สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 630
บทที่ 630 พวกนายเป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ
สุดท้ายซุนเจียเจียก็ไม่สามารถห้ามได้ เธอยอมจำนนและนอนอยู่บนเตียง เหงื่อเปียกชื้นไหลออกมา…
ทั้งสองนัวเนียกันอยู่นาน เฉินเป่ยเหงื่อไหลเต็มตัว เขาหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด
ซุนเจียเจียมองผู้ชายที่นอนทับตัวเธออยู่อย่างหมดแรง จู่ๆ เธอก็หัวเราะออกมาเบาๆ เสียงหัวเราะของเธอแฝงไปด้วยความสุข
ซุนเจียเจียผลักเขาออก ใบหน้าของเธอกำลังตำหนิและรังเกียจ
เฉินเป่ยอดพูดออกมาไม่ได้ว่า “ผมจะบอกให้นะเจียเจีย เมื่อกี้ผมกำลังปรนนิบัติคุณไง ทำไมถึงรังเกียจผมขนาดนี้ล่ะ”
หึ ซุนเจียเจียพองแก้ม เธอไม่พอใจ แต่มุมปากของเธอกลับยิ้มหวาน
“โอเค ไม่เล่นแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ” ซุนเจียเจียพูดพลางดึงชุดนอนขึ้นมาปิดตัว จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากผ่านสงครามรักเมื่อเช้าและเมื่อคืน ตัวเธอเหนียวเหนอะหนะไปหมด แถมยังมีร่องรอยของเฉินเป่ยอีก เธอต้องอาบน้ำ
เฉินเป่ยแสยะยิ้มมุมปาก เขาถอดเสื้อเชิ้ตออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อกำยำ จากนั้นเธอก็ตามเข้าไปในห้องน้ำ
“นี่ นายเข้ามาทำไม” ซุนเจียเจียแช่น้ำอยู่ในอ่าง เมื่อเห็นเฉินเป่ยเข้ามา เธอถึงกับตกใจ
“เจียเจีย ให้ผมอาบน้ำเป็นเพื่อนคุณเถอะ” เฉินเป่ยแสยะยิ้ม โดนไม่สนใจสิ่งที่ซุนเจียเจียพูด เขาดึงดันลงมาในอ่างอาบน้ำ
ตอนนี้ร่างกายของเฉินเป่ยเปลือยเปล่า ซุนเจียเจียกวาดตามองผิวสีคล้ำของเขา จู่ๆ เธอก็อึ้งไป บนตัวของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่น่ากลัว
“ทำไม…บนตัวของนายถึง…” ซุนเจียเจียหน้าซีดเล็กน้อย แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเห็นรอยแผลเป็นบนตัวของเขาก็ต้องตกใจอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงที่ว่านอนสอนง่ายอย่างซุนเจียเจียที่ไม่เคยเห็นรอยแผลเป็นบนร่างกายที่น่ากลัวขนาดนี้ เธอมองรอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนร่างกายของเฉินเป่ย ราวกับจะหยุดหายใจ ความรู้สึกแบบนั้นทำให้เธอตกใจ ผู้ชายคนนี้ผ่านอะไรมาบ้าง ต้องผ่านความทุกข์ทรมานขนาดไหน บนร่างกายถึงมีรอยแผลเป็นที่น่ากลัวขนาดนี้
“เอ่อ..แผลเป็นพวกนี้เหรอ มันเกิดจากการโดนลอบโจมตีในต่างแดนน่ะ ในต่างแดนวุ่นวายมาก ฉันโชคไม่ค่อยดีเลยโดนลอบโจมตีหลายครั้ง ทำให้มีรอยแผลเป็นเต็มตัว” เฉินเป่ยหาข้ออ้างพูดออกมา
ซุนเจียเจียอึ้งไป ถึงแม้ว่าเธอจะไร้เดียงสา แต่เธอก็ไม่ได้โง่ เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวไม่เชื่อคำพูดของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยนอนเอนลงในอ่างอาบน้ำ เขาโอบตัวของเจียเจียไว้หลวมๆ ทั้งสองเหมือนคู่รักแสนหวาน ทั้งคู่แอบอิงเนื้อแนบเนื้ออยู่ด้วยกัน
ซุนเจียเจียพิงอยู่บนอกของเฉินเป่ย มือนุ่มลูบแผลเป็นที่อยู่บนตัวของเขา เธอรู้สึกวูบโหวงในใจ เบื้องหลังของผู้ชายคนนี้ต้องมีเรื่องมากมายแน่นอน เรื่องพวกนั้นคงเหมือนรอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนตัวของเขา
ราวกับสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอก เฉินเป่ยลูบศีรษะของเธอเบาๆ จากนั้นจึงพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เจียเจีย ไม่ว่าจะเป็นยังไง ฉันก็ไม่มีทางทำร้ายเธอ…”
ดวงตาคู่สวยของซุนเจียเจียแดงระเรื่อ เธอปรายตามองเขา “เมื่อคืนฉันมอบร่างกายให้นายแล้ว นายว่าฉันจะกลัวไหม”
เฉินเป่ยอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โน้มหน้าเข้าไปจูบหญิงสาว
ทั้งสองสูญเสียการควบคุมอยู่ในอ่างอาบน้ำอุ่นๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ซุนเจียเจียพิงอยู่ในอกของเฉินเป่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง ทั้งสองแช่อยู่ในน้ำและหลับตาลงเบาๆ
กว่าหนึ่งชั่วโมงทั้งสองคนถึงจะอาบน้ำเสร็จ
ซุนเจียเจียกับเฉินเป่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าและรีบขับรถไปที่บริษัท ถึงกระนั้นทั้งสองก็มาทำงานสายแล้ว
เมื่อเฉินเป่ยมาถึงบริษัท หลีชิงเยียนเรียกเขาเข้าไปในห้องทำงาน
ประธานเทพธิดารวบผมมาไว้ข้างๆ เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ได้พูดอะไร
“เมื่อวานนายไปไหน เมื่อเช้าก็ไม่มารับฉัน” หลีชิงเยียนถามขึ้น
เฉินเป่ยอึ้งไป เขาพูดอธิบายว่า “อ้อ เมื่อวานผมไปงานเลี้ยงกับเพื่อนน่ะ”
แววตาคู่สวยดูสงสัย “งานเลี้ยง เมื่อเช้าเลยนั่งรถมาทำงานกับซุนเจียเจียอย่างนั้นเหรอ แถมยังมาสายทั้งคู่ด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินเป่ยใจเต้นตึกตัก เมื่อเช้าเขาจงใจแยกกับซุนเจียเจีย โดยใช้ลิฟต์อีกตัวขึ้นมาที่ห้องทำงาน คิดไม่ถึงว่าหลีชิงเยียนจะเห็น ผู้หญิงคนนี้มีสายที่คอยสอดส่องอยู่ทั่วบริษัท
“เอ่อ..เรื่องนี้ผมอธิบายได้ เมื่อเช้าซุนเจียเจียโทรมาหาผม บอกว่ารถเสีย ผมเลยรีบไปซ่อมให้ ซ่อมเสร็จก็ผ่านไปชั่วโมงกว่า ผมก็เลยมาทำงานสาย..” เฉินเป่ยเกาหัวแล้วอธิบายออกมา เขาอธิบายไม่ได้เรื่องเลย เขาเองก็รู้สึกร้อนตัวเหมือนกัน
แววตาของหลีชิงเยียนนิ่ง เธอพูดขึ้นว่า “อืม นายออกไปเถอะ ฉันจะทำงาน”
เฉินเป่ยอึ้งเล็กน้อย วันนี้แม่เสือสาวแปลกไปนะ แต่เขาก็ไม่กล้าอยู่ต่อและเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างหวาดระแวง
หลังจากที่เฉินเป่ยเดินออกไป ใบหน้าสงบนิ่งของหลีชิงเยียนหายวับไปในทันที มันถูกแทนที่ด้วยความโมโห
เธอกำปากกาแน่น และพูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า “ไอ้เลว คิดว่าฉันโง่หรือไง รถเสียทำไมไม่โทรหาอู่ซ่อมรถล่ะ จะโทรหานายทำไม ไอ้เลวเอ๊ย หน้าไม่อายจริงๆ!”
ตอนนี้หลีชิงเยียนโมโหจนไม่เหลือภาพลัษณ์ของประธานเทพธิดาแล้ว เธอเหมือนป้าแก่ขี้หึงคนหนึ่งที่ทำให้คนประหลาดใจ
…
ค่ายบู๊หู้ไห่
เหล่าเด็กฝึกกำลังฝึกอยู่ในโรงฝึก เมื่อเจอกับเหตุการณ์ครั้งก่อน พวกเด็กหนุ่มรู้ทันทีว่าความสามารถของตัวเองยังไม่เพียงพอ ดังนั้นทุกคนจึงฝึกฝนอย่างหนักและกลายเป็นคนขยันขึ้นมาทันที
เซี่ยเจี้ยนกั๋วอยู่ในชุดฝึก เขายืนอยู่หน้าเวทีฝึกและตั้งใจสอนทักษะให้เหล่าเด็กหนุ่ม
ระหว่างนั้นเซี่ยเจี้ยนกั๋วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เหมือนมีลมหายใจประหลาดกำลังใกล้เข้ามา
เขาหันไปมองข้างนอกโรงฝึก ข้างนอกไม่มีใครสักคนและเงียบมาก
เซี่ยเจี้ยนกั๋วขมวดคิ้วขึ้นช้าๆ เขาเหลือบไปมองที่หน้าประตู
วินาทีนั้นเขาถึงกับตกใจ
ผู้อาวุโสผมขาวยืนอยู่หน้าประตู เขาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูโรงฝึกอย่างกะทันหัน
ไม่มีแม้แต่เสียงราวกับโผล่ออกมาจากอากาศ
เซี่ยเจี้ยนกั๋วขยี้ตาอย่างแรงเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาด
จากนั้นเขาถึงกับเบิกตาโพลง
เพราะร่างกายของผู้อาวุโสผมขาวกลายเป็นเงาที่เหมือนภาพลวงตา
วินาทีต่อมา ผู้อาวุโสคนนั้นก็มายืนอยู่กลางโรงฝึก
เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก เซี่ยเจี้ยนกั๋วไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสผมขาวได้ด้วยตาเปล่า เห็นเพียงเงาที่เคลื่อนตัวผ่านหน้าไปเท่านั้น ความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ทักษะไม่เอาไหน ต่อสู้ไร้เรี่ยวแรง ข้อบกพร่องมากมาย นี่คือค่ายบู๊หู้ไห่อย่างนั้นเหรอ” ผู้อาวุโสผมขาวเอามือไพล่หลังยืนอยู่กลางโรงฝึก เขาพูดออกมาเนิบๆ แต่น้ำเสียงของเขาไม่มีใครเหมือน
เหล่าเด็กฝึกในค่ายบู๊หู้ไห่ตั้งสติได้ พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีผู้อาวุโสผมขาวปรากฏตัวอยู่กลางโรงฝึก นี่มันเหมือนกับผีชัดๆ น่าตกใจมาก
“นายเป็นใคร” เหล่าเด็กฝึกที่อยู่ในโรงฝึกจ้องผู้อาวุโสผมขาว และถามขึ้น
ผู้อาวุโสผมขาวยังยืนอยู่กลางโรงฝึก แววตาของเขาลุ่มลึกและหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ
“เฉินเป่ยอยู่ที่ไหน ฉันมาหาเฉินเป่ย” ผู้อาวุโสยืนอย่างสงบ แต่กลับไม่มีใครกล้าต่อกรกับเขา
เซี่ยเจี้ยนกั๋วสีหน้านิ่ง เขาเดินไปข้างหน้าและทำความเคารพ “ผู้อาวุโส มาหาเฉินเป่ยมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
ผู้อาวุโสผมขาวมองเซี่ยเจี้ยนกั๋วนิ่งๆ “นายคือหัวหน้าสมาคมบู๊แห่งนี้เหรอ”
เซี่ยเจี้ยนกั๋วพยักหน้า “ครับ ผมเซี่ยเจี้ยนกั๋วเป็นหัวหน้าของที่นี่”
“ผัวะ!” ผู้อาวุโสผมขาวยื่นแขนออกมาข้างหน้าเบาๆ แรงมหาศาลแผ่ซ่านออกมาจากฝ่ามือของเขา
เซี่ยเจี้ยนกั๋วถูกโจมตีที่หน้าอก เขาเหมือนถูกสายฟ้าฟาด จากนั้นก็กระเด็นออกไป
“ตู้มม” ตัวของเซี่ยเจี้ยนกั๋วกระแทกกับกำแพงอย่างแรงจนกำแพงแตกและยุบ กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่ว
“พ่อ!” เซียถิงถิงหน้าซีด เธอรีบวิ่งเข้ามาหาพ่อ เซี่ยเจี้ยนกั๋วนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น เขาหายใจรวยริน เลือดไหลออกมาจากปากไม่หยุด
“หัวหน้า!!” เหล่าเด็กฝึกโมโหเป็นอย่างมาก
เด็กฝึกพวกนั้นล้อมผู้อาวุโสผมขาวเอาไว้
ขณะนั้นเอง มีเสียงเบรกดังสนั่นดังขึ้นจากข้างนอกสมาคมบู๊หู้ไห่
รถหลายคันจอดลงตรงหน้าสมาคมบู๊
เหล่าคนของตระกูลเซียวบุกเข้ามาในสมาคมบู๊ พวกเขาเดินเข้ามาพร้อมความอาฆาต
“บังอาจ! กล้าไร้มารยาทกับท่านผู้อาวุโสของเรา ยังไม่ไสหัวออกไปอีก!” เหล่าคนของตระกูลเซียวพูดอย่างโมโห
พวกคนเหล่านั้นบุกเข้าไปต่อสู้กับคนของสมาคมบู๊อย่างดุเดือด
คนของค่ายบู๊หู้ไห่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา คนของค่ายบู๊ถูกเตะจนปลิว และร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่ว
ผู้อาวุโสผมขาวยืนเอามือไพล่หลัง เขายืนสงบนิ่งอยู่ตรงกลาง เหมือนกับตัวของเขาโปร่งแสงและงดงาม
หลังจากไม่กี่นาที ในค่ายบู๊หู้ไห่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและภาพอันน่าสยดสยอง เลือดสดเจิ่งนองเต็มพื้น มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก
เหล่าคนของตระกูลเซียวยืนด้วยท่าทีเกรี้ยวกราดอยู่ข้างหลังผู้อาวุโสผมขาว เขาโค้งตัวพูดว่า “ผู้อาวุโส จัดการพวกสวะเรียบร้อยแล้วครับ”
ผู้อาวุโสพยักหน้าช้าๆ แววตาของเขาลุ่มลึก
“เรียกเฉินเป่ยออกมา ไม่งั้นฉันจะทำให้ที่นี่ราบเป็นหน้ากลอง” น้ำเสียงของผู้อาวุโสผมขาวราบเรียบ แฝงไปด้วยความน่ากลัวที่ลอยอยู่ในอากาศ
ความเงียบและรอยเลือดปกคลุมไปทั่ว
เซียถิงถิงหยิบมือถือขึ้นมาแบบสั่นๆ เธอกดโทรออกไปหาเฉินเป่ย…
…
ห้องทำงานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เฉินเป่ยกำลังนั่งเล่นเกมแนว survival อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จู่ๆ เซียถิงถิงก็โทรมา
“ใครนะ ตระกูลเซียวแห่งหรงเฉิงเหรอ” เมื่อเฉินเป่ยรับสาย เขาขมวดคิ้วขึ้นทันที ตระกูลเซียวนี่เรื่องเยอะจริงๆ มาก่อความวุ่นวายถึงที่ เฉินเป่ยไร้ซึ่งความอดทนแล้ว!
แต่ตอนนี้เขาก็จนปัญญา ทำได้เพียงรีบวิ่งลงไปข้างล่าง และขับรถตรงไปยังสมาคมบู๊หู้ไห่
หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที รถยนต์มายบัคสีดำเบรกลงตรงหน้าประตูสมาคมบู๊หู้ไห่
เฉินเป่ยคาบบุหรี่อยู่ในปาก เขาเดินเข้าไปอย่างไม่สบอารมณ์
“ใครหน้าไหนมาหาฉัน น่ารำคาญจริงๆ!!” สีหน้าของเฉินเป่ยไร้ซึ่งความอดทน และแฝงไปด้วยความหงุดหงิด
ตรงกลางสมาคมบู๊มีชายอาวุโสผมขาวยืนมือไพล่หลังอยู่ เขาค่อยๆ หันหลังมามองเฉินเป่ย
“นายคือคนที่ทำร้ายเซียวเข้อเซิงงั้นเหรอ” น้ำเสียงของผู้อาวุโสผมขาวราบเรียบ
เฉินเป่ยจ้องผู้อาวุโสอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงย้อนถามว่า “นายเป็นใคร”
“บังอาจ! เห็นท่านผู้อาวุโส ยังไม่รีบคุกเข่าอีก!” หนึ่งในคนของตระกูลเซียวพูดออกมาด้วยความโมโห
แววตาของเฉินเป่ยนิ่ง เขาโยนก้นบุหรี่ออกไป
คนของตระกูลเซียวคนนั้นถูกโจมตีด้วยก้นบุหรี่ จนไอออกมาอย่างรุนแรง
แววตาของผู้อาวุโสนิ่งลง สีหน้าของเขาเย็นชา
“เหล่าคนของตระกูลเซียว ได้รับบาดเจ็บที่เมืองหู้ไห่ นายลงมืออย่างเหี้ยมโหด รู้ถึงผลที่จะตามมาไหม” ผู้อาวุโสผมขาวพูดเนิบๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก
ตอนแรกเฉินเป่ยอึ้งไป หลังจากนั้นเขาจึงพูดประชดออกมาว่า “ตาเฒ่า ฉันไม่ชอบสิ่งที่นายพูดเลย ตระกูลเซียวจะทำอะไรก็ไม่ผิด ส่วนสมาคมบู๊หู้ไห่จะทำอะไรนิดหน่อยก็ถูกห้ามอย่างนั้นเหรอ ทำไมนายถึงไม่ถามว่าคนของตระกูลเซียวมาทำร้ายคนของสมาคมบู๊หู้ไห่ไปกี่คน”
แววตาของผู้อาวุโสผมขาวนิ่งไป
รังสีความน่ากลัวแผ่ออกมาจากตัวของเขา พื้นที่อยู่ใต้เท้าค่อยๆ แตกออก
เหล่าคนของตระกูลเซียวรู้ดีว่าท่านผู้อาวุโสจะลงมือแล้ว!
ผู้อาวุโสเก็บตัวฝึกฝนมาหลายปี เขาปลีกตัวออกจากการต่อสู้บนโลก ในโลกใบนี้ไม่มีใครเทียบเขาได้ ตระกูลเซียวพยายามจนใกล้จะถึงจุดสุดยอดของการต่อสู้ “นายจะหักแขนหักขาตัวเองหรือจะให้ฉันลงมือเอง” น้ำเสียงของผู้อาวุโสผมขาวยืดยาน และแฝงไปด้วยความโอหัง
เฉินเป่ยได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “นี่ตาเฒ่า อายุขนาดนี้แล้วยังกล้าโม้แบบนี้อีก มันน่าสนุกตรงไหนเหรอ”
“สวบบ” ผู้อาวุโสเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาพุ่งเข้าไปจนกลายเป็นเงาที่น่ากลัว เขายื่นฝ่ามือออกมา ความสั่นสะเทือนเกิดขึ้นในอากาศ
ตอนนี้เหล่าคนของตระกูลเซียวแทบหยุดหายใจ
นี่คือพละกำลังของท่านผู้อาวุโส พลานุภาพที่น่ากลัวของการต่อสู้แห่งตระกูลเซียว
“ผัวะ!” ผู้อาวุโสใช้ฝ่ามือโจมตีไปที่หน้าอกของเฉินเป่ยอย่างแรง
เฉินเป่ยกระเด็นออกไปเพราะถูกโจมตีด้วยแรงมหาศาล
เขาล้มลงบนพื้นอย่างแรง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ผู้อาวุโสก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมาเหยียบบนตัวเขาอย่างแรง
“ตู้ม!” ตัวของเฉินเป่ยถูกเหยียบจนพื้นยุบลงไป ฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว
เซียถิงถิงหน้าซีด เธอมองภาพตรงหน้าอย่างหวาดกลัว ตอนนี้เธอกระวนกระวายไปหมด
เหล่าเด็กฝึกของสมาคมบู๊หู้ไห่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้น มันน่าหดหู่เป็นอย่างมาก ทุกคนทำได้เพียงยืนดูภาพอันน่าหดหู่ตรงหน้า ประธานกิตติมศักดิ์โดนอีกฝ่ายทำร้ายจนแทบไม่มีโอกาสตอบโต้กลับ
“นี่ตาเฒ่า ฉันบอกแล้วไงว่าตระกูลเซียวเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” เฉินเป่ยกระโดดขึ้นมาจากหลุมบนพื้น เขาพูดอธิบายด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“ไอ้กระจอกน่ารำคาญ!” ผู้อาวุโสพุ่งไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“ตู้มๆ!” หมัดหนักๆ กระแทกลงไปที่หน้าอกของเฉินเป่ยถึงสองครั้ง
ตัวของเฉินเป่ยกระเด็นออกไปอีกครั้ง เขากระแทกกับกำแพงอย่างแรงจนกำแพงพังทลายลงมา
“ตาเฒ่าบ้านี่ ฉันบอกแล้วไงว่าตระกูลเซียวเป็นฝ่ายทำร้ายคนอื่นก่อน!” เฉินเป่ยโงนเงนลุกขึ้นมาจากพื้น เขาพูดด้วยความโมโห เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้จริงๆ
สีหน้าของผู้อาวุโสผมขาวเย็นยะเยือก
“ฉันเก็บตัวฝึกฝนมานาน วันนี้เลือดของนายต้องมาบูชาการต่อสู้ของฉัน!” พูดจบ ผู้อาวุโสผมขาวก็เคลื่อนตัวพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว บนพื้นที่เขาเคลื่อนตัวผ่านแตกกระจายออกมาทันที
เฉินเป่ยไม่อยากพูดไร้สาระอีก เขาระเบิดพลังออกมาและถอยหลังหลบ
ทั้งสองคนต่อสู้อย่างดุเดือดในสำนักฝึกวิทยายุทธ
เฉินเป่ยเคลื่อนตัวหลบรวดเร็วดั่งสายลม
ด้านหลังของเขา ใบหน้าของผู้อาวุโสผมขาวเย็นชาและพุ่งเข้ามาอย่างน่ากลัว
ทุกคนพากันตกตะลึงและเบิกตาโตมองภาพตรงหน้า นี่มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ทักษะของผู้อาวุโสผมขาวรวดเร็วดั่งสายฟ้า หมัดอันน่ากลัวโจมตีอย่างดุเดือด
แต่ทว่าเฉินเป่ยกลับเคลื่อนไหวได้เร็วกว่า เขาเคลื่อนตัวหลบราวกับเป็นวิญญาณ คิดไม่ถึงว่าจะหลบการจู่โจมที่น่ากลัวของอีกฝ่ายได้!
…
ภายในสมาคมบู๊ยังเต็มไปด้วยแรงอาฆาต ผู้อาวุโสผมขาวยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ส่วนเฉินเป่ยก็ถอยหลังหลบเช่นกัน เขาไม่มีท่าทีว่าจะตอบโต้กลับแม้แต่น้อย
“ให้ตายเถอะ!” เฉินเป่ยโมโหขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เขากำลังจะระเบิดพลังออกมา!