สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1495 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1395
หลังจากกี่ติงยียีหนีออกจากห้องไปด้วยความหวาดผวา ไม่รู้ว่าจะไปไหน เนี่ยนยีที่อยู่ในอ้อมกอดดึงคอเสื้อของเธออย่างแรง ผ่านไปไม่นาน คอเสื้อไหมพรมของเธอก็หลุดออกจนไม่เป็นท่าแล้ว
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาเย่เนี่ยนโม่ “ฮัลโหล” เสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มีโทนต่ำและน่าหลงใหล ในใจของเธอเต้นแรงขึ้นทันที
“ฉันมาคืนเนี่ยนยี ตอนนี้นายว่างไหม?” ติงยียีรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเหมือนไม่ค่อยชัดเจน
เย่เนี่ยนโม่เหมือนว่ากำลังยุ่งอยู่ หลังจากกำชับไปไม่กี่ประโยคแล้วก็วางสาย ติงยียีกดตามเบอร์ห้องที่เขาให้มา พึ่งรู้ว่าห้องที่เขาพักก็เป็นห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีทอยู่ใต้ตึกขอห้องอันหรันเลย
กดลิฟต์ คนที่เปิดประตูคือเย่ป๋อ เห็นติงยียีแล้ว เขาดีใจมาก “คุณชายกำลังประชุมอยู่ครับ รอสักครู่นะครับ”
ติงยียีพยักหน้า เย่ป๋อยื่นมืออยากจะกอดเนี่ยนยี เนี่ยนยียกอุ้งเท้าขึ้นผ่านไป มุดเข้าไปในอ้อมกอดของติงยียีด้วยความหยิ่ง
รู้สึกว่าแมวหูพับตัวนี้เอาแต่ชายรูปหล่ออย่างเดียวเลยนะ ติงยียีคิดในใจ ห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีทคือห้องที่มีพื้นที่เปิดโล่งครึ่งหนึ่ง
เมื่อมองจากตำแหน่งยืนของติงยียีแล้วสามารถเห็นรางๆว่าตอนนี้เย่เนี่ยนโม่กำลังประชุมทางวิดีโออยู่ เขาขมวดคิ้วแน่น เปิดเอกสารไปด้วยพลางออกคำสั่งไปด้วย ราวกับว่าพบเจอกับปัญหาบางอย่าง น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมมาก แค่คนนอกอย่างเธอฟังแล้วยังรู้สึกสั่นไปทั้งตัว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เย่เนี่ยนโม่ผลักประตูออก เนี่ยนยีกระโดดเข้าไปยังอ้อมกอดของเขา มุดเข้าไปเจอตำแหน่งของกระเป๋าในทางที่คุ้นเคย
“ช่วงกลางวันอยากทานอะไร?” ความเข้มขรึมของเย่เนี่ยนโม่ในเมื่อกี้ยังคงเหลือไว้เล็กน้อย น้ำเสียงกลับช้าลงแล้ว
“ขอโทษนะ กลางวันฉันยังมีธุระอีก” ติงยียีปฏิเสธทันที จริงๆแล้วช่วงกลางวันเธอไม่ได้มีธุระอะไร
จู่ๆเย่เนี่ยนโม่ก็จับมือของเธอไว้ อุณหภูมิที่ร้อนของฝ่ามือและผิวที่ค่อนข้างเย็นนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก เธอมองเขาด้วยความตะลึงงัน
“เกิดอะไรขึ้น?” เขายกมือของเธอขึ้นมา คอเสื้อไหมพรมหลุดออกมาหมดแล้ว ติงยียีรีบส่ายหัว เย่เนี่ยนโมปล่อยมือของเธอลงแล้วพูดขึ้นว่า “เนี่ยนยี”
เนี่ยนยีร้องออกเสียงเบาไปหนึ่งที หลบอยู่ข้างในไม่ออกมา “เนี่ยนยี” เย่เนี่ยนโม่เรียกอีกครั้ง ครั้งนี้คำพูดค่อนข้างแรง
เนี่ยนยีก้มหน้าออกมาจากกระเป๋า นั่งลงตรงข้างหน้าของติงยียี น่าสงสารมาก
“พอแล้ว นายไม่ต้องรังแกมัน!” ติงยียีรีบอุ้มเนี่ยนยีขึ้นมา ในแววตาของเย่เนี่ยนโม่มีรอยยิ้มแล้ว น้ำเสียงยังคงเข้มขรึมเหมือนเดิม “ไม่ได้ ไม่สั่งสอนตอนนี้วันหลังยิ่งกว่านี้แน่นอน!”
ติงยียีไม่พอใจ “งั้นวันหลังกับเด็กก็ไม่สามารถใช้การสั่งสอนแบบนี้ได้หรอกมั้ง!”
“งั้นเธอคิดว่าใช้การสั่งสอนแบบไหนดีกว่า?” เย่เนี่ยนโม่พูดอย่างเงียบสงบ
“อย่างน้อยก็ต้องบอกกล่าวเหตุผลกับเขาอย่างอ่อนโยนจึงจะถูก” ติงยียีตอบกลับอย่างจนปัญญา
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ดีมาก ต่อจากนี้ก็ฝากลูกไว้กับเธอนะ”
ติงยียีอึ้งไปสักพัก จึงจะเข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร หูของเธอแดงกระหน่ำโดยไม่รู้ตัว
แพนด้าเดินไปเดินมาอยู่ข้างๆด้วยความหงุดหงิด ติงยียีถอนหายใจอีกครั้ง คืนนี้ก็จะเริ่มถ่ายทำแล้ว เธอยังไม่รู้เลยว่าจะฝึกแพนด้ายังไงดี
“มีเรื่องอะไรหรอ?” เย่เนี่ยนโม่สังเกตเห็นทันทีว่าอารมณ์ของเธอแปรปรวนเล็กน้อย ติงยียีเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
เย่เนี่ยนโม่ฟังแล้วพยักหน้า หยิบเสื้อคลุมแล้วทักทายแพนด้า แพนด้าที่เชื่อฟังแต่ติงยียีกลับเดินตามหลังเขาโดยไม่มีการคัดค้านใดๆ
ติงยียีเห็นแพนด้าเปลี่ยนไป จึงได้แต่เดินตามไป บนชายหาด ติงยียีทำตามที่เย่เนี่ยนโม่บอก ให้แพนด้าวิ่งล้อมตามจุดที่วางแผนแล้ว
แพนด้าวิ่งไปวิ่งมาก็วิ่งออกจากตำแหน่งที่กำหนดไว้ ติงยียีหงุดหงิดอยู่ข้างๆ เย่เนี่ยนโม่เดินตรวจสอบตามทางที่แพนด้าเคยวิ่งอย่างละเอียด
ติงยียีเห็นเขานั่งลงกะทันหัน วิ่งเข้าไปดู เขากำลังหยิบเศษกระจกออกมาจากบนหาดทราย
เศษกระจกอยู่ในหาดทรายทำให้ดูไม่ออก บวกกับปกติแล้วคนจะสวมรองเท้าจึงไม่รู้สึกว่าโดนเศษกระจกบาด ทว่าเมื่อแพนด้าวิ่งไปแล้วใช้แรงที่อุ้งเท้าทำให้อุ้งเท้าที่อ่อนนุ่มสัมผัสกับเศษกระจกที่แหลมคม
ดวงตาของติงยียีเริ่มแดง อุ้มแพนด้าแล้วแนบหัวติดกับมัน พลางพูดไปด้วยว่า “ขอโทษ ขอโทษ ฉันไม่ดีเอง”
แก้ปัญหาที่ปวดหัวที่สุดเรียบร้อยแล้ว ติงยียีอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน แม้กระทั่งความระมัดระวังที่มีต่อเย่เนี่ยนโม่ก็ไม่ได้มากขนาดนั้นแล้ว
หลังจากทานอาหารแล้ว ทั้งสองกลับไปยังห้องโถงใหญ่ของโรงแรม พึ่งเข้าไปในลิฟต์ ประตูลิฟต์ก็ถูกกดหยุด อันหรันและสวุเหวยเหรินก็เดินเข้ามา
นัยน์ตาของอันหรันจ้องอยู่บนตัวของติงยียีและเย่เนี่ยนโม่ ดวงตาโตสองชั้นยิ้มหรี่ตาขึ้น ราวกับว่ากำลังจ้องอะไรบางอย่าง สวุเหวยเหรินกำลังอยากจะห้าม ก็เห็นเขายื่นมือจับไปที่ไหล่ของติงยียี ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูสนิทสนม
“ยียี เมื่อคืนหลับสบายไหมครับ ผมได้รบกวนคุณหรือเปล่า?”
ติงยียีแข็งทื่อไปทั้งตัว พอนึกขึ้นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ชอบผู้หญิง ในใจก็วางใจลง น่าแปลกที่ทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงถามคำถามที่ประหลาดแบบนี้ ก็เลยส่ายหัว
อันหรันยังอยากพูดอีก มือคู่หนึ่งที่เร็วราวกับสายฟ้าจับข้อมือของเขาไว้ เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เย็นชา “ปล่อยเธอออก”
ในขณะเดียวกัน มืออีกข้างหนึ่งก็พุ่งไปทางเย่เนี่ยนโม่ หมัดของสวุเหวยเหรินห่างกับเขาเพียงแค่นิ้วเดียว เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ปล่อยเขาออก”
ข้อมือของอันหรันเริ่มแดงแล้ว เขามองเย่เนี่ยนโม่ ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย “คุณคือแฟนของเธอหรือเปล่า? หากไม่ใช่ผมเองก็มีสิทธิ์ที่จะจีบเธอ คุณว่าถูกไหมยียี?”
อันหรันกะพริบตาไปทางติงยียี แสดงออกกับเธอว่าให้ความร่วมมือกับตัวเอง ติงยียีพูดด้วยความสงสัย “พี่อัน ทรายเข้าตาหรอ?”
อันหรันรู้สึกท้อแท้ ลิฟต์ส่งเสียงขึ้น เย่เนี่ยนโม่ปล่อยเขาออก ดึงติงยียีมาแล้วเดินออกไปทางข้างนอกด้วยก้าวใหญ่
“เย่เนี่ยนโม่ หากไม่อยากให้เธอถูกฉันจับไป ก็ทำดีกับเธอ” อันหรันพูดอย่างเย็นชาจากทางข้างหลังของเขา
เย่เนี่ยนโม่หันหลัง น้ำเสียงไม่เปลี่ยน “หากยังอยากเป็นซุปเปอร์สตาร์ต่อ งั้นสิ่งที่ไม่ควรเตะก็ไม่ต้องเตะจะเป็นอันดีสุด”
ประตูลิฟต์ปิดลง อันหรันรีบเปลี่ยนท่าทางที่เย็นชาเมื่อกี้ ตอนนี้เขากำลังจับข้อมือของตัวเองแล้วพูดด่า “ให้ตายเถอะ!เขาคือเฮอร์คิวลิสหรอ ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
“สมน้ำหน้า ใครให้นายยั่วโมโหเขาก่อน” สวุเหวยเหรินพูดบ่นเขาไปด้วย พลางดึงมือเขามาช่วยเขานวดเบาๆด้วยความสงสาร
อันหรันดื่มด่ำกับความอ่อนโยนของเขาที่มีน้อยมาก พลางพูดไปด้วยว่า “ติงยียียัยซื่อบื้อนั่นไปดึงดูดปลาใหญ่อย่างเย่เนี่ยนโม่ได้ยังไงกัน ไม่เข้าใจความเล่ห์เหลี่ยมเลยแม้แต่น้อย เมื่อกี้ฉันกะพริบตากับเธอแล้ว ทำไมถึงไม่เข้าใจกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับเลย!”
อันหรันพร่ำบ่น ในแววตากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ผู้หญิงแบบนี้ ควรจะได้รับความสุขที่แท้จริงๆ
ติงยียีถูกเย่เนี่ยนโม่ดึงกลับห้อง เธออยากจะดิ้นรน ทว่าถูกแรงกดทับไว้ตรงประตู
“ฉันจะไปแล้ว ปล่อยฉันออก” อุณหภูมิร่างกายที่เข้าใกล้นั้นสูงเกินไป และทำให้เธอรู้สึกไปว่าขณะนี้เป็นฤดูร้อน
“จะไปไหน? เธอพักอาศัยกับเขามาโดยตลอด?” สติปัญญาของเย่เนี่ยนโม่ถูกเผาไหม้ไปหมด กลายเป็นควันหายไปหมดแล้ว น้ำเสียงค่อยๆ หนักขึ้นทุกครั้ง คำพูดค่อยๆ แรงขึ้นทุกครั้ง “ทำไม มันเป็นไอดอลของเธอ ดังนั้นเธอจึงเตรียมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา? อยากจะเข้าวงการบันเทิง มาขอร้องฉัน ฉันสามารถทำให้เธอเป็นอันหรันคนที่สองได้!”
“เย่เนี่ยนโม่!” ติงยียีตบหน้าเขาไปหนึ่งทีอย่างทนไม่ได้ ศีรษะของเขาถูกตบจนเอียงเล็กน้อย เขามองเธอจากด้านข้าง
แพนด้าเดินไปเดินมาระหว่างทั้งสองด้วยความกระวนกระวาย เนี่ยนยีโผล่หัวออกมาจากกระเป๋าของเย่เนี่ยนโม่ แล้วรีบหดเข้าไปต่อ
เย่เนี่ยนโม่ปล่อยมือของเธอที่ถูกจับแน่นออก ถอยหลังไปไม่กี่ก้าว “ขอโทษ”
“เย่เนี่ยนโม่ เขาพูดถูก ตอนนี้พวกเราไม่ได้เป็นแฟนกัน ฉันอยากเลือกใครก็เป็นอิสระของฉัน”
ติงยียีรู้ดีว่าในใจของตัวเองไม่ได้คิดแบบนี้ ทว่าปากกลับพูดแบบนี้ออกมา เธอออกจากประตูห้องไปอย่างเร่งรีบ ข้างหลังไม่มีเสียงเท้าเดินตามมา เธอยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงเดินสักพัก สุดท้ายก็จากไป
ในยามค่ำคืน ฉากของแพนด้าถ่ายได้ราบรื่นมาก ครั้งเดียวก็ผ่านแล้ว ติงยียีนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ค่อยมีความสุข
“มีความสุขหน่อยสิ เขายิ่งโกรธก็แสดงว่าเขายิ่งใส่ใจเธอ” อันหรันเดินมายังข้างกายของเธอ พูดประโยคหนึ่งออกมาเหมือนไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็เดินจากไป
ติงยียีรู้สึกว่าการถ่ายทำในวันนี้อันหรันไม่ได้ตั้งใจใกล้ชิดตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลับเหมือนตั้งใจรักษาระยะห่าง
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาทำท่าผีทางเธอ จากนั้นก็หันหลังไปคุยบทภาพยนตร์กับแช่ถิงถิงอย่างจริงจัง ติงยียียิ้มโค้งที่ปาก ในใจกลับเริ่มมีกำลังใจขึ้นมา
การตบเมื่อกี้เธอรู้สึกว่าตบแรงไปหรือเปล่า? หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ทั้งกองเลิกงานแล้ว ติงยียีกดลิฟต์ชั้นของเย่เนี่ยนโม่อย่างมึนๆ
เธอเดินไปยังหน้าประตูของเขาด้วยความลังเล เห็นประตูห้องเปิดกว้าง มีพนักงานไม่กี่คนกำลังทำความสะอาดห้องอยู่
“ขอถามหน่อยค่ะคนที่พักอยู่ห้องนี้ไปไหนคะ?”
“เช็คเอาท์ตั้งแต่ตอนเย็นแล้วค่ะ”
ในใจของติงยียีมีความเศร้าเล็กน้อย ทำได้แต่กลับห้อง การถ่ายทำหนึ่งสัปดาห์ทำให้คนทั้งกองรู้สึกเหนื่อยล้าไปหมด พอกลับถึงเมืองตงเจียง ผู้กำกับหวูจึงให้ทุกคนพักงานครึ่งวัน
ติงยียีกลับถึงบ้านแล้วอยากจะนอนล้มบนเตียงไม่ลุกขึ้นมา ในตอนที่หลับอย่างมึนๆ งงๆ เหมือนได้กลิ่นของโจ๊ก
เสียงเห่าของแพนด้าทำให้เธอตกใจจนตื่น สวมรองเท้าแตะแล้วเดินออกจากห้อง ไห่โจ๋ซวนถือโจ๊กยืนอยู่หน้าประตู แพนด้าขวางอยู่ข้างหน้าไม่ให้เขาเข้ามา
เธอรีบเรียกแพนด้าให้ขยับออก ไห่โจ๋ซวนวางโจ๊กไว้ข้างๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ตอนเดินผ่านเมื่อกี้เห็นประตูรั้วตรงสวนคุณไม่ได้ปิด ก็เลยคิดอยู่ว่าคุณน่าจะกลับมาแล้ว”
ติงยียีมีความเกรงใจเล็กน้อย ยื่นมือไปรับโจ๊กมา ไห่โจ๋ซวนอยากจะห้ามไว้แต่สายเกินไปแล้ว ติงยียีถูกชามโจ๊กร้อนโดนมือจนร้องออกเสียง
ไห่โจ๋ซวนจับมือของเธอมาแล้วเข้าไปในครัว เปิดก๊อกน้ำกดมือเธอลงไปล้างกับน้ำ
มือของเขาเทียบกับเย่เนี่ยนโม่แล้วเย็นมาก ติงยียีอยากจะขยับออก ฝ่ายตรงข้ามเหมือนว่าไม่รู้สึก
โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น ไห่โจ๋ซวนให้เธอล้างน้ำต่อ แล้วเดินไปรับโทรศัพท์แทนเธอ
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“โจ๋ซวน?” ซ่งเมิ่นเจ๋มองนาฬิกาที่อยู่บนผนังด้วยความแปลกใจ เวลานี้ทำไมทั้งสองถึงอยู่ด้วยกัน?!
“เมิ่นเจ๋? ยียีโดนของร้อนลวกมือบาดเจ็บแล้ว ตอนนี้ไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้” ไห่โจ๋ซวนมองติงยียีที่หันหลังให้ตัวเองในครัวแล้วพูด