สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 655
บทที่ 655 ล่อเสือออกจากถ้ำ
“อะไรนะ!!” หวางอู๋ตี๋ที่นอนอยู่บนเตียง หน้าเปลี่ยนสีทันที แผนล่อเสือออกจากถ้ำที่พี่ชายตั้งใจวางแผนมาอย่างดี ล่อเฉินเป่ยให้ออกไปช่วยคน จากนั้นก็ระเบิดเฉินเป่ยให้ตาย แต่เรื่องมันกลับตาลปัตร เฉินเป่ยหนีไปได้อย่างนั้นเหรอ
“ไอ้พวกกระจอก รีบไปสกัดมันเอาไว้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรต้องสกัดมันเอาไว้ให้ได้!!” หวางอู๋ตี๋พูดอย่างดุดัน
ตอนนี้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต แผนในวันนี้ตั้งใจสร้างมันขึ้นมาอย่างดี แม้ว่าตอนนี้เฉินเป่ยจะยังไม่ตาย แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองได้หรอก ตอนนี้ทั้งเมืองหู้ไห่ถูกคนของตระกูลหวังปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว
ในเวลาเดียวกัน รถออฟโรดยี่ห้อแลนด์โรเวอร์กำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงสุดบนถนนเมืองหู้ไห่
ซูเหลยนั่งอยู่ในรถ ผมบลอนด์ยาวจนเลยบ่า ดวงตาคู่สวยสีฟ้าครามเปล่งประกายแวววาว เธอเหยียบคันเร่ง รถออฟโรดยี่ห้อแลนด์โรเวอร์ทะยานไปข้างหน้าเหมือนสัตว์ร้ายกำลังคำราม รถมุ่งหน้าด้วยความเร็วไปยังบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป
“เอี๊ยดดด” เสียงเบรกดังสนั่น รถออฟโรดแลนด์โรเวอร์เบรกจนท้ายสะบัดเพราะความเร็วสองร้อยกิโลเมตร ตัวรถเบรกขวางหน้าประตูบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป
รถยังเคลื่อนที่ในแนวนอนด้วยความเร็วสูง จู่ๆ ประตูรถก็ถูกเปิดออก ร่างงามราวกับผีเสื้อที่กำลังระบำก้าวออกมาจากรถ
ร่างกายของซูเหลยสว่างวาบในอากาศเหมือนวิญญาณ และแวบเข้าไปในอาคาร
ภายในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเต็มไปด้วยความสยดสยอง
ชายหนุ่มที่สะพายกล่องไม้ยาวทรงสูงอยู่ข้างหลังกำลังเดินขึ้นไปด้วยท่าทางสบายใจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่รอบๆ อยากจะห้ามเอาไว้ แต่ก็โดนเขาผลักด้วยมือเดียวอย่างแผ่วเบา จนกระเด็นออกมา มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก
“หลีชิงเยียนล่ะ ผมต้องการพบเธอ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับทำให้คนหวาดกลัว
เหล่าพนักงานต่างพากันหลบ ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจออกมา
ชั้น 99 ของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เหล่าบอดี้การ์ดคุ้มกันหลีชิงเยียนเอาไว้และพยายามจะหนี แต่ตอนนี้บริษัทวุ่นวายไปหมด บอดี้การ์ดมองผ่านกระจกลงไป พบว่าประตูทางเข้าออกด้านล่างถูกกลุ่มคนลึกลับยืนขวางเอาไว้หมดแล้ว
ตอนนี้ไม่มีทางไหนที่จะสามารถออกไปได้เลย
ผมยาวของหลีชิงเยียนเริ่มยุ่งเหยิง ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนอันตรายที่กำลังจะมาถึง
จางหยุ่งอดกลั้นความเจ็บปวดจากบาดแผลและอยู่ข้างกายหลีชิงเยียน ไม่ว่ายังไงเขาจะต้องปกป้องเธอ นี่คือหน้าที่ที่พี่เฉินมอบหมายให้เขา เขาจำเป็นต้องทำให้สำเร็จ
“ประธานหลีไม่ต้องกังวลนะครับ ผมติดต่อพี่เฉินแล้ว เขาจะต้องรีบมาปกป้องคุณแน่นอนครับ” จางหยุ่งพูดด้วยสีหน้าซีดเผือด แต่มันกลับแน่วแน่จนบอกไม่ถูก
ชายหนุ่มคนนั้นเดินขึ้นมาแต่ละชั้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย เขาเหมือนผู้ครอบงำทุกสิ่งทุกอย่าง ก้าวแต่ละก้าวแทบจะทำให้คนหยุดหายใจ ราวกับเทพมรณะอย่างไรอย่างนั้น
เขาเดินขึ้นไปบนชั้น 99 เขายืนอยู่ตรงบันไดชั้น 99 และถูกกรงเหล็กอย่างหนาครอบเอาไว้ แม้แต่ลิฟต์ก็หยุดทำงาน เพื่อตัดช่องทางการเคลื่อนไหวทั้งหมด
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองข้างบน แล้วพูดพึมพำกับตัวเองว่า “หลีชิงเยียน เธออยู่ข้างบนใช่ไหม”
เหล่าพนักงานที่อยู่รอบๆ พากันตกใจ หัวหน้าคนหนึ่งพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ “นาย..ฉันขอเตือนนายเอาไว้ ตอนนี้ทางบริษัทแจ้งตำรวจแล้ว อีกไม่นานตำรวจก็จะมาถึงที่นี่ ถ้านายไม่กลัวตำรวจ…”
ชายหนุ่มมองเขาด้วยสายตาราบเรียบ หัวหน้าคนนั้นสะดุ้งโหยง เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง จากนั้นก็ทรุดลงกับพื้น
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและจ้องเขม็ง
“สวบบ” เขาเด้งตัวขึ้นและส่งพลังอันน่ากลัวออกมาจากตัวของเขา เขาเด้งตัวทะลุเพดานขึ้นไป
“ตู้มมม” เพดานไม่สามารถรับแรงกระแทกขนาดนี้ได้ มันแตกเป็นโพรงใหญ่และมีเศษเพดานแตกกระจายไปทั่ว
ชายหนุ่มกระแทกเพดานจนแตกและเด้งตัวขึ้นไปที่ชั้น 99
ภายในชั้น 99 เมื่อเหล่าบอดี้การ์ดเห็นภาพเหตุการณ์ ต่างพากันตกตะลึง ทะลุเพดานหนาแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ เป็นไปได้ยังไง!
ชายหนุ่มกวาดตามองเหล่าบอดี้การ์ดด้วยสายตาราบเรียบ จากนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ผู้หญิงที่ได้รับการคุ้มครองจากเหล่าบอดี้การ์ด
“เธอคือหลีชิงเยียนสินะ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นายเป็นใคร ต้องการอะไร” หลีชิงเยียนสีหน้าซีดเผือด แต่เธอยังคงรักษาความแน่วแน่อยู่ ตอนนี้เธอต้องการรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร จะได้เจรจากันเพื่อหาทางออก
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอก วันนี้ผมได้รับคำสั่งมาว่าให้เอาตัวเธอไป”
บรรยากาศเงียบลงทันที คำพูดของชายหนุ่มแฝงไปด้วยการข่มขู่ที่น่ากลัว เจตนาของเขาชัดเจนมากว่าต้องการจะลักพาตัว!
“เข้าไปจัดการ!” เหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างหน้าหลีชิงเยียนตอบโต้กลับ เหล่าบอดี้การ์ดพุ่งเข้าล้อมชายหนุ่มทันที และกำลังจะลงมือจัดการ
“สวบบ” จู่ๆ ตัวของชายหนุ่มก็เคลื่อนไหวจนเกิดเงา เงาของคนเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าและเข้ามาจู่โจม
ทุกที่ที่เขาเคลื่อนตัวผ่านไป เหล่าบอดี้การ์ดกระเด็นจนลอยออกไป เลือดสาดกระจายออกมาในอากาศ มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ หลีชิงเยียนถึงกับหน้าซีด ชายคนนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก บอดี้การ์ดที่เธอเสียเงินจำนวนมากจ้างมาไม่สามารถรั้งชายคนนี้ได้เลย
ขณะนั้นก็มีภาพของชายคนหนึ่งลอยเข้ามาในหัวของหลีชิงเยียนอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ วันนี้เธออาจจะรอดยากแล้ว
หลีชิงเยียนแอบส่งข้อความที่เป็นรหัสลับให้พ่อของเธอ รหัสลับที่เธอตั้งเอาไว้เอง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พ่อจะเป็นคนที่อำนาจทั้งหมดในบริษัท
ตอนนี้เธอตัดสินใจทำเรื่องที่ร้ายแรง ถ้าวันนี้ไม่สามารถหนีออกไปได้ งั้นเธอเลือกจะเผชิญหน้ากับมัน ตอนนี้หลีชิงเยียนสูดหายใจลึก ดวงตาคู่สวยแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาแห่งความแน่วแน่ ออร่าของประธานเทพธิดาแผ่ออกมาจากตัวของเธอ เธอแน่วแน่ภายใต้สถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย
เมื่อเห็นเหล่าบอดี้การ์ดถูกถีบจนกระเด็น ประธานหลีรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก จางหยุ่งกัดฟันกรอด และพุ่งเข้าไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวตาย ประธานหลีเป็นผู้หญิงของพี่เฉิน ในเมื่อพี่เฉินไม่อยู่ จางหยุ่งจะต้องปกป้องประธานหลีให้ได้
ชายหนุ่มไม่ได้เหลือบขึ้นมามอง เขาสะบัดมือเพียงข้างเดียว
“ผัวะ!” เหมือนตัวของจางหยุ่งถูกสายฟ้าฟาด เลือดสดกระจายออกมา และกระเด็นลงไปบนพื้น
เหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่ตรงนั้นได้รับบาดเจ็บและล้มลงไปกับพื้น เลือดเจิ่งนองเต็มพื้น
ชายหนุ่มก้าวเดินช้าๆ เขานิ่งเป็นอย่างมาก
“ไปกับผมเถอะหลีชิงเยียน” น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นยะเยือกจนไม่สามารถอธิบายได้ มันน่าตกใจเป็นอย่างมาก
หลีชิงเยียนจ้องเขา ตอนนี้เธอใจเย็นจนผิดปกติ
ตัวของจางหยุ่งเต็มไปด้วยเลือด แต่เขาอดกลั้นกับความเจ็บปวด และตะเกียกตะกายบนพื้น เขาจับขาของชายคนนั้นเอาไว้
“ประธานหลีรีบหนีไป! รีบหนีไป!” จางหยุ่งพยายามยื้อเวลาให้หลีชิงเยียนมีโอกาสหนีออกไป
แววตาของชายหนุ่มนิ่ง “ผัวะ!” เขาถีบจางหยุ่งจนกระเด็นออกไปกระแทกกับผนัง จนกระอักเลือดออกมา จางหยุ่งหายใจรวยริน
ขณะนี้เต็มไปด้วยความสยดสยองและกลิ่นคาวเลือด
สีหน้าของหลีชิงเยียนซีดเผือด
“ได้ ฉันจะไปกับนาย ปล่อยลูกน้องของฉัน” น้ำเสียงของหลีชิงเยียนราบเรียบราวกับเธอได้ทำการตัดสินใจครั้งใหญ่
สีหน้าของชายหนุ่มราบเรียบ เขาไม่พูดอะไรและก้าวเข้าไปหาหลีชิงเยียน
จู่ๆ ก็มีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นมา
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เห็นเพียงร่างของใครบางคนที่พุ่งแหวกอากาศออกมาราวกับวิญญาณ ความเร็วดั่งสายฟ้า และมาหยุดอยู่ตรงหน้าของประธานเทพธิดา
ซูเหลยยืนอยู่ข้างหน้าหลีชิงเยียนอย่างนิ่งๆ เธอยืนอยู่ในตำแหน่งที่สามารถปกป้องหลีชิงเยียนได้
หลีชิงเยียนอึ้งไป เธอมองผู้หญิงผมบลอนด์ที่ยืนอยู่ข้างหน้า ซูเหลย!
ตอนนี้จิตใจของประธานเทพธิดาสับสนไปหมด ซูเหลยมาปกป้องเธออย่างนั้นเหรอ ก่อนหน้านี้เธอเข้าใจผิดซูเหลยหลายต่อหลายครั้ง แต่ทว่าตอนนี้ซูเหลยมาปกป้องเธอ
“นี่นาย สนใจมาสู้กันสักยกไหม” ซูเหลยมองชายหนุ่มด้วยสายตายียวนและพูดออกมา
แววตาของชายหนุ่มนิ่งลง และทอดมองมายังหญิงสาวที่โผล่มาแบบกะทันหัน
“เป้าหมายของผมคือหลีชิงเยียน ไม่ใช่เธอ” น้ำเสียงของชายหนุ่มราบเรียบ ไม่มีความขุ่นเคืองแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเหลยหัวเราะออกมา ยิ้มของเธอสดใสราวกับดอกกุหลาบ
“ขอโทษด้วยนะ พอดีว่าเป้าหมายของฉันมันตรงกันข้ามน่ะสิ เป้าหมายของฉันคือนาย…” ซูเหลยยิ้มบางๆ และพูดอย่างมีเสน่ห์
สายตาของชายหนุ่มนิ่ง ราวกับไม่สนใจคำพูดของซูเหลยเลยสักนิด เขาก้าวเข้ามาอย่างนิ่งๆ อีกครั้ง วันนี้เป้าหมายของเขาคือพาหลีชิงเยียนไป และไม่สนใจใครทั้งนั้น
ดวงตาคู่สวยของซูเหลยเบิกโพลง เธอง้างแขนอันเรียวสวยขึ้นมา
“ฉึบ!” ประกายแสงที่บางราวกับปีจักจั่นพุ่งแหวกอากาศออกมา มันแทบจะหลอมรวมกับอากาศและพุ่งไปที่ตัวของชายคนนั้น เร็วเหมือนแสง
ทันใดนั้นชายหนุ่มจ้องเขม็ง เท้าของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเงา และเคลื่อนตัวหลบทันที
“สวบ!” วัตถุบางราวกับปีกจักจั่นพาดผ่านลำคอของชายหนุ่มไปอย่างฉิวเฉียดจนความคมเกือบจะเฉือนเนื้อของเขา
วัตถุอันเย็นเฉียบโจมตีไม่โดนเป้าหมาย มันหมุนอยู่ในอากาศวนเป็นครึ่งวงกลมแล้วลอยกลับไปในมือของซูเหลย
ชายหนุ่มหลบมีดได้อย่างฉิวเฉียด สีหน้าของเขายังราบเรียบแต่แววตาของเขาจริงจังเป็นอย่างมาก
“ไม่เลวนี่” ซูเหลยสะบัดผมบลอนด์และเคลื่อนไหวร่างบางของตัวเอง วัตถุอันเย็นยะเยือกลอยออกมาอีกครั้ง ราวกับอากาศถูกฟาดฟัน จนอยู่ในจุดสูงสุด ตอนนี้อากาศแปรปรวนไปหมด
เหมือนบรรยากาศถูกแช่แข็งเอาไว้
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเอากล่องไม้ที่สะพายอยู่ข้างหลังมาบังที่หน้าอกของตัวเอง
“ตู้มมม” มีดเล่มบางสว่างวาบอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปะทะกับกล่องไม้ที่อยู่ตรงหน้าอกของชายหนุ่ม กล่องไม้แตกออกทันที
ลมหายใจอันน่ากลัวพลุ่งพล่านออกมาอย่างน่ากลัว
ทันใดนั้นทวนเหล็กหนักที่เปล่งประกายเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นในมือของชายหนุ่ม แรงอาฆาตอันเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่ว
เมื่อซูเหลยเห็นทวนเล่มนั้น ดวงตาคู่สวยของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้สึกถึงความน่ากลัวที่ยากจะรับมือ ทวนเล่มนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก
ชายหนุมถือทวนเอาไว้ในมือ และโยนมันออกมาด้วยแรงมหาศาล ทวนเดียวทะลุไปไกลแสนไกล!
แรงอาฆาตและอากาศรวมตัวกันอยู่ที่นี่ ทวนยาวหนาเล่มนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก มันพุ่งแหวกอากาศออกมา
ซูเหลยสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที จูเชี่ยสี่นายพลทหารรับจ้างหลงหุน ปรากฏตัวอยู่ที่นี่!!
“สวบบ” มีดเล่มบางลอยกลับเข้ามาในมือของซูเหลย
ในขณะเดียวกัน ทวนเล่มยาวอันน่ากลัวที่กำลังพุ่งเข้ามาตรงหน้า แรงอาฆาตแผ่ซ่านไปทั่ว
ซูเหลยรีบยกมีดขึ้นมากันไว้
“ฉิ้งง” เสียงโลหะปะทะกันดังสนั่น
ทวนเล่มยาวแทงไปบนมีดเล่มบาง
เสียงโลหะปะทะกันจนแสบแก้วหูดังอยู่ในอากาศ ตอนนี้ทุกคนต่างพากันเอามือปิดหู เสียงนั่นมันแสบแก้วหูและน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ด้วยแรงอันมหาศาลทำให้ตัวของซูเหลยลอยออกไปเหมือนผีเสื้อ
ตัวของเธอลอยเคว้งอยู่ในอากาศ และลงมายืนทรงตัวอยู่บนพื้น
ตอนนี้แววตายียวนของซูเหลยถูกแทนที่ด้วยแววตาที่จริงจังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“น่าสนุกดีนี่ ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้แบบนี้มานานแล้ว” ริมฝีปากแดงของซูเหลยยกยิ้ม
สีหน้าของชายหนุ่มราบเรียบจนผิดปกติ แต่แววตาของเขากลับจริงจังจนน่าตกใจ เขาจ้องซูเหลยเขม็ง “อาวุธในมือของเธอคืออะไร”
ทวนของชายหนุ่มน่ากลัวเป็นอย่างมาก แต่อาวุธของสาวผมบลอนด์คนนี้กลับรับมือทวนของเขาได้อย่างง่ายดาย นี่ทำให้ชายหนุ่มตกใจเป็นอย่างมาก
ซูเหลยกะพริบตาคู่สวย จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “บนโลกใบนี้ มีคนที่ถามชื่ออาวุธของฉันมากมาย แต่พวกเขาตายไปหมดแล้วล่ะ”
ดวงตาของชายหนุ่มนิ่งไป เขากระทืบเท้าและทักษะของเขาก็พลุ่งพล่านออกมา
“สวบบ”
ทวนยาวในมือของเขาพุ่งเข้ามาเหมือนสัตว์ร้าย ความน่ากลัวแผ่ซ่านไปทั่ว
ร่างบางของซูเหลยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับวิญญาณ เธอเคลื่อนไหวไปมาในอากาศ มีดเล่มบางเหมือนจะหลอมรวมกับอากาศ มันหมุนเคว้งและสว่างวาบอยู่บนท้องฟ้า
“ฉิ้งๆๆ” เสียงโลหะปะทะกันดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง ประกายไฟนับไม่ถ้วนกระจายออกมา ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มควงทวนในมือจนเกิดเงาที่น่ากลัว ทวนเล่มนั้นพุ่งไปหาซูเหลยด้วยแรงอันมหาศาล
ซูเหลยรีบยกมีดเล่มบางที่อยู่ในมือคู่สวยขึ้นมากันเอาไว้
“ฉิ้ง” อาวุธทั้งสองปะทะกัน ประกายไฟกระจายออกมา
ริมฝีปากแดงของซูเหลยยกยิ้ม ดวงตาสีฟ้าครามฉายแววแห่งความกระหายเลือดออกมาเบาๆ จูเชี่ยจู่โจมแล้ว
“สวบ!” ผมบลอนด์พลิ้วไหว ราวกับร่างกายของเธอหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอากาศ เธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มีดเล่มบางเคลื่อนผ่านลำคอของชายหนุ่ม รวดเร็วดั่งสายฟ้า!
“ปัง!” จู่ๆ ก็มีกระสุนพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง วิถีของกระสุนพุ่งไปที่ขมับของซูเหลย
แววตาของซูเหลยเปลี่ยนไป มีคนซุ่มยิง แรงอาฆาตของเธอหยุดลง เธอดึงมีดขึ้นมากัน
“ฉิ้งง” กระสุนปะทะกับมีด ตัวของซูเหลยกระเด็นออกไป
ปืนไรเฟิลซุ่มยิงรุ่น Barrett !!
ซูเหลยลอยอยู่ในอากาศ แววตาคู่สวยฉายแววตกตะลึง อีกฝ่ายมีกำลังสนับสนุน อีกทั้งยังเป็นนักซุ่มยิงที่ใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงรุ่น Barret
ขณะนั้นชายหนุ่มก็ถือทวนเข้ามาอีกครั้ง มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก ทวนพุ่งออกมาและตรงมายังซูเหลย
“ปังๆ” ลูกกระสุนถูกเล็งมาที่หน้าต่างอีกสองนัด มันพุ่งมาที่ขมับของซูเหลย
รถยนต์มายบัคเร่งเครื่องเคลื่อนตัวไปบนถนน สีหน้าของเฉินเป่ยเป็นกังวลอย่างมาก เขาเหยียบคันเร่ง ตลอดทางเขาไม่ได้เหยียบเบรกเลย รถเคลื่อนตัวออกไป
ขณะนั้นมีรถเก๋งสิบกว่าคันพุ่งออกมาข้างหน้า รถเก๋งกว่าสิบคันขับอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้ามาหารถของเฉินเป่ย พวกมันไม่มีท่าทีว่าจะหยุดหรือหลีกทางเลยแม้แต่น้อย
“ระวัง! พวกมันจะชนเรา!!” เย่ชวงที่นั่งข้างคนขับสีหน้าซีดเผือด เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เธอตื่นตระหนกจนไม่มีสติ
รถเก๋งกว่าสิบคันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ถ้าชนเข้ามารับรองว่าตายแน่ๆ
แต่เฉินเป่ยไม่มีท่าทีว่าจะลดความเร็วลงแม้แต่น้อย เขากำพวงมาลัยแน่นและเหยียบคันเร่งทันที!
“บรื้นนนน” รถยนต์มายบัคเร่งความเร็วอีกครั้ง แรงกระแทกไปข้างหลังรุนแรงเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ เย่ชวงหน้าซีดเผือด เหงื่อไหลจนทำให้ผมของเธอเปียกลู่ไปกับหน้าผาก เธอตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เฉินเป่ยไม่กลัวตายเลยอย่างนั้นเหรอ
“นั่งให้ดี!” เฉินเป่ยแผดเสียงออกมา
วินาทีต่อมา
“ตู้มมม” เสียงปะทะดังสนั่นขึ้นมา
รถยนต์มายบัคชนกับรถเก๋งกว่าสิบคัน
รถยนต์มายบัคเหมือนรถถังหุ้มเกราะ ชนจากความเร็วสามร้อยกิโลเมตรที่น่ากลัว รถเก๋งกว่าสิบคันไม่สามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้ มันถูกแรงกระแทกจนพังทลายเหมือนถูกลูกโบว์ลิ่งกระแทกใส่อย่างไรอย่างนั้น
คนที่เดินไปมาบนถนนต่างพากันตกตะลึงและวิ่งหลบกันให้วุ่น ทุกคนเบิกตาโพลงและจ้องภาพตรงหน้า นี่มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ที่เกิดเหตุเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด รถกว่าสิบคันที่เข้ามาขวางถูกชนจนพัง รถยนต์มายบัคเหมือนลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมา
เย่ชวงนั่งอยู่ข้างคนขับ หัวใจของเธอเต้นตึกตักอย่างรุนแรง หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้เธอยังไม่สามารถตั้งสติได้ ชนกับรถเยอะขนาดนั้น ทำไมรถมายบัคถึงไม่เป็นอะไรเลย
เย่ชวงไม่รู้ถึงความพิเศษของรถยนต์มายบัค รถคันนี้คือรถที่ได้รับการดัดแปลงให้เป็นรถกันกระสุนระดับสูง วัสดุทั้งหมดทำจากแผ่นเหล็กเกรดพิเศษแบบที่ทหารใช้ ระดับความทนทานของมันสามารถรับมือกับระเบิดขนาดเล็กได้เลย
รถยนต์มายบัคเคลื่อนตัวไปบนถนน เย่ชวงนั่งอยู่ภายในรถ เธอหยิบมือถืออย่างไม่มีสติ และกดโทรไปยังสถานีตำรวจ
“ฉันเย่ชวงเอง ฉันถูกลักพาตัวจากใครก็ไม่รู้ ตอนนี้กำลังโดนพวกมันตามฆ่า ช่วยส่งตำรวจมาสนับสนุนด้วย ฉันต้องการความช่วยเหลือ!” เย่ช่วงพูดรายงานผ่านทางโทรศัพท์
แต่วินาทีต่อมา สัญญาณโทรศัพท์ที่สถานีตำรวจก็ถูกตัดไป
เย่ชวงสีหน้าซีดเผือด นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอพยายามโทรกลับไปอีกครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อทางสถานีตำรวจได้เลย
สีหน้าของเย่ชวงไม่สู้ดี ทำไมถึงเป็นแบบนี้
“สถานีตำรวจเมืองหู้ไห่คือรังของพวกคนเลว เธอนี่โง่จริงๆ ยังจะเชื่อใจพวกเขาอีกเหรอ!” เฉินเป่ยขับรถอย่างกังวลและแผดเสียงออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย เย่ชวงหน้าซีด เธอกัดริมฝีปากแดงด้วยใบหน้าที่สับสน
ทันใดนั้นก็มีรถพ่วงบรรทุกดินทรายขนาดใหญ่สามคันโผล่ออกมาข้างหน้า
บนรถพ่วงเต็มไปด้วยดิน รถทั้งสามคันจอดเรียงกันเป็นแนวนอนอย่างน่ากลัว และขวางถนนทั้งเส้นเอาไว้ รถทั้งสามคันน่ากลัวเหมือนภูเขาลูกใหญ่และกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหารถยนต์มายบัค