สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 642
บทที่642 เป็นตัวการ
รถไมบัคแล่นฉิวอยู่ในความมืดยามค่ำคืน ส่วนสติของเฉินเป่ยนับวันยิ่งเลอะเลือน…เขากัดริมฝีปากแตกอีกครั้ง ทำให้เลือดสดไหลออก ความเจ็บทำให้เขาได้สติขึ้นและควบคุมอารมณ์ตนเองได้
เฉินเป่ยเหยียบคันเร่งทันใด รถไมบัคแล่นบ้าคลั่งออกไปตลอดทาง พยายามสะบัดรถโฟล์กสวาเกนสองคันด้านหลังทิ้ง
ในขอบเขตสายตาด้านหลัง รถโฟล์กสวาเกนสองคันกัดแน่นไม่ยอมปล่อย
“แม่งเอ๊ย ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว…เขายังทนได้อยู่อีกเหรอวะ?” ในรถโฟล์กสวาเกน คนขับรถเริ่มรำคาญแล้ว
“ไม่ต้องรอแล้ว! พุ่งเข้าไปตรงๆ ขวางเขาเอาไว้เลย จากนั้นบีบบังคับถ่ายคลิปหลักฐาน!” พวกพ้องคนหนึ่งพูดแบบชั่วร้าย
ดังนั้นในยามค่ำคืน…รถโฟล์กสวาเกนสองคันจึงขับพุ่งเข้าไปทันใด ตามไล่รถไมบัคมาตลอดทาง อยากสกัดขวางเขาให้จอดลง
…
ค่ำคืนที่ทอดยาว ภายในผับ เซวอี้สีหน้าอึมครึมเย็นเฉียบนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะส่วนตัว เช็ดเหล้านอกบนตัวจนแห้งหมดแล้ว…แต่กลับยังคงหลงเหลือกลิ่นที่เข้มข้นแสบจมูกบนเสื้อผ้าของเขาอยู่เลย…
สีหน้าของเขาหนาวเย็นมาก เขาแกว่งแก้วในมือเบาๆ ในดวงตาอึมครึมดุร้ายไม่เลิก
ที่ข้างกายเขา ลูกน้องซึ่งใส่ชุดสูทสีดำสองสามคนรอคอยด้วยความเคารพนอบน้อม
“กลุ่มแอบถ่ายไปถึงขั้นไหนกันแล้ว?” เซวอี้ค่อยๆ ถาม
ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามา พูดอย่างเคารพ “ประธานเซวครับ ตอนนี้กำลังสะกดรอยตามครับ…แรงต้านทานของเฉินเป่ยดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งมากครับ ฤทธิ์ยายังไม่ทำงานโดยสมบูรณ์ เขายังรักษาสติไว้ได้นิดหน่อย พวกเขาคิดจะสกัดเขาเอาไว้ครับ รอให้ฤทธิ์ยาทำงาน จากนั้นถ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้”
“อ่อ!” ดวงตาของเซวอี้แข็งเล็กน้อย พูดพึมพำแบบน่าครั่นคร้าม “ฤทธิ์ยาสิบเท่า…ฉันจะดูหน่อยสิว่าแกจะฝืนทนไปได้นานแค่ไหน…”
ลูกน้องคนหนึ่งโค้งคำนับเบาๆ ถามอย่างสงสัยไม่เข้าใจเท่าไร “ประธานเซว…ผมไม่เข้าใจครับ…ทำไมท่านถึงไม่วางยาฆ่าเขาไปโดยตรงเลย…”
“วางยาฆ่าเขา?” ในดวงตาของเซวอี้ประกายเจตนาอาฆาตแค้นเหี้ยมโหดผ่านไป…ทำไมเขาไม่อยากทำล่ะ? วันนี้ถ้าเขาวางยาฆ่าเฉินเป่ยไปจริงๆ แล้ว…เกรงว่าตนเองคงหนีไม่พ้นเรื่องพัวพันนี้…และคงถูกอิทธิพลบางอย่างในที่มืดจ้องอยู่ จากนั้นถือโอกาสดึงทั้งตระกูลเซวไปทำเรื่องมิชอบด้วย เซวอี้พิจารณาถึงภาพรวม ย่อมไม่ทำแบบนี้เป็นธรรมดา
“นายไม่เข้าใจ…บางครั้งที่อยากจัดการใครสักคน…การทำลายเขา…ยังมีประโยชน์ยิ่งกว่าฆ่าเขาเสียอีก…” เสียงเซวอี้ทอดยาวและล้ำลึก หากวันนี้เฉินเป่ยและผู้หญิงคนนั้นเกิดความสัมพันธ์ขึ้น ถือโอกาสถ่ายรูปอัดคลิปวิดีโอ นั่นจะสามารถพังทลายความสนิทสนมระหว่างหลีชิงเยียนและเฉินเป่ยได้ถึงที่สุด…ตอนที่ระหว่างทั้งสองคนแตกร้าวกัน…ถึงเป็นตอนที่เซวอี้สามารถแทรกเข้าไปตรงกลางได้อย่างแท้จริง…
…
รถไมบัคแล่นบ้าคลั่งมาตลอดทาง แต่จิตสำนึกของเฉินเป่ยในเวลานี้นับวันยิ่งเลือนราง…
ในกระจกมองหลัง…รถโฟล์กสวาเกนสองคันยิ่งตามยิ่งใกล้…ในที่สุด…รถโฟล์กสวาเกนสองคันก็ไล่แซงขึ้นมาฉับพลัน
รถโฟล์กสวาเกนสองคันแบ่งออกเป็นซ้ายขวาขนาบไว้…อยากพยายามสกัดบีบให้รถไมบัคของเฉินเป่ยหยุดลง
ในรถไมบัค หน้าเฉินเป่ยเต็มไปด้วยเหงื่อ…ผิวหนังทั่วทั้งตัวปรากฏสีที่ผิดแปลกไปขึ้น
มุมปากของเขามีคราบเลือด…นั่นคือรอยเลือดที่ถูกตนเองกัดแตก เขาพยายามทำแบบนี้เพื่อรักษาสติเอาไว้…
ยัยเด็กสาวหลิวจิ้งจิ้งผมเผ้ายุ่งเหยิงกระโจนมาบนตัวของเขา…หลิวจิ้งจิ้งสับสนขั้นสุด…ถูกฤทธิ์ยาควบคุมไว้หมดแล้ว…
“ร้อนจัง…ร้อนมาก…เฮ้อ…นี่คืออะไร…” หลิวจิ้งจิ้งรู้สึกถึงอะไรที่แปลกประหลาดที่ขาเฉินเป่ยเข้า…ใบหน้ายิ่งเลือนรางขึ้นไปอีก…เธอยื่นมือไปแบบสะลึมสะลือ…จับเข้าไปเบาๆ…
ซู่! เวลานี้ ร่างกายเฉินเป่ยสั่นฉับพลัน พวงมาลัยในมือเกือบสูญเสียการควบคุม…อารมณ์ของเขาถูกฤทธิ์ยาครอบงำทั้งหมดอีกครั้ง…
“ยัยเด็กน้อย…มีสติหน่อย!” เฉินเป่ยขับรถไปพลางพยายามอยากจะผลักหลิวจิ้งจิ้งออกไป…หลิวจิ้งจิ้งก็สัมผัสได้ถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว…เขากลัวตนเองจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่…
แต่หลิวจิ้งจิ้งสูญเสียการควบคุมไปถึงที่สุดแล้ว…ถูกฤทธิ์ยาที่ผิดปกตินั้นควบคุมไปทั้งตัว…เธออ้าริมฝีปากแดงออกแบบสะลึมสะลือ…จากนั้นขยับเข้าไปใกล้…
ตึง! ทั้งตัวเฉินเป่ยเหมือนจะโดนระเบิดจุดไฟแล้ว สีหน้าแปลกประหลาดผิดปกติของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ
“แม่คุณ… มีสติหน่อยสิ!” เฉินเป่ยยกฝ่ามือขึ้น ตบไปบนหน้าของหลิวจิ้งจิ้งทีหนึ่ง…เขาไม่มีวิธีอื่น เขาอยากพยายามใช้วิธีแบบนี้เรียกสติเธอกลับมา
หลังจากตบหน้าไปทีหนึ่ง…บนใบหน้างดงามของหลิวจิ้งจิ้งชั่วขณะนั้นปรากฏรอยฝ่ามือแดงสดขึ้นมา…ดวงตาของเธอมีน้ำตาวิบวับประกายอยู่…ผมยาวยุ่งเหยิงไร้ที่เปรียบ…บ่นขึ้นแบบสะลึมสะลือ “นาย…ตบฉันทำไม…อึดอัดจัง…” ทั้งตัวเธอเหมือนเปลี่ยนไปสับสนยิ่งขึ้น…
ร่างกายเฉินเป่ยเกือบอ่อนยวบ…ความรู้สึกแบบนั้นทำให้เขารู้สึกถึงความผิดปกติที่น่าประหลาดใจ…เขาใกล้จะควบคุมไม่ไหวแล้ว…
ในขณะเดียวกัน รถโฟล์กสวาเกนสองคันนั้นกำลังบีบใกล้เข้ามาอย่างคลุ้มคลั่ง พยายามจะบังคับให้รถไมบัคจอดลง
“เร็ว! บีบเขาให้หยุด! สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ฤทธิ์ยากำลังทำงาน!”ในรถโฟล์กสวาเกน เหล่าพวกพ้องกลุ่มนั้นพูดขึ้นด้วยสีหน้าชั่วร้าย
รถโฟล์กสวาเกนคันหนึ่งเร่งความเร็วก่อนจะแซงขึ้นมา อยากจะขวางรถไมบัคไว้…
ดวงตาเฉินเป่ยสะลึมสะลือ เขารักษาสติสุดท้ายที่น้อยนิดไว้…กัดฟันแน่น…ก่อนที่เขาจะหมุนพวงมาลัยฉับพลัน
รถไมบัคที่ขับด้วยความเร็วสูงอยู่…ทันใดนั้นเลี้ยวพุ่งชนไปยังรถโฟล์กสวาเกนที่อยู่อีกด้านหนึ่งคันนั้น
“ปึง——!” เสียงกระแทกดังสนั่น รถไมบัคซึ่งเป็นรถยนต์เหล็กหุ้มเกราะที่แข็งแรงคันนั้นก็ชนไปบนรถโฟล์กสวาเกนอย่างแรง…รถโฟล์กสวาเกนคันนั้นเปลี่ยนรูปในชั่วขณะนั้น ด้านหน้ารถบิดเบี้ยวรุนแรง…
คนกลุ่มนั้นยังไม่ทันตอบสนองกลับมา รถไมบัคก็ชนเข้ามาอย่างแรงอีกครั้ง
“ตึง——!” รถโฟล์กสวาเกนถูกชนด้วยแรงมหาศาลอย่างจัง เดิมทีทั้งตัวรถไม่สามารถควบคุมได้…ถูกแรงมหาศาลทำให้บิดเบี้ยวทันที…ทั้งตัวรถพลิกร้อยแปดสิบองศาฉับพลันจนคว่ำไปอีกด้าน…
“เชี้ยเอ๊ย!! ระวัง!!” ในรถโฟล์กสวาเกนอีกคันหนึ่ง พวกพ้องอีกกลุ่มสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่
พวกเขายังไม่ทันตอบสนองเข้ามา…รถไมบัคคันนั้นก็ชนเข้ามาดุเดือดแล้ว
“ปึง——!” หลังจากชนกระแทกไปกะทันหัน รถโฟล์กสวาเกนคันนั้นก็เปลี่ยนรูปทันที ตัวรถเขย่ารุนแรง…สุดท้ายถูกชนจนรถคว่ำฉับพลัน…
…
ภายในผับ เซวอี้กำลังแกว่งแก้วเหล้าอยู่ เขาไม่ได้ดื่มเหล้า เพียงแค่เล่นแก้วเหล้าอยู่แบบนี้…เขากำลังรอข่าว…รอคอยข่าวที่แอบถ่ายส่งมา เหตุการณ์ในคืนนี้ เขาจะต้องทำให้เฉินเป่ยชื่อเสียงเหม็นฉาวโฉ่ ตายทั้งเป็น
ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นลูกน้องคนหนึ่งรีบร้อนเข้ามา สีหน้าประหม่า พูดแบบลังเล “ประธานเซว…ไม่ดีแล้ว…”
“ทำไม?” เซวอี้ค่อยๆ ถามขึ้น สถานการณ์ในวันนี้เขาควบคุมไว้หมดแล้ว ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา
“กลุ่มแอบถ่าย…ถูกเฉินเป่ยชนจนรถคว่ำแล้วครับ…” ลูกน้องพูดด้วยความระมัดระวัง
“นายว่าอะไรนะ?” สีหน้าที่สงบนิ่งอึมครึมของเซวอี้นั้นเปลี่ยนกะทันหัน ลุกขึ้นยืนแบบเสียการควบคุมทันใด
วินาทีนี้ เขาเปลี่ยนไปดุร้ายสุดๆ ไม่ง่ายที่เขาจะวางเกมที่รอบคอบนี้ขึ้นมาได้ สะกดรอยตามเฉินเป่ยอยู่ตั้งนานถึงคว้าโอกาสนี้ไว้ได้…แต่ว่า…ในชั่วพริบตาเดียวนี้…กลับมาล่มเอาตอนท้ายแล้วงั้นเหรอ?
“พวกสวะเอ๊ย! ยังงงอะไรกันอยู่อีก? ตามไปสิ!!” สีหน้าเซวอี้ดุร้ายขั้นสุด โกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด
ลูกน้องชุดสูทสีดำกลุ่มหนึ่งรีบพุ่งออกไปจากผับแล้ว สตาร์ทรถยนต์สีดำแต่ละคัน จากนั้นเซวอี้มุดเข้าในรถยนต์ด้วยสีหน้าอึมครึม…
รถยนต์แต่ละคันขับออกไปอย่างรวดเร็ว…ไล่ตามกันออกไปติดๆ ในความมืดยามค่ำคืน…
คืนนี้…ถูกลิขิตให้ไม่หลับใหล!
…
รถไมบัคร้องคำรามแล่นบ้าคลั่งมาตลอด…การมองเห็นของเฉินเป่ยนับวันยิ่งเลือนราง…เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองไว้…
แต่ใต้ร่างกายนั้น หลิวจิ้งจิ้งยัยเด็กสาวคนนั้นนับวันยิ่งสับสน…
ทั้งตัวเฉินเป่ยถูกยัยเด็กสาวคนนั้นปกคลุมอยู่…ความรู้สึกนั้น…ทำให้เขาเกือบจะยอมจำนน…
รถไมบัคแล่นไปด้วยความเร็วสูง เฉินเป่ยใช้แรงกัดริมฝีปาก รักษาสติ…ในเวลานี้ เขาไม่สามารถกลับโรงแรมได้ ฝ่ายตรงข้ามได้ส่งคนสะกดรอยตามเข้ามาแล้ว…คืนนี้…กำหนดให้เป็นเกมของฝ่ายตรงข้าม ถ้าเฉินเป่ยกลับไปในโรงแรมเวลานี้…เกรงว่าคงต้องโดนกับดักเข้า…จมลึกลงไปในบ่อโคลนถึงที่สุด
มือทั้งสองที่สั่นเทาของเฉินเป่ยกดเปิดมือถือ…เริ่มเปิดกระแสไฟฟ้ารบกวน…อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่อยู่ล้อมรอบบริเวณเขา…ให้เสียการควบคุมชั่วคราว…
และในขณะเดียวกัน…การกระทำของหลิวจิ้งจิ้งนับวันยิ่งเอาแต่ใจ…ความรู้สึกนั้นเหมือนเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่คล่องแคล่วและเป็นสิ่งที่รับรู้กันทั้งสองฝ่ายอย่างน่าประหลาด…
ในชั่วพริบตาเดียว…ลูกตาเฉินเป่ยหดลงเฉียบพลัน เท้าที่เหยียบคันเร่งสั่นทันใด…รถไมบัคแล่นฉิวกะทันหัน…
วินาทีนี้…ในที่สุดเฉินเป่ยไม่มีทางสืบทอดต่อได้…’วางอาวุธยอมจำนน’
เฉินเป่ยเหงื่อไหลออกไปทั่วตัวแล้ว แต่เขาไม่ได้หยุดลงแต่อย่างใด ลังเลอยู่ไม่กี่วินาทีแล้วจึงผลักหลิวจิ้งจิ้งออกไป…จากนั้นขับรถแล่นฉิวด้วยความรวดเร็วต่อไป เขาไม่รู้ว่าด้านหลังยังมีอันตรายอะไรรออยู่…เวลานี้ เดิมทีเขาไม่มีความสามารถต่อต้าน…มีเพียงหนี!!
หลิวจิ้งจิ้งนั่งอยู่เบาะข้างคนขับแบบสะลึมสะลือ ใบหน้าเป็นสีแดงผิดปกติ ขนตาเรียวยาวของเธอม้วนตามไปด้วยเบาๆ “นี่คือ…อะไรกันเนี่ย…ขมจัง…”
ตรงที่นั่งคนขับ เฉินเป่ยได้ยินคำพูดของเธอ…เพียงรู้สึกว่าหน้าเปลี่ยนสีผิดปกติอยู่บ้าง…วินาทีนี้ เขามีอารมณ์รู้สึกผิดในใจพอสมควร…
แต่ว่าเวลานี้เดิมทีเฉินเป่ยไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจเรื่องพวกนี้ ขับรถไมบัคคำรามดุดันไปตลอดทาง
ถึงแม้จะไม่สามารถกลับโรงแรมได้…อย่างนั้นเขาคงได้แต่หาสถานที่อื่น ในเวลานี้สติปัญญาของเขากำลังถูกกัดเซาะไปทีละนิด…เขาไม่รู้ว่าตนเองยังสามารถยืนยันไปได้นานแค่ไหน…เพียงหวังว่าจะสามารถหาสถานที่หนึ่งได้…พาหลิวจิ้งจิ้งยัยเด็กสาวคนนี้ไปจัดการให้สงบลงมา
…
บนท้องถนนยามค่ำคืนที่เงียบงัน รถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำแต่ละคันขับแล่นมาตลอดทาง…
เซวอี้นั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้าอึมครึมไร้ที่เปรียบ ดวงตาของเขาแข็งตัวแน่น จ้องมองแสงยามค่ำด้านนอกหน้าต่าง…กุมหมัดทั้งคู่แน่น…สามารถจินตนาการท่าทีของเขาในเวลานี้ได้ดี
“ประธานเซวครับ…ไม่พบร่องรอยของเฉินเป่ย…พวกเราไล่ตามเส้นทางที่กลุ่มแอบถ่ายให้มาตลอดทาง…ก็ยังไม่พบรถไมบัคคันนั้นครับ…” ลูกน้องพูดรายงานอย่างระมัดระวัง
ลูกตาของเซวอี้ล้ำลึกและเคร่งขรึม “แยกออกไปสองสาย…ค้นหาสถานที่พักทั้งหมดของเฉินเป่ยให้ฉัน…หาห้องพักของเขามาให้ได้…นั่งดักรอเขาไว้ที่หน้าประตูห้องพัก! เขาสติสัมปชัญญะเลือนราง…จะต้องหาที่ระบายแน่!”
…
รถไมบัคแล่นฉิวมาตลอดทาง นับวันดวงตาของเฉินเป่ยยิ่งสะลึมสะลือ เขายกมือขึ้น ตบหน้าของตนเองอย่างแรง…พยายามทำให้ตนเองได้สติ…ส่วนที่นั่งข้างคนขับ หลิวจิ้งจิ้งยัยสาวสวยคนนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้อีก…กลิ่นหอมตลบอบอวล…
“ฉัน…อึดอัดจัง…ไม่สบายมากๆ…”เสียงของหลิวจิ้งจิ้งน่าดึงดูด มีรสชาติที่ไม่สบายตัวและสั่นเครือเบาๆ…ทำให้คนจิตใจหวั่นไหว…
หลิวจิ้งจิ้งทับอยู่บนตัวเฉินเป่ย…อากาศภายในห้องโดยสารเหมือนเพิ่มอุณหภูมิขึ้นทีละนิด…ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มค่อยๆ ก่อหวอด
ในที่สุดเฉินเป่ยก็ทนไม่ไหวแล้ว…สติน้อยนิดในดวงตาของเขานั้น…ถูกฤทธิ์ยาที่น่ากลัวกลืนกินจนหมด
ดวงตาของเฉินเป่ยแดงก่ำ เหยียบเบรกกะทันหัน…รถไมบัคจอดอยู่ที่ข้างถนนในยามดึกฉับพลัน…
ร่างกายหลิวจิ้งจิ้งถูกกระแทกจากการเหยียบเบรกจนวิงเวียนอยู่บ้าง ใบหน้าเธอแดงระเรื่อแบบผิดปกติแถบหนึ่ง ผมยาวยุ่งเหยิง…ในปากบ่นพึมพำ “อึดอัดจัง…ช่วยฉันหน่อย…”
ลูกตาเฉินเป่ยหดตัว ปลดเข็มขัดนิรภัยออกโดยตรง…กระโจนเข้าไปหาหลิวจิ้งจิ้งที่เบาะข้างคนขับ…วินาทีนี้ ทั้งสองสูญเสียการควบคุมถึงที่สุด…
ค่ำคืนที่เงียบงัน พัวพันไร้ขอบเขต…
รถไมบัคอยู่ข้างถนนยามค่ำคืน ไฟรถดับลง ราวกับจมสู่ที่ลึกไร้ขอบเขตแล้ว
บนหน้าต่างรถมีไอหมอกบางๆ ปกคลุมเต็มที่ เพราะอุณหภูมิภายในห้องโดยสารช่วงอบอุ่นเหลือเกิน…เดิมทีมองไม่เห็นเหตุการณ์ด้านใน…
…
ท้องถนนยามค่ำคืน รถบีเอ็มดับเบิลยูแต่ละคันแล่นฉิว ตามหาร่องรอยของเฉินเป่ยบนท้องถนนไม่หยุด…
เซวอี้สีหน้าเย็นยะเยือก นั่งอยู่ในรถ แม้แต่ลมหายใจยังมีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว
“ประธานเซวครับ เหล่าพวกพ้องเฝ้ารอในโรงแรมที่เฉินเป่ยพักอยู่มาชั่วโมงกว่าแล้ว…ยังคงไม่พบร่องรอยการกลับมาของเขาเลยครับ…”
สีหน้าของเซวอี้หนาวเย็นเฉียบพลัน กุมหมัดทั้งสองไว้ด้วยกัน นั่นคือความโกรธเคืองที่สถานการณ์เสียการควบคุมไป แผนการในวันนี้ ทุกอย่างล้วนดำเนินการตามการออกแบบของเขาไป…แต่กลับเกิดปัญหาขึ้นในช่วงที่สำคัญอย่างนี้เข้า
“ติดต่อขอบเขตอำนาจพิเศษให้ฉัน…โยกย้ายวงจรปิดทั้งหมดของถนนบริเวณนี้! ใช้กรงเล็บของกฎหมายดึงเขาออกมาให้ฉัน…” เสียงของเซวอี้เย็นยะเยือกและโกรธจัด “เฉินเป่ย…ฉันไม่เชื่อหรอกว่า…แกยังหนีรอดไปได้?”
แสงจันทร์สุกสกาว ในค่ำคืนที่เงียบสงบ…ดวงตามากมายระยิบระยับ
รถไมบัคจอดอยู่ที่ข้างถนนอย่างเงียบๆ
ในรถ ความรู้สึกในการสัมผัสที่อ่อนโยน กลิ่นหอมตลบอบอวลล่องลอยอยู่ในอากาศ
เฉินเป่ยโอบร่างสาวงามในอกไว้แน่น…เห็นได้ชัดว่าในขณะนี้ทั้งสองสุดจะทนเช่นนี้ ในตัวทั้งสองที่โดนยาเข้า ราวกับสูญเสียสติและกำลังที่ควรมีไป
ใบหน้าหลิวจิ้งจิ้งแดงมาก เหมือนแอปเปิลแดงที่แดงฉ่ำน่าเด็ด…ผมเผ้าเธอยุ่งเหยิงไปหมด…ดวงตาหลับลงเบาๆ…ขนตาเรียวยาวกำลังสั่นเทาเล็กน้อย…
ในดวงตาเฉินเป่ยที่แดงก่ำค่อยๆ หายไปส่วนหนึ่ง…ความรู้สึกตัวที่ได้สตินิดๆ ครอบครองในสมองของเขา…ตอนเห็นฉากที่ยุ่งเหยิงนี้ภายในรถเข้า…เฉินเป่ยรู้สึกเสียใจทันที เขายกมือขึ้น ตบหน้าตนเองอย่างแรงหลายที…
คืนนี้…เขาทำลายหญิงสาวที่ไร้ความผิดคนหนึ่งเข้าแล้ว…
เขาคว้าสำนึกรู้ตัวสุดท้ายที่น้อยนิดนี้เอาไว้ สตาร์ทรถ…
เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
เซวอี้นั่งอยู่ในรถบีเอ็มดับเบิลยู นับวันสีหน้ายิ่งดูย่ำแย่ไปหมด
“ประธานเซว…เจ้าหน้าที่ของทางการจราจรบอกว่า…ตรวจสอบรถไมบัคที่น่าสงสัยขับผ่านบนเส้นทางแถวนี้ไม่เจอเลยครับ…” ลูกน้องพูดรายงานอย่างระมัดระวัง
ลูกตาเซวอี้แข็งทื่อเฉียบพลัน กุมหมัดไว้ด้วยกันแน่น
“หรือว่า…มันยังหายไปแบบไร้วี่แววได้เหรอ?” ความแค้นเคืองในเวลานี้ของเซวอี้แทบจะระเบิดแตก
“เจ้าหน้าที่ของทางการจราจรบอกว่า…รถคันนั้น…เหมือน…เหมือนว่าหายไปแบบไม่มีมูลจริงๆ…” ลูกน้องพูดด้วยความระมัดระวัง
“นายว่าอะไรนะ?” เซวอี้สีหน้าเขียวปัดและดุร้าย
“เจ้าหน้าที่ทางคมนาคมบอกว่า…เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนรถไมบัคคันนั้นยังปรากฏตัวที่สี่แยกของถนน…แต่ว่าวินาทีต่อมา…รถก็หายแบบไร้วี่แววแล้ว…หายไปจากภาพของวงจรปิดเลย…” เสียงของลูกน้องจริงจัง รายงานแบบมีความหวาดกลัวนิดๆ
ตึง! วินาทีนี้ ลูกตาของเซวอี้หดตัวลงฉับพลัน ทั้งตัวเขา…เหมือนตกใจแข็งเป็นหินไปแล้ว…
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที…เซวอี้ปล่อยหมัดหนึ่งใส่หน้าต่างรถทันที…กระจกรถที่แข็งแรงของรถบีเอ็มดับเบิลยูถูกต่อยจนแตกละเอียด
“สารเลว! สารเลว!!”เสียงของเซวอี้อยู่ในยามดึกเห็นได้ชัดว่าโหดร้ายเช่นนี้ ดุจสัตว์ป่าดุร้ายที่สูญเสียการควบคุม…
…
รถไมบัคแล่นฉิวตลอดทาง ท้ายที่สุดจอดตรงหน้าประตูโรงแรมที่ปิดบังตำแหน่งไว้แห่งหนึ่ง
เวลานี้ฤทธิ์ยาภายในร่างกายยังคงทำงานต่อเนื่อง…หัวใจของเฉินเป่ยเหมือนเต็มไปด้วยกำลังวังชา…เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง…
ส่วนหลิวจิ้งจิ้งที่อยู่เบาะข้างคนขับค่อยๆ บิดขยับขึ้นมาเบาๆ เหมือนกับกวางตัวหนึ่ง…
เฉินเป่ยกัดลิ้นอย่างรุนแรง จากนั้นถือโอกาสที่ยังมีสติสุดท้ายอันน้อยนิดอยู่ ใส่เสื้อผ้าให้แทนเธอ อุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในโรงแรม เปิดห้องเดี่ยวห้องหนึ่ง…
เฉินเป่ยอุ้มหญิงสาวไว้ในอ้อมอก อุ้มเธอเข้าไปในห้องพักเดี่ยว…วางเธอลงบนเตียงด้วยความระมัดระวัง…
จิตใจในเวลานี้ของเฉินเป่ยกำลังถูกรุกรานกัดเซาะทีละนิด…เขาตัดสินใจแน่วแน่ พยายามฝืนความคิดในใจนั้นเอาไว้…หมุนตัวอยากจะออกไป เวลานี้เขามีเพียงออกไปจากที่นี่…ถึงสามารถปกป้องหลิวจิ้งจิ้งได้…หญิงชายอยู่ห้องเดียวกันตามลำพัง…บวกกับสภาพของทั้งสองในเวลานี้ด้วยแล้ว…ยาปลุกเซ็กซ์ที่เร่าร้อนในร่างกาย…คงต้องเกิดเรื่องที่ทำให้คนเสียใจภายหลังเป็นแน่
ในเวลานี้ หลิวจิ้งจิ้งกลับกอดคอของเขาไว้กะทันหัน
ใบหน้าหลิวจิ้งจิ้งแดงระเรื่อมาก เหมือนถูกอารมณ์ที่ประหลาดควบคุมเอาไว้ทั้งตัว สูญเสียสติปัญญาและแรงต้านทานใดๆ หมดแล้ว…
“อย่าไป…อย่าไป…” เสียงหลิวจิ้งจิ้งอ่อนนุ่มบางเบา เหมือนมีการอ้อนวอน
หัวใจของเฉินเป่ยกำลังสั่นเทารุนแรง…แต่ละครั้งที่หัวใจเต้น ล้วนมีเลือดสดกระจาย…ฤทธิ์ยา…ที่อยู่ในหัวใจของเขาค่อยๆ กระจายไป แทรกซึมไปในเลือดทั่วร่างกายแล้ว…
ดวงตาของเฉินเป่ยประกายสีแดงอีกครั้ง…กลายเป็นดุจสัตว์ป่าดุร้าย…นั่นเหมือนสายตาของหมาป่าหิวโหย
หลิวจิ้งจิ้งผมยาวยุ่งเหยิงอย่างยิ่ง เธอในเวลานี้ ถึงแม้จะยุ่งเหยิง แต่กลับเห็นชัดว่าอ่อนโยนสง่างามเช่นนี้ ทำให้คนปวดใจ…กระโปรงพลีทม้วนขึ้นเบาๆ ขายาวที่เรียวเนียนเหมือนปล่อยความมันวาวของสาวบริสุทธิ์ออกมา~
สติที่เหลืออยู่น้อยนิดสุดท้ายของเฉินเป่ยพังทลายถึงที่สุด…สลายไปหมด
อากาศเหมือนแข็งตัวในชั่วขณะหนึ่ง…กลายเป็นข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจนกับค่ำคืนที่ทอดยาวไร้ขอบเขตด้านนอกหน้าต่างนั้น…
ดวงดาวมากมายระยิบระยับ แสงจันทร์งดงาม…คืนนี้คงต้องวุ่นวายไม่หลับใหล
หลังจากคืนหนึ่งผ่านไป แสงแดดที่เจิดจ้าทะลุผ่านช่องของผ้าม่าน ค่อยๆ สาดส่องเข้ามาแล้ว
หลิวจิ้งจิ้งลืมตาขึ้นมาแบบสะลึมสะลือ…ในดวงตาของเธอเผยสีแดงนิดหน่อยและความสับสน…ลืมตาขึ้น…ที่สะท้อนเข้าม่านตาคือร่างกายผู้ชายตัวดำคนหนึ่ง…เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและรอยแผลเป็น…
ผู้ชายคนนั้นกำลังโอบตนเองไว้แน่น ทั้งสองแอบอิงอยู่ด้วยกันอย่างแนบชิดขั้นสุด…
เธออึ้งทึ่งไปก่อน…ในตามีความสับสนนิดๆ…ตนเองกำลังฝันอยู่เหรอ? เธอยื่นมือออกไปเบาๆ ขยี้ดวงตาที่เลือนรางหน่อย…จากนั้น…ภาพตรงหน้ายังคงมีอยู่…ชัดแจ๋วขนาดนั้น…สมจริงขนาดนั้น…
“อ๊าย——!” เสียงผู้หญิงกรีดร้องที่แหลมคมเสียการควบคุมทะลุฉากกั้นของอากาศ ชั่วพริบตาเดียวแผ่ไปยังระเบียงทางเดินของทั้งโรงแรม