สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 595
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่595 ต้องให้ตายแน่
หลาวขนาดใหญ่ที่ยาวหลายสิบเมตรขว้างขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงหลายสิบเมตรโดยตรง เหวี่ยงเข้าฐานจอดของเฮลิคอปเตอร์
จากนั้นผู้ชายเสื้อคลุมหนังสัตว์จับหลาวเหล็กไว้ ทั้งตัวออกวิ่งก่อนจะพุ่งโจมตีดุจสัตว์ป่าดุร้าย…จากนั้นเสียงกระโดด“ฟึ่บ”อย่างรุนแรงก็ดังขึ้น
ชั่วขณะนั้นหิมะขาวที่พื้นฟุ้งกระจายไปทั่ว ผู้ชายชุดหนังสัตว์คนนั้นปีนหลาวเหล็ก ร่างกายราวกับบิดฉวัดเฉวียน…ขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์อย่างพลิ้วไหวทันที รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ——ราวกับเหยี่ยวที่ทะลุท้องนภา พุ่งจู่โจมไปบนท้องฟ้ากว้างไกล
วินาทีนี้ เขาถึงกลายเป็น——เล่ยิง
เล่ยิง เป็นหนึ่งในเหยี่ยวดุร้ายที่น่ากลัวที่สุดบนโลก ส่วนเล่ยิงก็คือชื่อลับของเขา ดังนั้นคือชื่อในการสังหารของเขา
เล่ยิงปรากฏตัวบนโลก พุ่งกระโดดเข้าไปบนท้องฟ้ากว้างไกล ทั้งตัวเขากลายเป็นเหมือนเหยี่ยวนักล่าตัวหนึ่ง บินว่อนอย่างดุเดือดกลางอากาศ ประหนึ่งเหยี่ยวที่เฉียบแหลม ดุจดาบที่ร้องคำราม
เฮลิคอปเตอร์ถูกเขาดึงไว้ภายใต้กำลังมหาศาลนั้น ทำให้ตัวเครื่องเอียงเบาๆ ใบพัดขนาดใหญ่ไม่มีทางรับพลังของเล่ยิงได้
เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ขับออกไป…แววตาเล่ยิงเฉียบแหลม กวาดสายตามองป่าเขาที่มีหิมะปกคลุมสุดลูกหูลูกตาอย่างนิ่งๆ แวบหนึ่ง สุดท้ายจัดการแกว่งแขนใหญ่ ออกแรงพุ่งเข้าไปทั้งตัว จากนั้นร่างกายก็เคลื่อนที่ทันใด บินหลบเข้าไปในห้องโดยสารเฮลิคอปเตอร์แล้ว…
…
เวลาที่บิน พระอาทิตย์ดวงหนึ่งขึ้นมาจากทางตะวันออก นี่คือวันใหม่ของเมืองหู้ไห่
เฉินเป่ยขับรถไมบัคมาแต่เช้าตรู่ ค่อยๆ จอดลงที่หน้าประตูคฤหาสน์ คลำหาบุหรี่มวนหนึ่งออกมา จากนั้นสูบช้าๆ รอคอยท่านประธานเทพธิดา
ไม่นานหลีชิงเยียนกับซูเหลยก็ออกมาจากประตู
เฉินเป่ยนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับด้วยหน้าตากลัดกลุ้มตลอดทาง ส่วนหลีชิงเยียนนั่งอยู่เบาะหลัง ตอนแรกเฉินเป่ยอยากจะนั่งเบาะหลัง ผลปรากฏว่าหลีชิงเยียนกลับไล่เขามานั่งที่เบาะข้างคนขับทันที
ขณะอยู่บนถนน เฉินเป่ยไม่กล้าหายใจดัง ทำได้แค่กล้าแอบชำเลืองดูที่กระจกมองหลังแบบไม่ขาดสายตลอดทาง ในรถเงียบผิดปกติ
หลังจากถึงบริษัทแล้ว เฉินเป่ยก็หลบเข้าในห้องทำงานของตนเองทันที จากนั้นล็อกประตูสนิท
ทั้งวันนี้ เฉินเป่ยขลุกอยู่แต่ในห้องทำงาน เขาไม่ได้เล่นเกม แต่หยิบแบบจำลองภูมิศาสตร์กรมทหารนั้นออกมาแล้ว…เริ่มอนุมานสถานการณ์ในอนาคตขึ้นบนแบบจำลองภูมิศาสตร์
พายุของหู้ไห่ยังไม่สงบลง ช่วงนี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปกับตนเองมีศัตรูเพิ่มขึ้นมากะทันหันมากมาย เยอะเสียเหลือเกิน ความเร็วนี้ช่างไวเหลือเกิน เกินกว่าความคาดหมายของเขา ไม่เพียงแค่นี้ เขายังอยากเตือนอิทธิพลสารพัดของหัวเซี่ย และเยี่ยนจิงที่จ้องตาเป็นมัน…ภายใต้ความสงบภายนอก มีอิทธิพลก่อแผนการร้ายยิ่งใหญ่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เฉินเป่ยจ้องสถานการณ์ที่แบบจำลองไม่ขยับ สายตาหรี่ขึ้นนิดหน่อย…จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม
ตอนเย็นหลังเลิกงาน เฉินเป่ยเตรียมรถไมบัคไว้เรียบร้อยตั้งแต่นานแล้ว รอคอยหญิงสาวสองคนนั้นที่ใต้ตึกบริษัท
ท่านประธานเทพธิดาสวมรองเท้าส้นสูงเดินมาช้าๆ นั่งเข้าไปที่เบาะด้านหลัง ส่วนซูเหลยก็มานั่งที่เบาะข้างคนขับแล้ว
เฉินเป่ยหมดคำจะพูดกับผู้หญิงสองคนนี้เสียจริง……
ขับรถไมบัคออกมาตลอดทาง…หลังจากนั้นยี่สิบนาทีถึงค่อยๆ เข้าสู่บริเวณใกล้กับคฤหาสน์
แต่ในเวลานี้เอง เฉินเป่ยกลับสัมผัสได้ถึงความผิดปกตินิดๆ ขึ้นกะทันหัน
เขาขับรถช้าลง ตรวจตราสถานการณ์โดยรอบอย่างละเอียด รอบด้านเงียบงันไปหมด สนามหญ้าที่ด้านข้างเขตคฤหาสน์เงียบสงบมาก ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ…บนถนนสัญจรว่างเปล่าไร้ผู้คน…เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้น เป็นธรรมชาติจนไม่ปกติ
ซูเหลยที่อยู่ข้างเบาะคนขับก็สังเกตถึงความผิดปกติเช่นกัน หล่อนมองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง พูดเสียงต่ำ “ฉันจะไปดูสักหน่อย”
“ไม่ต้อง” เฉินเป่ยตะโกนเรียกหล่อนทันใด
หลีชิงเยียนที่นั่งอยู่เบาะหลังประหลาดใจอยู่บ้าง หันหน้ามองทางเฉินเป่ย ถามอย่างสงสัย “มีอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร” เฉินเป่ยยิ้มอ่อนๆ ให้เธอ
วินาทีนี้ หลีชิงเยียนไม่สามารถนิ่งเฉยได้ถึงที่สุด เธอสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดผิดปกติของเฉินเป่ย…นี่คือเกิดอะไรกัน?
“มีอันตรายอะไรเหรอ?” หลีชิงเยียนถามโดยจิตใต้สำนึก
เฉินเป่ยส่ายหน้า “วางใจได้ ไม่มีอะไรหรอก”
รถไมบัคค่อยๆ ขับมาถึงหน้าประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลหลี เฉินเป่ยหันหน้าตรวจสอบรอบด้านอย่างรอบคอบสักหน่อย หลังมั่นใจว่าไม่มีปัญหาถึงค่อยๆ ขับเข้าภายในคฤหาสน์แล้ว
ขอเพียงหลังจากรถขับเข้าคฤหาสน์ น่าจะไม่มีอันตรายอะไรแล้ว…คืนแรกที่กลับมาถึงหู้ไห่ เขาได้ทำการติดตั้งบางอย่างที่นี่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ไม่สามารถสกัดกั้นผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวพวกนั้นได้ แต่ยังสามารถต้านการจู่โจมส่วนใหญ่ได้ แม้กระทั่งรวมไปถึงทหารทั่วไปด้วย
เพียงแต่ทันทีที่รถจอดลง เฉินเป่ยยิ่งรู้สึกว่าไม่ปกติกว่าเดิม
มักจะรู้สึกว่า…มีอะไรสักอย่างกำลังเล็งเป้าเขาอยู่ ความรู้สึกนั้นนับวันยิ่งรุนแรง และ…นับวันยิ่งใกล้เข้ามา
หลีชิงเยียนกำลังจะลงจากรถ เฉินเป่ยกลับล็อกประตูรถไว้กะทันหัน
รถไมบัคจอดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ไว้แบบนี้ ล็อกประตูรถเอาไว้ทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” ใบหน้าหลีชิงเยียนประหม่าขึ้นมาพอสมควร
เฉินเป่ยยื่นมือทำท่าทางให้เงียบเสียง…ในขณะนี้ สัญชาตญาณเฉียบไวของเขาเริ่มทำงานขึ้นทันใด กวาดสายตามองโดยรอบไม่กะพริบ
นับวันอันตรายนั้นยิ่งใกล้เข้ามา ราวกับเป็นลักษณะที่พุ่งมาจากฟ้า แต่ว่า…ที่มาของอันตรายอยู่ที่ไหนกัน?
เดิมทีเฉินเป่ยไม่มีทางล็อกที่มาของอันตรายได้ ไม่มีทางหามันเจอ
ซูเหลยกวาดตามองรอบด้านด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ทว่าไม่พบสิ่งต้องสงสัยแต่อย่างใด
สายตาของเฉินเป่ยค่อยๆ แข็งทื่อขึ้น…ทันใดนั้นเขาเงยหน้าขึ้นฉับพลัน จ้องบนหลังคารถโดยตรง บนท้องฟ้า ไม่ผิด แหล่งของอันตรายนั้นมาจากบนท้องฟ้า
ในขณะเดียวกัน ห้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัยของเขตคฤหาสน์ เหล่าบอดี้การ์ดหลายคนนั่งอยู่ด้านหน้าอุปกรณ์วงจรปิด กำลังตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบคฤหาสน์อย่างละเอียด…เหมือนกับปกติ แต่ไม่มีความผิดปกติใดๆ
ทันใดนั้น เครื่องเตือนวงจรปิดส่งเสียงดังขึ้นทันที
สายตาเหล่าบอดี้การ์ดหลายคนอึ้งทึ่งก่อน…จากนั้นเคร่งขรึมขึ้นมาในชั่วพริบตา จ้องหน้าจอไม่ขยับ
ไม่นานหัวหน้าบอดี้การ์ดก็พุ่งมาที่ห้องวงจรปิดในวินาทีแรก
“เกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าสีหน้าเคร่งเครียดขั้นสุด
“หัวหน้า…มีวัตถุที่ไม่ชัดเจนบุกเข้ามา!” เสียงลูกน้องพูดแบบจริงจังประหม่า
หัวหน้าพุ่งมาที่ด้านหน้าของหน้าจอวงจรปิดโดยตรง จากนั้นเขาก็อึ้งค้างไปทั้งตัวแล้ว
นี่คือภาพที่ใช้กล้องวงจรปิดถ่ายจากภาคพื้นดิน…เห็นเพียงบนท้องฟ้าหลายพันเมตรเหนือคฤหาสน์…ภาพเงาที่ดำมืดกางปีกกำลังพุ่งจู่โจมเร่งด่วนมาทางด้านล่าง ไวดุจฟ้าแลบ ราวกับเหยี่ยว
“นั่นคืออะไร?” หัวหน้าสีหน้าเคร่งขรึม
“สแกนอินฟราเรดวิเคราะห์ แสดงภาพขององค์ประกอบ…คือ…คือคนคนหนึ่ง!”
ซู่! คำพูดนี้ออกมา ทั้งห้องวงจรปิดตื่นตกใจเงียบงันถึงที่สุด
ทุกคนล้วนเบิกดวงตาโตแล้ว จ้องภาพเงาคนที่พุ่งจู่โจมลงมารวดเร็วบนหน้าจอนั้นตาไม่กะพริบ
คนคนหนึ่ง…ร่วงลงมาจากบนท้องฟ้าสูงหลายพันเมตร? นี่…เป็นไปได้อย่างไร! นี่ทำลายทฤษฎีทั่วไปทั้งหมดเลย
“เปิดวงจรปิดดาวเทียมท้องฟ้าสูง! ฉันอยากรู้ว่าเขาร่วงลงมาได้ยังไง! หรือว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวงั้นเหรอ?”
ชั่วขณะนั้นภาพวงจรปิดดาวเทียมบนท้องฟ้าสูงที่ถ่ายไว้เริ่มเล่นซ้ำ…บันทึกจับภาพฉากเมื่อสักครู่นั้นไว้อย่างชัดเจน
บนท้องฟ้าที่สูงเหนือคฤหาสน์เกือบหมื่นเมตร เครื่องบินลำหนึ่งกำลังหลบซ่อนอยู่ในชั้นเมฆที่หนาทึบ…ตามมาด้วยประตูห้องโดยสารเครื่องบินถูกเปิดออก…ผู้ชายชุดดำคนนั้นกระโดดออกจากในห้องโดยสารทันที ก่อนจะร่วงลงมาทั้งตัวอย่างรวดเร็วราวกับฝนดาวตก
จากนั้นเขาอ้าแขนทั้งสองออกฉับพลัน ชุดสีดำของเขานั้นกางออกในชั่วขณะนั้น นั่นคือผ้าใบกันน้ำขนาดใหญ่ผืนหนึ่ง ราวกับปีกของเหยี่ยว เขาบินร่อนอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะพุ่งลงมาด้วยความรวดเร็ว ประหนึ่งเหยี่ยวจู่โจมจากท้องฟ้ากว้างไกล
หัวหน้าและเหล่าลูกน้องกลุ่มหนึ่งต่างตื่นตระหนกหมด จ้องภาพบนหน้าจอวงจรปิดแบบเบิกตาโตหวาดวิตก
ฉากนี้นี่ช่างสั่นประสาทเสียเหลือเกิน มนุษย์ที่เป็นปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง คาดไม่ถึงจะกระโดดลงมาจากท้องฟ้าสูงหมื่นเมตรโดยไม่มีอุปกรณ์กระโดดร่มใดๆ…อาศัยเพียงแค่ผ้าใบกันน้ำสีดำผืนนั้น กระโดดลงมาจากที่สูงหมื่นเมตร? นี่เรียกว่าสยองขวัญเลยทีเดียว นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่อีกเหรอ?
ในขณะเดียวกัน บนท้องฟ้า นับวันเงาที่เหมือนเหยี่ยวสีดำภาพนั้นยิ่งใกล้เข้ามา
ความเร็วที่พุ่งลงไวมาก แทบจะไวดุจสายฟ้าแลบ ภายใต้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลกอันยิ่งใหญ่ แม้กระทั่งความเร็วของเงาดำนั้นยังเกินกว่าความเร็วเสียงไปแล้ว คล้ายกับเปลวไฟที่จู่โจมมาด้วยความเร็วเต็มที่ พุ่งไปที่ด้านล่างคฤหาสน์ของตระกูลหลีโดยตรง ร่องรอยการพุ่งจู่โจมของเขามีเพียงทิศทางเดียว รถไมบัคสีดำที่จอดไว้ในคฤหาสน์คันนั้น
ระยะห่างนับวันยิ่งเข้าใกล้ เสียงลมหอบใหญ่ดังสนั่น เขาแอบแฝงพลังอันยิ่งใหญ่เอาไว้ ราวกับขีปนาวุธที่ระเบิดโจมตีลงมา
ในเวลานี้ ระบบป้อมปราการของคฤหาสน์ตอบสนอง เริ่มทำงานในชั่วพริบตาเดียว ต่อต้านศัตรูด้านนอก
“จี๊ด——!” แสงอินฟราเรดสองเส้นในขณะนั้นรวมตัวยิงออกไป แสงอินฟราเรดที่เร่าร้อนรุนแรงยิงไปทางเงาดำที่พุ่งโจมตีมานั้นอย่างรวดเร็ว
ระดับความแม่นยำของแสงอินฟราเรดบรรลุถึงค่าหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่คืออาวุธเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้คอมพิวเตอร์อันชาญฉลาดเล็งเป้าและควบคุม เล็งเป้าหมายไว้ตามปริมาณความร้อนที่วัตถุได้ปล่อยออกมา แม้กระทั่งระดับความแม่นยำยังจะถูกต้องกว่าตำแหน่งของดาวเทียมเสียอีก
แต่ในขณะที่แสงอินฟราเรดจะยิงโดนเงาดำนั้น…“ฟึ่บ!” เกิดเสียงแตกในอากาศ
ภาพเงาดำนั้นกระพือปีกแวบหนึ่ง ร่างกายดุจสายฟ้าแลบ หลบเลี่ยงแสงอินฟราเรดสองเส้นนั้นไปได้ นี่…ต้องใช้ความเร็วมากเท่าไร?
การล็อกเป้าโจมตีของแสงอินฟราเรดล้มเหลว
“ปัง——!”บนป้อมปืนขนาดเล็กที่คฤหาสน์ อาวุธลูกกระสุนปืนใหญ่ไร้เสียงขนาดเล็กลูกหนึ่งถูกยิงออกไปโดยตรง
บนท้องฟ้าสูง ภาพเงาดำนั้นเดิมทีไม่มีการหลบหลีก ทั้งยังยกสูงขึ้นฉับพลัน โยนแสงน่ากลัวที่แหลมคมเส้นหนึ่งออกมา สกัดกั้นอาวุธกระสุนปืนใหญ่นั้นไว้ในชั่วพริบตาเดียว
ลูกกระสุนปืนใหญ่นั้นปะทะกับแสงที่น่ากลัว จากนั้นระเบิดกลางอากาศ การโจมตีของลูกกระสุนปืนใหญ่…ล้มเหลว
ในห้องวงจรปิด สีหน้าเหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งตื่นตระหนกตกใจ นี่คือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ ศัตรูยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน
คาดไม่ถึงว่าแม้แต่อาวุธเทคโนโลยีขั้นสูงแม่นยำเช่นนี้ล้วนแล้วแต่ไม่มีทางล็อกเป้าเขาได้? นี่ช่างสยองขวัญและน่าตกใจเหลือเกิน
ทันใดนั้นตาข่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงทำงานในชั่วขณะหนึ่ง ปกคลุมทั้งคฤหาสน์ตระกูลหลีไว้ถึงที่สุด เหนือคฤหาสน์ ตาข่ายกระแสไฟนับไม่ถ้วนประสานกัน ปล่อยแสงรัศมีสีน้ำเงินเข้มออกมา นั่นคือกระแสไฟฟ้าแรงสูงล้านโวลต์
ในท้องฟ้าสูง เงาดำนั้นพุ่งโจมตีเข้ามาทันใด
เงาดำไม่ได้หลบออกแต่อย่างใด ราวกับขีปนาวุธ พุ่งชนเข้าไปยังตาข่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่พอฟัดพอเหวี่ยงนั้นโดยตรง
“จี๊ด——ปุ้งๆ!!” เสียงกระแสไฟระเบิดรุนแรง ประกายแสงไฟมหาศาลระเบิดกระจาย ทำเอาท้องฟ้าสลัวที่พระอาทิตย์กำลังตกผืนนี้เปล่งประกายไปด้วยแสงลุกไหม้
กระแสไฟฟ้าแรงสูงล้านโวลต์ที่รุนแรงนั้นโจมตีบนเงาดำนั้น ทว่ากลับไม่มีประสิทธิภาพใดๆ กระแสไฟราวกับไม่มีผลต่อเขา
ในห้องวงจรปิด คนกลุ่มหนึ่งตื่นตระหนกตกใจกันทั้งหมด คาดไม่ถึง…คาดไม่ถึงว่าแม้แต่กระแสไฟฟ้าแรงสูงล้านโวลต์ยังไร้ผลกับเขา? ผลลัพธ์ที่น่าตกใจเหลือล้นปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าพวกเขา ระบบป้องกันเหนือชั้นของสุโค่ยทหารชุดนี้ถูกฝ่ายตรงข้าม…ทำลายลงแล้ว
เงาดำนั้นทำลายกระแสไฟฟ้าล้านโวลต์ลง โจมตีลงเหมือนดาวตก
“ตึง——!” เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น เงาดำพุ่งโจมตีบนหลังคารถไมบัคสีดำคันนั้นอย่างรุนแรง
การโจมตีด้วยพลังที่มหาศาลและสยองขวัญ สั่นสะเทือนอย่างกับขีปนาวุธ ตัวรถไมบัคสั่นไหวรุนแรง…ชั่วขณะนั้นพื้นคอนกรีตด้านล่างตัวรถไมบัคแตกร้าวแถบหนึ่ง ล้อของทั้งคันรถโดนยุบเข้าไปแล้ว
ฝุ่นดินมากมายลอยฟุ้งกระจาย
พอฝุ่นดินหายไป ในที่สุดภาพเงาดำคนคนนั้นก็ค่อยๆ เผยตัวจริงออกมาแล้ว…ผู้ชายน่ากลัวที่กล้ามเนื้อกำยำแข็งแรงคนหนึ่ง
ผู้ชายคนนั้นยืนบนหลังคารถไมบัคอยู่แบบนี้ บนหน้าที่เย็นชาน่าครั่นคร้ามเผยความแปลกประหลาดใจออกมา รถไมบัคคันนี้…ภายใต้การพุ่งโจมตีที่สยองขวัญของเขาเช่นนี้ คาดไม่ถึง…ยังสมบูรณ์แบบไม่เสียหาย?
รถไมบัคสีดำคันนี้ได้ผ่านการปรับแต่งมาแต่แรกแล้ว โครงสร้างตัวรถสามารถต้านทานการโจมตีกำลังมหาศาลหลายตัน แม้กระทั่งปืนใหญ่หัวจรวดที่สยองขวัญยังสามารถต้านทานได้ การโจมตีเล็กน้อยเพียงครั้งหนึ่งจะทำให้รถเสียหายได้อย่างไร?
ซู่! ในคฤหาสน์ เหล่าบอดี้การ์ดที่อาวุธครบครันกลุ่มหนึ่งพุ่งโจมตีออกมาในชั่วขณะนั้น ในมือแต่ละคนถืออาวุธร้อนอย่างเย็นชา อึดอัดใจจนน่าสะพรึงกลัวไปหมด
“รีบยกมือขึ้นยอมแพ้เดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกฉันไม่ปรานี!” หัวหน้าบอดี้การ์ดเสียงดังจริงจังและเคร่งขรึม นี่คือช่วงเวลาวิกฤติที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผู้ชายที่บนหลังคารถสีหน้ายังคงสงบไร้ที่เปรียบ กวาดสายตามองบอดี้การ์ดกลุ่มนี้นิ่งๆ แวบหนึ่ง
“พรึ่บ——!” ทันใดนั้นร่างกายของเขาหนีไปฉับพลัน
“ปังๆๆ——!” เหล่าบอดี้การ์ดตกใจอย่างยิ่ง ยิงปืนโดยตรง กระสุนปืนทั้งหมดยิงออกไปในชั่วขณะนั้น…แต่ไม่มีกระสุนสักลูกยิงโดนเขา
ผู้ชายเงาดำนั้นกำลังหมุนวนเบาๆ กลางอากาศ จากนั้นร่วงลงพื้นทันใด
พื้นที่ใต้เท้าระเบิดพังแตกร้าวชั่วขณะนั้น พลังสยดสยองถึงเพียงนี้
เหล่าบอดี้การ์ดสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ บอดี้การ์ดทั้งหมดล้วนสูญเสียความมั่นใจแล้ว วินาทีนี้…ในใจของพวกเขามีเพียงความคิดเดียว สัตว์ประหลาด
เดิมทีนี่คือสัตว์ประหลาดตนหนึ่ง สัตว์ประหลาดที่ดุร้ายและน่ากลัว
ภายในรถไมบัค ท่านประธานเทพธิดาใบหน้าซีดเซียว เธออึ้งทึ่งถึงที่สุดเลย…
สีหน้าเฉินเป่ยเคร่งขรึม หันหน้าพูดกำชับอย่างจริงจัง “ชิงเยียน รออยู่ในรถ…อย่าออกมา”
พูดจบ ภาพเงาของเขาวาร์ปไปทันใด ดึงประตูรถเปิดทันทีแล้วพุ่งออกไป ไวดุจฟ้าแลบ
ชั่วขณะที่เฉินเป่ยพุ่งออกไปนั้น ซูเหลยเหยียบคันเร่งลง สตาร์ทรถเฉียบไวแล้วถอยหลังขับออกไป ถอยห่างจากพื้นที่อันตรายนี้
รถไมบัคถอยหลังออกไปไกลมากๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นจอดลงมาตรงมุมหนึ่งจากระยะไกล…หลบอยู่ในพื้นที่ใจกลางของอันตรายที่สุด
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ในรถ ใบหน้าดูหวาดวิตกทำอะไรไม่ถูก ดวงตางดงามจ้องด้านหน้าไม่กะพริบ…
ผู้ชายชุดดำยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งสงบขนาดนี้ สีหน้าเย็นชาลุ่มลึก ทำให้เดิมทีคนไม่มีทางมองออก
เฉินเป่ยยืนอยู่ด้านหน้าของผู้ชายชุดดำ ระยะห่างจากเขาสิบเมตร…
ทั้งสองคนยืนอยู่อย่างนิ่งเฉยกันแบบนี้ โดยรอบมีวงห้อมล้อมเขาทั้งสองคน ทั้งบรรยากาศเปลี่ยนเป็นอัดอั้นน่าสะพรึงกลัว
“พวกนาย ถอยไปเถอะ” เฉินเป่ยกวาดตามองหัวหน้าพวกเขาแวบหนึ่ง แสดงความหมายให้เหล่าบอดี้การ์ดถอยไป นี่เดิมทีไม่ใช่การต่อสู้ของพวกเขา พวกเขาไม่มีทางเข้าร่วมการต่อสู้ดุเดือดครั้งนี้ได้ มีแต่จะเพิ่มภาระไปเปล่าๆ
หัวหน้ารีบตัดสินใจทันท่วงที สั่งการให้ลูกน้องทั้งหมดให้ถอยออกไปโดยด่วน
เหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งถอยหลังออกไปไกลหลายร้อยเมตร แต่พวกเขายังคงล้อมรอบอยู่รอบด้านคฤหาสน์ตระกูลหลีไว้ เล็งฉากนี้เอาไว้อย่างตื่นตัว
ผู้ชายชุดดำมองเฉินเป่ยนิ่งๆ สายตาของเขาสงบมาก สงบจนแม้กระทั่งมองกลิ่นอายความตายจากนัยน์ตาออก…
“เฉินเป่ย?” ผู้ชายชุดดำค่อยๆ พูดสองคำออกมา
เฉินเป่ยจุดไฟบุหรี่มวนหนึ่งแล้วจ้องเขาแบบมีเลศนัย “แกเป็นใคร?”
“เล่ยิง” เขาค่อยๆ พูดชื่อลับของตนเองออกมา อากาศรอบด้านยิ่งเพิ่มความน่าอัดอั้นน่าสะพรึงกลัว
สายตาเฉินเป่ยแข็งทื่อนิดหน่อย…ได้กลิ่นที่ไม่สู้ดีนิดๆ ซ่อนอยู่ในอากาศ
“แกมีเป้าหมายอะไร?” เฉินเป่ยถามแบบนิ่งๆ
“ฆ่าแก” เสียงของเล่ยิงนิ่งสงบอย่างยิ่ง แต่กลับเหมือนเสียงน่ากลัวที่ลอยขึ้นมาจากนรก ทำให้คนสั่นสะเทือน
เฉินเป่ยจ้องเขาอยู่แบบนี้ หลังจากนั้นตั้งนานเฉินเป่ยก็หัวเราะแล้ว
“แกคิดว่าตัวเองมีความสามารถอันนั้นเหรอ?” เสียงเฉินเป่ยเรียบเฉยไร้ที่เปรียบ เหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“ตาย!” ทันใดนั้นร่างกายเล่ยิงวาร์ปหาย ชั่วขณะนั้นพื้นใต้เท้าแตกร้าว
เพียงช่วงเวลาจุดหนึ่งวินาทีก็ทะลุผ่านระยะห่างสิบเมตรไปทันใด ก่อนจะพุ่งโจมตีไปถึงด้านหน้าเฉินเป่ย ปล่อยหมัดหนึ่งออกมาด้วยกำลังมหาศาล
เล่ยิง——เป็นเหยี่ยวดุร้ายที่ไวสุดโหดสุดบนโลกนี้ พอเล่ยิงปรากฏตัว เลือดนองเต็มสนามรบ
เล่ยิงปล่อยหมัดหนึ่งมา พลังที่น่ากลัวสั่นสะเทือนอากาศเสียงดังสนั่น
แต่ในขณะนี้เอง ทันในนั้นเฉินเป่ยที่อยู่ด้านหน้า…ก็หายตัวไปแล้ว ไม่สิ…กลายเป็นภาพวืดไปแล้วต่างหาก
ร่างกายเฉินเป่ยไวยิ่งกว่าเล่ยิง แวบผ่านใต้เท้าในชั่วพริบตา ร่างกายประหนึ่งสายฟ้าแลบแฉลบผ่านไป หลงเหลือไว้เพียงภาพเงาวืด
เล่ยิงปล่อยหมัดหนึ่งเข้าไปบนภาพวืดของเฉินเป่ย ชั่วขณะหนึ่งภาพวืดก็หายไป
วินาทีนี้ดวงตาของเล่ยิงแข็งทื่อ ความเร็วของฝ่ายตรงข้ามเกินกว่าการคาดการณ์ของเขา
ร่างกายเล่ยิงแวบไปฉับพลันปานเหยี่ยว พุ่งลงไปยังเฉินเป่ยอีกครั้ง นั่นคือเจตนาสังหารอันสยองขวัญของเล่ยิง สายตาของเขาระเบิดจู่โจมอย่างน่ากลัวเหมือนสัตว์ป่าดุร้าย นี่…คือสัตว์ป่าดุร้ายในร่างคนตัวหนึ่ง
มุมปากเฉินเป่ยยกเส้นรัศมีวงกลมขึ้น ถอยฝีเท้าทันที ร่างกายวาร์ปหลบหลีกอีกครั้ง
“ฟึ่บ——!” หมัดที่น่ากลัวของเล่ยิงต่อยเข้ามา
ร่างกายเฉินเป่ยหลบออกในชั่วพริบตา
“ตึง——!” เล่ยิงโจมตีด้วยขายาว การสังหารที่สยดสยองมหาศาล
ร่างกายเฉินเป่ยวาร์ปหายฉับพลันอีกครั้ง หลบเลี่ยงไปฉับไวดั่งภาพลวงตา
ช่วงเวลาสั้นๆ หนึ่งวินาที การสังหารที่สยดสยองของเล่ยิงระเบิดโจมตีมาหลายครั้ง กระทั่งทำให้ถึงตาย สยองขวัญมหันต์
แต่ร่างกายของเฉินเป่ยกลับหลบผ่านไปหลายครั้งแบบภาพลวงตา ไม่ถูกเขาสัมผัสได้แม้แต่น้อย
บนพื้นแตกร้าวไปแถบหนึ่ง ฝีเท้าของเล่ยิงเหยียบลงมา พื้นปูนคอนกรีตนั้นเดิมทีไม่มีทางรับพลังการโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ไหว จึงพังทลายแถบหนึ่งทันที
ฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้น ทักษะของสองคนกำลังวาร์ปหายฉับพลัน เสียงอากาศสั่นสะเทือนไม่หยุด
รอบด้าน สายตาของเหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นเบิกโต ลมหายใจของทุกคนแทบจะหยุดหายใจกัน นี่…เป็นการต่อสู้ที่น่ากลัวสุดที่เท่าที่พวกเขาเคยเจอมาในชีวิตนี้ นี่…เดิมทีเกินกว่าขีดจำกัดทั้งหมดของร่างกายคน การต่อสู้ระดับนี้สั่นสะท้านความสามารถในการยอมรับของหัวใจพวกเขาถึงที่สุด และสถานการณ์ในเวลานี้เหมือนไม่อนุญาตให้มองโลกในแง่ดีได้เลย ฝ่ายตรงข้ามสังหารสยดสยองหนักหน่วง เฉินเป่ยถอยหลบวาร์ปตัวออก เดิมทีดูเหมือนไม่มีโอกาสเอาคืน
ในรถไมบัค ใบหน้าหลีชิงเยียนดูซีดเผือด กัดฟันไว้ที่ริมปากแดงแน่น
“ซูเหลย…เขาจะเป็นอันตรายรึเปล่า…?” วินาทีนี้ หลีชิงเยียนเป็นกังวลมาก หัวใจของเธอจุกขึ้นมาถึงที่สุด เธอไม่เคยประหม่ากังวลแบบในวันนี้มาก่อน ยิ่งไม่เคยเป็นห่วงผู้ชายคนหนึ่งเช่นนี้เลยด้วย
ซูเหลยไม่ตอบอะไร ดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องด้านนอกหน้าต่างรถไม่ขยับ…ใจกลางสนามรบนั้น ร่างกายของสองคนกำลังวาร์ปหายไปหยุด สั่นสะเทือนน่ากลัว
ในขณะเดียวกัน บนท้องฟ้าสูงระยะห่างจากพื้นดินหลายหมื่นฟุต เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งกำลังบินวนเหนือทิศทางในระยะห่างหลายกิโลจากคฤหาสน์อยู่ไม่เลิก
ในเครื่องบิน ประสิทธิภาพที่คมชัดกำลังปรากฏอยู่บนหน้าจอ พนักงานกลุ่มที่ทำงานบนเครื่องบินกำลังจ้องภาพการต่อสู้บนหน้าจอไม่ขยับ นี่คือการต่อสู้ที่ถ่ายทอดจากเหตุการณ์ด้านล่าง
…
หวางอู๋ตี๋นั่งอยู่ในห้องเพรสซิเด้นท์สวีทอย่างสงบนิ่งแบบนี้ เขาในเวลานี้…สงบนิ่งเมินเฉย สายตาของเขาจ้องหน้าจอโทรทัศน์ด้านหน้าไม่กะพริบ บนหน้าจอ…การต่อสู้น่าสยดสยองฉากนั้นในคฤหาสน์ตระกูลหลี กำลังถ่ายทอดสดอยู่
เขากุมหมัดทั้งสองแน่น จ้องภาพเงาของเฉินเป่ยในภาพด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัว นั่นคือความคิดอยากฆ่าที่หนาวเย็นขั้นสุด คืนนี้เอ๋อตงเฉิน——จำเป็นต้องตาย!