สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 605
บทที่ 605 มาเยี่ยม
วันนี้เธอไม่ได้สวมเครื่องแบบตำรวจ เธอแต่งกายสบายๆ กางเกงออกกำลังกายรัดรูป เผยให้เห็นรูปทรงของเรียวขา ราวกับนางฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
เย่ชวงเดินเข้ามาที่หน้าผนังกระจกและนั่งลง แววตาคู่สวยของเธอนิ่งราวกับหยกแข็ง เธอมองเฉินเป่ยเงียบๆ
“เธอมาได้ยังไง” เฉินเป่ยถามอย่างแปลกใจ
“มาเยี่ยมนายไง” เย่ชวงพูดเนิบๆ
เฉินเป่ยอึ้งไป และถามอย่างสงสัย “เธอบอกว่าถูกพักงานไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาหาฉันได้”
ดวงตาคู่สวยของเย่ชวงยังคงจ้องไปที่เฉินเป่ย “ฉันรู้จักเจ้าหน้าที่ที่นี่ทั้งหมด ฉันเลยใช้เส้นสายเข้ามา”
เฉินเป่ยได้ยินก็พยักหน้า เขาแอบซาบซึ้งเล็กน้อย อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็ยังมีจิตใจดีเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าเขาเกิดเรื่อง ก็แวะมาหาเขา ไม่เสียแรงที่เขาเคยช่วยชีวิตเธอไว้
เย่ชวงจ้องเฉินเป่ย เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงสับสน “เรื่องพวกนี้มันจริงหรือเปล่า แล้วเรื่องพวกนั้นนายเป็นคนทำเหรอ”
เฉินเป่ยได้ยินดังนั้น จึงยิ้มบางๆ ออกมา
“ถ้าเธอคิดว่าจริงมันก็จริง ถ้าเธอคิดว่าไม่จริงมันก็ไม่จริง” คำตอบของเขาช่างเอาแต่ใจ เขาแสยะยิ้มออกมา ราวกับไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตา
แววตานิ่งสงบของเย่ชวงเริ่มสับสนขึ้นมา ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนไปหมด
ถ้าคดีพวกนี้เป็นเรื่องจริง งั้นโชคชะตาของเฉินเป่ย บางทีเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ไม่เกินสามเดือน คดีของเขารุนแรงมาก ต้องได้รับการตัดสินภายในสามเดือนนี้ และผลของมันมีเพียงอย่างเดียวคือ ตาย…
เย่ชวงนั่งเหม่ออยู่หน้าผนังกระจกเป็นเวลานาน แววตาของเธอสับสนจนผิดปกติ บางทีนี่อาจจะถือว่าเป็นการบอกลาก็ได้
“อ้อ ใช่สิ วันนี้ฉันเอาอาหารมาให้นายด้วย เป็นเกี๊ยวที่ฉันห่อเอง แล้วก็ยังมีบ๊ะจ่างด้วย ใกล้จะถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้ว ต้องกินเกี๊ยวกับบ๊ะจ่าง นี่เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาไง” เย่ชวงพูดเสียงเบา
ตอนนี้มันเงียบมาก เมื่อเย่ชวงพูดจบ เธอก็พูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เฉินเป่ยจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงสามเดือนแล้ว ในชีวิตอันแสนสั้นเช่นนี้ ถือว่าเป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน
เฉินเป่ยมองผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามผ่านผนังกระจกด้วยแววตาราบเรียบ เขาสัมผัสได้ว่าเย่ชวงผิดปกติไป
“เธอวางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก” เฉินเป่ยพูดเนิบๆ
เย่ชวงยังเหม่อลอย เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังสับสน เธอรู้ดีว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เจอหน้าเฉินเป่ย
หลังจากสามเดือนชื่อของเฉินเป่ยก็จะหายไปจากโลกนี้
“มีเรื่องอะไรก็ปล่อยมันไปเถอะ อย่ากดดันตัวเองเกินไป” เย่ชวงพูดอย่างสับสนเหมือนกำลังปลอบใจเขาอยู่อย่างนั้น
“ถ้าหนาวนายก็บอกฉันนะ ฉันจะส่งผ้านวมเข้าไปให้…” เย่ชวงพูดเบาๆ ตอนนี้เธอแสดงออกได้เพียงวิธีนี้เท่านั้น เพราะตอนที่เจอกันครั้งแรกอีกฝ่ายก็ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ สิ่งที่เธอจะช่วยเหลือเขาได้ก็มีเพียงเรื่องพวกนี้ ถือว่าเป็นการบอกลาเพื่อนครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน
“นี่ ฉันขอจับมือเธอสักหน่อยได้ไหม” จู่ๆ เฉินเป่ยก็พูดขึ้น
เย่ชวงอึ้งไป ดวงตาคู่สวยสับสนไปหมด เธอลังเลอยู่นาน เธอค่อยๆ ยกแขนอันเรียวยาวขึ้นมาวางไว้บนผนังกระจก บางทีนี่อาจจะเป็นระยะที่พวกเขาสามารถสัมผัสกันได้ใกล้ที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย
เฉินเป่ยเอามือทาบลงไปบนฝ่ามือสวยของเธอ มีกระจกใสกั้นเอาไว้ระหว่างฝ่ามือของทั้งสองคน ราวกับว่ามันกั้นระหว่างความเป็นและความตาย
หลังจากผ่านไปนาน เย่ชวงดึงมือกลับมาด้วยท่าทีสับสน เธอเอามือลูบผมเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงสับสน “นายดูแลตัวเองด้วย ฉันไปละ..”
เฉินเป่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องสอบปากคำ เขามองแผ่นหลังที่สวยงามของเธอ และยิ้มออกมาอย่างนึกขำ
…
หวางเหวินห้าวยืนอยู่ตรงหน้าต่าง แววตาของเขาทอดมองไปยังท้องฟ้าไกลแสนไกล
จู่ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
หวางเหวินห้าวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พ่อของเขาโทรมา
“ฉันบอกให้แกติดต่อนักฆ่า เรื่องถึงไหนแล้ว” เสียงของผู้เป็นพ่ออย่างหวางหมิงเฉิงดังออกมาจากปลายสาย
“วางใจเถอะพ่อ ผมติดต่อเรียบร้อยตั้งนานแล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังพักอยู่ในโรงแรมที่เมืองหู้ไห่” หวางเหวินห้าวหยักหน้าอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันเขาก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “ทำไมจู่ๆ พอถึงให้ผมเตรียมคนเยอะขนาดนี้ พ่อจะทำอะไรกันแน่”
ผู้เป็นพ่อพูดออกมาว่า “ตอนนี้เฉินเป่ยโดนคุมตัวอยู่ในสถานกักกันที่เมืองหู้ไห่ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ข้างกายหลีชิงเยียน ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ตรงนี้ลงมือได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของหวางเหวินห้าวนิ่งไปทันที
“พ่อหมายความว่าจะลักพาตัวหลีชิงเยียนและบีบบังคับให้เฉินเป่ยยอมจำนน” หวางเหวินห้าวถามขึ้นอย่างสงสัย และแฝงไปด้วยความตกใจ
“ใช่” ผู้เป็นพ่อพยักหน้า
“แต่ทำแบบนี้มันบุ่มบ่ามเกินไปไหมครับ ตอนนี้ผู้มีอำนาจแต่ละคนกำลังจับตามอง เป็นเรื่องยากที่เราจะทำอะไร ไม่แน่มันอาจจะสาวมาถึงตัวพ่อด้วย…” หวางเหวินห้าวพูดอย่างเป็นกังวล ฐานะของพ่อเขาพิเศษมาก ถ้าเรื่องนี้กระทบมาถึงพ่อ จะต้องเสียทั้งขึ้นทั้งล่องแน่นอน
“ไม่มีปัญหาหรอก ตอนนี้ต้องเด็ดขาดและจัดการให้รวดเร็วที่สุด เฉินเป่ยถูกขังอยู่ในสถานกักกันเป็นเพียงการยื้อเวลาให้แกทำการลักพาตัวเท่านั้น เพราะฉะนั้นแกต้องรีบจัดการ” ผู้เป็นพ่อพูดออกมา
แววตาของหวางเหวินห้าวจริงจังขึ้น เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “เข้าใจแล้วครับ”
เมื่อวางสาย แววตาของหวางเหวินห้าวลุ่มลึก พ่อให้เขาเตรียมคนไว้ล่วงหน้า จากนั้นจึงจัดการให้เฉินเป่ยไปอยู่ในสถานกักกัน ที่แท้เรื่องทั้งหมดมันเชื่อมโยงกัน เป้าหมายของเรื่องนี้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป หลีชิงเยียน ใช้หลีชิงเยียนบีบบังคับให้เฉินเป่ยยอมจำนน!
เรื่องนี้ ถึงขนาดที่พ่อเขาวางแผนลงมือเอง แววตาของหวางเหวินห้าวยุ่งเหยิงไปหมด มันเป็นแววตาของความโหดเหี้ยม เขายิ้มออกมาหลังจากผ่านไปนาน เหมือนเขาจะเข้าใจสิ่งที่พ่อทำแล้ว จู่โจมตอนที่คู่ต่อสู้ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เสียเพียงเล็กน้อย แต่ได้มาซึ่งผลตอบแทนอันมหาศาล
…
พลบค่ำที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ในห้องทำงาน เธอไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน เธอติดต่อคนมีเส้นสายหลายต่อหลายคน เพื่อที่จะเข้าไปเจอเฉินเป่ยในสถานกักกัน แต่คำตอบก็มีเพียงอย่างเดียวคือไม่สามารถทำได้
สถานกักกันคือที่คุมขังผู้ต้องสงสัย เมื่อคดียังไม่ถูกตัดสินจะไม่สามารถเยี่ยมผู้ต้องสงสัยได้ มันเป็นสถานที่ปิด ยิ่งไปกว่านั้นหลีชิงเยียนแอบได้ยินจากปากพวกเขาว่า เหมือนมีใครกำลังห้ามไม่ให้เธอเจอเฉินเป่ย
ซูเหลยดูเวลาจากนั้นจึงพูดว่า “หลีชิงเยียน นี่ก็หกโมงเย็นแล้ว รีบกลับบ้านเถอะ”
ดวงตาคู่สวยของหลีชิงเยียนสับสน สุดท้ายเธอก็วางโทรศัพท์ลง ติดต่อคนไปมากมายผลที่ได้กลับไร้ประโยชน์ ตอนนี้เธอหมดแรง เหมือนมีเงาดำกำลังห้ามไม่ให้เธอลุกขึ้นอย่างไรอย่างนั้น ขนาดจะเดินบนรองเท้าส้นสูงยังไม่มีแรง เธอเดินตามซูเหลยออกจากห้องทำงาน
รถมายบัคจอดอยู่ข้างล่างตึก ไฟหน้ากะพริบสองครั้ง ซูเหลยเข้าไปนั่งตรงที่คนขับและสตาร์ทรถ
หลีชิงเยียนเปิดประตูรถและนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ ตอนนี้เธอสับสนไปหมด เมื่อก่อนเฉินเป่ยมารับมาส่งเธอ แต่วันนี้มันกลับเปลี่ยนไปหมด ผู้ชายที่ทั้งคุ้นเคยและเกลียดขี้หน้าหายไปแล้ว
ห่างจากอาคารตระกูลหลีไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร รถยนต์โฟล์คสวาเกนสีดำจอดอยู่ตรงมุมที่บดบังสายตา
ชายลึกลับสองสามคนนั่งอยู่ภายในรถ และดูลาดเลาที่ใต้ตึกอาคารตระกูลหลี
ชายคนหนึ่งหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา แล้วรายงานว่า “เป้าหมายลงมาจากตึกแล้ว นั่งอยู่ในรถมายบัคสีดำ คนขับเป็นผู้หญิง ไม่มีบอดี้การ์ดคนอื่นตามไปด้วย ประเมินระดับของภารกิจในครั้งนี้…ง่าย”
รถยนต์มายบัคค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป
ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น รถยนต์โฟล์คสวาเกนที่จอดอยู่ไกลประมาณร้อยเมตรก็เคลื่อนตัวตามหลังรถมายบัคออกไป
ซูเหลยขับรถอย่างนิ่งๆ ภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบ หลีชิงเยียนนั่งอยู่ข้างๆ เธอเอามือเท้าคางและมองออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนกำลังเหม่อลอย
รถมายบัคเคลื่อนตัวอยู่บนถนน ข้างถนนก็มีรถ BMW สีดำค่อยๆ สตาร์ทรถและตามหลังรถมายบัคมาช้าๆ
บนถนนค่อนข้างเงียบ
รถมายบัคเคลื่อนตัวไม่เร็ว รักษาระดับความเร็วอยู่ที่สี่สิบไมล์และเคลื่อนตัวไปบนถนนช้าๆ
ห่างจากรถมายบัคไปประมาณร้อยเมตร มีรถโฟล์คสวาเกนและรถ BMW ขับอยู่ข้างหลังรถมายบัค รถทั้งสองคันเคลื่อนตัวไม่ช้าไม่เร็ว ราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังเล็งเหยื่ออยู่!
“จะลงมือตอนไหนครับหัวหน้า” นักฆ่าติดต่อกันผ่านวิทยุสื่อสารอย่างต่อเนื่อง
“ไม่ต้องรีบ ถึงภารกิจจะอยู่ในระดับง่าย แต่ยังไงก็ต้องระวัง รอให้เหยื่อเข้าไปในกับดักของเราก่อนแล้วค่อยลงมือก็ยังไม่สาย”
ตลอดทางมันเงียบจนผิดปกติ
ซูเหลยขับรถมายบัค ระหว่างที่กำลังเงียบ เธอเลื่อนตำแหน่งเกียร์รถมาที่เกียร์ S
“หลีชิงเยียน นั่งให้ดี” จู่ๆ ซูเหลยก็พูดขึ้น
หลีชิงเยียนได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป และมองเธออย่างสงสัย
จู่ๆ เธอก็รู้สึกถึงแรงดันอย่างแรงจากข้างหลัง
รถยนต์มายบัคเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว ราวกับจรวดที่พุ่งตัวออกไป
“บรื้นนนนนน” เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ทันใดนั้นความเร็วของรถยนต์มายบัคก็พุ่งไปถึงหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถที่สะกดรอยตามอยู่ข้างหลังก็เร่งเครื่องตามทันที!
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้าซีดเผือด เมื่อเธอเห็นว่าข้างหลังมีรถสองคันกำลังขับตามมา เธอก็ยิ่งหน้าซีดเข้าไปอีก
“มีคนสะกดรอยตาม?” เสียงของหลีชิงเยียนสับสนไปหมด
ซูเหลยกะพริบตา แล้วแสยะยิ้มออกมา “ก็แค่พวกกระจอกเท่านั้น ไม่ต้องกังวลหรอกน่า”
ขณะที่พูด รถ BMW ก็เร่งเครื่องขึ้นมาทางซ้าย เห็นได้ชัดว่ารถ BMW คันนี้ได้รับการดัดแปลงแบบพิเศษ มันมีแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง
รถ BMW ตามเป้าหมายอย่างรวดเร็ว และปะทะกับรถยนต์มายบัค
“ปึงงง” เสียงชนดังสนั่น ตัวรถ BMW ยุบและเกิดประกายไฟจากการเสียดสี แต่รถยนต์มายบัคกลับไม่ได้รับความเสียหาย
“เป็นไปได้ยังไง ทำไมรถของมันไม่เสียหายเลยล่ะ” นักฆ่าที่อยู่ในรถ BMW พูดด้วยความตกใจ
“เตรียมปืน ต้องจัดการเป้าหมายให้ตาย!” หัวหน้าออกคำสั่ง
หน้าต่างรถ BMW เคลื่อนลง อาวุธปืนสีดำถูกยื่นออกมานอกหน้าต่าง
ภายในรถมายบัค หลีชิงเยียนนั่งข้างคนขับ สีหน้าของเธอซีดเผือด ตอนนี้เธอไม่มีสติแล้ว คิดไม่ถึงว่า หลังจากเกิดเรื่องกับเฉินเป่ยได้ไม่นาน ก็มีคนจะลอบฆ่าเธอทันที เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้เธอหวาดกลัว คนที่แอบบงการทุกอย่าง ค่อยเผยตัวออกมา แต่ทว่าตอนนี้เธอไม่มีเวลามาคิดอะไร เพราะตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ!
“ปังๆๆๆ” กระสุนปืนถูกยิงออกมาหลายนัด ทิศทางของมันพุ่งมาที่หน้าต่างของรถมายบัค
แต่ทว่าหน้าต่างรถยนต์กลับไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย
“ให้ตายสิ มันเป็นกระจกกันกระสุน! นี่เป็นรถที่ดัดแปลงมาเพื่อกันกระสุน!!” นักฆ่าคิดได้เช่นนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“เปลี่ยนระดับของภารกิจให้สูงขึ้นเป็นระดับ B” หัวหน้าพูดผ่านวิทยุสื่อสารด้วยน้ำเสียงขึงขัง
นักฆ่าทุกคนต่างพากันตกตะลึง ภารกิจระดับ B ถือว่าเป็นภารกิจที่มีความยากในการฆ่า แต่สำหรับพวกเขา มันก็แค่เท่านั้น เพราะตอนนี้รถยนต์มายบัคได้เข้าไปในกับดักที่พวกเขาเตรียมไว้แล้ว
“ต้าหม่า ไล่ตามไป ตีโอบไปด้านขวา” หัวหน้าสั่งการผ่านวิทยุสื่อสาร
“รับทราบ!” รถโฟล์คสวาเกนที่อยู่ข้างหลังเร่งเครื่องขึ้นไปด้านขวาของรถยนต์มายบัค
ตอนนี้ทั้งด้านซ้ายและขวาของรถยนต์มายบัคถูกขนาบไว้ทั้งสองด้าน ด้านซ้ายมีรถ BMW กำลังปะทะ ส่วนด้านขวามีรถโฟล์คสวาเกนล็อกอยู่ นี่มันจะเอาชีวิตกันชัดๆ
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ในรถมายบัค สีหน้าของเธอซีดเผือด เธอสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อก่อนทุกครั้งที่เกิดเรื่อง เฉินเป่ยจะคอยปกป้องอยู่ข้างกายเสมอ มันคือความรู้สึกปลอดภัยอันแสนพิเศษ ราวกับว่าเมื่อมีเฉินเป่ยอยู่ข้างกาย ทุกอย่างจะปลอดภัย แต่ว่าตอนนี้ ผู้ชายคนนั้นไม่อยู่แล้ว หลีชิงเยียนจึงหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รถโฟล์คสวาเกนที่อยู่ทางซ้ายชนรถยนต์มายบัคอย่างแรง
“ปึงงง” เสียงชนดังสนั่น รถยนต์มายบัคสั่นสะเทือน
“ยิง ขนาบทั้งสองข้างเอาไว้ กระจกกันกระสุนทนแรงของลูกกระสุนได้ไม่เกินสามรอบ ยิงต่อไปเรื่อยๆ จนกว่ากระจกจะแตก!” หัวหน้าสั่งการผ่านวิทยุสื่อสาร
รถโฟล์คสวาเกนลดกระจกลง อาวุธปืนสีดำเล็งไปยังรถยนต์มายบัค
“ปังๆๆๆ” ประกายของกระสุนปืนกระจายออกมา กระสุนพุ่งไปยังหน้าต่างรถมายบัคอย่างบ้าคลั่ง
เสียงปืนน่ากลัวเป็นอย่างมาก ราวกับมันมาพร้อมกับความตายอย่างไรอย่างนั้น
หัวใจของหลีชิงเยียนกระตุกตามเสียงปืน สีหน้าของเธอซีดเผือด วันนี้เธอจะต้องตายจริงเหรอ
รถยนต์มายบัคเร่งความเร็ว ส่วนนักฆ่าที่อยู่ในรถทั้งซ้ายขวาก็ขับตามไปอย่างรวดเร็ว และทำให้รถมายบัคติดอยู่ตรงกลาง กระสุนปืนพุ่งไปที่รถมายบัคอย่างต่อเนื่อง กระสุนปะทะกับกระจกกันกระสุนประมาณสิบกว่ารอบ แต่กระจกกันกระสุนกลับไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย!
“หัวหน้าครับ ไอ้กระจกกันกระสุนนี่มันไม่เสียหายเลยครับ” นักฆ่าพูดผ่านวิทยุสื่อสาร
หัวหน้าเงียบไป
ผ่านไปนาน เสียงของหัวหน้าดังออกมาทางวิทยุสื่อสาร “เปลี่ยนระดับภารกิจเป็นระดับ C!”
สีหน้าของเหล่านักฆ่าเปลี่ยนไป พวกเขารู้ดีว่าภารกิจระดับ C เป็นภารกิจที่มีระดับความยากมาก
“ปรับระดับลำกล้องของอาวุธ และเปลี่ยนเป็นอาวุธขนาดใหญ่ทั้งหมด” หัวหน้าสั่งออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
สีหน้าของเหล่านักฆ่าเคร่งขรึม พวกเขารีบเอาอาวุธปืนขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในรถออกมา จากนั้นจึงบรรจุกระสุนเข้าไป
ขณะนั้นเอง จู่ๆ รถยนต์มายบัคก็ลดกระจกลงเพียงเล็กน้อย จากนั้นวัตถุที่บางราวกับปีกจักจั่นก็พุ่งออกมาทางช่องของหน้าต่างรถ!
วัตถุที่บางราวกับปีกจักจั่นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ภายในรถ BMW ตรงที่นั่งข้างคนขับ นักฆ่ากำลังเร่งบรรจุกระสุนปืน ทันใดนั้นก็มีวัตถุพาดผ่านมาอย่างรวดเร็ว จนทำให้เขาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ
นักฆ่าที่อยู่ภายในรถมองหน้ากัน แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย วัตถุเมื่อครู่มันคืออะไร หรือว่าพวกเขาตาฝาดกันไปเอง
หลังจากที่มีดเล่มนั้นหมุนวนอยู่หนึ่งรอบ มันก็ลอยกลับเข้าไปในรถมายบัค
นักฆ่าคนหนึ่งหันขวับไปมอง จากนั้นเขาก็ต้องอึ้งไป
กระจกรถที่อยู่ด้านข้าง เป็นรอบเล็กๆ ที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่า นี่แสดงให้เห็นว่าแสงที่เห็นเมื่อครู่ พวกเขาไม่ได้ตาฝาด
นักฆ่าที่นั่งตรงข้างคนขับไม่มีเวลามาคิดอะไร เขารีบบรรจุกระสุนเข้าไปในอาวุธปืน ภารกิจในวันนี้ค่อนข้างยาก เขาจะต้องรีบทำให้เสร็จโดยเร็ว
แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเย็นที่ลำคอ จากนั้นภาพที่เห็นตรงหน้าค่อยๆ เลื่อนลงข้างล่าง
“ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองควบคุมการมองเห็นไม่ได้” นักฆ่าคนนั้นพูดด้วยความตกใจ
นักฆ่าที่กำลังขับรถหันมามอง เขาถึงกับเบิกตาโพลงและตื่นตระหนก เพราะหัวของนักฆ่าที่นั่งข้างคนขับกำลังเคลื่อนตัวออกจากคอ!!
“ปึกกก” หัวของนักฆ่าหล่นลงบนพื้น นักฆ่าที่นักตรงข้างคนขับกลายเป็นศพไร้หัวในทันที
เหล่านักฆ่าที่อยู่ในรถกลัวจนหน้าซีด จากนั้นหัวของนักฆ่าคนที่เหลือก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากคอ
นักฆ่าคนหนึ่งร้องออกมา เขายื่นมือไปประคองหัวของตัวเอง แต่เขาใช้แรงที่มือมากเกินไปทำให้หัวเอียงออกไป หัวของเขาหล่นลงมาในมือของตัวเอง
นักฆ่าทั้งสี่คนที่อยู่ในรถ BMW กลายเป็นศพไร้หัวภายในระยะเวลาไม่กี่นาที
รถ BMW สูญเสียการควบคุม “ตู้มมม” รถชนเข้ากับแท่งหินข้างทางอย่างรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น ต้าเฟย ทำไมรถชน!” เสียงของหัวหน้าดังออกมาจากวิทยุสื่อสารด้วยความตื่นตระหนก
แต่ทว่าเขาไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ
“ต้าเฟย ต้าเฟย ทราบแล้วเปลี่ยน!”
ยังคงไม่มีเสียงตอบกลับ
หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที รถยนต์สีดำเคลื่อนตัวมาจากข้างหลัง และจอดอยู่ตรงหน้ารถ BMW ที่ชนอยู่อย่างรวดเร็ว
หัวหน้าถือวิทยุสื่อสารก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเดินเข้าไปข้างหน้ารถ BMW ภาพตรงหน้าทำให้เขาเบิกตาโพลง