สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 90
บทที่ 90 โทรศัพท์สายหนึ่ง
“นี่……นี่คือสามีของเธอ?” คนอ้วนวัยกลางคนคนนั้นได้สังเกตเฉินเป่ยอย่างละเอียดแล้วทีหนึ่ง ในลูกตาดำได้มีความไม่กล้าที่จะเชื่อกะพริบคลุมเครือ ดูเหมือนว่าจะไม่กล้าเชื่อ คาดไม่ถึงว่านี่จะเป็นสามีของซูเสี่ยวหยุน!
ภายในใจเฉินเป่ยได้มีความไม่สบายใจอยู่บ้าง แม่มรึง……ตัวเองทำไมแล้ว ทำไมก็ไม่คู่ควรกับซูเสี่ยวหยุนแล้ว?
เป็นตำแหน่งฐานะหรือว่าทรัพย์สินเงินทอง……เขาไม่ดีไปกว่าคนอื่นที่ตรงไหนแล้ว?
“ใช่” ซูเสี่ยวหยุนพยักหน้าไปมาพร้อมทั้งยิ้ม
“ถ้าเช่นนั้นสามีของเธอไปรับตำแหน่งที่สูงกว่าที่ไหนเหรอ?” คนอ้วนวัยกลางคนได้หัวเราะเหอๆจากนั้นก็พูดถาม
“เขาตอนนี้ทำงานอยู่ที่บริษัทฉัน” ซูเสี่ยวหยุนยิ้ม
“ทำงานให้เธอเนี่ยนะ?” คนคนอ้วนวัยกลางคนได้หัวเราะเหอๆ จากนั้นชั่วขณะก็มีสายตาที่เหยียดหยามขึ้นมาและได้มองไปทางเฉินเป่ย “ซูเสี่ยวหยุน ดูแล้วเธอเป็นคนในกลุ่มพวกเราหลายคนที่มีความคืบหน้าที่สุด คาดไม่ถึงว่าจะสามารถให้สามีของตัวเองทำงานเพื่อเธอได้……พวกเราทำไม่ได้เลยนะ”
ซูเสี่ยวหยุนเม้มริมฝีปากแดงเอาไว้ จากนั้นก็ยิ้มบางๆ “ประธานจ้าวพูดเล่นแล้ว”
ประธานจ้าวกวาดสายตามองไปทางเฉินเป่ยทีหนึ่ง จากนั้นหัวข้อสนทนาได้เปลี่ยน “ฉันมีข้อเสนอหนึ่ง ซูเสี่ยวหยุน ไม่รู้ว่าเธออยากไม่อยากฟัง”
“ประธานจ้าวพูดเลยไม่เป็นไร” ซูเสี่ยวหยุนพูดด้วยเสียงที่อัดแน่น
“ช่วงนี้ฉันได้เตรียมการก่อตั้งสาขาที่ยุโรป กำลังคนก็รวบรวมไม่น้อยแล้ว แต่ว่าขาดคนสนิทไปเป็นหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งที่นั่น ฉันเห็นว่าร่างกายของสามีเธอแข็งแรง เหมาะสมกังงานนี้ ฉันให้ค่าจ้างรายปีเขาหนึ่งล้าน” ประธานจ้าวเปิดปาก ทำให้สีหน้าของเฉินเป่ยเยือกเย็น ความหมายคำพูดนี้ของประธานจ้าวนั้นง่ายมาก เห็นได้ชัดก็คือกำลังทำให้เฉินเป่ยอับอายขายหน้า!
ความหมายของประธานจ้าวก็คือทำให้เฉินเป่ยอับอายขายหน้า เหมาะสมเพียงแค่เป็นหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งเท่านั้น!
“ขอบคุณความหวังดีของประธานจ้าว สามีของฉันตอนนี้เขาสุขสบายมาก ไม่ชอบไปพัฒนาอยู่ที่เมืองนอก” ซูเสี่ยวหยุนปฏิเสธประธานจ้าวแล้ว ทันทีหลังจากนั้นก็ได้ยื่นมือของไปอย่างเป็นธรรมชาติมาก และได้ไปจูงแขนของเฉินเป่ยไว้แล้ว
หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยกับประธานจ้าวอีกกี่ประโยค ทันใดนั้น เงาเงาหนึ่งก็ได้เดินไปขึ้นเวทีอย่างรวดเร็ว
ไม่ช้าห้องโถงงานเลี้ยงก็ได้เงียบสงบลงมาแล้ว สายตาแต่ละคู่ได้พากันส่องแสงไปที่ทางด้านเวที
ไฟสปอตไลท์สีขาวก็ได้ส่องลง ทันใดนั้นส่องไปอยู่บนเงาของร่างกายนั้น ไฟรอบห้องโถงงานเลี้ยงได้มืดลงมาแล้ว เงาบนเวทีนั้นได้กลายเป็นจุดโฟกัสของเวทีทั้งหมด
และสีหน้าของซูเสี่ยวหยุนก็ได้สงบเงียบลงมา ในลูกตาดำที่สวยงามกลับไม่สามารถควบคุมความยุ่งเหยิงซับซ้อนที่ได้ไหลปรากฏออกมา!
“ขอบคุณทุกท่านที่มางานเลี้ยงรุ่นวันนี้ หลายปีไม่ได้พบกัน เพิ่งรู้จักก็สนิทเหมือนรู้จักกันมานาน……มาถึงที่นี่ก็ล้วนเป็นเพื่อนนักเรียนในอดีต ก็มีบางส่วนเพราะอดีตกับอนาคต งานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้ ทุกคนสามารถพูดสิ่งที่ต้องการพูดออกมาได้เต็มที่ ติดต่อความสัมพันธ์กันให้ดีๆสักหน่อย……” เงานั้นบนเวทีได้เปิดปาก ตรงด้านล่างเวทีมีเพียงเฉินเป่ยที่สังเกตเห็น ร่างกายที่อ่อนช้อยของซูเสี่ยวหยุน ได้สั่นเล็กน้อย
หลังจากเงานั้นได้แถลงในเวลาสั้นๆ จนจบการพูด งานเลี้ยงก็ได้เปิดการแสดง!
แขกผู้มาเยือนแต่ละคนได้ทยอยลงนั่ง ห้องโถงที่หรูหราฟุ่มเฟือยใหญ่มาก เวทีสองด้านแต่ละด้านมีวงดนตรีเล่นๆที่เล่นดนตรีอย่างสง่า
เฉินเป่ยกับซูเสี่ยวหยุน หาโต๊ะด้านหนึ่งจากนั้นก็นั่งลงมาแล้ว
หาได้ยากที่จิตใจของซูเสี่ยวหยุนจะต่ำลึก เฉินเป่ยกวาดตามองไปทางซูเสี่ยวหยุนทีหนึ่ง จากนั้นก็ได้เปิดปากด้วยความมีความคิดที่ลึกซึ้ง “ให้ฉันมา ก็คือเพราะว่าเขาใช่ไหม?”
“นายรู้ได้ยังไง?” ซูเสี่ยวหยุนชะงักงัน
“ทุกคนต่อคนที่เคยรักอย่างลึกซึ้ง เมื่อตอนที่ได้เอ่ยขึ้นอีกครั้งก็ไม่สามารถปลอมแปลงคลื่นลูกใหญ่ได้เลยแม้แต่น้อย” เฉินเป่ยปั้นเรื่องพูดออกมาทันที ก่อนเมื่อกี้เพียงแค่แวบเดียวเขาก็มองอีกเงาในตอนนั้นของช่วงเวลาที่ได้ปรากฏออกมาออกแล้ว ความรู้สึกภายในใจของซูเสี่ยวหยุนตกต่ำเป็นอย่างมาก
“เรื่องอะไรก็ปิดบังนายไม่ได้” ซูเสี่ยวหยุนถอนหายใจแล้วฟอดหนึ่ง “เมื่อก่อนเป็นคนรัก ตอนนั้นฐานะทางบ้านก็ล้วนธรรมดา ภายหลังเขาได้แต่งเข้าไปในตระกูลที่มีทั้งเงินทั้งอิทธิพล ดำรงตำแหน่งเป็นCEOคนหนึ่งของกลุ่มบริษัทของเมืองนอก ภายหลังฉันก็คิดจะลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเขา ไปต่างประเทศเรียนที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และเริ่มเปิดบริษัทเป็นครั้งแรก ช่วงเวลาก่อนหน้านี้เสี่ยวเยียนจึงเรียกฉันกลับมาพัฒนาในประเทศ”
“โอ้ว ถ้าเช่นนั้นก็อยู่ในสภาวะดีกว่าฉันนะ?” เฉินเป่ยบิดหัว กวาดมองไปยังเงานั้นบนเวทีแวบหนึ่ง จากนั้นก็ได้แบะปากไปมา
“แน่นอนว่าดีกว่านาย คนอื่นเทียบได้กับเศรษฐีนีคนหนึ่ง ไม่เพียงมีคะแนนความสวยยังมีความสามารถ เหมือนนายที่ไหน ทุกวันก็ถูกเสี่ยวเยียนโกรธจนกลายเป็นแบบไหนแล้ว” ซูเสี่ยวหยุนพ่นหัวเราะ และได้เห็นภาพท่าทางของเฉินเป่ยที่มีความอิจฉาริษยาความเกลียดชัง ในที่สุดก็กลั้นไว้ไม่ได้
“ที่ชิงเยียนปฏิบัติต่อฉันนี้เรียกว่าตบคือจูบด่าคือรัก” เฉินเป่ยพูดอธิบาย
ซูเสี่ยวหยุนหัวเราะแล้วหัวเราะอีก ไม่ได้สนใจเฉินเป่ยไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มหัวกินอาหาร
“เดิมทีวันนี้เธอสามารถไม่มาก็ได้ ไม่มาเรื่องอะไรก็ไม่มีแล้ว”เฉินเป่ยพูด
“ไม่ ฉันจะต้องมา ฉันก็ต้องการให้เขาเห็น ฉันมีชีวิตที่มีมาก ไม่มีเขาโลกของฉันก็ไม่ได้ถล่มลงมา ไม่มีเขาฉันกลับจะใช้ชีวิตยิ่งอยู่ยิ่งดีขึ้น” ซูเสี่ยวหยุนพ่นเสียงออกมา ลูกตาดำที่สวยงามได้ปรากฏความมุ่งมั่นไหลออกมา
ลูกตาดำคู่ที่ลึกซึ้งของเฉินเป่ย ได้มองไปทางซูเสี่ยวหยุนอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง และไม่ได้พูดอะไรอีกแล้ว
“เขามาแล้ว” ลูกตาดำที่สวยงามของซูเสี่ยวหยุนมองไปที่ด้านหนึ่ง ริมฝีปากแดงได้พ่นเสียงหนึ่งออกมา และสีหน้าก็มีความยุ่งเหยิงซับซ้อน
สีหน้าของเฉินเป่ยได้อืดอาดเชื่องช้า ผู้ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อคนหนึ่ง กำลังก้าวเท้าอย่างรวดเร็วเดินมาทางโต๊ะของเฉินเป่ยนี้
“ซูเสี่ยวหยุน……” ผู้ชายวัยกลางคนได้ก้าวเท้าช้าลงอย่างกะทันหัน มองไปทางซูเสี่ยวหยุนและได้ตะโกนเรียก
ร่างกายที่อ่อนช้อยของซูเสี่ยวหยุนได้สั่น และได้ลุกขึ้นมาช้าๆ มองไปทางผู้ชายวัยกลางคน “เซินหวยเฟิง นานแล้วที่ไม่ได้พบกัน”
“ใช่สิ นานแล้วที่ไม่ได้พบกัน เธอเป็นยังไงบ้างยังดีอยู่ไหม?” เซินหวยเฟิงพยักหน้าไปมา และได้พูดถาม
“ฉันดีมาก กับสามีฉันก็ดีจนดีกว่านี้ไม่ได้อรกแล้ว” ซูเสี่ยวหยุนเกี่ยวแขนของเฉินเป่ยเอาไว้แล้ว
“สามีเธอ?” เซินหวยเฟิงขมวดคิ้ว และได้กวาดสายตามองเฉินเป่ยทีหนึ่ง “ซูเสี่ยวหยุน ดูแล้วความต้องการของเธอ จะต่ำกว่าเมื่อก่อนไปมากนะ คาดไม่ถึงว่าจะหาคนแบบนี้มาเป็นสามีของเธอ”
“เขาดีมาก จริงแท้มาก จิตใจก็จะไม่วอกแวกสูงไกลมากเกินไป”ซูเสี่ยวหยุนพูด
เซินหวยเฟิงหัวเราะแล้วหัวเราะอีก และหันไปชูแก้วทางเฉินเป่ย “น้องชาย หวังว่านายจะดูแลเธอดีๆ เธอมีโรคกระเพาะคุณรู้ไหม จำไว้ว่าทำน้ำแดงให้เธอดื่มมากหน่อย……”
เสียงของเซินหวยเฟิงไม่เบา สายตารอบด้านแต่ละคู่ทฃพากันมองมา มีเพื่อนนักเรียนมัธยมปลายบางส่วนที่ก็รู้ว่าซูเสี่ยวหยุนกับเซินหวยเฟิงเคยมีจิตใจที่รักใคร่กันในช่วงเวลาหนึ่ง ตอนนี้ในสายตาของพวกเขาได้แฝงไปด้วยความหมายบางประการที่ลึกซึ้งมากขึ้นส่วนหนึ่งอย่างไร้สาเหตุ เป็นละครที่ดีฉากหนึ่ง พอแตะก็จะปะทุขึ้น……
ใบหน้าของเฉินเป่ยมองเซินหวยเฟิงไว้ด้วยความสงบเงียบ รอหลังจากที่เซินหวยเฟิงพูดจบ จึงได้เปิดปากพูดอย่างจืดจาง
“โรคกะเพาะของเธอได้ใช้จ่ายไปแล้วหนึ่งแสนและได้ทำการรักษาจนหายดีแล้ว ไม่ต้องให้นายมาเจ้ากี้เจ้าการยุ่งเรื่องของชาวบ้าน”
ขวับ!
บรรยากาศทั้งหมดได้แข็งตัวโดยฉับพลัน ลูกตาดำของเซินหวยเฟิงได้แข็งตัว “เพื่อน ก่อนหน้านี้ฉันก็ยังได้ยินว่านานทำงานอยู่ในบริษัทของซูเสี่ยวหยุนนายยังคงเป็นลูกน้องของเธอ ฉันกำลังคุยกับเจ้านายของนาย เวียนมาจนนายที่เป็นเพียงลูกน้องคนหนึ่งพูดสอดขึ้นมา?”
เฉินเป่ยหัวเราะเย็นชาออกมาเสียงหนึ่ง จากนั้นก็ได้พูดโต้แย้ง “ถ้าเช่นนั้นเปลี่ยนคำพูดประโยคหนึ่ง ฐานะของฉันเป็นผู้ชายของเธอ ถ้าเช่นนั้นนานก็ด้วยฐานะอะไรถึงมาพูดกับฉันล่ะ? หนุ่มผิวขาวหน้าตาดี? แมงดาที่เกาะผู้หญิงกิน?”
สีหน้าของเซินหวยเฟิงได้หน้าเขียว แก้วเหล้าในมือก็ได้พรวดพราดลื่นไถลตกลงอยู่บนพื้นแล้ว จากนั้นเสียงที่ไพเราะก็ได้ดังขึ้นในชั่วพริบตาก็ได้ทำลายความครึกครื้นของเมื่อกี้นี้……
“นายรู้ว่านายกำลังพูดอยู่กับใครไหม?”เซินหวยเฟิงเปิดปากถามอย่างจืดจาง ในน้ำเสียงมีความน่ากลัวของความเยือกเย็นหนึ่งอยู่
“เซินหวยเฟิง นายคิดที่จะทำอะไร?”สีหน้าของซูเสี่ยวหยุนได้แข็งทื่อ จากนั้นก็ได้พูดถาม
“ฉันเพียงแค่ประหลาดใจกับสามีของเธอ เขาเอาความมั่นใจกรี้มาพูดกับฉันมาจากที่ไหน……”เซินหวยเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา “เมื่อกี้มีคนบอกกับฉันว่าสามีของเธอเป็นเพียงคนดูแลโกดังของบริษัทหนึ่ง ที่แท้ใครเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกินกันแน่?”
“ใครจัดการโกดัง? หมาร้องนายก็เชื่อ? นายก็เป็นหมา?” เฉินเป่ยล้วงหูฟังไปมา
“นายก็แม้ว่าฉันมีเงินเท่าไหร่นายก็ล้วนไม่รู้ พูดว่าฉันเป็นแมงดาเกาะผู้หญิง……นายก็คู่ควร?”
คำพูดนี้ของเฉินเป่ยราวกับว่าเป็นการกระตุ้นความโกรธของเซินหวยเฟิง สีหน้าของเซินหวยเฟิงได้ดุร้ายขึ้นมาในทันทีทันใด
“เทียบเงิน? นายมีเงินเท่าไหร่? ค่าจ้างรายปีหนึ่งล้านก็กลัวว่าคือไม่มี รอตอนไหนที่นายไม่ต้องทำงานให้ซูเสี่ยวหยุนแล้วถึงมีคุณสมบัติมาพูดต่อหน้าฉัน!”
คนทั้งสนามได้เสียงดังเกรียวกราว เมื่อกี้ประธานจ้าวพุงย้อยท่านนั้นได้ลุกขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็ได้พูดและหัวเราะ “นายรู้ว่าตอนนี้ประธานเซินเป็นคนที่มีส่วนผสมที่ดีที่สุดในยุคพวกเราแล้วไหม? เป็นCEOที่อายุน้อยที่สุดในยุค นักธุรกิจในต่างประเทศที่มีผลงานยอดเยี่ยม ค่าจ้างรายปีของเขา เดิมทีนายก็คิดไม่ถึงว่าเท่าไหร่ นายเทียบว่ามีเงินกับเขา? นายนี้คือหาที่ตายแล้วเหรอ!”
คนทั้งสนามได้เสียงดังเกรียวกราวในชั่วพริบตาคนมากมายก็ได้พากันวิพากษ์วิจารณ์ สายตาถากถางแต่ละคู่ได้ตกไปอยู่บนตัวของเฉินเป่ย และเซินหวยเฟิงก็ยิ้มและพูดอย่างดุร้าย “เรื่องของฉันกับซูเสี่ยวหยุน นายมีคุณสมบัติอะไรแทรกมือเข้ามา เดิมทีฉันก็คิดที่จะเห็นแก่หน้าของซูเสี่ยวหยุนให้ตำแหน่งหัวหน้ารักษาความปลอดภัยตำแหน่งหนึ่งกับนาย ให้ภายหลังนายติดตามซูเสี่ยวหยุนก็มีความมั่นใจในการพูด……ตอนนี้ดูแล้ว คุณสมบัติของนายแม้แต่เข้าประตูใหญ่บริษัทของฉันก็ล้วนไม่มี!”
เซินหวยเฟิงเสียงดังมากได้ส่งเข้าสู่ในหูของซูเสี่ยวหยุนอย่างชัดเจน และซูเสี่ยวหยุน สีหน้าของใบหน้าที่สวยน่ารักก็ไม่น่าดูแล้ว เธอได้ยืนอยู่ตรงที่เดิม จ้องมองเซินหวยเฟิงไว้ จากนั้นก็ได้พูด “เซินหวยเฟิง นายก็อย่าเกินไปแล้ว”
ผลสุดท้ายเซินหวยเฟิงมองข้ามคำพูดของซูเสี่ยวหยุนแล้ว และคือได้จ้องเฉินเป่ยไว้แน่น “ตามตำแหน่ง ตามฐานะทางทรัพย์สิน นายก็ล้วนไม่ดีไปกว่าฉัน……นายก็คู่ควรพูดกับฉัน?”
เผียะ!
คำพูดประโยคนี้ของเซินหวยเฟิง ราวกับว่าเป็นฝ่ามือหนึ่งได้พัดไปอยู่บนใบหน้าของเฉินเป่ยอย่างรุนแรง!
นี่ค่อคำพูดเดิมเมื่อกี้ของเฉินเป่ย เซินหวยเฟิงคืนให้อย่างปิดผนึกอยู่ตรงเดิมไม่ขยับ ฝูงชนในสนามได้มองไปทางเฉินเป่ย สายตาหยอกล้อ อยู่ในตอนที่พวกเขามองมาเฉินเป่ยกับเซินหวยเฟิงเผชิญหน้ากันก็คือหาที่ตายทั้งหมด
แต่ใครก็คิดไม่ถึง เฉินเป่ยได้ยกตาตรงจ้องเซินหวยเฟิงไว้ และได้พูดถามอย่างฉับพลัน “นายต้องการเทียบตำแหน่ง เทียบทรัพย์สิน?”
ในลูกตาดำของเฉินเป่ย มีการเตรียมการใช้ความคิดที่ลึกซึ้งของความเหยียดหยามกับความดูหมิ่น ที่นี่คงไม่มีคนรู้ ภายในใจของเฉินเป่ยมีเพียงการประชดประชันที่เข้มข้น
“แน่นอน นายเทียบได้ไหม? รอนายเทียบได้ค่อยพูด……”เซินหวยเฟิงหัวเราะเหน็บแนม “เงินเดือนนายหนึ่งเดือนเท่าไหร่?”
“สองหมื่น” เมื่อเฉินเป่ยเปิดปาก ก็ทำให้คนทั้งสนามตลกขำขันในชั่วพริบตาแล้ว
“ซูเสี่ยวหยุน คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เธอตามคนแบบนี้แล้ว……ทุกคนที่นี่ เงินเดือนก็ล้วนมากกว่าเขา!” เซินหวยเฟิงปัดฝุ่นชุดสูทแล้วปัดอีกอย่างหยิ่งยโส จากนั้นก็ได้เดินไปถึงตรงหน้าของเฉินเป่ย กราดมองเฉินเป่ยไว้ตั้งแต่บนลงล่าง และพูด “นายก็ไม่คู่ควรกับซูเสี่ยวหยุน……เงินที่ฉันหาได้วันหนึ่ง ก็สามารถทำให้นายเหนื่อยตายเหนื่อยตายไปกี่เดือนแล้ว……นายเอาอะไรมาเทียบกับฉัน!”
เมื่อเซินหวยเฟิงพูดจบก็ได้หมุนตัวช้าๆ ทันใดนั้น เสียงกริ่งโทรศัพท์ในมือของเฉินเป่ยก็ดังถี่ขึ้น!!!
รอยยิ้มตรงมุมปากของได้ยกขึ้น “ฉันไม่ต้องเทียบกับนาน เพียงแค่โทรศัพท์สายหนึ่ง ก็เพียงพอแล้ว”