สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 62
บทที่62 คุณชายหลีคิดคำนวณผิดไปอีกครั้ง!
“หล่อนมาก็ดี คนกำลังอิจฉาตาร้อนกับท่าเรือและสนามบินของบริษัทตระกูลหลี กรุ๊ปเลยอยู่นี่” หลีเซิ่งยิ้มเยาะออกมา
“คุณพ่อวางใจเถอะครับ วันนี้ผมจะต้องให้เธอมอบท่าเรือและสนามบินมาให้เราแต่โดยดี” หลีเช่าเทียนยกแก้วไวน์ขึ้นมา จิบไวน์ลาฟิตไปหนึ่งคำ เผยรอยยิ้มอ่านยากออกมา
“ดี พี่ชายของแกช่วงนี้ก็สุขสมหวังอยู่ในวงการการเมือง แกก็ต้องพยายามขึ้นหน่อยถึงจะได้เป็นแบบพี่ของแกบ้าง” หลีเซิ่งพยักหน้าออกมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยยิ้มๆออกมา
หลีเช่าเทียนในตอนที่ได้ยินหลีเซิ่งพูดถึงพี่ชายของเขานั้น สีหน้าก็ได้เปลี่ยนไปในทันที มีประกายของความร้ายกาจออกมา แต่ก็ได้นิ่งขรึมลงทันที
เขามาถึงหู้ไห่ ก็เพื่อหนีห่างออกจากเยี่ยนจิงที่พี่ชายของเขาอาศัยอยู่ ทั้งนี้จะได้ไม่ถูกพี่ชายของเขาควบคุมไปเสียทุกเรื่อง เมื่ออยู่ภายใต้รัศมีของเขาแล้ว ก็ยากที่จะเงยหน้าอ้าปากขึ้นมาได้!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้สืบทอดตระกูลหลี ขอเพียงแค่มีวันที่พี่ชายของเขาอยู่ ความหวังที่จะเป็นผู้สืบทอดตระกูลหลีของเขานั้นก็น้อยไปหนึ่งส่วนแล้ว
ดังนั้นเขาจึงอยากได้สิทธิ์ในการใช้ประโยชน์จากท่าเรือและสนามบินที่ครอบครองอยู่ในมือบริษัทตระกูลหลี กรุ๊ป ขอเพียงแค่ได้ครอบครองมัน จะต้องลดช่องว่างความห่างในเรื่องสถานะในตระกูลหลีของเขากับพี่ของเขาได้แน่!
…………
บนถนน รถไมบัคระดับS Classคันหนึ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า
ภายในรถ หลีชิงเยียนกำลังนั่งกอดอก เสื้อคลุมของชุดเครื่องแบบได้ห่อหุ้มรูปร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่แสนสมบูรณ์แบบนั้นเอาไว้ กระโปรงสั้นที่แสนเย้ายวนใจ…ง่ายที่จะทำให้คนเกิดความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวได้เสียจริง ~
เพียงแต่ ดวงตาสวยของหลีชิงเยียนมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้ากังวลออกมาเสียไม่ได้
“เป็นอะไร?” เฉินเป่ยจับพวงมาลัยขับรถไปพลาง พลางเอ่ยถามออกมา
“ไม่มีอะไร” หลีชิงเยียนส่ายหน้าออกไป เอ่ยเสียงเบาออกไป “งานเลี้ยงที่จะถึงนี้ คุณรออยู่ด้านนอกก็พอ อย่าเข้าไปเลย”
“ได้ยังไงกัน ผมเป็นสามีของคุณนะ เรื่องครอบครัวของคุณ ก็เท่ากับเรื่องของครอบครัวของผมด้วย” เฉินเป่ยส่ายหน้าออกมา
“คุณ…นี่ฉันหวังดีกับคุณนะ อย่าเข้าไปเลย” ดวงตาสวยของหลีชิงเยียนมองจ้องไป เฉินเป่ยจะรู้ได้ยังไงว่างานเลี้ยงที่เธอกำลังจะไปเข้าร่วมนี้นั้นเต็มไปด้วยความอันตรายทั้งนั้น
เพียงแต่ในครั้งนี้เธอจำเป็นต้องเผชิญกับมัน คนตระกูลหลีได้เดินทางมาไกลจากเยี่ยนจิง มาหากันถึงบ้านแบบนี้ จะหลบ ก็คงหลบไม่พ้น
“ประธานหลี ผมสามารถคิดเป็นว่า ที่คุณทำอย่างนี้ก็เพราะคุณกำลังเป็นห่วงผมอยู่ได้ใช่มั้ย?” ทันใดนั้นเอง เฉินเป่ยก็ยิ้มออกมา มองไปยังกระจกมองหลัง ใบหน้าสวยหมดจดเหมือนดั่งหยกที่เจียระไนออกมานั้นของเธอ
“วอนตายเสียจริง” นัยน์ตาสวยของหลีชิงเยียนเยือกเย็นออกมาทันที ภายในใจเกิดความไม่พอใจขึ้นมา เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักชั่วดีเกินไปแล้ว
ทั้ง ๆที่เธอให้ทางรอดกับเขาแล้ว แต่เขาดันไม่สนใจความเป็นความตายเลยสักนิด
คำโบราณคำหนึ่งกล่าวเอาไว้ได้ดีมากที่ว่าสวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูเข้ากลับแส่เข้ามา!
“ชิงเยียน คุณวางใจเสียเถอะ นี่แค่งานเลี้ยงครอบครัวธรรมดาเอง ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาหรอก” เฉินเป่ยเอ่ยออกมาทันที
หลีชิงเยียนมองผ่านออกไปยังกระจกมองหลัง มองเฉินเป่ยเล็กน้อย แอบทอดถอนหายใจอย่างหน่ายใจอยู่ในใจ เฉินเป่ยจะไปรู้อะไร หลีเช่าเทียน แม้แต่จ้างคนไปฆ่าคนอื่นก็ทำมาแล้วทั้งนั้น ยังมีอะไรที่เขาทำไม่ได้อีกล่ะ?
รถไมบัคระดับS Classจอดอยู่ตรงหน้าประตูคฤหาสน์หรู เฉินเป่ยเปิดประตูรถ ขาเรียวยาวของเขาก้าวออกไปจากประตูรถ สาวสวยคนแรกแห่งวงการธุรกิจของหู้ไห่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วผู้นี้ได้เดินเข้าไปยังคฤหาสน์หลังหรูที่อยู่ไม่ไกลออกไปด้วยท่าทางที่ดูสูงส่งและสง่างาม
เฉินเป่ยเข้าไปกุมมือเรียวที่ขาวเนียนนุ่มเหมือนกับต้นอ่อนพืชของเธอเอาไว้ เหมือนกับสุภาพบุรุษสง่างามผู้หนึ่ง เขาในตอนนี้ ทำเอาหลีชิงเยียนอดไม่ได้ที่จะต้องหันไปมองซ้ำ ๆ เนื่องจากดูมีความเป็นสุภาพบุรุษออกมาอย่างมาก
ภายในห้องรับประทานอาหารในคฤหาสน์หรู มีการร้องเต้น เฉลิมฉลองกันอย่างราบรื่นเป็นไปด้วยดี อีกด้านหนึ่งของห้องอาหารนั้นเป็นวงออร์เคสตราที่กำลังบรรเลงบทเพลงที่น่าผ่อนคลายออกมา บนโต๊ะอาหาร คนตระกูลหลีสนุกสนานอารมณ์ดีกันอย่างมาก พูดคุยกันจนเสียงดังเซ็งแซ่ ให้บรรยากาศของความรู้สึกถึงความสนิทสนมกลมเกลียวออกมา
หลีเช่าเทียนโคลงแก้วไวน์ในมือไปมาเล็กน้อย แล้วจิบไวน์ลาฟิตเข้าไปอีกคำ แววตาของเขาเยือกเย็นอ่านยากออกมา
เขาจำได้ ในงานเลี้ยงต้อนรับครั้งแรก หลีชิงเยียนนังแพศยาคนนั้นกับเอ๋อตงเฉินผู้นั้น ไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย…ตัวเขานั้น ได้พบเจอกับเรื่องงามหน้าต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก
ความอับอายพวกนี้ เขาจะลืมมันไปได้ยังไง?
การประมูลในช่วงหลัง เฉินเป่ยได้ใช้ท่าทางจองหองอวดดีเกินต้านนั้นมาตบหน้าเขาอย่างแรง โดยใช้ราคาสูงลิบลิ่วมาเสนอราคาประมูลหัวใจสีฟ้าส่วนเขาก็ไร้ทางเลือกที่จะต้องควักเงินจ่ายออกไปอีกครั้ง…จนถึงขนาดที่วันที่สองได้มีการพาดหัวข่าวออกไป
เขานั้นไม่สามารถยอมรับสายตาดูถูกของผู้หญิงคนหนึงได้…และยิ่งกว่ายอมรับไม่ได้นั้นก็คือ หน้าตาและความเย่อหยิ่งของเขานั้นได้ถูกคนขับรถของประธานบริษัทคนหนึ่งเข้ามาเหยียบเล่น!
นี่เป็นความอัปยศที่สุดในชีวิตของเขา! พลังอำนาจของเขาจำต้องให้เฉินเป่ยและหลีชิงเยียนชดใช้คืนมาให้จงได้!
งานเลี้ยงในวันนี้ เขาไม่เพียงแต่จะต้องการลงมือกับหลีชิงเยียนเพียงเท่านั้น ค่ำคืนในช่วงเวลาฤดูใบไม้ผลิแห่งค่ำคืนนี้…ยังอยากเล่นกับสาวสวยจนน่าตะลึงที่ดื้อพยศคนนั้นด้วยสักหน่อย
ทันใดนั้นเอง ลูกน้องคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์หรู ดึงเอาหลีเช่าเทียนออกมาจากความคิดเพ้อฝันพวกนั้น
“คุณชายหลีครับ คุณหลีมาแล้วครับ”
ภายในห้องรับประทานอาหารแห่งนั้น บรรยากาศที่รื่นเริง ได้นิ่งแข็งกันไปทันควัน
“นังแพศยาคนนั้นกล้ามาด้วย?”
“ยังมีหน้ามาอีก เช่าเทียนของพวกเราขอหล่อนแต่งงานก็นับว่าเป็นการให้เกียรติหล่อนแล้ว แต่หล่อนกลับไม่มีความละอายใจบ้างเลย แล้วยังคิดจะมาก่อกวนงานเลี้ยงของพวกเราอีกนี่นะ?”
เหล่าคุณป้าช่างเมาท์ของหลีเช่าเทียน เอ่ยหยามกันออกมาเสียงดัง
“คุณชายหลีไม่ใช่ว่าเอาแต่ขอชิงเยียนแต่งงานอยู่เรื่อยหรอกหรอ อย่างนี้แล้วการที่ชิงเยียนมาที่นี่ในครั้งนี้ ก็เพื่อให้คำตอบกับคุณชายหลียังไงล่ะคะ” ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งได้ดังออกมาจากหน้าประตูคฤหาสน์หรู ทุกคนก็ได้หันไปตามเสียงนั้น จนได้พบกับเงาร่างสวยพิลาสของหญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าป
ระตูของคฤหาสน์หรูแห่งนั้น เท้าเหยียบย่ำอยู่บนรองเท้าส้นเข็ม พร้อมทั้งก้าวเดินออกไปอย่างช้า ๆ
รองเท้าส้นสูงคู่สวยเหยียบลงบนพื้นกระเบื้อง เสียงของการกระทบกันสะท้อนดังไปทั่วทั้งภายในคฤหาสน์แห่งนี้ ภายในห้องรับประทานอาหารเงียบลงทันที ราวกับถูกเงาร่างสวยหมดจดนี้แผ่กระจายรังสีของความน่ายำเกรงออกมาพิชิตห้องแห่งนี้ราวกับองค์ราชินีไม่มีผิด!
ในนาทีนั้นเอง ออร่าของผู้บริหารสาวได้แผ่ออกมาจากร่างของหลีชิงเยียน น่าเกรงขามไร้ที่เทียบเคียง!
“ชิงเยียน…” คุณชายหลียกยิ้มมุมปากออกมา หยิบแก้วไวน์แล้วเหยียดตัวลุกขึ้น เดินไปทางหลีชิงเยียน
“คุณชายหลี” หลีชิงเยียนยิ้มบาง ๆ ออกมา พยักหน้าออกมาเล็กน้อย
“ชิงเยียน เธอคิดมาดีแล้วจริง ๆ?” คุณชายหลีจ้องมองหลีชิงเยียนด้วยความหมายลึกซึ้ง เห็นหลีชิงเยียนที่ในวันนี้แต่งตัวมาอย่างน่าเย้ายวน เขาคาดเดาอะไรบางอย่างได้บ้างแล้ว
“คิดมาดีแล้ว ไม่อย่างนั้น ชิงเยียนเอาความกล้าเดินเข้ามาที่นี่จากที่ไหนกัน” นัยน์ตาสวยหลีชิงเยียนที่ดูเซ็กซี่คู่นั้นมองไปยังคุณชายหลี มุมปากยกยิ้มออกมาบาง ๆ…ยากที่จะทำให้คนอื่นปฏิเสธความน่าหลงใหลที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของเธอได้
ในนาทีที่ดวงตาทั้งคู่สบเข้าหากัน คุณชายหลีพยักหน้าออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยพูดคำว่า “ดี” ออกมาสามรอบอย่างช้าๆ
“ชิงเยียน ฉันน่าจะรู้แล้วว่าการตัดสินใจนี้ของเธอ มันถูกต้องมากแค่ไหน” คุณชายหลีหัวเราะเสียงดังลั่นออกมา ผันร่างเดินออกไปยังโต๊ะรับประทานอาหาร
ในส่วนบริเวณโต๊ะรับประทานอาหารนั้น หลีเซิ่งและคนกลุ่มนั้นเองก็ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกกันออกมา มองไปทางหลีชิงเยียนแล้วยิ้มเหยียดหยามกันออกมา
ดูเหมือนว่า ในที่สุดหลีชิงเยียนก็คิดได้สักที ไม่อย่างนั้น ตระกูลหลีจะต้องลำบากมากแน่กว่าจะได้ท่าเรือและสนามบินนั้นมาได้
“ชิงเยียน ในเมื่อเธอก็ได้ตัดสินใจแล้ว งั้นพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” หลีเซิ่ง หัวเราะออกมา
“ถึงแม้ว่าเธอจะเกิดมาต่ำต้อยไปบ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องของรุ่นที่แล้ว ขอเพียงแค่เธอคอยดูแลปรนนิบัติเช่าเทียนของพวกเราให้ดี ต่อไปเธอก็จะได้เสพสุขกับความมั่งคั่งร่ำรวยและยศศักดิ์อย่างไร้ขีดจำกัดแล้ว”
“ใช่แล้ว ขอเพียงแค่เธอเอาหุ้นบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมา พวกเราก็จะเป็นคนครอบครัวเดียวกันแล้ว” บนโต๊ะรับประทานอาหาร มีเสียงดังหลายเสียงดังออกมา หลีชิงเยียนนิ่งตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันตะโกนไปทางด้านหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ “เข้ามาเถอะ”
ฝีเท้าของคุณชายหลีที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังโต๊ะอาหารนั้นชะงักไปเล็กน้อย ส่วนหลีเซิ่งก็ได้ขมวดคิ้วออกมาอย่างงงงวย “ชิงเยียน เธอไม่ได้มาคนเดียวหรอ? ยังมีใครมาด้วยอีก?”
ภายในใจของหลีเช่าเทียนสั่นรัวขึ้นมาทันใด สังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา ทันใดนั้นความทรงจำที่หยั่งลึกอยู่ในหัวก็ได้ผุดออกมา
หลีชิงเยียนยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกไป
เพียงไม่นาน ก็มีเงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากทางด้านนอกคฤหาสน์ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง ทั้งยังมีกลิ่นฉุนของควันบุหรี่ลอยเข้าไป
และในตอนที่ร่างนั้นปรากฏตัวออกมานั้น กลับทำให้หัวใจของหลีเช่าเทียนหยุดนิ่งไปทันที!
ดวงตาทั้งสองข้างของหลีเช่าเทียนเบิกกว้าง จ้องนิ่งไปยังร่างที่ดูเป็นนักเลงอันธพาลไม่เอาการเอางานร่างนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าเขี้ยวปั้ดดูย่ำแย่ออกมา!
“โอ้ ที่นี่คนเยอะจังเลยเนอะ” ร่างนั้นเบ้ปากออกมาเล็กน้อย มองออกไปรอบ ๆ แล้วยิ้มบาง ๆออกมา
“แกมาได้ยังไง?” หลีเช่าเทียนบีบแก้วไวน์ในมือที่กำลังสั่นออกมาไม่หยุด
“ทำไมผมถึงมาไม่ได้?” เฉินเป่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย มองไปทางหลีเช่าเทียน แล้วย้อนถามกลับไป
บรรยากาศแช่แข็งขึ้นมาทันที ความดุเดือดพลุ่งพล่านแผ่กระจายออกมาอย่างหนาแน่น
คุณชายหลีจ้องนิ่งไปยังเฉินเป่ย เผยสีหน้าเยือกเย็นออกมา ค่อยๆพูดออกมาช้า ๆ “นี่เป็นงานเลี้ยงของตระกูลหลี แกทั้งไม่ใช่คนแซ่หลี และยังไม่ใช่คนรับใช้ของตระกูลหลี มีสิทธิ์อะไรเข้ามาที่นี่?”
“เว้นเสียแต่ว่า…บ้านหลีกำลังขาดคนทำความสะอาดห้องน้ำอยู่คนหนึงพอดี ถ้าแกมารับหน้าที่นี้ ก็จะสามารถเข้าออกที่นี่ตามต้องการได้” คุณชายหลีแสยะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย ใบหน้ายิ้มเย้ยหยันออกมา
“ถ้าฉันไม่ล่ะ?” เฉินเป่ยเผยรอยยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านใด ๆ ทั้งยังดูสงบนิ่งอย่างมาก
“การบุกรุกเข้ามาในที่พักส่วนตัว ฉันจะทำให้แกรู้ซึ้งถึงคำว่าสายเกินไปที่จะเสียใจ!” หลีเช่าเทียนกระโชกเสียงตวาดออกไป รังสีที่แผ่ออกมาจากร่างของเขานั้น ดุเดือดขึ้นมาทันที แผนการร้ายที่ซุกซ่อนเอาไว้! เหมือนกับมีดคมด้ามหนึ่งที่สามารถชักออกมาได้ทุกเมื่อ!
ในขณะเดียวกัน ด้านนอกคฤหาสน์หรู การ์ดในชุดสีดำจำนวนมากดูเหมือนว่าจะได้ยินการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายใน รวมตัวบุกกรูกันเข้าไปในตัวคฤหาสน์หรู ในมือถือกระบองช็อตเหล็กไฟฟ้าแรงสูง ล้อมรอบตัวของเฉินเป่ยเอาไว้!
เฉินเป่ยมองจ้องไปทางหลีเช่าเทียนนิ่ง มุมปากค่อยๆแสยะยิ้มออกมา แน่นอนว่าเป็นสายตาที่ลึกซึ้งยากเกินที่จะคาดเดา “รู้ซึ้งถึงคำว่าสายเกินไปที่จะเสียใจออกมา นั่นมันต้องขึ้นอยู่กับนาย?”
“โอหัง!” หลีเซิ่งตวาดออกมาอย่างไม่พอใจ ชี้ไปทางเฉินเป่ยแล้วเอ่ยออกมาว่า “แกคิดว่าแกเป็นใคร ยืนอยู่ในถิ่นของตระกูลหลีแล้วยังกล้าอวดดีอย่างนี้อีกนะ! ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำบ้างเลยหรือไง!”
“คนเร่ร่อนจากที่ไหนกัน ไล่ออกไปก็พอแล้ว ไม่ต้องไปใช้อารมณ์กับเขาหรอก”
“แต่งตัวแบบนี้ คาดว่าน่าจะเป็นพวกขอทานจนๆ อย่าไปให้ค่าคนชั้นต่ำอย่างมันเลย การ์ด ไล่มันออกไป”
บทสนทนาบทโต๊ะที่แย่งกันพูดออกมา แต่ละคำแต่ละประโยคล้วนเป็นคำพูดดูถูกเหยียดหยาม สายตาดูถูกมองไปยังร่างของเฉินเป่ย
สีหน้าของเฉินเป่ยนิ่งเรียบออกมา หันกลับไปมองหลีชิงเยียน “ภรรยา คุณดูสิ พวกเขาไม่ต้อนรับพวกเรา พวกเรากลับกันไม่ดีกว่าหรอครับ?”
กึก!
ทันทีที่คำพูดนั้นของเฉินเป่ยได้หลุดออกมา ภายในห้องรับประทานอาหารแห่งนี้ก็ได้ตกอยู่ในเงียบสงัดทันตา!
ทุกสายตาที่มองออกไปได้แปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาของความตื่นตะลึงเหลือคณา มองนิ่งไปยังเฉินเป่ย ไม่มีใครเรียกคืนสติกลับมา แต่ละคนต่างมีสีหน้าช็อกตะลึงกันออกมา
“แกว่าอะไรนะ?” คุณชายหลีหันกลับไปทันที จ้องมองเฉินเป่ยอย่างเอาเป็นเอาตาย
ร่างของเขาสั่นระรัวออกมา ราวกับว่าได้ยินความลับที่ยากจะทำใจเชื่อได้อะไรพวกนั้น
แม้ว่าเขาจะมีจิตใจที่นิ่งดุจสายน้ำมาเสมอ เพราะทุกอย่างได้วางแผนมาอย่างดีแล้ว แต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ออกมา ภายในใจก็สั่นรัวขึ้นมา!
“ต้องขอโทษคุณชายหลีด้วยนะคะ แต่สามีที่แต่งงานกับฉันมาสามเดือน นั่นก็คือเขา” หลีชิงเยียนเอื้อมมือออกไปคล้องแขนเฉินเป่ยอย่างสนิทสนม เอ่ยพูดอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงอันน่าดึงดูด
ภายในห้องรับประทานอาหารแห่งนั้นตกอยู่ในความเงียบสงัด ชนิดที่ได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตกลงพื้น!
คุณชายหลีมีสีหน้าย่ำแย่ออกมา มองจ้องไปยังเฉินเป่ยและหลีชิงเยียน ลำตัวเซถอยไปทางด้านหลังอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ ใบหน้าราวกับมีการลุกไหม้ออกมา ดูย่ำแย่เกินคำบรรยาย!
คำพูดเมื่อสักครู่นี้ของเฉินเป่ยและหลีชิงเยียน เหมือนกับฝ่ามือข้างหนึ่งที่ฟาดเข้ามาจนเขามึนตื้อไปหมด! รู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก!!
ตัวเขา…ยังสู้เศษสวะที่เกาะผู้หญิงกินผู้นี้ไม่ได้?!