สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 627
บทที่ 627 คนขับรถ
เหล่าเพื่อนต่างมองหน้ากันไปมาอย่างอึ้งๆ คนขับรถอย่างนั้นเหรอ
ทุกคนหันไปมองเฉินเป่ยเป็นตาเดียว แววตาของพวกเขาแฝงไปด้วยความประหลาดใจ
ซุนเจียเจียที่นั่งอยู่ข้างๆ สีหน้านิ่งไป เธอจึงพูดแนะนำอย่างเป็นกันเอง “แฟนของฉันทำงานบริษัทเดียวกับฉัน ตอนนี้เขาเป็นคนขับรถของประธานบริษัท”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนจึงเข้าใจ ที่แท้ก็ได้เพื่อนร่วมงานเป็นแฟนนี่เอง แต่เจียเจียเก่งขนาดนั้น ทำไมถึงได้แฟนเป็นคนขับรถล่ะ นี่ทำให้เพื่อนที่มาร่วมงานต่างรับไม่ได้
จางจื่อหลานแสยะยิ้มเย้ยหยัน “ให้พูดกันจริงๆ ก็แค่สุนัขรับใช้ท่านประธานไม่ใช่หรือไง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของซุนเจียเจียถึงกับซีดเผือด เธอกำลังจะพูดเถียง แต่โดนเฉินเป่ยรั้งไว้ก่อน
เฉินเป่ยส่ายหน้าให้เธอ เป็นการสื่อว่าอย่าไปฟังที่อีกฝ่ายพูด
ซุนเจียเจียจึงระงับอารมณ์เอาไว้ เธอกัดริมฝีปากแดงราวกับกำลังโกรธ
เฉินเป่ยก้มหน้ากินกุ้งมังกรอยู่อย่างนั้น เขามีท่าทางสบายๆ ราวกับไม่แยแสคำพูดเด็กน้อยที่จางจื่อหลานพูดออกมาโจมตีเขา เฉินเป่ยไม่อยากจะตอบโต้กลับจริงๆ เพราะมันน่าเบื่อ
อู๋ตุ้งเหลือบมองเฉินเป่ยอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงพูดเสริมขึ้นว่า “สุนัขก็คือสุนัข ไม่มีวันเปลี่ยนได้หรอก ขนาดท่ากินยังเหมือนสุนัขเลย”
ทุกคนต่างหันไปมองด้วยแววตาแปลกประหลาด ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าจางจื่อหลานกับสามีจะไม่ชอบแฟนของซุนเจียเจียขนาดนี้
จางจื่อหลานเป็นบุคคลสำคัญในงานปาร์ตี้วันนี้ เธอเจาะจงไปที่ใคร สายตาทุกคนก็จ้องไปตรงนั้น ตอนนี้จางจื่อหลานกำลังเล็งไปที่เฉินเป่ย สายตาของทุกคนก็มองไปที่เฉินเป่ยเช่นกัน สายตาของทุกคนแฝงไปด้วยความรังเกียจ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เฉินเป่ยกลายเป็นเป้าหมายที่จะถูกโจมตีในงานปาร์ตี้คืนนี้
เจ้าของงานวันเกิดอย่างหวาหย่าหรุ่ยอยากจะห้าม แต่ก็ไม่กล้า เพราะฐานะของจางจื่อหลานใหญ่โต ทุกคนในงานต่างประจบเธอ ถึงแม้ตัวเธอเองจะฐานะดี แต่ก็แค่คนตัวเล็กๆ เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นแฟนของเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ เขามีเบื้องหลังทั้งดีและไม่ดี หวาหย่าหรุ่ยจึงไม่กล้าห้าม
ซุนเจียเจียหน้าซีดเผือด เธอเม้มปากแน่น ตอนนี้แฟนหนุ่มของเธอกำลังถูกคนอื่นดูถูก ทำให้เธอทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
จางจื่อหลานยิ่งพูดดูหมิ่นขึ้นเรื่อยๆ เธอพูดดูถูกเฉินเป่ยยิ่งกว่าสุนัข สายตาของคนที่อยู่ในงานก็ยิ่งรังเกียจเขาเข้าไปใหญ่ ตอนนี้ทุกคนต่างพากันรู้สึกว่าเฉินเป่ยต้อยต่ำเป็นอย่างมาก
อู๋ตุ้งจิบไวน์แดงและมองไปยังซุนเจียเจียด้วยสายตายียวน จากนั้นจึงพูดเยาะเย้ยว่า “ได้ยินว่าเธอคือเลขาของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปใช่ไหม”
ซุนเจียเจียเม้มปากและพยักหน้า
อู๋ตุ้งแสยะยิ้ม “นี่ สนใจมาเป็นเลขาของฉันไหม ฉันให้เงินเดือนสองแสน กลางวันช่วยฉันจัดการงาน ส่วนกลางคืนก็ช่วยฉันจัดการชีวิตส่วนตัว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซุนเจียเจียหน้าซีดเผือด อีกฝ่ายกำลังพูดดูหมิ่นเธอชัดๆ
คนในงานเงียบลงทันที จัดการชีวิตส่วนตัวตอนกลางคืน ใครๆ ก็รู้ว่าคำพูดนั้นแฝงไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามทางเพศ
หวาหย่าหรุ่ยพูดตัดบท “โอ๊ย ทุกคนรีบทานเถอะ อาหารเย็นหมดแล้ว”
จางจื่อหลานยิ้มอย่างพออกพอใจ รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน
แฟนหนุ่มของเธอก็ยื้มออกมาอย่างร้ายกาจเช่นกัน เขากวาดตามองไปบนเรือนร่างของซุนเจียเจีย เมื่อเห็นหุ่นอันงดงามของเธอ แววตาของเขาก็น่ากลัวขึ้นมาทันที ก็แค่แฟนของคนขับรถคนหนึ่งเท่านั้น ใช้แรงนิดหน่อยก็ได้เธอมาอยู่ในมือแล้วไม่ใช่หรือไง
จู่ๆ เฉินเป่ยก็เหวี่ยงเปลือกกุ้งมังกรที่อยู่ในมือออกไปอย่างแรง
“ผัวะ” เปลือกกุ้งมังกรอันใหญ่ลอยออกไปอยู่ในปากของอู๋ตุ้งที่กำลังหัวเราะอย่างร้ายกาจ
“แค่กๆๆ” เปลือกกุ้งมังกรติดอยู่ในปากของอู๋ตุ้ง เขาหน้าแดงก่ำและไอออกมาอย่างรุนแรง
บรรยากาศในงานเปลี่ยนไปทันที ทุกคนต่างมองภาพนั้นอย่างตกใจ
อู๋ตุ้งใช้เวลานานกว่าที่จะดึงเปลือกกุ้งมังกรออกมาจากปากได้ เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำ
“ปัง!” เขาตบโต๊ะอย่างแรง เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกำลังจะใช้กำลัง
“โอ๊ะ พี่ใหญ่แห่งวงการสาวสวยเป็นอะไรไปเหรอครับ นี่จะใช้กำลังเหรอ” เฉินเป่ยพูดกวนประสาท น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยการประชด “พูดแค่ไม่กี่คำก็จะใช้กำลังกันเลย พี่ใหญ่ไม่คิดว่ามันบุ่มบ่ามไปหน่อยเหรอ คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นผู้หญิงทั้งนั้น ถึงพี่ใหญ่จะอยู่ในสังคมมืด แต่ก็ไม่ควรจะใช้อำนาจขนาดนี้นะครับ”
คำพูดไม่กี่ประโยคของเฉินเป่ยทำให้อู๋ตุ้งพูดอะไรไม่ออก ถ้าตอนนี้อู๋ตุ้งใช้กำลัง เขาต้องเสียภาพลักษณ์แน่นอน แถมยังจะโดนคนเยาะเย้ยอีกว่าเป็นคนใจแคบ ถึงกับต้องใช้กำลังกับคนขับรถกระจอกๆ ถ้าเรื่องรู้ถึงหูคนข้างนอกจะต้องอับอายมากแน่ๆ
“ตุ้ง อย่าไปสนใจคำพูดของสุนัขเลย” จางจื่อหลานดึงอู๋ตุ้งให้นั่งลง จัดการสุนัขแบบนี้ ไม่จำเป็นให้แฟนของเธอลงมือหรอก
จางจื่อหลานส่งสัญญาณทางสายตาให้แฟนหนุ่ม จากนั้นเธอจึงขอตัวไปห้องน้ำ และเดินออกไปจากห้องอาหาร
จางจื่อหลานเดินออกมาจากห้องอาหาร และตรงมายังแผนกต้อนรับที่อยู่ตรงทางเดิน เธอโยนเงินปึกหนาให้พนักงานชาย
จางจื่อหลานยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูพนักงาน จากนั้นจึงถามเสียงเบาว่า “มียาระบายไหม ฉันจะวางยาคนสองคน”
พนักงานชายได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ เขาส่ายหน้าไปมา
“งั้นมียาอะไรที่สามารถใส่ให้คนได้บ้าง” จางจื่อหลานถามอย่างเย็นชา
“ในห้องครัว…มียาเบื่อหนูครับ” พนักงานชายพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ
แววตาของจางจื่อหลานนิ่งไป “ยาเบื่อหนูงั้นเหรอ ดี! นายไปเอายาเบื่อหนูมาให้ฉันสองซอง และช่วยฉันวางยาคนสองคน เงินห้าหมื่นนี้ถือว่ามัดจำไว้ก่อน ถ้าทำสำเร็จ ฉันจะให้นายอีกหนึ่งแสน”
พนักงานชายตกใจ และพูดอย่างหวาดกลัวว่า “ทำไม่ได้หรอกครับ..ยาเบื่อหนูมีฤทธิ์รุนแรงมาก มันสามารถทำให้คนตายได้เลยนะครับ”
จางจื่อหลานขี้เกียจพูดไร้สาระอีก เธอหยิบบัตรออกมาหนึ่งใบ “ในบัตรนี้มีเงินอยู่ห้าแสน ถ้าทำสำเร็จ ฉันจะให้นายอีกห้าแสน มันคงจะมากพอให้นายใช้ได้ทั้งชีวิต เมื่อทำสำเร็จ นายแค่ลาออกไป เรื่องนี้ไม่มีทางสาวถึงตัวนายอย่างแน่นอน”
ทันใดนั้นพนักงานชายก็เงียบไป
แค่วางยาก็ได้เงินเป็นล้าน เขาทำงานทั้งชีวิตก็ไม่มีทางได้เงินเยอะขนาดนี้ แต่ตอนนี้แค่วางยาง่ายๆ ทำให้ได้เงินมาอย่างง่ายดาย
ในที่สุดพนักงานชายก็พยักหน้า และรับบัตรมาจากมือของจางชิงหมิงด้วยความโลภ แววตาของเขาเย็นชาและแน่วแน่ แค่วางยาคนสองคนและได้เงินเป็นล้าน มันจะเป็นอะไรล่ะ ต่อให้วางยาจนทำให้คนตายเขาก็ไม่กลัว!
มีเงินล้านก็จะทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
จางจื่อหลานยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ เธอกระแทกรองเท้าส้นสูงเดินกลับเข้าไปในห้องอาหาร
หลังจากนั้นไม่กี่นาที พนักงานชายยกขวดไวน์แดงเข้ามา
“สวัสดีครับ นี่คือไวน์แดงที่พวกคุณสั่งไว้…” พนักงานรินไวน์แดงให้ทุกคนอย่างระมัดระวัง
ตอนที่เขาเดินมาตรงหน้าเฉินเป่ย จางจื่อหลานที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารส่งสายตาให้พนักงานชาย
พนักงานชายแววตานิ่ง ความร้ายกาจฉายออกมาทางตาของเขา เขาหยิบแก้วของเฉินเป่ยขึ้นมา จากนั้นจึงใช้ช่วงที่ไม่มีใครสังเกต หยิบผงสีขาวออกมาจากแขนเสื้อและใส่ลงไปในแก้วไวน์ของเฉินเป่ย
หลังจากนั้นพนักงานชายรีบรินไวน์ลงไปในแก้วไวน์อย่างรวดเร็ว ไวน์กับผงสีขาวที่เป็นยาเบื่อหนูผสมกันจนแยกไม่ออก
พนักงานชายนำแก้วไวน์ของเฉินเป่ยวางไว้ตรงหน้าของเฉินเป่ย พนักงานชายใช้วิธีการเดียวกับแก้วไวน์ของซุนเจียเจีย
จางจื่อหลานหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาก่อนใคร เธอเอ่ยขึ้นว่า “พวกเรามาฉลองให้กับวันเกิดของหย่าหรุ่ยกันดีกว่า”
ทุกคนต่างก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาเพื่อที่จะชนแก้วกัน
ซุนเจียเจียกำลังจะยกแก้วไวน์ขึ้นมา แต่จู่ๆ เฉินเป่ยก็จับเอาไว้
ซุนเจียเจียงงเล็กน้อย เธอมองเฉินเป่ยอย่างสงสัย
“ทำไมพวกเธอสองคนไม่ยกแก้วขึ้นมาล่ะ” จางจื่อหลานจ้องเฉินเป่ยกับซุนเจียเจียด้วยสายตาเย็นชา และแสยะยิ้มออกมา
“หรือว่าจะไม่ให้เกียรติหย่าหรุ่ยอย่างนั้นเหรอ วันนี้เป็นวันเกิดของเธอเชียวนะ”
จางจื่อหลานพูดแกมบังคับ ราวกับจะบีบให้ทั้งสองคนดื่มไวน์ให้ได้
เฉินเป่ยแสยะยิ้มยียวน จู่ๆ เขาก็ยกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นมาและเดินเข้าไปหาจางจื่อหลาน
แววตาของจางจื่อหลานเย็นชาเป็นอย่างมาก เธอจ้องเฉินเป่ยเขม็ง ความอาฆาตฉายออกมาทางแววตาของเธอ เธอคิดไปถึงภาพตอนที่เฉินเป่ยโดนวางยา น้ำลายฟูมปากอย่างน่าสยดสยอง เมื่อคิดถึงภาพนั้นเธอก็สะใจขึ้นมาทันที มันคือความสุขที่ได้แก้แค้น!
เฉินเป่ยถือแก้วไวน์เดินเข้าไปตรงหน้าจางจื่อหลาน “คุณจาง โบราณกล่าวไว้ว่า ถ้าไม่ทะเลาะกันก็จะไม่รู้จักกัน พวกเราเข้าใจผิดกันมาหลายครั้ง วันนี้ผมจะดื่มให้คุณ ต่อจากนี้เราจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน”
จางจื่อหลานกะพริบตาเบาๆ ความร้ายกาจฉายออกมาทางแววตาของเธอ
เธอยกแก้วไวน์และยืนขึ้นช้าๆ รอยยิ้มแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “ได้ ในเมื่อนายรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ฉันก็จะทำตามที่นายว่า เราจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน”
เฉินเป่ยยกแก้วไวน์ขึ้นช้าๆ เหมือนกำลังจะดื่มเข้าไป
ในใจของจางจื่อหลานเต็มไปด้วยความร้ายกาจ เธอคิดไปถึงภาพที่เฉินเป่ยนอนน้ำลายฟูมปากอยู่บนพื้น มันก็ทำให้เธอตื่นเต้นขึ้นมาทันที นี่คือความสุขครั้งยิ่งใหญ่ของการแก้แค้น นี่คือจุดจบที่กล้ามาเหิมเกริมกับเธอ!
“ได้ เราจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน” เฉินเป่ยแสยะยิ้ม
“ซ่าาา” จู่ๆ เฉินเป่ยก็ยกแก้วไวน์ราดลงบนหน้าของจางจื่อหลาน
“ดีต่อกันกับผีน่ะสิ!” เฉินเป่ยยิ้มเย็นชา แล้วพูดออกมาอย่างโมโห
ทั้งงานเต็มไปด้วยความเงียบ
เหล่าเพื่อนต่างพากันเบิกตาโตมองภาพที่แทบไม่อยากจะเชื่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้น
“กรี๊ดดด” จางจื่อหลานกรีดร้องออกมาทำลายความเงียบในงาน
จางจื่อหลานกระโดดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เธอคายไวน์ในปากออกมา และยกมือทั้งสองข้างเช็ดไวน์บนใบหน้า ตอนนี้เธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เพราะไวน์ในแก้วของเฉินเป่ยมีพิษ มันเป็นไวน์ที่ผสมกับยาเบื่อหนู ในตอนนี้ไวน์นั่นอยู่บนหน้าของเธอ อีกทั้งเธอยังสูดมันเข้าไปในปากและจมูกอีกด้วย ตอนนี้เธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก มันเป็นความตื่นตระหนกที่อธิบายไม่ได้ เธอไม่อยากถูกวางยา เธอไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้!
จางจื่อหลานยกกระโปรงขึ้นมาเช็ดหน้าโดยไม่สนว่าเธอจะโป๊หรือไม่ เธอใช้แรงสั่งน้ำมูกและพ่นน้ำลายออกมา เพื่อจะให้ไวน์ที่มียาเบื่อหนูออกมา ตอนนี้สภาพของเธอน่าเวทนามาก ภาพลักษณ์ของผู้หญิงฐานะดีเมื่อครู่พังทลายลงจนหมดสิ้น เบื้องหน้าของเธอมันเป็นเพียงภาพลวงตา
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เหล่าเพื่อนที่อยู่ในงานต่างพากันงงไปหมด ก็แค่ไวน์ไม่ใช่เหรอ ทำไมจางจื่อหลานถึงตกใจกลัวขนาดนั้น
อู๋ตุ้งเห็นแฟนสาวถูกทำให้เสียหน้า เขาจึงโมโหขึ้นมาทันที เขาลุกพรวดขึ้นมา และหยิบขวดไวน์เปล่าตีไปที่ศีรษะของเฉินเป่ย
“เพล้ง” เขาเอาขวดไวน์ตีไปที่ศีรษะของเฉินเป่ยอย่างแรงจนขวดไวน์แตกกระจาย
คนในงานตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน พวกเขาตกตะลึงกับพฤติกรรมของอู๋ต้ง
แต่ทว่าบนศีรษะของเฉินเป่ย นอกจากเศษแก้วก็ไม่มีอะไรเลย เขาไม่มีบาดแผลใดๆ
หลังจากที่อู๋ตุ้งอึ้งไป เขาก็ตวาดออกมาอย่างโมโห “ไอ้เวรเอ๊ย” เขาใช้เศษแก้วในมือพุ่งเข้าไปหวังจะแทงเฉินเป่ย เศษแก้วอันแหลมคมเป็นอาวุธในการสังหารที่น่ากลัว ถ้าถูกแทงเข้าไปในอวัยวะภายใน ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต!!
เหล่าคนที่อยู่ในงานกรีดร้องออกมา บางคนถึงกับหลับตาปี๋
“ผัวะ” เฉินเป่ยง้างมือขึ้นมาตบ
อู๋ต้งรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน เขาโดนตบจนกระเด็นออกไป ตัวของเขาล้มลงบนพื้นอย่างแรง ความแค้นจุกอยู่เต็มอก
บรรยากาศเงียบลงทันที เหล่าคนที่อยู่ในงานเบิกตาโต
เฉินเป่ยเดินมาหาซุนเจียเจียและยกแก้วไวน์ตรงหน้าของเธอขึ้นมา และเดินไปหาอู๋ตุ้ง
อู๋ตุ้งหน้าบวมเป่ง เขานอนตัวสั่นอยู่บนพื้น
เฉินเป่ยนั่งยองลงตรงหน้าของเขา จากนั้นจึงกำคอเสื้อของอู๋ตุ้งขึ้นมา
“ไอ้เวร วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้แกเดินออกไปจากโรงแรมนี้อย่างแน่นอน!” อู๋ตุ้งโกรธจนตัวสั่น สีหน้าของเขาเหี้ยมโหดเป็นอย่างมาก
เฉินเป่ยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเอาแก้วไวน์ที่ผสมยาเบื่อหนูกรอกลงไปในปากของอู๋ตุ้ง
“ไอ้เลว แค่กๆๆ” อู๋ตุ้งดิ้นไปมา เขาอยากจะขัดขืนแต่ไม่สามารถทำได้ ไวน์นั่นถูกกรอกลงมาในปากของเขา ถึงแม้มันจะถูกพ่นออกมาเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็กลืนมันลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
อู๋ตุ้งหน้าซีดเผือด เขารีบเอานิ้วล้วงคอ เพื่อที่จะอ้วกไวน์ที่ผสมยาเบื่อหนูออกมา นี่มันคือยาเบื่อหนู ถ้าเขากินมันเข้าไปก็ตายน่ะสิ!!
“พรวดด” อู๋ตุ้งล้วงคออย่างแรง และอาเจียนสิ่งที่สกปรกออกมา สิ่งสกปรกเต็มพื้นจนคลื่นไส้
เฉินเป่ยยืนอยู่ข้างๆ และมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ
“รสชาติของยาเบื่อหนู ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ” เฉินเป่ยพูดยียวน ราวกับกำลังเยาะเย้ย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนในงานมองหน้ากันไปมา ทุกคนทำอะไรไม่ถูก ยาเบื่อหนูอย่างนั้นเหรอ
พนักงานชายที่อยู่ในห้องอาหารหน้าซีดเผือด เขาก้าวขาช้าๆ หวังจะหนีออกจากห้อง
เฉินเป่ยโยนแก้วไวน์ในมือออกไป
“เพล้ง” แก้วไวน์กระแทกไปที่หน้าอกของพนักงานชาย ด้วยแรงอันมหาศาลทำให้แก้วไวน์แตก เศษแก้วฝังลงไปบนหน้าอกและร่างกายของเขาจนสาหัส
อู๋ตุ้งกับจางจื่อหลานอ้วกอยู่นาน จึงอาเจียนสิ่งสกปรกที่อยู่ในกระเพาะออกมา บนพื้นเต็มไปด้วยอ้วก กลิ่นเหม็นและน่าขยะแขยงเป็นอย่างมาก
อู๋ตุ้งโกรธจนตัวสั่น “ไอ้เวรเฉินเป่ย วันนี้แกอย่าหวังว่าจะรอดออกไป!”
เฉินเป่ยยิ้มบางๆ “ทำไม แกยังอยากจะฆ่าฉันเหรอ”
“วันนี้ฉันไม่เพียงแต่จะฆ่าแก แต่จะจัดการกับผู้หญิงของแกด้วย!” อู๋ตุ้งสั่นไปทั้งตัว มันคือความโกรธอันมหาศาล
จางจื่อหลานผมเผ้ายุ่งเหยิง เธอเหมือนแม่มดที่น่ากลัว ดวงตาแดงก่ำจ้องไปที่เฉินเป่ย “ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแกให้ได้!”
สองสามีภรรยาโกรธจนดวงตาแดงก่ำ พวกเขาเหมือนปีศาจร้ายที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
คนที่อยู่ในงานต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน บางคนถึงกับอยากจะออกไปจากที่นี่
“ผัวะ” ทันใดนั้นประตูห้องถูกถีบอย่างรุนแรง เหล่าชายฉกรรจ์พุ่งเข้ามาเหมือนพวกอันธพาล
เมื่อเห็นชายพวกนั้น อู๋ตุ้งก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ในที่สุดลูกน้องที่เขาเรียกก็มาถึงสักที
“ประธานตุ้งเป็นอะไรไปครับ ใครทำให้คุณเป็นแบบนี้ ผมจะฆ่ามันเอง” เมื่อชายพวกนั้นเห็นสภาพของอู๋ตุ้ง ก็พากันโกรธขึ้นมาทันที อู๋ตุ้งถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้ เป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้
อู๋ตุ้งชี้ไปที่เฉินเป่ยอย่างโกรธแค้น “มัน ฆ่ามันให้ตาย ถ้าใครตายฉันจะจ่ายให้เอง ฉันต้องการชีวิตของมัน!”
อู๋ตุ้งตวาดออกมาด้วยความโกรธแค้น
คนที่อยู่ในงานตกใจจนทำอะไรไม่ถูก บางคนแทบอยากจะหนีออกไปเงียบๆ แต่อันธพาลพวกนั้นยืนขวางอยู่ที่ประตู ทำให้ไม่มีโอกาสออกไปได้เลย
“วันนี้จะไม่มีใครได้ออกไป ฉันจะทำให้พวกเธอได้เห็นเฉินเป่ยตายด้วยตาตัวเอง!” อู๋ตุ้งลุกขึ้นมาจากพื้น สีหน้าของเขาโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก
อันธพาลพวกนั้นถือมีดตัดฟืนเอาไว้ในมือ มีดอันแหลมคมกระทบกับแสงไฟจนเกิดประกายอันน่ากลัว
คนที่อยู่ในงานตกใจจนทำอะไรไม่ถูก พวกเธอเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ร้ายแรงขนาดนี้มาก่อน
เอามีดมาทำร้ายคน นี่มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ทุกคนรู้ว่าแฟนของจางจื่อหลานมีเบื้องหลังที่ไม่ดี แต่ไม่คิดว่าเขาจะน่ากลัวขนาดนี้
…
ในห้องสูทอันหรูหราที่อยู่ชั้นบนสุดในโรงแรมแห่งนี้
บอสหนุ่มของโรงแรมนั่งอยู่บนโซฟา เขาสูบบุหรี่ราคาแพงและนั่งดื่มชาพูดคุยกับเพื่อน เขายังโอบสาวสวยอยู่ข้างๆ อีกด้วย เขาดูสบายอกสบายใจเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นรัวๆ
“เข้ามา” บอสตะโกนออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ เขากำลังดื่มชาพูดคุยกับเพื่อนๆ จู่ๆ ก็มีคนมารบกวน เป็นธรรมดาที่เขาต้องหงุดหงิด
ผู้จัดการของโรงแรมยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าของเขาตื่นตระหนก “บอส มีคนก่อเรื่องในห้องอาหารของโรงแรม”
“อะไรนะ ก่อเรื่องอย่างนั้นเหรอ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น บอสก็เด้งตัวขึ้นมาทันที ยังมีคนกล้ามาก่อเรื่องในโรงแรมของเขาที่เมืองหู้ไห่อย่างนั้นเหรอ
“ใครก่อเรื่อง พาฉันไปดูเดี๋ยวนี้!” ท่าทางของบอสขึงขังเป็นอย่างมาก เขาเดินออกไปด้วยความโมโห อยากรู้จริงๆ ว่าใครกล้ามาก่อเรื่องในถิ่นของเขา!