เธอดิ้นรน…
หลีชิงเยียนดิ้นรนไม่หลุด ภายใต้ความกังวลมากๆ นั้น ยังอ้าปากกว้าง กัดบนไหล่ของเฉินเป่ยอย่างแรงทีหนึ่ง
“โอ๊ย——” เฉินเป่ยร้องโอดครวญ นี่ต่างหากที่โดนบังคับให้ปล่อยหลีชิงเยียนออก
“หลีชิงเยียน คุณเป็นเสือเหรอ ทำไมถึงกัดคนอื่นมั่วซั่ว!” เฉินเป่ยเจ็บจนยิงฟันเบ้ปาก พยายามถูรอยฟันบนไหลของตนเอง
“ฉันก็เป็นเสือ นายจะทำอะไรฉันได้?” ใบหน้าของหลีชิงเยียนหนาวเย็น พูดข่มขู่อย่างเดือดดาล “ถ้านายกล้ามาเล่นแง่กับฉันอีก นายเชื่อรึเปล่าว่าฉันจะตอนนาย!”
เฉินเป่ยถอนหายใจแบบเลี่ยงไม่ได้ “ชาตินี้หลงรักคุณที่เป็นแม่เสือตัวนี้แล้ว ดูแล้วชาติก่อนผมคงติดค้างคุณ…”
เฉินเป่ยดึงมือของหลีชิงเยียนไว้ สุดท้ายยังกล่อมเธอให้เข้ามาในรถได้ เฉินเป่ยคาดเข็มขัดนิรภัยให้หลีชิงเยียนก่อนด้วยตัวเอง จากนั้นถือโอกาสที่หลีชิงเยียนไม่สังเกต ขยับเข้าไปที่ใบหน้างดงามของเธอทันใด จูบไปทีหนึ่งแบบกำเริบเสิบสาน
หลีชิงเยียนตกตะลึงไปก่อน จากนั้นโกรธเคือง ทำท่าอยากจะจัดการเฉินเป่ย
ยังดีเฉินเป่ยวิ่งเร็วมาก…มุดเข้าที่นั่งคนขับทันที ก่อนจะเหยียบคันเร่งขับออกไป…
หลังจากที่รถเบนซ์ออกไปได้ไม่นาน รถออฟโรดสีขาวคันหนึ่งก็ค่อยๆ สตาร์ทเครื่อง ตามอยู่ด้านหลังตลอดทางแบบไม่ช้าไม่เร็ว…
รถเบนซ์ค่อยๆ จอดอยู่ที่หน้าประตูตระกูลหลี หลีชิงเยียนลงจากรถ ใส่รองเท้าส้นสูงเดินเข้าในคฤหาสน์อย่างเชื่องช้า
……
เวลานี้
เมืองหู้ไห่ ห้องคนไข้พิเศษในโรงพยาบาลใจกลางเมือง
หวางอู๋ตี๋นอนอยู่บนโซฟา พันผ้าพันแผลสีขาวเอาไว้ ห่อหุ้มตนเองอย่างกับเป็นมัมมี่ ลูกน้องคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของหวางอู๋ตี๋ด้วยความเคารพนอบน้อม สั่นเทาไปทั้งตัว เหมือนว่าบนตัวหวางอู๋ตี๋มีท่วงทีสยองขวัญไร้รูปร่าง ทำให้ลูกน้องคนนี้สั่นเทิ้มไม่เลิก ไม่กล้าแม้แต่เอ่ยปาก
หวางอู๋ตี๋ในเวลานี้สีหน้าอึมครึมหม่นหมอง หลายวันมานี้สีหน้าของเขาไม่เคยดีขึ้นมาเลย อยู่ในสภาพอึมครึมน่ากลัวแบบนี้มาตลอด เขาไม่พอใจ ไม่ยินยอม เขาจะยอมให้เฉินเป่ยมาเหยียบย่ำตนเองเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นบุคคลผู้น่าภูมิใจของตระกูลหวาง ไม่เคยมีใครกล้าเหยียดหยามเขาเช่นนี้มาก่อน แต่ปัจจุบันนี้…ที่เมืองหู้ไห่เล็กๆ แห่งนี้ ตนเองกลับมาโดนเหยียบย่ำได้ขนาดนี้
ยากจะจินตนาการจริงๆ ถ้าให้คนอื่นของตระกูลหวางรู้เรื่องนี้เข้า ถ้าเรื่องนี้ลอยไปถึงตระกูล…เกรงว่าเขาหวางอู๋ตี๋ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงแน่ บุคคลของตระกูลวิทยายุทธคนอื่นคงเห็นเขาเป็นตัวตลกน่าอับอาย
สำหรับเฉินเป่ยคนนี้…เวลานี้หวางอู๋ตี๋มีเพียงความคิดเดียว นั่นคือวิธีแก้แค้นในใจเขา เพียงหนึ่งเดียวที่สามารถแก้ไขได้ก็คือตาย
ในช่วงที่หวางอู๋ตี๋ไม่รู้ตัว เขาเผลอกุมหมัดทั้งสองไว้แน่นแล้ว…ในขณะนี้ไฟโกรธภายในใจของหวางอู๋ตี๋ยากจะควบคุม เขาจะต้อง…จะต้องฟันโดยไม่สนใจผลลัพธ์ใดๆ——ฟันเฉินเป่ย
หวางอู๋ตี๋สูดหายใจทอดยาวเย็นยะเยือก ต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่งโดยตรง
“คุณชายหวาง คุณไม่ได้ไปที่หู้ไห่เหรอครับ มีอะไรสั่งการครับ?” ในสายนั้น เสียงแก่หง่อมค่อยๆ ลอยออกมา เสียงดูแก่อย่างยิ่ง แต่กลับเผยความลุ่มลึกที่ทอดยาว
“ลุงสอง ผมต้องการไหว้วานลุงเรื่องหนึ่ง!” หวางอู๋ตี๋กุมหมัดแน่น พูดด้วยเสียงดังห้าวอย่างยิ่ง มีความคิดอยากจะฆ่าแบบดุเดือด
ในสายโทรศัพท์นั้น ลุงสองของหวางอู๋ตี๋เงียบลงไปก่อน จากนั้นเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงตกใจ ค่อยๆ ถามขึ้น “มีเรื่องอะไรต้องการให้ผมทำครับ หรือว่าคุณเจอเรื่องวุ่นวายที่หู้ไห่แล้ว?”
หวางอู๋ตี๋สีหน้าผันแปรดุร้าย พูดช้าๆ “ผมอยากฟันคนคนหนึ่ง! ต้องการเล่ยิง!”
“คุณชายสอง คุณอยากฟันใคร? ถึงกับต้องให้ส่งเล่ยิงไปลงมือเลยเหรอครับ?” เสียงของลุงสองหวาดวิตกขึ้นอีก เล่ยิงคือหนึ่งในวิธีการลับที่ตระกูลหวางปิดซ่อน หากไม่ใช่กรณีพิเศษ จะไม่ใช้เล่ยิงเด็ดขาด…นี่คืออาวุธลับที่พอจะสามารถกอบกู้ตระกูลได้
ดวงตาหวางอู๋ตี๋แข็งขึ้นไม่ขยับ ทั้งตัวมีแรงอาฆาตแค้นมหึมา เขาค่อยๆ พูดออกมาสองคำ “เฉิน——เป่ย!”
ในสายโทรศัพท์นั้นเงียบงัน ลุงสองไม่ได้พูดอะไร เขาเหมือนจมสู่การครุ่นคิด
ในสายโทรศัพท์ ลุงสองตกอยู่ในการครุ่นคิดอีกครั้ง ระดมกำลังเล่ยิง…นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวทั่วไป สถานะของเล่ยิงอ่อนไหวเหลือเกิน ถ้าระหว่างนั้นเกิดความผิดพลาดขึ้น ย่อมไม่กล้าจินตนาการผลสุดท้าย
“ลุงสอง ครั้งนี้ลุงต้องช่วยผมนะ!” หวางอู๋ตี๋กุมหมัดแน่น พูดอ้อนวอน เขาคุณชายสองของตระกูลหวาง…ไม่เคยอ้อนวอนเกินเหตุต่อหน้าผู้ใหญ่เช่นนี้มาก่อน เขาเมื่อในอดีตนั้น อยู่ที่เยี่ยนจิงมีพลังยิ่งใหญ่ จำเป็นต้องขอร้องใครที่ไหน? ต้องการหยิบยืมกำลังของตระกูลที่ไหน? มีเพียงใช้กำลังของเขาคนเดียว เพียงแค่พึ่งการวางแผนการนั้นของเขา ก็สามารถฟันพลิกสถานการณ์ได้แล้ว ไม่มีใครสู้ได้
แต่วันนี้…คุณชายสองตระกูลหวางผู้น่าเกรงขามท่านนี้…คาดไม่ถึงถูกบังคับให้โทรศัพท์ติดต่อครอบครัว ขอร้องลุงสอง…ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สนใจผลที่ตามมาจากการเคลื่อนย้ายเล่ยิงออกโจมตีอีกด้วย? นี่…เป็นวิธีที่ไม่มีทางให้เลี้ยวกลับ หวางอู๋ตี๋โดนบีบจนหมดหนทางจริงๆ
“คุณชายสอง นี่คุณกำลังทำให้ผมลำบากใจอยู่นะครับ…” เสียงลุงสองจำใจ “เล่ยิงเป็นการสังหารที่ตระกูลหวางปิดซ่อน คุณชายสอง คุณเข้าใจผลได้ผลเสียในนี้มากกว่าผมซะอีก…ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา อย่างนั้นผลสุดท้าย…”
หวางอู๋ตี๋กุมหมัดแน่น สีหน้าผันแปรกลับไปกลับมา พูดอย่างจริงจัง “ลุงสอง เรื่องนี้…ผมมีแผนการของตัวเอง ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของผม! จะไม่ให้เกิดความผิดพลาดเด็ดขาด พอเล่ยิงออกมา เอ๋อตงเฉินจะต้องตาย! ทุกอย่าง…จะจบสิ้น!”
ในโทรศัพท์ ลุงสองนิ่งเงียบเป็นครั้งที่สาม แม้แต่ลุงสองตระกูลหวางที่ผ่านมรสุมชีวิตมานานคนนี้ยังไม่มีทางตัดสินใจได้เช่นนี้…ผลกระทบของเล่ยิงนั้น ที่จริงช่างอ่อนไหวเหลือเกิน
ตั้งนานลุงสองถึงค่อยๆ ถอนหายใจทีหนึ่ง…
“คุณชายสอง ในเมื่อคุณยืนกรานจะให้ออก…งั้นผมจะเอาชีวิตมาช่วยคุณสักครั้งแล้วกัน!” เสียงของลุงสองแก่หง่อมลุ่มลึก มีความจำใจที่ทอดยาว
การโยกย้ายเล่ยิงนั้น ถ้าถูกพบเข้า นี่คือโทษหนักของตระกูล ถ้าถูกนายท่านใหญ่ตระกูลหวางตำหนิขึ้นมา บางที…ชีวิตของเขาคงรักษาไว้ไม่รอด แต่…ลุงสองจะมีวิธีอะไรอีกล่ะ? คุณชายสองที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเอ่ยปากวิงวอนเขาเลย มาวันนี้กลับอ้อนวอนเช่นนี้ เขายังทำอย่างไรได้อีก? ได้แต่เอาชีวิตมาเป็นเดิมพัน ช่วยเหลือคุณชายสองสักครั้ง
พอหวางอู๋ตี๋ได้ยินลุงสองตอบรับ สีหน้าเปลี่ยนแปลงในชั่วขณะหนึ่ง ยิ่งกุมหมัดแน่นขึ้น นั่นคือความฮึกเหิม ความรู้สึกฮึกเหิมแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คุณชายสองของตระกูลท่านนี้ไม่เคยตื่นเต้นแบบในวันนี้มาก่อน แม้แต่การหายใจยังถี่ขึ้นอยู่บ้าง เล่ยิง——ในที่สุดจะได้ลงมือแล้ว
พอเล่ยิงออกมา ย่อมสังหารนองเลือดไปทั่ว
เล่ยิงเป็นหนึ่งในการสังหารมากมายที่ตระกูลปิดซ่อน สาเหตุที่ต้องปิดบังต่อภายนอก เพราะผลกระทบพัวพันลึกซึ้งเหลือเกิน
ครั้งก่อนที่เล่ยิงลงมือ นั่นเป็นเมื่อหลายสิบปีก่อน…การสังหารนองเลือดในตอนนั้น ทำให้หวางอู๋ตี๋จำได้ลึกซึ้งถึงทุกวันนี้
หลายสิบปีก่อน ตระกูลหวางขัดแย้งกับตระกูลศัตรู…ต่อมานายท่านใหญ่ตระกูลหวางออกคำสั่ง ระดมกำลังเล่ยิงออกโจมตี..คืนนั้น…การสังหารเลือดสดนองเต็มทั้งลานคฤหาสน์ ตระกูลศัตรู…ถูกสังหารยกครัวเต็มๆ
ตั้งแต่ครั้งนั้นมา เล่ยิงก็ไม่ได้ลงมืออีกเลย
…
เยี่ยนจิง คฤหาสน์ขนาดใหญ่แบบโบราณที่ประณีตงดงาม สามารถสร้างคฤหาสน์ที่หรูหราอลังการอยู่ในสถานที่ทำเลทองแบบนี้ของเมืองหลงเยี่ยนจิงเช่นนี้ได้…นี่ไม่ใช่เรื่องที่มีเงินทองอย่างเดียวก็สามารถทำได้ นี่ยังต้องการอิทธิพลและอำนาจ อำนาจที่เฉียบขาด อำนาจน่ากลัวที่เกินกว่าขอบเขตของคนรวยทั่วไป
บนบ้านเลขที่ของคฤหาสน์แนวโบราณแขวนแผ่นป้ายใหญ่ที่หนาแน่นแผ่นหนึ่งไว้ ด้านบนแกะสลักสองคำที่ดูมีชีวิตชีวาทรงพลัง: บ้านหวาง
คฤหาสน์ตระกูลหวางในเวลานี้เงียบสงบ ตระกูลหวางตั้งรกรากอยู่ที่เยี่ยนจิงมาหลายสิบปี รุ่นหลังของตระกูลหวางแต่ละคนหยั่งรากลงที่ผืนดินแห่งนี้ สร้างฐานตระกูลหวางในแหล่งที่อุดมสมบูรณ์
ลุงสองก้าวฝีเท้าที่แก่หง่อม ในมือกุมคำสั่งลับไว้ ค่อยๆ เดินไปยังส่วนลึกของคฤหาสน์…
หลังจากนั้นสิบนาที คำสั่งลับหนึ่งก็ส่งต่อไปจากในมือลุงสอง
คำสั่งลับอันดับแรกถูกส่งต่อไปยังส่วนการป้องกันติดอาวุธตระกูลหวางแล้ว
ตอนที่ได้รับคำสั่งนี้ ทั้งส่วนการป้องกันติดอาวุธต่างตกตะลึง
“อะไร…อยากโยกย้ายเล่ยิง? ตระกูลหวางเจอเรื่องใหญ่อะไรแล้วเหรอ?”
ขณะที่ส่วนการป้องกันติดอาวุธกำลังตื่นตกใจ ลุงสองกลับกดความสงสัยและความกังวลทั้งหมดของพวกเขาลง จากนั้นส่วนการป้องกันติดอาวุธก็รับคำสั่ง
สุดท้ายหลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจสอบแต่ละขั้น จัดการคำสั่ง——ดำเนินการอย่างเป็นทางการ
โยกย้าย——เล่ยิง ออกโจมตี
เล่ยิงเหมือนโหมกำลังโจมตีในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ดุจเหยี่ยวที่ทะลุผ่านท้องนภา
ในวันนั้น เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินขึ้นจากเมืองเยี่ยนจิงโดยตรง คำรามไปบนท้องฟ้าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตลอดทาง
…
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ผืนป่าดั้งเดิมแห่งหนึ่ง
ที่แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ติดลบสามสิบองศา นี่คืออุณหภูมิหนาวที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความหนาวเหน็บในเวลานี้ แม้แต่น้ำที่ไหลออกมายังแข็งตัวในชั่วพริบตาเดียว คนทั่วไปอยู่ภายใต้อุณหภูมินี้ คงทนไปได้ไม่กี่นาที
ที่ในป่าลึก ภาพเงาสีน้ำตาลเหลืองกำลังค่อยๆ คลานอยู่ในพื้นหิมะ หิมะสีขาวยังคงปลิวลงมาเต็มท้องฟ้า ภาพเงาสีน้ำตาลเหลืองนั้นค่อยๆ ปรากฏรูปร่างออกมา——เสือป่าไซบีเรียที่ดุร้ายยิ่งใหญ่น่าเกรงขามตัวหนึ่ง
มันค่อยๆ คลานขึ้นมาจากบนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เพราะมันถูกอะไรบางอย่างทำให้ตกใจตื่น
อีกด้านหนึ่ง ท่ามกลางลมหนาวที่มีหิมะโปรยปราย ผู้ชายที่สวมเสื้อคลุมหนังสัตว์คนหนึ่งกำลังเดินมาทีละก้าว เหยียบลงบนพื้นหิมะลึกๆ เดินเข้ามาด้านหน้า
กล้ามเนื้อทั้งตัวของผู้ชายเสื้อคลุมหนังสัตว์ดุจก้อนหินที่สยองขวัญระเบิดนูนขึ้น เส้นเลือดใหญ่ด้านบนแต่ละเส้นแพร่กระจายไปทั่ว บนผิวหนังเผยรอยแผลเป็นที่สะดุดตาดุร้ายแต่ละรอย…ดูไม่ออกว่านั่นคือแผลอะไร มีแผลจากปืน มีแผลจากอาวุธ แม้กระทั่งยังมีบาดแผลกัดฉีกของสัตว์ป่าดุร้ายสารพัด…แผลเป็นมากเหลือเกิน มากจนบาดแผลแต่ละอันทับซ้อนกัน เดิมทีทำให้คนไม่มีทางแยกแยะได้ชัด
หลังจากที่ผู้ชายเสื้อหนังสัตว์ค่อยๆ ก้าวเข้ามาด้านหน้า สายตาของเสือภาคตะวันออกเฉียงเหนือตัวนั้นก็แข็งทื่อขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียว นั่นคือกลิ่นคาวของเลือด สายตาดุร้ายที่อยากโจมตีหาอาหาร นี่เป็นสายตาของสัตว์ป่าดุร้ายที่แท้จริง เสือไซบีเรีย ราชาของสัตว์ป่าดุร้าย ทว่าผู้ชายที่ใส่เสื้อหนังสัตว์กลับไม่หวาดกลัวโดยสิ้นเชิง แม้กระทั่งมือของเขาล้วนไม่มีอาวุธหรือเครื่องมือใดๆ มือว่างเปล่า ที่ตัวไม่มีของสักชิ้น มีเพียงเสื้อคลุมหนังสัตว์ตัวเดียว
สายตาของเขาสงบอย่างยิ่ง ราวกับมาเดินเล่น จากนั้นเดินเข้าไปทางเสือไซบีเรียทีละก้าว
เสือไซบีเรียจ้องผู้ชายคนนี้อย่างระแวงผิดปกติ ร่างกายทั้งตัวของมันคลานอยู่บนพื้นในชั่วขณะนั้น นั่นคือการเคลื่อนไหวที่โค้งดุจธนูยาว และสะสมกำลัง
ดวงตาของผู้ชายเสื้อหนังสัตว์คนนั้นแข็งเล็กน้อย สายตาจ้องเสือไซบีเรียไปโดยตรง
ตอนที่ปะทะสายตากับผู้ชายคนนี้ ทันใดนั้นร่างที่ตึงแน่นของเสือไซบีเรียตัวนี้สั่นอย่างรุนแรง นั่นคือการหนาวสั่น มันมองเห็นอะไรเข้าแล้ว? คาดไม่ถึงมันมองเห็นสายตาที่เหมือนกันนิดๆ…จากในสายตาของผู้ชายคนนี้ สายตาของผู้ชายคนนี้เหมือนกับสัตว์ป่าดุร้าย แม้กระทั่ง…ยังสยองขวัญยิ่งกว่าสัตว์ป่าดุร้ายเสียอีก
เสือไซบีเรียอ้าปากกว้าง นั่นคือเสียงร้องคำรามที่ทุ้มต่ำ นั่นคือเสียงคำรามของเสือดุร้าย
ซู่! กระรอกนกแมลงที่หลบซ่อนอยู่ใต้พื้นหิมะพวกนั้นต่างตกใจแตกตื่นจนหนีกระเจิง
ตามมาด้วยอีกมุมหนึ่งของป่าพื้นหิมะ…เสือไซบีเรียที่ดักซุ่มอีกตัวหนึ่งค่อยๆ ปรากฏภาพเงาออกมาแล้ว ทั่วทั้งตัวของมันปกคลุมด้วยหิมะขาวหนาทึบ มัน…ดักซุ่มอยู่ที่นี่มานานมาก รูปร่างของมันยิ่งใหญ่โตขึ้น
เสือไซบีเรียสองตัวถลึงตาแบบสัตว์ป่าดุร้ายที่โหดเหี้ยมทารุณไว้ เล็งที่ผู้ชายเสื้อหนังสัตว์ไว้แน่น
เสือดุสองตัวนี้ออกมาล่าเหยื่อเป็นเพื่อนกัน เสือทั้งคู่ถลึงตาดุ…แรงอาฆาตน่าสะพรึงกลัว
หิมะขาวโพลนปกคลุมทั่วท้องฟ้า ลมหนาวพัดโชย น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง หนาวเหน็บเสียดกระดูก
ฝีเท้าของผู้ชายเสื้อหนังสัตว์คนนั้นยังคงไม่ได้หยุดลง เขาค่อยๆ ก้าวมาด้านหน้าอีกครั้ง…เสือดุสองตัวที่อยู่ไม่ไกลในสายตาของเขาเหมือนไม่มีการคุกคามใดๆ เขานิ่งสงบอย่างกับเป็นสัตว์ประหลาด
“ฮื่ม——!” ทันใดนั้นเสียงคำรามของเสือที่ทุ้มต่ำดุร้ายสองเสียงดังขึ้น ร่างของเสือสีน้ำตาลเหลืองสองตัวกระโจนจู่โจมทันใด ไม่มีความลังเลแต่อย่างใด ราวกับธนูยาวที่ยิงออกไป เสือดุ เสือไซบีเรีย ราชาของสัตว์นานาชนิด
ชั่วพริบตาเดียวสายตาของผู้ชายเสื้อหนังสัตว์คนนั้นก็แข็งทื่อฉับพลัน ร่างกายสะสมกำลังทันใด พุ่งโจมตีเข้าไป หิมะขาวโพลนใต้เท้าภายใต้การเหยียบย่ำมหึมาของเขาทำให้ฝุ่นหิมะมากมายปลิวขึ้น หิมะขาวปกคลุมเต็ม ร่างกายของเขา…กลายเป็นภาพวืดไปแล้ว
ร่างกายของผู้ชายเสื้อคลุมหนังไวดุจฟ้าแลบ พุ่งเข้าไปดุจดาบยาวท่ามกลางฝุ่นหิมะเต็มไปทั่ว หมัดทั้งสองของเขาโบกขึ้นฉับพลัน ปล่อยพลังกระจาย เส้นเลือดกล้ามเนื้อทั้งแขนระเบิดขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียว
ชั่วขณะที่เสือไซบีเรียตัวนั้นอ้าปากคำราม และกระโจนจู่โจมมาโดยตรง หมัดของผู้ชายเสื้อหนังสัตว์ก็จู่โจมมาทันทีจนอากาศสั่นสะเทือน
“ตึง——!” หมัดหนึ่ง
ร่างกายของเสือไซบีเรียดุร้ายตัวนั้นเว้าลึกลง กระดูกตึงหักแหลกทั้งหมด ร่างเสือที่หนักหลายร้อยกิโลโดนหมัดนี้ต่อยเข้าไปอย่างจังจนกระเด็นลอยไป เลือดสดพุ่งกระจายออกมาจากในปากเสือ
เสือดุอีกตัวหนึ่งกระโจนจู่โจมเข้ามา สั่นสะเทือนน่ากลัว จนเห็นว่าเขี้ยวเสือที่แหลมคมนั้นกำลังจะฉีกกัดผู้ชายคนนั้นไว้
ผู้ชายเสื้อหนังอ้าแขนทั้งสองออกทันใด ต้านทานเสือดุที่กำลังอ้าปากคำรามอย่างดุเดือด
กล้ามเนื้อแขนทั้งสองของผู้ชายผุดขึ้นอย่างน่ากลัว
“แกร๊ก——เฮือก!” เสียงกระดูกหักแตกแยกส่วนอย่างรุนแรง เสือไซบีเรียตัวนั้นอ้าปากคำรามอย่างคาดไม่ถึงว่าจะถูกเขาฉีกขาดด้วยมือเปล่าอย่างจัง ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายไปด้วยเลือดสดแดงเถือกปกคลุมเต็มไปหมด
สองวินาทีสั้นๆ คนคนหนึ่ง…สังหารเสือไซบีเรียสองตัวได้สยดสยองถึงเพียงนี้
ผู้ชายคนนั้นค่อยๆ ปัดรอยเลือดในมือทั้งสองออก แววตาสงบไร้ที่เปรียบ หิ้วหัวของเสือขึ้น จากนั้นหิ้วเสือป่าไซบีเรียสองตัวขึ้นทันทีก่อนจะค่อยๆ จากไป…
ในเวลานี้เอง เครื่องสื่อสารบนตัวของผู้ชายคนนั้นก็ดังขึ้นกะทันหัน
ผู้ชายคนนั้นตะลึงเล็กน้อย วางหัวเสือในมือลง สายตามีความล้ำลึกแวบผ่าน หยิบเครื่องมือสื่อสารของตนเองออกมาด้วยความสงสัย เขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่ไม่ได้ออกจากภูเขา แม้กระทั่งใกล้จะลืมสภาพของโลกภายนอกไปแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเวลานี้เครื่องสื่อสารที่ไม่เคยดังขึ้นมาหลายปีเครื่องนี้จะดังขึ้นแล้ว
“ใครกัน?” ผู้ชายคนนั้นค่อยๆ ถามกับในเครื่องมือสื่อสาร เสียงของเขาลุ่มลึกแหบแห้ง เหมือนสัตว์ป่าดุร้ายที่ทำให้คนสั่นสะเทือน “ตระกูลหวาง” ในเครื่องสื่อสารพูดสามนี้ออกมาจริงจังอย่างยิ่ง
“เรื่องอะไร?” สายตาผู้ชายแข็งกร้าวเล็กน้อย ภาษานั้นดูเหมือนไม่คล่องเท่าไร เขาถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม น้ำเสียงทอดยาวไร้ที่เปรียบ เพราะเขาจำได้ว่าตระกูลหวางไม่เคยติดต่อเขามานานมากแล้ว
“ประกาศคำสั่งลับตระกูลหวาง มีภารกิจ” เครื่องสื่อสารมีคำพูดธรรมดาขนาดนี้ลอยออกมาอีกครั้ง
ในที่สุดสีหน้าที่สงบของผู้ชายคนนี้ก็กลับไปเคร่งขรึมอีกครั้ง เพราะการที่จะให้เขาลงมือได้…นั่นคือเรื่องใหญ่ หรือมีภารกิจใหญ่
“สถานที่ เวลา ใคร” ผู้ชายถามในเครื่องสื่อสารอย่างสงบนิ่ง
“เดี๋ยวพวกเราจะถึงแล้ว พูดกับคุณบนเครื่องบินเลยทีเดียวเลยแล้วกัน” เสียงในเครื่องสื่อสารพูดขึ้น
ขณะเดียวกันบนท้องฟ้าในระยะไกล เสียงกระหึ่มของใบพัดดังขึ้นมาทันใด ใบพัดเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ร้องคำรามกระหึ่ม เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งค่อยๆ บินมาจากกลางอากาศ สั่นสะท้านทั้งผืนป่าดั้งเดิมจนทำให้ดังก้องไปหมด
เฮลิคอปเตอร์ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือผู้ชายเสื้อหนังสัตว์ ระยะห่างความสูงหลายสิบเมตร
คนขับเฮลิคอปเตอร์จัดการมุมของตัวเครื่อง ก่อนจะเตรียมตัวนำเครื่องค่อยๆ ลดต่ำลง…
ผู้ชายเสื้อหนังสัตว์เงยหน้าขึ้น มองเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่กลางอากาศสูงหลายสิบเมตรด้วยแววตาลุ่มลึก…ในแววตาของเขาเผยจิตใจเฝ้าถวิลหาที่แหลมคมออกมา…ท้องฟ้า…มุมมองที่ไม่เคยเจอมานานมากเลยล่ะ~
มุมปากของเขาฉีกเส้นรัศมีวงกลมขึ้น…ทันใดนั้น เขารวบรวมกำลังมือข้างเดียวโดยฉับพลัน ยิงหลาวเหล็กที่เล็กยาวพุ่งออกจากในมือเขา ยิงไปบนฐานจอดของเฮลิคอปเตอร์ไวดุจสายฟ้าแลบ