สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 650
บทที่650 ตรวจสอบ
ในชั่วขณะนี้…ลูกตาฉินเกอหดลงเฉียบพลัน… นิ้วมือของเขากำลังกดลั่นไกปืน…
แต่ความเร็วของเฉินเป่ยไวถึงขีดสุด… พุ่งโจมตีเข้ามาฉับไว…
“ซู่!”
ฉินเกอเพียงรู้สึกว่าข้อมือสั่นรุนแรง…ในชั่วพริบตาเดียว…ก็ไม่เห็นปืนกระบอกนั้นในมือของเขาแล้ว…
วินาทีต่อมา ปืนดำขลับหนาวเหน็บกระบอกนั้นจ่ออยู่บนหน้าผากของเขา…
ส่วนบนด้ามจับของปืน มือข้างนั้น…ก็คือเฉินเป่ยที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน
อากาศเหมือนเปลี่ยนไปเงียบงันกะทันหัน แม้แต่เข็มตกยังได้ยิน
“หัวหน้า…!!” สีหน้าบรรดาทหารในเหตุการณ์กลุ่มนั้นเปลี่ยนกันยกใหญ่
เหล่าทหารทั้งหมดล้วงปืนออกมาอย่างดุเดือด ปากกระบอกปืนหลายสิบกระบอกเล็งบนศีรษะเฉินเป่ยไม่ขยับ… แรงอาฆาตสยองขวัญน่าสะพรึงกลัว
ฉินเกอ…พันเอกของกลุ่มกองทัพบกแห่งหัวเซี่ย…คาดไม่ถึงจะถูกคนถือปืนจ่อศีรษะไว้ในขณะนี้… นี่…เป็นเรื่องสั่นสะท้านที่ทำลายทุกกฎมาก
พันเอกของกลุ่มกองทหารบกท่านหนึ่ง…นี่คือผู้นำระดับสูงของหน่วยที่เหนือชั้นขั้นสุด ถ้านายพันท่านหนึ่งเกิดเรื่องขึ้น…นี่…เกรงว่าทั้งเมืองหู้ไห่…และทั้งเยี่ยนจิงล้วนต้องแผ่นดินไหว
วินาทีนี้อากาศในที่เกิดเหตุเปลี่ยนไปกดต่ำขั้นสุด
บรรดาพนักงานทั้งหมดในที่เกิดเหตุมองฉากนี้ด้วยความตื่นตกใจ… ทหารกลุ่มหนึ่งกับเฉินเป่ยถือปืนปะทะกัน… นี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน นี่เป็นอาวุธที่พร้อมใช้งานของทหารเชียวนะ เหล่าพนักงานกลุ่มหนึ่งล้วนเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา เคยเห็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวขนาดนี้ที่ไหนกัน? ทุกคนตกใจค้างกันทั้งนั้น
พนักงานรักษาความปลอดภัยจางหยุ่งมองฉากนี้แข็งเป็นหิน…กุมหมัดแน่น แม้แต่ลมหายใจยังเร่งถี่พอสมควร…พี่เฉิน…แม่งช่างเก่งกาจเหลือเกิน… แม้แต่คนของกองทัพยังกล้าคุมเชิงกันเช่นนี้?
ท่านประธานเทพธิดาหลีชิงเยียนได้รับข่าวแล้ว…ใส่รองเท้าส้นสูงรีบพุ่งลงตึกไปทันที…ทันทีที่เดินออกมาจากอาคารก็เห็นฉากนี้เข้าเช่นกัน… เธออึ้งค้างไปทั้งตัว…
“เฉินเป่ย…” ใบหน้าหลีชิงเยียนลนลาน ตะโกนเรียกไปแบบสับสนอยู่บ้าง
เฉินเป่ยค่อยๆ หันหน้ามา ส่งสายตาที่มั่นคงให้หลีชิงเยียนทีหนึ่ง หมายความว่าให้เธอไม่ต้องประหม่า
เหล่าทหารกลุ่มนั้นถือปืนไว้ สีหน้าเคร่งขรึมและประหม่า บนหน้าผากของพวกเขา…แม้กระทั่งเหงื่อยังซึมออกมาด้วย นี่คือเรื่องกะทันหันที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน สถานะของหัวหน้าสูงศักดิ์สำคัญเพียงใด… หัวหน้าถูกคนเอาปืนเล็งระหว่างคิ้ว นี่คือเรื่องใหญ่โตเลยทีเดียว
“รีบวางปืนลงเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้น…พวกเราจะฆ่าตรงนี้ทันที!!” เหล่าทหารกลุ่มนั้นแรงอาฆาตน่าสะพรึงกลัว ได้ปลดล็อกสลักของปืนออกทั้งหมดแล้ว วินาทีนี้เหล่าพนักงานทั้งหมดต่างถอยหลัง…หวาดวิตกตื่นกลัว
เฉินเป่ยไม่มีการตอบสนองใดๆ ยังคงถือปืนไว้ จ่อที่ระหว่างคิ้วของฉินเกอตรงๆ
วินาทีนี้ สายตาฉินเกอล้ำลึกไร้ที่เปรียบ จ้องเฉินเป่ยที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
“นาย…รหัสลับคือเบอร์หนึ่งเหรอ?” ทันใดนั้นฉินเกอเอ่ยปากถาม ในน้ำเสียงมีการสำรวจนิดๆ
สีหน้าเฉินเป่ยนิ่งสงบดุจน้ำ ในดวงตาเหมือนมีความตะลึงแวบผ่านนิดๆ เขาส่ายหน้าช้าๆ
สายตาฉินเกอจ้องดวงตาของเฉินเป่ยไม่กะพริบ เหมือนว่า…อยากมองเบาะแสอะไรจากในสายตาของเขาให้ทะลุ…แต่กลับไม่มีเบาะแสใดๆ…
ฉินเกอค่อยๆ ส่ายหน้า…หรือว่าเป็นตนเองที่คิดมากไป? ตนเองกับเบอร์หนึ่งคนนั้นเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียวเอง…ยิ่งไปกว่านั้น…ระยะห่างผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว…ศัตรูในตอนนั้นจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน? บนใบโลกนี้ คนที่หน้าตาคล้ายกันมีตั้งมาก…แต่ที่ไม่แน่ว่าใช่คือผู้ชายตรงหน้าคนนี้ทำท่าทางอันธพาลไร้ขอบเขตตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เหมือนกับเบอร์หนึ่งคนนั้นโดยสิ้นเชิง…เบอร์หนึ่งในตอนนั้น เป็นนักรบที่จิตใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ จะนำมาเปรียบเทียบกับพวกอันธพาลระดับนี้ที่อยู่ด้านนี้ได้อย่างไร?
“วันนี้เป็นฉันแพ้แล้ว นายเก่งกาจมาก” ฉินเกอค่อยๆ ลดท่วงท่าสยองขวัญบนตัวลง วินาทีนี้หัวหน้าพันเอกของกลุ่มกองทัพบกแห่งหัวเซี่ยท่านนี้พ่ายแพ้ราบคาบ
“ฉันฉินเกอ ขอยอมแพ้”
เฉินเป่ยถึงค่อยๆ เก็บปืนลงแล้ว ยืนปืนคืนให้เขาแล้วด้วย
หลังจากรับปืนของตนเองเข้ามา สายตาฉินเกอจ้องเฉินเป่ยแวบหนึ่ง จากนั้น…หมุนตัวไปโดยตรง
“แยกย้าย” คำสั่งของฉินเกอนิ่งสงบมาก เย็นชามาก
เหล่านายทหารกลุ่มนั้นฟังคำสั่งชั่วพริบตาเดียว พักแถว เก็บอาวุธกลับ รถออฟโรดสามคันขับออกไปแบบเป็นระเบียบเรียบร้อย
เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งเฉย ค่อยๆ พูดว่า “เดินทางปลอดภัยไม่ส่งนะ”
ฉินเกอกระโดดขึ้นรถ ยื่นนิ้วมือออกนอกหน้าต่าง ชี้เฉินเป่ยตรงๆ “ฉันยังจะมาหานายอยู่ ฉินหยาง ฉันจะต้องพากลับไปให้ได้”
รถออฟโรดยี่ห้อตงเฟิงสามคันเลี้ยวหัวออกไป แล่นฉิวไปตลอดทาง…
มองเงาในระยะไกลของรถสามคันที่ค่อยๆ เลือนหาย…ภายใต้ใบหน้าที่เหมือนนิ่งสงบของเฉินเป่ย…อารมณ์พุ่งพรวดตั้งแต่แรก ราวกับคลื่นยักษ์ซัดสาด…
ชั่วขณะนี้ ดวงตาของเฉินเป่ยมีเส้นเลือดฝอยปกคลุมเลือนราง…สถานการณ์ที่เยี่ยนจิง..ทุกอย่างในอดีต เหมือนว่ากำลังผุดในหัวสมองของเขาไม่หยุด…คงมีสักวัน เขาจะกลับไป… เหยียบบ้านเกิดที่โหดร้ายนองเลือดนั้น
“เฉินเป่ย…นาย ไม่เป็นอะไรนะ?” ท่านประธานเทพธิดาหลีชิงเยียนค่อยๆ เดินมาด้านหน้า ถามด้วยความเป็นกังวลอยู่บ้าง
เฉินเป่ยค่อยๆ ส่ายหน้า เจตนาอยากฆ่าเย็นยะเยือกบนตัวบันยะบันยังลงในชั่วขณะหนึ่ง…เขาโอบร่างกายสาวงามตรงหน้าไว้…รู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายและบุคลิกที่งดงามน่าหลงใหลนั้นของเธอ…ในเวลานี้มีเพียงผู้หญิงด้านหน้าคนนี้เท่านั้น…ถึงสามารถทำให้เขารู้สึกสงบได้นิดๆ…นี่บางทีอาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าความห่วงใยล่ะมั้ง…
รถออฟโรดสามคันขับอยู่บนถนน ฉินเกอนั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้าซับซ้อน…
“…เมื่อกี้…ทำไมพวกเราต้องแยกย้ายกันด้วย? คนคนนั้นใจกล้าไม่เคารพคุณแบบนี้ แถมยังกล้าเก็บซ่อนคุณหนูฉินหยางไม่ปล่อย…เมื่อกี้พวกเราควรจะจับกุมเขาไว้! สั่งสอนให้หนัก!” บอดี้การ์ดกำลังพูดอย่างโกรธเคืองไม่สบายใจอยู่ด้านข้าง ที่จริง…เมื่อสักครู่พวกเขาคนกลุ่มหนึ่งเล็งปืนที่เฉินเป่ยไว้แล้ว…ว่าตามทฤษฎีการสู้รบของพวกเขา สามารถจัดการจับกุมไว้ได้ภายในสามวินาที
บนหน้าฉินเกอค่อยๆ เผยสีซีดเซียวออกมา…เขาค่อยๆ จับหน้าอกตนเองเอาไว้…ที่หน้าอก…ความเจ็บที่ไม่ชัดเจน…ในที่สุดพันเอกท่านนี้ก็ทนไม่ไหวอีก…พ่นเลือดสดออกมาทีหนึ่งทันที
“ไม่ดีแล้ว!!” ในรถ บอดี้การ์ดและเหล่าทหารกลุ่มหนึ่งสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ในขณะนั้น ทุกคนตกใจหมด คาดไม่ถึงฉินเกอได้รับบาดเจ็บแล้ว
ฉินเกอสีหน้าซีดเซียวแถบหนึ่ง มุมปากของเขา…บนคอเสื้อเครื่องแบบทหารถูกเลือดสดสีแดงเปื้อนหมด…ราวกับกำลังยืนยันความยุ่งเหยิงในเวลานี้ของเขา…
เดิมทีความสงบเมื่อสักครู่ของเขา…เพียงแค่ฝืนกลั้น หมัดนั้นของเฉินเป่ยสั่นสะเทือนอวัยวะภายในของเขา…สยองขวัญไร้ที่เปรียบ แม้แต่พันเอกฉินเกอท่านนี้…ยังไม่มีทางรับไหว
…
เมืองจิง อาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง
หวางเหวินห้าวนั่งอยู่ในห้องทำงาน ยังคงใส่แว่นตากรอบเงินนั้นไว้ ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
หวางเหวินห้าวมองหน้าจอแสดงผลแวบหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ รับสายโทรศัพท์ขึ้น
“เป็นยังไงบ้าง? ฉินเกอจัดการเฉินเป่ยคนนั้นแบบไหนแล้ว?” หวางเหวินห้าวค่อยๆ พิงพนักหลังเก้าอี้ ถามด้วยหน้าตานิ่งเฉยมีเลศนัย
ในสายโทรศัพท์นั้นลังเลไม่กี่วินาที ถึงค่อยๆ พูดว่า “ฉินเกอ…ฉินเกอถูกเฉินเป่ยโจมตีจนแพ้แล้ว…”
“ตึก!” หวางเหวินห้าวจับโทรศัพท์ในมือไม่มั่น ร่วงลงพื้นแล้ว…
หวางเหวินห้าวสีหน้าตื่นตกใจพูดไม่ถูก รีบเก็บโทรศัพท์บนพื้นขึ้น ถามอย่างตื่นตระหนก “นายพูดอีกทีสิ?”
“ฉินเกอ…พาคนไปหาเฉินเป่ยก่อน…ผลปรากฏว่า…ถูกเฉินเป่ยโจมตีจนแพ้แล้ว…”
ซู่! ได้ยินคำพูดประโยคนี้กับหูตนเอง…สีหน้าของหวางเหวินห้าวเปลี่ยนกะทันหัน เปลี่ยนไปตื่นตกใจขั้นสุด เขย่าขวัญ
ฉินเกอ…คุณชายตระกูลฉินคนนั้น…ทหารระดับพันเอก…หลายปีก่อนคือเทพเจ้าแห่งสงครามของหน่วยสูงสุดของกลุ่มกองทัพบก…คาดไม่ถึง…ถูกตีพ่ายแล้ว?
นี่…เป็นไปได้อย่างไรกัน? ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าของหวางเหวินห้าวก็สั่นสะเทือนอย่างยิ่ง นี่…ทิศทางของเรื่องราวเกินกว่าการคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง เขาวางแผนไว้เป็นขั้นเป็นตอนอย่างดี ทุกอย่างล้วนอยู่ในแผนการของเขา…แต่เขาไม่ได้นึกถึงเลยสักนิด…เฉินเป่ย…แม้แต่ฉินเกอยังสามารถตีจนพ่ายได้ นั่น…เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามที่ชื่อดังมาหลายปีผู้หนึ่งเลย
สีหน้าของหวางเหวินห้าวเวลานี้ได้แต่ใช้ความซับซ้อนขั้นสุดมาบรรยาย… นี่…ทำให้แผนการในขณะนี้ของเขาเหมือนเกิดรอยร้าว ยืมมีดของฉินเกอตระกูลฉินฟันคน…แต่กลับคิดไม่ถึง…มีดที่ฟันคนจะสู้คู่แข่งไม่ได้…
เมืองจิงย่านตรอกเก่าแก่ บ้านที่ล้อมลานบ้าน ตระกูลฉิน
ท่านผู้นำฉินเฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้โบราณในห้องโถง ค่อยๆ จิบชาหลงจิ่งเบาๆ
ทันใดนั้นคนรับใช้คนหนึ่งรีบมารายงาน “ท่านผู้นำ…ไม่ดีแล้ว…คุณชายเกอเขา…เขาถูกเฉินเป่ยคนนั้นตีแพ้แล้ว…”
ได้ยินคำพูดนี้ แก้วชาในมือของฉินเฉิงสั่นเบาๆ เกือบหกราด
“ฉินเกอ…ถูกตีแพ้แล้ว?” ในดวงตาที่แก่หง่อมของฉินเฉิงมีความหมายตกใจแบบไม่อยากเชื่อแวบผ่าน
ไม่มีใครเข้าใจฝีมือของหลานชายคนนี้ของตนเองดียิ่งกว่าเขาอีกแล้ว… นี่เป็นหลานชายที่เขาฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กจนโต ฉินเฉิงตัวเขาเองคือนายพลห้าวหาญของค่ายทหาร ส่วนหลานชายของเขา…ได้รับการฝึกฝนเข้มข้นมาตั้งแต่เด็ก…ยิ่งเป็นนักเรียนที่เก่งกว่าครู? นั่นเป็นบุคคลน่าเกรงขามบนสนามรบที่โหดเหี้ยม
“เป็นไปได้ยังไง?…เป็นไปได้ยังไง” ฉินเฉิงลุกขึ้นยืนฉับพลัน ในดวงตาแก่หง่อมสาดส่องอาการตกใจไม่อยากเชื่อออกมา หลานชายใหญ่ที่เป็นที่ภาคภูมิในของเขาคนนี้…เจ็ดปีก่อนได้ที่สองของการแข่งขันต่อสู้กระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง…เป็นไปได้อย่างไรที่จะพ่ายแพ้คนธรรมดาคนหนึ่ง?
เดี๋ยวก่อน…กระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง…ในขณะหนึ่งดวงตาของฉินเฉิงแข็งทื่อขึ้นมา เขาเหมือนว่า…นึกอะไรขึ้นมาได้…?
เฉินเป่ยก้าวฝีเท้าที่หนักหน่วงเดินออกจากห้องโถง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เงยหน้ามองท้องฟ้าสีฟ้าเข้มบนเหนือศีรษะ…ความคิดของเขา…คล้ายกับกำลังสลับไปมา…
หลายปีก่อน…ที่การแข่งขันการต่อสู้ของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิงครั้งหนึ่ง…ผู้ชนะเลิศคนนั้น…เคยเฉียดผ่านกับฉินเกอไป…ไม่ใช่ทหารหน่วยรบพิเศษหน่วยเดียวกัน…ชื่อของเขาคือ?
“เฉิน…” เสียงของฉินเฉิงล้ำลึกทอดยาว วินาทีนี้ อารมณ์ของเขาเปลี่ยนผันอย่างน่าประหลาด
“เฉิน………….” เสียงที่แก่หง่อมของฉินเฉิงบ่นพึมพำ อารมณ์ในแววตากำลังเปลี่ยนไปไม่หยุด เหมือนเปลี่ยนไปลุ่มลึกเพิ่มขึ้น…
ท้ายที่สุด ฉินเฉิงถอนหายใจแบบซับซ้อนลึกซึ้ง…คนที่ตายไปแล้ว จะกลับมามีชีวิตอีกได้อย่างไรล่ะ?
…
กลางดึก อาคารสำนักงานของเมืองจิง
หวางเหวินห้าวกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน ทำงานตอนดึก
ทันใดนั้น โทรศัพท์ที่เร่งด่วนดังขึ้น
หวางเหวินห้าวรีบรับโทรศัพท์ขึ้น
“คุณชายใหญ่…ไม่ได้การแล้ว…ข่าวลือฉาวโฉ่นั้นที่พวกเราปล่อยออกไป…ถูกคนของตระกูลฉินตรวจสอบแล้ว…ตอนนี้คนของตระกูลฉินจับเบาะแสนี้ไว้ไม่ปล่อย…เหมือนอยากค้นหาให้ถึงที่สุด…” ในโทรศัพท์ เสียงของลูกน้องที่ตกใจหวาดกลัวลอยออกมาแล้ว