สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 638
บทที่638 ประกาศรับสมัครงานบริเวณมหาวิทยาลัย
จางหยุ่งสีหน้าเคร่งขรึม ชี้ไปที่หยวนเปียวที่อยู่ใต้เท้า พูดเสียงดุ “พี่เฉิน…ไอ้หมอนี่พาคนมาหาเรื่องเมื่อกี้…บอกว่าจะฟันพี่ให้ตาย! โดนผมจัดการเรียบร้อย!”
เฉินเป่ยยิ่งมึนงงขึ้นไปอีก กวาดดวงตามองหยวนเปียวที่พื้น ทำไมถึงรู้สึกว่าคุ้นหน้าอยู่บ้าง?
ในเวลานี้ หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านหลังค่อยๆ เดินเข้ามา ใช้ดวงตางดงามจ้องผู้ชายที่พื้นแบบน่าประหลาดใจ “หยวนเปียว?”
เฉินเป่ยตบหน้าอกทีหนึ่ง ชั่วขณะหนึ่งนึกขึ้นได้แล้ว
“โอ๊ะ! นี่ไม่ใช่คุณชายหยวนหรอกเหรอ?” เฉินเป่ยขยับเข้ามาด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์ จุดบุหรี่มวนหนึ่งแบบมีความหมายแฝง
หยวนเปียวโดนจางหยุ่งเหยียบไว้ใต้เท้า ร่างกายสูงใหญ่สั่นเทารุนแรง สีหน้าดุร้าย “เชี้ยแม่ง! เฉินเป่ย ฉันจะฟันแกทั้งบ้าน!”
“โอ๊ะ…คุณชายหยวนนี่พูดจาอันธพาลมากเลยนะ คุณชายหยวน คุณโดนคนเหยียบไว้ใต้เท้าแล้ว ยังจะคิดมาฟันผมอีกเหรอ?” เฉินเป่ยนั่งยองตัวลง พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหยวนเปียวทีหนึ่ง…ทำเอาเขาสำลักไออย่างหนัก
“ไอ้สัด!! รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” หยวนเปียวกำลังคำรามแบบดุร้ายโกรธแค้น
“ป้าบ!” เฉินเป่ยสูบบุหรี่อยู่ ยกฝ่ามือขึ้นฉับพลัน ตบบนหน้าของหยวนเปียวไปทีหนึ่งอย่างแรง
“เฮือก!” หลังจากตบนี้ฟาดลงไป หยวนเปียวก็พ่นเลือดสดออกมาจากในปากทันที น่าเวทนายิ่งนัก
“เชี้ย! แกแม่งกล้าตบฉันเหรอ? ฉันจะฟันแกให้หมดทั้งบ้าน!” หยวนเปียวกำลังโวยวายโหดร้ายไปทั้งตัว เลือดทั่วทั้งปากสาดกระจาย สยองขวัญไร้ที่เปรียบ
“ป้าบ!” เฉินเป่ยตบลงไปอีกที พลังอันแสนทารุณ…หยวนเปียวฟันกระเด็นลอยไปหลายซี่ทันที
ท่านประธานเทพธิดาหลีชิงเยียนทนดูต่อไปไม่ได้เท่าไร จึงพูดห้ามปรามเสียงเบาๆ “เฉินเป่ย พอเถอะ…ปล่อยเขาไปแล้วกัน”
หยวนเปียวสีหน้าสั่นเทารุนแรง “ไอ้เชี้ยแม่ง เฉินเป่ย! วันนี้ฉันกลับไปจะไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่ ฉันต้องฟันแกให้ได้! สับให้แหลก!! เชี้ย! ยังมีหลีชิงเยียนอีกคน แกนังแพศยา ฉันจะจัดการแกให้น่าดู…”
“ไม่กลัวตายจริงๆ สินะ…” ดวงตาเฉินเป่ยแข็งทื่อเล็กน้อย ยกฝ่ามือขึ้นทันใด…
เลือดแดงสดสาดกระจายไปตามๆ กันกับเสียงตบดังขึ้น
ทั้งตัวหยวนเปียวเหมือนกับหัวหมูที่โดนฆ่าแกง กระอักเลือดสดออกมายกใหญ่…ฟันสองแถวโดนตบกระเด็น…ทั้งตัวสั่นเทิ้มเหมือนหมูที่ใกล้ตาย
“ไอ้..ไอ้เชี้ย…แม่ง…ตระกูลหยวนของฉัน…จะทุ่มสุดกำลังตามฆ่าแกให้ได้…” หยวนเปียวสั่นเทิ้มไปทั่วตัว แต่เขายังคงไม่ยอมแพ้…คุณชายตระกูลหยวนคนนี้ เดิมทีเหมือนไม่กลัวตาย
เฉินเป่ยหัวเราะแล้ว หัวเราะแบบมีเลศนัย “คุณชายหยวน…พวกเราไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน…แกไม่มีธุระอะไรเข้ามาหาเรื่องวุ่นวายกับฉัน…นี่ยังมีเหตุผลอยู่เหรอ?”
“ไอ้เชี้ยแม่ง!!” หยวนเปียวด่าทออย่างโกรธเคืองดุร้าย “เฉินเป่ย…ขอแค่แกอยู่ที่เมืองหู้ไห่…สักวันหนึ่งฉันจะตามฆ่าแกให้ตาย!!”
ดวงตาของเฉินเป่ยสงบนิ่งไร้ที่เปรียบ จ้องเขาแบบนิ่งๆ ขนาดนี้
“หยวนเปียว แกคิดว่าวันนี้แกยังมีชีวิตรอดกลับไปได้งั้นเหรอ?” เสียงของเฉินเป่ยเรียบเฉยมาก เรียบเฉยจนเข้าถึงกระดูก…แต่กลับ…ทำให้คนมีความรู้สึกสะพรึงกลัวแบบหนึ่ง
ซู่! บรรยากาศเงียบงันในชั่วพริบตาเดียว
เฉินเป่ยค่อยๆ ยกก้นบุหรี่ขึ้น ใช้แรงนาบไปบนฝ่ามือของหยวนเปียว
“อ่า——!” หยวนเปียวร้องโหยหวน ทั้งตัวเขากำลังสั่นอย่างรุนแรง ผิวหนังของเขา…ถูกก้นบุหรี่ที่ร้อนผะผ่าวลวกจนเปลี่ยนรูปในชั่วขณะนั้น
“เหยดแม่ง!!” หยวนเปียวสีหน้าดุร้ายโมโหเดือดดาล วินาทีนี้เขารู้สึกถึงวิกฤติความตายนิดๆ แต่เขาคือคุณชายตระกูลหยวน เมืองหู้ไห่แห่งนี้ ไม่มีใครแตะต้องเขาได้ นี่คือที่พึ่งของเขา
“ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน…ตระกูลหยวนของฉันจะต้องสับแกเละเป็นโจ๊กแน่!!” หยวนเปียวตัวสั่นเทาตะคอกใส่ เสียงโหดร้ายอย่างยิ่ง “ตระกูลหยวนของฉันมีอำนาจยิ่งใหญ่ในวงการใต้ดินของหู้ไห่ ถ้าแกแม่งกล้าแตะต้องฉันก็ลองดู? ฉันรับรองว่าพรุ่งนี้ศพแกได้อยู่ข้างถนนแน่!! ตายศพไม่สวย!! ศพเละกระจาย!!”
“อ่อ…งั้นเหรอ?” ทันใดนั้นเฉินเป่ยล้วงไฟแช็กออกมาอันหนึ่ง…บีบไฟแช็กจนแตกร้าว ของเหลวสารบิวเทนที่แสบจมูกนั้นถูกเทราดบนผมของหยวนเปียว
ของเหลวสารบิวเทนที่แสบจมูกเข้มข้นปล่อยกลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนออกมา ลอยขึ้นมาในอากาศผืนหนึ่ง
“สารเลว! แกอยากทำอะไร? แม่งเอ๊ย! ฉันจะบอกแกไว้นะ แกข่มขู่ฉันไม่ได้หรอก ฉันไม่กลัวตาย!!” เสียงหยวนเปียวแค้นเคืองและดุร้าย…
เฉินเป่ยขี้เกียจสนใจเขา จุดไฟแก๊สบิวเทนบนผมของหยวนเปียวโดยตรง
“พรึบ!” ชั่วขณะนั้นแก๊สติดไฟลุกไหม้ กลายเป็นเปลวไฟที่รุนแรง ผมที่สวยงามและหนาของหยวนเปียวนั้นราวกับใบต้นหลิว ถูกจุดไฟโดยตรง ลุกไหม้โชติช่วงขึ้นมา
“เหยดแม่ง!! แกทำอะไร!!” ชั่วขณะนั้นหยวนเปียวระเบิดไปทั้งตัว เปลวไฟที่รุนแรงบนศีรษะพุ่งทะยาน อุณหภูมิที่ร้อนแรงนั้นราวกับจะระเบิดทั้งสมองของเขาให้แตกไปหมด นั่นคือความเจ็บปวดที่สยองขวัญ ทั้งศีรษะล้วนถูกเปลวไฟเผาไหม้ ผิวหนังต่างกำลังบิดเบี้ยวผิดรูป ความเจ็บปวดค่อยๆ โจมตีเข้ามา
“ไม่เป็นอะไร ถือซะว่าเปลี่ยนแกให้เป็นหมูย่างตัวหนึ่งเท่านั้น” เฉินเป่ยท่าทางนิ่งเฉย ไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย
ใบหน้าหลีชิงเยียนอึ้งทึ่ง กำลังอยากจะห้าม กลับถูกเฉินเป่ยมาขวางไว้ด้านข้าง
“นี่…นายอาจเผาเขาตายได้นะ…” หลีชิงเยียนพูดเสียงเบา มีความตื่นตกใจอยู่ด้วย
“ตายก็ตายสิ คนที่ผมฆ่ามาน้อยมากงั้นเหรอ?” เพิ่มมาอีกสักคนแล้วจะยังไง” น้ำเสียงเฉินเป่ยสงบนิ่งไร้ที่เปรียบ ราวกับคนที่ไม่เป็นอะไรอย่างนั้น
ทั้งตัวหยวนเปียวลุกไหม้ดุเดือด ผมโดนเผาไหม้จนบิดเบี้ยว ส่งกลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนออกมา หนังศีรษะของเขาถูกเปลวไฟเผาจนบิดเบี้ยวเช่นกัน…เลือดสดที่พึ่งไหลออกมา ก็โดนเปลวไฟร้อนผ่าวไหม้จนแข็งตัว…เลือดแดงสดสยดสยอง
“อ๊าก——!” บนศีรษะหยวนเปียวมีไฟลุกอยู่ แทบจะพังทลายไปทั้งตัวแล้ว นั่นคือความหวาดกลัวของความตาย
วินาทีนี้ เขารู้สึกถึงความตายจริงๆ แล้ว
เขาคุณชายตระกูลหยวนผู้น่าเกรงขาม ผู้มีความทะเยอทะยานในอำนาจมืดของเมืองหู้ไห่ ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน คุณชายอำนาจมืดที่เกิดออกมาจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายทุกวัน แต่วินาทีนี้…คาดไม่ถึงเขารู้สึกถึงความตายอย่างแท้จริง
ไฟร้อนแรงกำลังลุกไหม้บนศีรษะ ทั้งศีรษะกำลังบิดเบี้ยวผิดรูปอย่างรุนแรง เขาสามารถรู้สึกได้ถึงกระทั่งความเจ็บปวดที่ถูกเปลวไฟเผาด้านบนกะโหลกศีรษะ…สมองของเขาใกล้ระเบิดแล้ว
“อ๊าก——! ช่วยฉันด้วย!! ช่วยฉันหน่อยสิ!!” หยวนเปียวถูกเหยียบไว้บนพื้นทั้งตัว ดิ้นรนอย่างรุนแรง วินาทีนี้ น่าสังเวชสุดๆ แม้กระทั่งเขายังได้กลิ่นหอมของเนื้อที่โดนเผาไหม้จากเนื้อหนังของตนเองนั้นอย่างชัดเจน…กลิ่นนั้น…ทำให้เขาตกใจและรู้สึกไม่ดี…ทำให้เขารู้สึกถึงความตาย
พวกลูกน้องที่ได้รับบาดเจ็บหลายร้อยในที่เกิดเหตุนั้นตกใจอึ้งกันหมด…มองฉากนี้ด้วยความตื่นตระหนก พวกเขาล้วนเป็นสมาชิกองค์กรมืด…ฟันคนมานับไม่ถ้วน…เคยฆ่าคน เลือดตกยางออก…แต่พวกเขาไม่เคยเจอฉากที่น่าสะพรึงกลัวเหี้ยมโหดแบบนี้…
จุดไฟบนหนังศีรษะของคนคนหนึ่ง? จากนั้นไหม้ตายไปทั้งเป็นเหรอ? นี่แม่งโหดเหี้ยมทารุณถึงขีดสุดเสียจริง
ใบหน้าหลีชิงเยียนซีดเซียว ทนดูต่อไปไม่ได้เท่าไร…เธอเป็นอัจฉริยะด้านการค้าคนหนึ่ง ทว่ายามอยู่ภายใต้สถานการณ์นองเลือดแบบนี้…เธอกลับสูญเสียการควบคุม…มีเพียงความรู้สึกปั่นป่วนท้อง…สีหน้าซีดเผือดไปทั้งแถบ…
“คุณเข้าไปก่อนเถอะ ที่นี่ผมจะจัดการให้เรียบร้อยเอง” เฉินเป่ยส่งสายตาไปให้เธอ ให้เธอเดินเข้าอาคารอย่างสบายใจ
หลีชิงเยียนลังเลอยู่ตั้งนาน ท้ายที่สุดส่งสีหน้าหนึ่งไปยังเฉินเป่ย แสดงให้เขาอย่าก่อเรื่องวุ่น…จากนั้นเดินเข้าไปในอาคารด้วยความซับซ้อนยุ่งเหยิง…
หยวนเปียวพังทลายไปทั้งตัวแล้ว น้ำมูกน้ำตา…ผสมกับเลือดไหลออกมา…ผิวหนังบนศีรษะยังมีเปลวไฟเผาไหม้รุนแรง กลิ่นเนื้อย่างลอยออกมาไม่ขาดสาย…จิตใจเขาพังทลายถึงที่สุด
“ช่วยฉันด้วย…ขอร้องนายล่ะ…อย่าฆ่าฉัน!! อย่าเผาฉัน!!” หยวนเปียวพังทลายถึงที่สุด พูดอ้อนวอนแบบน่าเวทนาร้องโหยหวน
วินาทีนี้ คุณชายอำนาจมืดตระกูลหยวนที่สูงใหญ่ท่านนี้ยังมีท่วงท่ากิริยาที่เผด็จการแบบนั้นที่ไหนกัน? เหลือเพียงถูกรังแกจนน่าสังเวชไร้ขอบเขต~ จิตใจของเขากำลังพังทลายอยู่ในวินาทีนี้ เขาสามารถยอมให้ถูกมีดฟันแขนได้ สามารถยอมรับการถูกคนกระหน่ำตีได้…แต่นี่แม่งคือไฟเดือดเผาไหม้ ไฟร้อนแรงเผาไหม้ศีรษะ หนังศีรษะลุกเป็นไฟ กลิ่นที่เผาไหม้แบบนั้น ทำให้จิตใจของเขาพังทลายลง
“โอ๊ะ…คุณชายหยวน…แกไม่ใช่เก่งกาจมากเหรอ? พึ่งจุดเปลวไฟแค่นี้ก็รับไม่ไหวแล้ว?” เฉินเป่ยจ้องเขาแบบมีความหมายแฝง “รู้สึกว่าผิวตัวของตัวเองโดนไฟไหม้แล้วกลิ่นหอมมากรึเปล่า?”
“แหวะ!” ได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเป่ย หยวนเปียวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ภายในท้องไส้ปั่นป่วน อาหารในกระเพาะผสมปนเปกับเลือดกระอักออกมาแล้ว น่าเวทนามากๆ
“ฉันคิดว่าจะจุดไฟตรงผิวหนังกล้ามเนื้อแกไปทีละส่วน จากนั้นเผาไหม้ในไฟที่ร้อนแรง ความรู้สึกแบบนั้น น่าจะน่ากินมากๆ เลยมั้ง? โดยเฉพาะเนื้อสามชั้นบนตัวแกก็ไม่น้อยเลยล่ะ~” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงชั่วร้ายไร้ที่เปรียบ มีอารมณ์ที่สยดสยอง
วินาทีนี้ หยวนเปียวทนไม่ไหวอีกต่อไป พ่นเลือดออกมาใหญ่ ร่างกายสั่นเทาเพราะความหวาดกลัวมหาศาล
คุณชายตระกูลหยวนผู้น่าเกรงขาม เป็นคุณชายเหนือชั้นของอิทธิพลมืดของบริษัทหยวนหยวน…ในวินาทีนี้…ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแล้ว
“แก…แกมันปีศาจร้าย…ปีศาจร้าย…” เสียงหยวนเปียวสั่นเครือหวาดวิตก สั่นเทาไปทั่วทั้งตัว
พวกนักเลงหลายร้อยคนที่ถูกตีล้มบนพื้นในที่เกิดเหตุนั้นต่างตื่นตระหนกเป็นหินกันหมด ทุกคนกำลังสั่นเทิ้มกัน…ถูกท่วงท่าที่สยดสยองนี้ของเฉินเป่ยทำเอาตกใจค้าง
นี่…คือปีศาจร้ายที่แท้จริง จุดไฟบนตัวคน รู้สึกถึงกลิ่นเนื้อคน? นี่แม่งเป็นปีศาจร้ายที่น่ากลัวขั้นสุดคนหนึ่ง
“คุณชายหยวน แกเป็นคุณชายองค์กรมืด…ฟ้าไม่กลัวดินไม่กลัว…ทำไมพอได้ยินเนื้อคนถึงตกใจจนเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?” รอยยิ้มชั่วร้ายบนหน้าของเฉินเป่ยยิ่งเข้มขึ้น มีการเยาะเย้ย
เวลานี้ ไม่เพียงแค่หยวนเปียวที่กำลังสั่นเทาหวาดกลัว…แม้แต่จางหยุ่งยังตื่นตกใจอยู่บ้าง…เพียงรู้สึกว่าหัวใจสั่นนิดหน่อย…นี่ช่างอำมหิตเหลือเกิน…
คนกลุ่มหนึ่งในที่เกิดเหตุตกใจค้างกับการกระทำที่อำมหิตเช่นนี้ของเฉินเป่ย…มีเพียงเฉินเป่ยคนเดียวที่นิ่งเฉยสุดๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปิ้งย่างผิวหนังของตนเอง? นี่ถือว่าเป็นอะไรกัน? หลายปีมานี้ เขาอยู่ที่สนามรบต่างประเทศ บาดแผลต่างๆ ที่เขาเคยได้รับมา กับแค่ความโหดเหี้ยมเรื่องนี้จะสามารถทำให้พังทลายได้ยังไง? ตอนนั้นผิวหนังกล้ามเนื้อของเขาถูกระเบิดแตกใส่จนไหม้ไปหมด แม้กระทั่งเห็นแขนของตนเองถูกไฟไหม้มากับตาตนเอง…มองเห็นระบบกล้ามเนื้อของตนเองถูกไฟไหม้เดือดลวกจนเปื่อยยุ่ยกับตาตนเอง…ความรู้สึกแบบนั้น ราวกับตกนรก…แต่ว่าเฉินเป่ยฝืนทนมาได้แล้ว…
ตอนนั้น…เขาร้อนรนไปทั้งตัว…ฉากที่หนีออกมาจากทะเลไฟนั้น…ไฟกองใหญ่นั้นถูกจุดจนลุกไหม้ผิวหนังและกล้ามเนื้อทั้งหมดของเขา…เขาเคยสัมผัสถึงกลิ่นที่เนื้อของตนเองโดนย่างสุกนั้นมาอย่างชัดเจนจน…กลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนและมีเลือดสดไหลริน การสอบปากคำโดยทรมานจิตใจของเขาแต่ละครั้ง ปัจจุบันนี้เขากลับมาแล้ว…กลับมายังดินแดนหัวเซี่ย…และเขาก็มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่ง——ราชาหลง
“เฉินเป่ย…ฉัน…ฉันผิดไปแล้ว…ขอร้องนายล่ะ…ขอร้องล่ะ…ขอร้องนายล่ะนะ~!!” หยวนเปียวร้องโหยหวนน่าสังเวชเศร้าใจ เปลวไฟบนศีรษะของเขายิ่งไหม้ยิ่งรุนแรง…แทบจะลุกไหม้ไปทั้งศีรษะแล้ว ผิวหนังกล้ามเนื้อกำลังร้อนดุเดือดจนบิดเบี้ยว…ลามมาที่ใบหน้าของเขา…ข้างหูก็ไหม้ลงไปไม่หยุด
“คุณชายหยวน แกไม่ใช่ไม่กลัวตายเหรอ?” เฉินเป่ยหัวเราะแบบร้ายกาจไร้ที่เปรียบ
“ฉันกลัว! ฉันกลัว!! ฉันกลัวตาย!! ขอร้องนายนะช่วยฉันด้วย!” หยวนเปียวน้ำตาน้ำมูกไหลออกมามากมาย…นั่นเรียกว่าความน่าเวทนา
“พี่เฉิน! ท่านเฉิน!! ขอร้องคุณนะ ช่วยผมด้วย!! ต่อไปผมยอมให้คุณเป็นพี่ใหญ่เลย จะไม่หาเรื่องวุ่นวายคุณเด็ดขาด ต่อไป…ต่อไปผมหยวนเปียวจะสั่งคำสั่งคุณ…!!” เสียงของหยวนเปียวเศร้าสลดและสั่นเครือ
“อ่อ? งั้นเหรอ?” เฉินเป่ยหัวเราะนิ่งๆ ไม่สนใจสักนิด
หยวนเปียวแทบจะพังทลายแล้ว เปลวไฟบนศีรษะลุกไหม้รุนแรง หนังศีรษะของเขาล้วนกำลังจะระเบิด
“ท่านเฉิน…ขอร้องคุณแหละ…ช่วยผมด้วย… ช่วยผม!!” หยวนเปียวร้องคำรามเศร้าสลดน่าสงสารไปหมด
“หวังว่าแกจะจำบทเรียนวันนี้ไว้…ถ้ายังกล้ามาทำผิดอีก…” เฉินเป่ยหรี่ดวงตา ปลดปล่อยแรงอาฆาตแค้นที่ไร้ขอบเขตในชั่วพริบตาเดียว
วินาทีนี้ หยวนเปียวตกใจจนฉี่ราดกางเกงไปทันที ใต้เป้ากางเกง ของเหลวที่อุ่นๆ ไหลออกมาในขณะนั้น คุณชายอำนาจมืดของตระกูลหยวนที่น่าเกรงขามท่านนี้…ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อถึงที่สุด ฉากในวันนี้…ได้หลงเหลือผลกระทบตามหลังไว้ให้เขาอย่างลึกสุดใจ
“เสี่ยวจาง ปล่อยเขาไปเถอะ วันนี้นายทำได้ไม่เลว” เฉินเป่ยพูดจบ หมุนตัวออกไปทันที
จางหยุ่งถูกเฉินเป่ยแสดงการชื่นชมต่อหน้าทุกคน จิตใจพองโตไปหมดแล้ว เขาคลายเท้าออก ร่างกายที่สั่นเทาของหยวนเปียวนั้นถึงได้เคลื่อนย้ายออกไป…
เขากลิ้งรุนแรงไปบนพื้นด้วยอาหารสั่นและประหม่า…พยายามอยากดับเปลวไฟบนศีรษะลง…
พวกลูกน้องที่อยู่โดยรอบถึงกล้าขยับตัว…พุ่งเข้าไปด้านหน้าอย่างสั่นเทิ้ม ดับเปลวไฟแทนลูกพี่..
…
เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ ขึ้นลิฟต์กลับไปยังชั้นเก้าสิบเก้าโดยตรง สำหรับพวกองค์กรมืดทั้งหมดกลุ่มนั้นด้านนอกอาคาร…เดิมทีเขาขี้เกียจสนใจ…
เฉินเป่ยพึ่งกลับมาถึงห้องทำงานได้ไม่นาน ประตูห้องทำงานกลับถูกเคาะขึ้นกะทันหัน
ซุนเจียเจียผลักประตูห้องทำงานเปิดเบาๆ ยืนอยู่หน้าประตู หล่อนในวันนี้สวมเครื่องแบบทำงาน เห็นได้ชัดว่างดงามไร้ที่เปรียบ…ผ่านการพัฒนาอย่างสุดซึ้งของเฉินเป่ยเมื่อคืนมา ซุนเจียเจียก็พัฒนาจากหญิงสาวขี้อายกลายเป็นผู้หญิงสวยงามน่าดึงดูดแล้ว ยิ่งยั่วยวนอย่างมากด้วย ทำให้คนน้ำลายไหลเลยทีเดียว
“เจียเจีย คิดถึงฉันแล้วเหรอ?” มุมปากเฉินเป่ยมีรอยยิ้มชั่วร้าย พูดจาหยอกล้อ
ใบหน้าของซุนเจียเจียแดงขึ้นในชั่วขณะนั้น…หล่อนราวกับนึกย้อนถึงฉากบ้าคลั่งเมื่อคืนนั้นอีก…
“ไม่ใช่…ประธานหลี…ประธานหลีเรียกพวกเราเข้าไป…” ซุนเจียเจียพูดแบบใบหน้าแดงระเรื่อ
เฉินเป่ยพอได้ยินก็ตะลึง…
“หลีชิงเยียนเรียกพวกเรา? เรื่องอะไร?” เฉินเป่ยแอบมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง…พอนึกถึงเมื่อเย็นวานนี้ คำพูดที่หลีชิงเยียนพูดบนรถพวกนั้น…นี่ทำให้เฉินเป่ยแอบสงสัย…
เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ ตามซุนเจียเจียมาห้องทำงานท่านประธานที่ด้านข้างด้วยความสงสัย
หลีชิงเยียนกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ กำลังจัดการเอกสารอยู่ พอเห็นว่าทั้งสองคนเข้ามาแล้ว เธอแสดงออกนิดๆ “นั่งเถอะ”
ซุนเจียเจียกับเฉินเป่ยตะลึงเล็กน้อย ทั้งสองนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานอย่างระมัดระวัง
หลีชิงเยียนหยุดงานที่ทำในมือลง เงยหน้ากวาดตามองสองคนแล้ว จากนั้นนำเอกสารปึกหนึ่งยื่นให้ซุนเจียเจีย “วันนี้ ฉันจัดเตรียมงานรับสมัครพนักงานที่บริเวณของมหาวิทยาลัยฟูตัน…นี่คือแผนการโดยรวม…สถานที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว…เรื่องนี้ปล่อยให้เธอเจียเจียกับเฉินเป่ยสองคนรับผิดชอบด้วยกันนะ”
ซุนเจียเจียได้ยิน ไม่เพียงตกตะลึง…งานรับสมัครพนักงานที่บริเวณมหาวิทยาลัย?? เรื่องนี้…ไม่ใช่เป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคลทำมาโดยตลอดเหรอ? ทำไมถึงมอบหมายให้ตนเองกะทันหัน?
“ประธานหลี…ความหมายของคุณคือ? ให้ฉันกับเฉินเป่ยรับผิดชอบโครงการนี้?” ซุนเจียเจียใบหน้ามึนงงอยู่บ้าง สอบถามอีกครั้ง
“อืม” หลีชิงเยียนกะพริบดวงตาเบาๆ พยักหน้า
ซุนเจียเจียยิ่งมึนงง…หน้าตาเต็มไปด้วยความสงสัย…
ส่วนเฉินเป่ยด้านข้างเกิดความค้างคาในใจ…เขาถือว่าชัดเจนแล้ว…คิดเชื่อมโยงถึงคำพูดของหลีชิงเยียนในรถเมื่อเย็นวานนี้…เรื่องกระจ่างแจ้งมาก นี่คือหลีชิงเยียนอยากถือโอกาสจับคู่เขากับเจียเจีย
เพียงแค่…นี่…เผชิญหน้าเหตุการณ์แบบนี้…เฉินเป่ยควรจะทำอย่างดีนะ เวลานี้เฉินเป่ยรู้สึกคลุ้มคลั่ง…ถึงแม้ว่าเขากับเจียเจียจะเกิดความสัมพันธ์ทางเนื้อหนังบางอย่างกันแล้ว…แต่ว่า…เขาก็ไม่อยากทำลายเจียเจีย… เจียเจียสวยมาก และอ่อนโยนเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมมาก…ทำให้คนมีความคิดอยากปกป้องไปชั่วชีวิต~ แต่ว่า…เฉินเป่ยกลับไม่สามารถคบหากับหล่อนได้อย่างเด็ดขาด เพราะเฉินเป่ยไม่มีทางปกป้องหล่อนได้ เฉินเป่ยแบกรับหนี้เลือดใหญ่เกินไป หนี้เลือดแต่ละฉากนั้น ซึ่งรังแต่จะดึงเจียเจียเข้าสู่เหวลึกไร้จุดสิ้นสุดมากกว่า
“ทำไม พวกเธอสองคนมีปัญหาเหรอ?” หลีชิงเยียนเงยหน้าถามด้วยเสียงน่าดึงดูด ถึงแม้จะถาม…แต่ยิ่งเหมือนท่าทีที่ฝืนบังคับ…
ซุนเจียเจียเดิมทีไม่สามารถปฏิเสธได้…พยักหน้าเบาๆ “ฉัน…ไม่มีปัญหาค่ะ”
เฉินเป่ยก็จำใจอยู่บ้าง ได้แต่พยักหน้ารับปาก
ทั้งสองค่อยๆ เดินออกจากห้องทำงานท่านประธาน มองหน้ากันและกันแวบหนึ่ง สามารถมองเห็นความจำใจในแววตาของกันและกัน
ทั้งสองคนต่างแยกย้ายกันไป เดินไปในห้องทำงานของแต่ละคน…
ทั้งสองรีบจัดการข้าวของสักหน่อย จากนั้นเข้าไปในลิฟต์ลงตึกมาด้วยกัน…มุ่งหน้าไปยังสถานที่รับสมัครพนักงานที่มหาวิทยาลัยฟูตัน
ซุนเจียเจียขับรถมินิคูเปอร์อยู่ ค่อยๆ ขับออกมาจากโรงรถ
เฉินเป่ยนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ ทั้งสองเงียบสงบมาก ไม่ได้พูดจากัน
“เฉินเป่ย เรื่องเมื่อคืนนี้…ฉันหวังว่า…จะเป็นครั้งสุดท้าย…ต่อไปพวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันดีมั้ย?” ซุนเจียเจียลังเลอยู่ตั้งนาน ท้ายที่สุดยังพูดแบบเคร่งขรึม เธอหวังว่าจะทำความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนให้กระจ่าง เธอไม่อยากพัวพันต่อไปแบบนี้…
เฉินเป่ยถอนหายใจทีหนึ่ง ค่อยๆ พยักหน้า “ได้ วันนี้เป็นต้นไป พวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน”
รถยนต์มินิคูเปอร์ค่อยๆ ขับไปยังบริเวณมหาวิทยาลัยแล้ว…
งานประกาศรับสมัครพนักงาน จัดงานภายในสนามกีฬาของมหาวิทยาลัย กิจการชื่อดังทั่วทั้งเมืองหู้ไห่แต่ละแห่งมาถึงที่สถานที่งานรับสมัครพนักงานแล้ว คิดจะรับสมัครพนักงานที่ยอดเยี่ยมภายในรั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งนี้
พื้นที่รับสมัครงานของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจัดเตรียมไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรก ซุนเจียเจียกับเฉินเป่ยทั้งสองมาถึงด้านหน้าแท่นรับสมัครงานของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปแล้ว
เดิมทีเฉินเป่ยยังกลัดกลุ้มอยู่บ้าง แต่พอมองเห็นนักศึกษาสาวอายุน้อยที่ทยอยมาไม่ขาดสายในสถานที่งานนี้ อารมณ์ที่กลัดกลุ้มนั้นของเฉินเป่ยก็หายเกลี้ยงไปในชั่วขณะนั้น สาวงามมากขนาดนี้ นี่เป็นเรื่องดีๆของอาหารตาเสียจริง