สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 598
บทที่598 อันตราย
คฤหาสน์ตระกูลหลี สถานที่เกิดเหตุเงียบงัน
ทุกคนล้วนอึ้งทึ่งตกใจ มองภาพมังกรที่เกิดขึ้นจากรูกระสุนประสานกันรูปนั้นบนกำแพงอย่างสับสนไม่เข้าใจ…นั่น…แสดงถึงอะไร? สัญลักษณ์อันนั้นมีความหมายอะไร?
ในรถไมบัค ใบหน้าหลีชิงเยียนซีดขาว เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตามเวลาที่เลื่อนผ่านไป เธอยิ่งกังวลขึ้นมา
เล่ยิงคุกเข่าลงที่พื้น หลังศีรษะนั้นคำนับลง ไม่ได้เงยขึ้นมาอีกเลย ลมหายใจของเขาค่อยๆ เลือนหาย เลือดสดทั้งตัวแพร่กระจายวงกว้างไร้ขอบเขต จากนั้นค่อยๆ หนาวเย็น…
เฉินเป่ยถอนหายใจเบาๆ เขาค่อยๆ ยกปืนในมือขึ้น เล็งไปที่ศีรษะของเล่ยิงแล้ว
“ปัง——!” กระสุนยิงออกไป ทะลุผ่านศีรษะของเล่ยิง…ระเบิดสมองในนัดเดียว
ร่างกายของเล่ยิงค่อยๆ ล้มลงตามวิถีกระสุน เลือดสดหนาวเย็นแข็งตัว เหลือเพียงศพร่างหนึ่ง
กระสุนนัดนี้เพียงพอที่จะให้เกียรติกับเล่ยิงแล้ว ตายภายใต้กระสุนปืน ตายอยู่ในน้ำมือของราชาหลง เขา…ภาคภูมิใจพอแล้ว
เฉินเป่ยค่อยๆ ทิ้งปืนในมือลง เจตนาสังหารทั่วตัวนั้นลดลงมามากแล้ว เขาในเวลานี้ราวกับกลายเป็นผู้ชายที่อันธพาลเล่นแง่แบบก่อนหน้านั้นแล้ว
เฉินเป่ยเดินมาที่หน้ารถไมบัคโดยตรง เปิดประตูรถข้างคนขับออก นั่งเข้าไปในเบาะข้างคนขับ
“นาย……” หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยที่กระเซอะกระเซิงสุดจะทน หน้าตาตกตะลึง
“กลับบ้านเถอะ” เฉินเป่ยสีหน้านิ่งสงบเฉยชา
“ยังมีเรื่องยุ่งยากที่ไม่ได้จัดการอยู่ล่ะมั้ง” ซูเหลยขมวดคิ้ว มองท้องฟ้าด้านนอกแวบหนึ่ง
…
บนท้องฟ้าสูงหลายหมื่นเมตร บนเครื่องบินลำนั้น พนักงานบนเครื่องบินกลุ่มหนึ่งพังทลายถึงที่สุด ดวงตาแดงก่ำ จ้องหน้าจอวงจรปิดที่ดำมืดแถบหนึ่งไม่กะพริบตา…ทุกคนไม่มีทางได้สติกลับมาจากตอนจบที่ตื่นตระหนกนั้นได้
เล่ยิง—— บุคคลสำคัญที่เป็นหนึ่งในวิธีสังหารสยองขวัญของตระกูลพวกเขา…คาดไม่ถึง…คาดไม่ถึงจะเสียชีวิตไปแบบนี้ เสียชีวิตอยู่ที่เมืองหู้ไห่แล้ว? นี่…เป็นไปได้อย่างไร นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน
แต่ความเป็นจริงก็แสดงอยู่ตรงหน้าแล้ว หน้าจอดำมืดทั้งหมด เครื่องวัดชีพจรบนตัวของเล่ยิงแสดงว่า…ไม่มีชีพจรชีวิตใดๆ…
……
หวางอู๋ตี๋จ้องหน้าจอโทรทัศน์ที่ดำมืดแถบหนึ่งตรงหน้าเขม็ง ดวงตาแดงก่ำถึงที่สุด แก้วทรงสูงในมือถูกเขาบีบแตกทันใด เศษแก้วปักแทงเข้าฝ่ามือของเขาจนเลือดไหล
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!” หวางอู๋ตี๋สั่นเทาควบคุมอย่างไม่ได้ไปทั้งตัว เขาตบบนโทรทัศน์ไปทีหนึ่งอย่างฉับพลัน โทรทัศน์นั้นแตกไปทันที เขาในวินาทีนี้ สูญเสียการควบคุมคลุ้มคลั่งถึงที่สุด
เล่ยิง…คาดไม่ถึงจะแพ้แล้ว? เล่ยิงหนึ่งในการสังหารลับของตระกูลหวาง แพ้ได้อย่างไรกัน?
หวางอู๋ตี๋สั่นเทารุนแรง นี่…เกินกว่าขอบเขตการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง นี่…เดิมทีทำให้เขาไม่มีทางยอมรับได้ ทั้งตระกูลหวางไม่มีทางยอมรับได้ สำหรับเล่ยิงแล้ว ตระกูลหวางต้องสิ้นเปลืองกำลังมหาศาลถึงได้รับผู้สังหารที่น่ากลัวมาได้ แต่ปัจจุบันนี้…คาดไม่ถึง…คาดไม่ถึงก็เสียชีวิตไปแบบนี้แล้ว?
หวางอู๋ตี๋โกรธจนถาโถมเข้าในใจ หน้าอกสั่นเทากะทันหัน “เฮือก!” เลือดสีแดงสดพุ่งกระจายออกมา ทั้งตัวของเขาราวกับโดนผีดูดเลือดดูดเลือดจนแห้งหมด สีหน้าเศร้าสลดซีดเผือด คล้ายว่าแก่หง่อมลงไปหลายสิบปีในชั่วขณะหนึ่ง
ก่อนหน้าที่ภาพถ่ายทอดสดจะดำมืดไป…คำพูดประโยคนั้นของเล่ยิง…สั่นสะเทือนดังก้องอยู่ในสมองหวางอู๋ตี๋ไม่หยุด
‘ก่อนที่ฉันจะตาย…จะ…บอกฉันได้มั้ย…ชื่อประจำกองทหารของแก…’ ชั่วขณะนั้นที่เล่ยิงทำลายเครื่องวงจรปิดบนตัวทิ้ง…หวางอู๋ตี๋ได้ยินเพียงคำพูดประโยคสุดท้ายนี้
ร่างกายหวางอู๋ตี๋อ่อนยวบลงพื้นอย่างหมดแรง ในปากมีรอยเลือดติด อัปลักษณ์เรี่ยราด…ดวงตาเขาแดงก่ำดุร้าย พึมพำคำพูดนั้นของเล่ยิงกลับไปกลับมา: ก่อนที่ฉันจะตาย…จะ…บอกฉันได้มั้ย…ชื่อประจำกองทหารของแก…
คำพูดประโยคนี้ของเล่ยิง…แสดงถึงความหมายอะไรกัน? เล่ยิง….จะต้องมองเบาะแสอะไรออกแน่นอน
ชื่อประจำกองทหาร…ชื่อประจำกองทหาร? ชื่อประจำกองทหารของแก?
ตึง!! ความสยองขวัญที่ราวกับฟ้าแลบฟ้าผ่าสะเทือนฟ้าอาจจะปรากฏขึ้นในสมองเขา
ชื่อประจำกองทหาร? เอ๋อตงเฉินคนนั้น…หรือว่า? มาจากกองทัพลึกลับสักแห่ง?
วินาทีนี้ ร่างกายหวางอู๋ตี๋สั่นเทารุนแรงอีกครั้ง เหมือนว่าได้รับความเสียหายอย่างหนักที่น่ากลัวเข้าแล้ว
ในขณะนี้เขารู้สึกถึงความหวาดผวาที่ยิ่งใหญ่แล้ว เฉินเป่ยคนนั้น…หรือว่ามาจากสถานที่น่ากลัวสักแห่ง? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นั้นตนเอง…เกรงว่ามีอันตรายถึงชีวิต
หวางอู๋ตี๋ขมวดคิ้วแน่นขึ้น เส้นเลือดฝอยเต็มดวงตา สีหน้าดุร้ายซีดเซียว
ถ้าหากว่า…เอ๋อตงเฉินคนนั้น…มาจากกลุ่มคนที่มีชื่อประจำกองทหารสักแห่งจริง? งั้น…เขาในเวลานี้…น่ากังวลแล้ว
หวางอู๋ตี๋ไม่กล้าคิดมากต่อไปอีก ปีนขึ้นมาจากที่พื้นแบบสั่นเทาทันที เนื่องจากหน้าอกสั่นสะเทือนรุนแรง จึงพ่นกระจายเลือดสดออกมาอีกครั้งหนึ่ง
เลือดที่แดงสดเปื้อนเสื้อผ้าของเขาแล้ว แต่เดิมทีเขาไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า…พุ่งออกไปจากประตูห้องโดยตรงแบบโซเซสั่นเทา…
หวางอู๋ตี๋วิ่งหนีลงตึกไปอย่างโซซัดโซเซพลางต่อสายโทรศัพท์หาบอดี้การ์ด
ไม่นานเหล่าบอดี้การ์ดของเขาก็รีบมาถึงในชั่วขณะนั้น ตอนที่เห็นคุณชายในสภาพเลือดอาบกระเซอะกระเซิงเช่นนี้ บอดี้การ์ดทั้งหมดล้วนตื่นตกใจ
“คุณชาย… คุณเป็นอะไรครับ? ใครที่กล้าทำร้ายคุณเป็นแบบนี้ครับ?” เหล่าบอดี้การ์ดสีหน้าเย็นเฉียบโกรธแค้น ล้วงอาวุธที่หนาวเย็นออกมาทันที
ในโถงใหญ่ของโรงแรม บรรดาแขกกลุ่มหนึ่งตกใจจนวิ่งหนีกระเจิงไปทั่ว
ร่างกายหวางอู๋ตี๋สั่นเทา พูดด้วยเสียงร้อนรนแหบแห้ง “เร็ว…ส่งฉันไปตระกูลจางแห่งหู้ไห่…”
ตระกูลจาง…” บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งร่างกายสั่น พูดว่า “คุณชายครับ ตระกูลจางเลือกที่จะซ่อนตัวต่อโลกภายนอกตั้งนานแล้ว…พวกเราไปหาตอนนี้ จะมีประโยชน์เหรอครับ?”
“พูดเหลวไหลอะไร รีบไป!” หวางอู๋ตี๋สีหน้าดุร้าย ตะคอกเสียงดุ
เหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งอาวุธปกป้องครบครัน ราวกับเจอศึกใหญ่แล้ว บอดี้การ์ดคุ้มครองหวางอู๋ตี๋เข้าไปในรถอาวดี้กันกระสุนด้วยความระมัดระวัง…รถอาวดี้A6ที่ติดป้ายเมืองจิงหลายคันแล่นออกไปตลอดทาง ในค่ำคืนที่มืดมิด…ขับไปยังตระกูลจางแห่งหู้ไห่อย่างเฉียบไว…
เฉินเป่ยเงยหน้า แหงนมองท้องฟ้าแวบหนึ่ง เวลานี้ยังเป็นช่วงหัวค่ำอยู่ ในท้องฟ้ามีดวงดาวเต็มไปทั่ว แสงจันทร์สาดส่องบนท้องฟ้า…บนท้องฟ้าสูงระยะห่างหนึ่งหมื่นฟุต ภาพเงาเครื่องบินลำหนึ่งกำลังแอบซ่อนอยู่ในเมฆดำของท้องฟ้ายามค่ำคืน…
ถึงแม้ท้องฟ้าจะมืดมิดไปแถบหนึ่ง แต่เฉินเป่ยยังคงรู้สึกได้อย่างเฉียบไวถึงการบินวนของเครื่องบินลำนั้น…
เครื่องบินกำลังค่อยๆ วนรอบท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์ตระกูลหลี…พนักงานบนเครื่องบินกำลังพยายามสุดกำลัง…เพื่อนำร่างของเล่ยิงไป…
สถานะของเล่ยิงกระทบใหญ่หลวง…ตอนนี้เพื่อดึงเล่ยิงมา เจ้าบ้านของพวกเขาใช้สารพัดวิธีการ…นี่ถ้าเรื่องแพร่ออกไป จะสร้างการโจมตีที่ใหญ่หลวงให้กับตระกูลหวาง นี่คือเหตุผลว่าทำไมเล่ยิงถึงกลายเป็นหนึ่งในการสังหารที่ถูกปิดซ่อนต่อโลกนี้…เพราะสยองขวัญเกินไป อ่อนไหวเกินไป…ถ้าไม่ใช่วิกฤติสำคัญ เดิมทีจะไม่โยกย้ายเขา
ดังนั้นในขณะนี้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องนำร่างของเล่ยิงกลับไป จากนั้นจัดการทำลายศพเผาหลักฐาน
เวลานี้ คฤหาสน์ตระกูลหลี
เฉินเป่ยค่อยๆ จุดบุหรี่มวนหนึ่งแล้ว ตะโกนไปยังหัวหน้าบอดี้การ์ดที่เชื่อฟัง “เอาปืนต่อสู้อากาศยานเข้ามาให้ฉัน!”
“พวกเราอยู่ที่นี่…ไม่มีปืนต่อสู้อากาศยาน…” หยางเฟิงตกตะลึงอยู่บ้าง พวกเขาเป็นเพียงบอดี้การ์ดธรรมดา จะมีปืนต่อสู้อากาศยานได้อย่างไรกัน?
ภาพเงาเฉินเป่ยแวบหาย แวบไปตรงหน้าปืนดักซุ่มยิงกระบอกนั้นบนกำแพงคฤหาสน์โดยตรง เขาดำเนินการปรับแก้อาวุธอย่างง่ายๆ บนปืนดักซุ่มยิง……
“ใช้แก้ขัดไปก่อนแล้วกัน…” เฉินเป่ยพูดประโยคหนึ่งนิ่งๆ
บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตกตะลึงตาค้างทั้งหมด… นี่…นี่ช่างเก่งกาจเกินไปแล้วมั้ง? ดัดแปลงอาวุธด้วยมือเปล่า? นี่แม่งจริงหรือหลอกกันแน่?
เฉินเป่ยไม่ยอมเด็ดขาด คาบบุหรี่ไว้ในปาก หันช่องเล็งเป้าเล็งไปยังท้องฟ้าเหนือศีรษะโดยตรง แม้แต่เล็งเป้ายังขี้เกียจเล็งให้แม่น จึงยิงไปบนท้องฟ้านัดหนึ่งทันที
“ปัง——!” กระสุนลูกหนึ่งโจมตีพ่นยิงด้วยแรงดันสูงมหาศาล โจมตีไปทางท้องฟ้าสูงหลายหมื่นฟุตโดยตรง
เหล่าบอดี้การ์ดเงยหน้ากันทั้งหมด…มองท้องฟ้ายามค่ำแบบอึ้งทึ่ง ตอนแรกพวกเขายังสงสัยและไม่เชื่อ…บนโลกใบนี้…จะมีคนที่ใช้มือเปล่าดัดแปลงอาวุธได้อย่างไรกันล่ะ? พวกเขาไม่เคยเจอฝีมือแบบนี้มาก่อน
แต่ว่า…ในเวลานี้…เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น…มองกระสุนลูกนั้นยิงขึ้นบนท้องฟ้าด้วยสายตาอึ้งทึ่งตกตะลึง…สุดท้ายตอนที่กระสุนหายลับจากเส้นสายตา…ทุกคนล้วนแข็งเป็นหิน นี่…นี่แม่งทำได้จริงเหรอ? ใช้มือเปล่า ดัดแปลงอาวุธ? เป็นไปได้อย่างไร
เหล่าบอดี้การ์ดจะรู้จักฝีมือของเฉินเป่ยได้อย่างไร? สำหรับเฉินเป่ยแล้วเรื่องแบบนี้เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปากเท่านั้น…บนสนามรบของโลกทิศตะวันตก…เขาเคยทำเรื่องที่บ้าระห่ำยิ่งกว่านี้อีก…นำปืนที่รัศมียิงปากกระบอกลำกล้องเล็ก…แปลงเป็นอาวุธดักยิงที่ครอบครองรัศมียิงเกินกว่านั้นกระบอกหนึ่งขึ้นแล้ว
ในท้องฟ้ายามค่ำที่ที่สูงหมื่นฟุต…เครื่องบินลำนั้นยังคงวนเวียนอยู่…พนักงานบนเครื่องบินดูเคร่งขรึมร้อนรน…พวกเขากำลังคิดหาวิธีนำศพเล่ยิงกลับไปอย่างไรอยู่…
ทันใดนั้นเสียงแหวกอากาศที่แหลมคมเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
สายตาของพนักงานบนเครื่องบินกลุ่มหนึ่งตกใจ หมอบลงหน้ากระจกของห้องโดยสารเครื่องบินด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งพากันตื่นตกใจสั่นเทาถึงที่สุด แข็งเป็นหินทันที
เห็นเพียงกระสุนลูกหนึ่งยิงมาจากบนพื้นดิน จู่โจมเข้าไปยังอุปกรณ์ควบคุมกระแสลมของเครื่องบินโดยตรง
นี่เป็นไปได้อย่างไร? แม้แต่ในฝันพนักงานบนเครื่องบินยังคิดไม่ถึง
ทุกคนต่างหัวใจสั่นหวั่นไหว ผุดความคิดหนึ่งขึ้นในใจ…จบแล้ว
“ตู้ม!” ขีปนาวุธโจมตีบนอุปกรณ์ควบคุมกระแสลมของเครื่องบินทันที ชั่วขณะนั้นอุปกรณ์ควบคุมกระแสลมระเบิดพังเสียหาย
ในห้องโดยสารเครื่องบิน คนกลุ่มหนึ่งสีหน้าซีดเซียว…ราวกับวนอยู่หน้าประตูนรกรอบหนึ่ง
“ยังดี! เพียงแค่อุปกรณ์ควบคุมกระแสลมเสียหาย…เดาว่าท้องฟ้ามืดเกิน ฝ่ายตรงข้ามเลยไม่มีทางเล็งโดน…เร่งความเร็ว เครื่องบินยังสามารถทนได้ครึ่งชั่วโมง หาสถานที่ลงให้ไว!!” พนักงานบนเครื่องบินพูดอย่างตกใจและประหม่า
“แต่ว่า…ศพของเล่ยิง…” มีคนลังเล…
“รักษาชีวิตสำคัญกว่า!”
บนท้องฟ้ายามค่ำที่สูงหมื่นฟุต เครื่องบินกำลังบินวน ภายใต้สภาพที่เครื่องควบคุมกระแสลมโดนโจมตีพัง ขับบินรวดเร็วแบบเอนเอียงหนีไปไกล…
ด้านหน้าคฤหาสน์ตระกูลหลี เหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งแข็งเป็นหินอยู่ตรงนั้น สายตาของทุกคนมองท้องฟ้ายามค่ำด้วยความอึ้งทึ่ง…พวกเขาล้วนไม่มีใครตอบสนองเข้ามาจากความตื่นตกใจนั้น
ซูเหลยสีหน้าสงสัย ถามแบบมีความหมายแฝง “ทำไมไม่ยิงลงมา?”
เฉินเป่ยมองค้อนหล่อนแบบหมดคำจะพูด “เครื่องบินลำหนึ่งร่วงลงมาจากบนฟ้า…ทับคฤหาสน์นี้ก็พังทลายน่ะสิ…ผลสุดท้ายเธอมารับผิดชอบไหมล่ะ?”
ซูเหลยสีหน้าตกใจ คาดไม่ถึงจะโดนถามเข้ามา จนตอบไม่ถูกอยู่บ้าง
…
ในขณะเดียวกัน รถอาวดี้ที่ติดป้ายทะเบียนเมืองจิงสีดำห้าคันกำลังแล่นอยู่ในความมืดยามค่ำ
หวางอู๋ตี๋ใบหน้าซีดเซียว เสื้อผ้ายังคงเปื้อนเลือดสด นั่งบนเบาะด้านหลังแบบอ่อนแรง เวลานี้ จิตใจของเขาสั่นสะเทือนที่สุด…เล่ยิงตายแล้ว…จิตใจของเขาถูกโจมตีบาดเจ็บหนักแบบที่มาเคยเจอมาก่อนสักครั้ง เดิมทีเขานึกไม่ถึง และไม่อาจคาดเดาได้ด้วย แม้แต่เล่ยิง…ยังล้มในเงื้อมมือของเอ๋อตงเฉิน? และในขณะนี้เขาได้รับข่าวที่สำคัญและสั่นสะเทือนอีกอย่างหนึ่ง…เอ๋อตงเฉินคนนั้น…บางทีอาจมาจากส่วนกองทหารลึกลับสักแห่ง?
นี่ทำให้ในใจหวางอู๋ตี๋เกิดความหวาดวิตกใหญ่หลวงขึ้น วันนี้เล่ยิงตายแล้ว ข้อสงสัยทั้งหมดของเขาถูกเปิดเผยออกมา เขามีความไม่สบายใจยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง เฉินเป่ย…ให้ความรู้สึกที่น่ากลัวหวาดวิตกกับเขาอย่างหนึ่ง เขาทำได้เพียงหนี หนีไปให้ไว หนีไปยังตระกูลจางแห่งหู้ไห่
ถึงแม้ตระกูลจางจะซ่อนตัวจากโลกภายนอก แต่หยั่งรากลึกลงที่เมืองหู้ไห่ อิทธิพลสืบเนื่อง…คืนนี้ มีเพียงตระกูลจางถึงสามารถรักษาความปลอดภัยของเขาได้
“เสื้อผ้า…เอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนชุดหนึ่ง!” เสียงหวางอู๋ตี๋แหบแห้งยันตัวขึ้นมาจากบนที่นั่ง ในขณะนี้เห็นได้ชัดว่าเขากระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง เลือดเต็มไปทั้งตัว…เลือดเต็มตัวแบบนี้ ถ้าถูกตระกูลจางเห็นเข้า…งั้นศักดิ์ศรีของเขาคุณชายตระกูลหวางแห่งเยี่ยนจิงคงพังเสียหายถึงที่สุด ถึงแม้จะเป็นการรักษาชีวิต เขาก็อยากควบคุมทุกอย่างไว้ และอยากแสร้งทำเป็นสงบนิ่งไม่ไหวติง
บอดี้การ์ดในรถรีบถอดสูทและเสื้อเชิ้ตบนตัวออก ยื่นให้หวางอู๋ตี๋
หวางอู๋ตี๋ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดเต็มไปหมดนั้นออกแบบมือทั้งสองสั่นเทา สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและสูทที่สะอาดของบอดี้การ์ดไป เขาไม่ยอมให้ตนเองดูกระเซอะกระเซิงเช่นนี้ต่อหน้าคนภายนอก…ต่อให้ตกใจหวาดกลัวแค่ไหน เขาก็ต้องนิ่งเฉยสงบเข้าไว้
ครึ่งชั่วโมงหลังจากรถอาวดี้ห้าคันแล่นมาตลอดทาง…ในที่สุดก็เหยียบเบรกจอดรถลงมาที่หน้าประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลจางแห่งหู้ไห่แล้ว
บอดี้การ์ดคนหนึ่งกำลังอยากพยุงหวางอู๋ตี๋ลงจากรถ…ทว่าหวางอู๋ตี๋ที่สั่นเทาอยู่กลับผลักออก
“ไม่ต้อง…ฉันเดินเองได้…อีกอย่างจำเอาไว้ว่าเรื่องในวันนี้ ใครก็ห้ามเปิดเผย!” หวางอู๋ตี๋พูดเน้นเตือนอีกครั้ง วันนี้เป็นความอัปยศอดสูของเขา ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้เด็ดขาด เขาฝืนกลั้นจิตใจที่สั่นสะเทือนและร่างกายที่เจ็บปวด ก้าวออกจากรถอย่างสั่นเทิ้ม
บอดี้การ์ดเคาะประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลจางทันที
คนใช้คนหนึ่งรีบร้อนเปิดประตูใหญ่คฤหาสน์ออก…ตอนเห็นผู้มาเยือนคือคุณชายหวาง…ชั่วขณะนั้นคนใช้เคารพนอบน้อมอย่างยิ่ง รีบเข้าไปรายงานคุณชายจางในห้องทันที
ไม่นานจางจ้านก้าวใหญ่ๆ เดินเข้ามา นายน้อยตระกูลจางเข้ามาต้อนรับด้วยตนเอง
หวางอู๋ตี๋ที่ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่เดิมทีอ่อนแรงอย่างมาก ร่างกายกำลังสั่นเบาๆ…แต่ตอนที่เห็นจางจ้านปรากฏตัวขึ้น…เขาฝืนกลั้นจิตใจที่สั่นสะเทือน…พยายามกดสภาพกระเซอะกระเซิงสุดจะทนทั้งหมดลงไว้…สีหน้าที่ซีดเซียวนั้นถูกเขาฝืนแกล้งทำท่าทางนิ่งเฉยออกมา
“คุณชายหวาง คุณมาเยือนบ้านจางเสียค่ำมืด เกิดเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?” จางจ้านสีหน้ามีความตกใจนิดๆ ถามอย่างสงสัย
เวลานี้ใกล้ช่วงสี่ทุ่มแล้ว…เวลาปานนี้คุณชายหวางยังมาเยี่ยมกลางดึก…นี่หรือว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นแล้ว?
หวางอู๋ตี๋เอามือทั้งสองไพล่หลัง ลักษณะสงบนิ่งไม่ไหวติง ค่อยๆ พูดว่า “ไม่มีอะไร…เพียงแค่คืนนี้ปรากฏการณ์ดวงดาวตามโหราศาสตร์ไม่คงที่ เลยอยากมายืมคฤหาสน์นายใช้สักหน่อย เพื่อดูปรากฏการณ์ดวงดาวตอนกลางคืน”
ความตกใจในตาของจางจ้านยิ่งเข้มขึ้น…ดูปรากฏการณ์ดวงดาวตอนกลางคืน? นี่คือเรื่องอะไรกัน? ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าวันนี้คุณชายหวางดูแปลกๆ อยู่บ้าง?
แต่จางจ้านไม่ได้ถามอะไรมาก คุณชายหวางล้ำลึกทอดยาว ในเมื่อเขาบอกแล้ว อย่างนั้นจะต้องมีแผนการของเขา ดังนั้นจางจ้านต้อนรับหวางอู๋ตี๋เข้ามาในคฤหาสน์ด้วยความเคารพนอบน้อม
หลังจากหวางอู๋ตี๋เดินเข้ามาในคฤหาสน์ กระทั่งมายืนอยู่ที่กลางลานคฤหาสน์แล้ว มือทั้งสองไพล่หลังไว้…เงยหน้ามองดวงตาอย่างเรียบนิ่งเฉยชา…
จางจ้านขยับเข้ามาด้วยความเคารพ ถามว่า “คุณชายหวางครับ คุณมองอะไรออกจากปรากฏการณ์ดวงดาวนี้ครับ?”
หวางอู๋ตี๋เอามือไพล่หลังไว้ สีหน้าที่นิ่งสงบนั้นสั่นเบาๆ…เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว
“จางจ้าน…นายออกไปก่อน ฉันอยากดูการเปลี่ยนตำแหน่งของดาว…พยากรณ์ความเปลี่ยนแปลง…” หวางอู๋ตี๋พูดเสียงทอดยาว เพียงแต่ในน้ำเสียงเหมือนยังมีความแหบแห้งอยู่
จางจ้านสงสัยอยู่บ้าง แต่กลับไม่กล้าถามมาก…ถอยออกไปอย่างนอบน้อม
หลังจากเห็นจางจ้านออกไป…หวางอู๋ตี๋อดกลั้นไม่ไหว กระอักเลือดสดออกมาทันใด
บอดี้การ์ดหลายคนโดยรอบตกใจยกใหญ่ในชั่วขณะนั้น รีบเข้ามาพยุงคุณชายไว้
“เร็ว…ประคองฉันเข้าไปในห้อง!” หวางอู๋ตี๋ร่างกายสั่น สีหน้าซีดเซียวไร้ที่เปรียบ…