สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1503 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1343
“นี่คุณ?”เย่ชูฉิงมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ หลี่ยี่ซวนรับกระเป๋าเดินทางของเธอไป สาวเท้าก้าวเดินไปด้านหน้า เดินไปพูดไป: “รีบไปเปลี่ยนเป็นBoarding passก่อน!ถ้าฉันไปไม่ทันขึ้นเครื่องคอยดูนะคุณจะต้องเป็นคนเลี้ยง!”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามมาอย่างตื่นตระหนกทางด้านหลัง หลี่ยี่ซวนจึงค่อยๆเดินช้าลง ให้เธอนั้นสามารถเดินตามระยะก้าวของตัวเองได้ เย่ชูฉิงหันกลับไป มองครอบครัวตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายอีกครั้ง สายตาหันเข้าไปทางทางเข้าสนามบินอย่างเชื่องช้า ความไม่เต็มใจทั้งหมด ความโศกเศร้า ความอ่อนแอได้มลายสลายไปหมดในช่วงเวลาที่หันหัวกลับทันที
ครึ่งชั่วโมง ไห่โจ๋ซวนปรากฏตัวที่สนามบิน เขาไม่ได้มีความรีบร้อนที่จะตามหา แต่กลับค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้า เขาเดินผ่านเคาน์เตอร์ เดินผ่านโถงเที่ยวบินภายในประเทศ จากนั้นก็มาถึงประตูขึ้นเครื่อง เขารู้ดีว่าก่อนหน้านี้ไม่นานคนที่เขารักที่สุดแผ่นดินผืนนี้ จากนั้นก็แยกจากไป
รอบกายผู้คนเดินไปเดินมา บางคนก็กล่าวลาร้องได้ บางคนก็โอบกอดกันอย่างลึกซึ้ง ไห่โจ๋ซวนมองไปที่พวกเขา มือก็เข้าไปล้วงในกระเป๋ากางเกงและควักบุหรี่ออกมา พอควักออกมาก็พบว่าไม่มีไฟแช็ก
เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจ หยิบบุหรี่หนึ่งมวนออกมาคาบไว้ในปาก รู้สึกได้ถึงรสขมจางๆของนิโคตินแพร่กระจายไปทั่วปลายลิ้น ใช้เวลาสักพักทีเดียวกว่าเขาจะหยิบบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดนั้นออก ริมฝีปากเปิดออกเล็กน้อย “ชูฉิง ผมรักคุณ ผมขอโทษ”
ติงยียีและไห่โจ๋ซวนนั้นหลังจากที่ตามเย่ชูฉิงไม่ทันก็เศร้าเสียใจอย่างเงียบๆ เธอมองไปหาไห่โจ๋ซวนถามด้วยรอยยิ้มว่าเย็นนี้ตัวเองนั้นอยากกินอะไร แต่กลับปล่อยเธอไว้ให้อยู่ด้วยตัวเอง และเล่นเปียโนเพลงแล้วเพลงเล่าอยู่เพียงลำพัง
เธอนั้นคิดไม่ตก ในเมื่อไห่โจ๋ซวนนั้นไม่ได้รักเธอ แล้วจะอยากสารภาพรักกับเธอทำไม? แพนด้าที่ขยับตัวอยู่ด้านล่างเท้า เอาหัวมาวางไว้บนเท้าของเธอ และยังหลับไปอีก
“ดูแล้วคงจะต้องไปหาหมอจริงๆซะแล้ว”ติงยียีมองแพนด้าด้วยความกังวล ก้นของเธอเคลื่อนไปกดรีโมทคอนโทรล ในโทรทัศน์ใบหน้าของอันหรันทำให้เธอรู้สึกเบิกบานใจ แต่ว่าคำพูดของเขาต่อจากนี้ทำให้เธอประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ไม่ผิด ความสัมพันธ์ของผมกับติงยียีนั้นค่อนข้างสนิทสนมกันจริง แต่ว่าผมหวังว่าทุกท่านจะปล่อยให้เรื่องนี้เป็นส่วนตัว เป็นเรื่องระหว่างพวกเราสองคน” ภายใต้แสงแฟลช อันหรันยิ้มสดใสเผชิญหน้ากับสื่อมวลชน
ติงยียีดูการสัมภาษณ์อย่างสงสัย ในใจรู้สึกค่อนข้างเหลือเชื่อ พอดูวันที่ เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเอง เธอรีบร้อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรศัพท์ถูกรับทันทีเมื่อดังขึ้น “ยัยบื้อ สุดท้ายก็คิดได้สักทีว่าต้องโทรหาฉัน?”
“พี่ใหญ่อัน ฉันเห็นในข่าว นี่มีเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ติงยียีพูดอย่างรีบร้อน
“ไม่มีอะไรหรอก ปิดโทรทัศน์ซะแล้วหลับให้สบาย พรุ่งนี้คุณก็พบว่าเรื่องอะไรทั้งหมดก็จะไม่มีแล้ว อนุญาตให้คุณฝันถึงฉันนะ โอ๊ย……”
เธอได้ยินเสียงสูดลมหายใจออกมาจากปลายสายโทรศัพท์ รีบร้อนถาม: “พี่ใหญ่อัน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ผ่านไปสักพักใหญ่อันหรันถึงจะพูดตอบกลับ “ไม่มีอะไรไม่มีอะไร เมื่อตะกี้ฉันชนเข้ากับมุมโต๊ะ เอาละแค่นี้นะ ไว้คุยกันใหม่”
อันหรันวางสายโทรศัพท์ กุมส่วนท้องเอาไว้ส่งสายตา “เย่เนี่ยนโม่ คุณฝึกกำลังภายในหรือยังไง ตีโดนจุดชาของฉันพอดี!”
เย่เนี่ยนโม่กวาดสายตามองเขา สายตาไม่แยแส อันหรันจงใจร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาเสียงดัง“อาเหริน ฉันพบว่าท้องของฉันนั้นค่อนข้างเจ็บ คุณช่วยมาดูให้ฉันหน่อย!”
สวุเหวยเหรินกวาดตามองเย่เนี่ยนโม่อย่างเย็นชา ขมวดคิ้วแน่น ดึงอันหรันมาตรวจสอบซ้ายขวาบนล่างซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วจริงๆถึงวางใจ
อันหรันใช้ดวงตาลูกท้อที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มหรี่ตามองเขา เมื่อตะกี้เขานั้นจงใจทำตัวน่าสงสาร ทั้งหมดต้องโทษเขาที่เมื่อวานไม่ยอมแจ้งให้ทราบและยังจงใจโดดงานอีก ทำให้สวุเหวยเหรินหาเจอง่ายอย่างฉับพลัน วันนี้ก็จะไม่สนใจตัวเองแล้ว แต่ว่าหมัดนั้นของเย่เนี่ยนโม่ก็รุนแรงมากเหลือเกิน ตัวเองไม่ใช่ว่าคิดจะแกล้งติงยียีหรือยังไง!
“เย่เนี่ยนโม่ จะบอกข้อมูลให้คุณรู้สักเรื่อง วันนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งขับรถBugattiมาส่งติงยียี ดูรูปร่างหน้าตาก็ไม่เลวเลยทีเดียว เธอคงจะเนื้อหอมน่าดูเลยทีเดียว” อันหรันพูดกระตุ้นให้เกิดความสนใจ
เย่เนี่ยนโม่มองปราดไปที่เขา หันศีรษะไปมองนอกหน้าต่างไม่พูดจา เย่ป๋อผลักประตูเข้ามา “คุณชาย ทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วครับ”
อันหรันอยู่ด้านหน้าประตูคอนโด นักข่าวที่รู้ข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วขวางบริเวณรอบๆทางเข้าของคอนโดแม้แต่หน้าซักหยดก็ไม่ให้ผ่านไปได้ แฟนคลับจำนวนมากถือไม้รอคอยอยู่ด้านข้างเพียงเพื่อจะได้เห็นไอดอลด้วยตามตัวเอง
“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!” เสียงคนดังขึ้นอย่างโกลาหล สถานที่เกิดเหตุมีความสับสนวุ่นวาย อันหรันที่ได้รับการปกป้องจากบอดี้การ์ดเดินออกไปด้วยความยากลำบาก ข้างกายมีผู้หญิงที่สวมหน้ากากอันใหญ่และหมวกแก๊ปยืนอยู่ข้างๆ
“อันหรันอันหรัน! ฉันรักคุณ!”แฟนคลับกรี๊ดลั่นสนั่นหวั่นไหว ผู้คนมากมายพยายามดันมาข้างหน้า นักข่าวหลายคนถูกแฟนคลับที่บ้าคลั่งดันออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว อันหรันมองแฟนคลับอย่างอ่อนโยน มือโอบรอบเอวผู้หญิงที่ก้มศีรษะสวมแว่นกันแดดอันใหญ่อย่างเบาๆ แฟนคลับที่ดูอยู่นั้นยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น
“อยู่ตรงนั้นไง!”ทันใดนั้นเองเขาใช้เสียงต่ำพูดตะโกนไปทางด้านข้าง บอดี้การ์ดที่อยู่บริเวณรอบๆก็รีบฝูงชนออกและวิ่งตรงไปบริเวณที่เขาชี้ไป
มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนที่ว่างไม่ไกลจากตรงนั้น บนหัวของเธอนั้นมีผ้าพันคอพันเอาไว้ แว่นกันแดดขนาดใหญ่บดบังใบหน้าอันบอบบางเอาไว้ จึงมองเห็นรูปลักษณ์หน้าตาได้ไม่ชัดเจน พอเห็นว่าเหล่าบอดี้การ์ดวิ่งตรงมายังทิศทางของตัวเอง เธอนั้นค่อนข้างตกใจเป็นอย่างมาก รีบร้อนหมุนตัวกลับเข้าไปในรถยนต์
บอดี้การ์ดด้านหน้าสกัดกั้น! ผู้หญิงจึงเพิ่มเร่งความเร็วอย่างไม่คิดชีวิต ไม่มีใครกล้าไปขวางด้านหน้า ทำได้เพียงมองรถแล่นออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
สวุเหวยเหรินเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเดินขึ้นมาบังอยู่ด้านหน้าของอันหรัน พูดกับนักข่าวและแฟนคลับ: “ต้องขออภัยด้วยครับ สถานที่ในตอนนี้อยู่นอกเหนือการควบคุม แต่ว่าอีกสิบหน้านาทีหลังจากนี้อันหรันจะจัดงานแถลงข่าว”
พวกนักข่าวได้แต่มองดูกันไปมา แต่ว่าในเมื่อยังมีงานแถลงข่าวอยู่ ก็ไม่มีคนที่จะตามตอแยอีก พวกที่เนียนไปตามน้ำก็กระจายตัวออกไป เหลือเพียงนักข่าวหน้าใหม่และแฟนคลับที่ยังคงรออยู่ที่หน้าประตู
“เป็นอย่างไรบ้าง จับได้หรือเปล่า?”อันหรันผลักประตูห้องเปิดออก ดื่มน้ำรวดเดียวหมดแก้ว เมื่อตะกี้หิวน้ำจะตายอยู่แล้ว
เย่เนี่ยนโม่ส่ายหน้า เรื่องราวที่ทุกคนคาดเดาเอาไว้นั้นไม่เลวเลยทีเดียว ผู้บงการอยู่เบื้องหลังนั้นรู้ว่า ผู้หญิงคนที่อยู่กับอันหรันนั้นไม่ใช่ติงยียี ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อเทียบกับแฟนคลับคนอื่นทั่วไปแล้วคงรู้สึกคาดไม่ถึง
“แล้วตอนนี้จะทำยังไงดี!”สวุเหวยเหรินขมวดคิ้ว เขาเป็นผู้จัดการของอันหรัน เรื่องนี้ถ้าจัดการให้เรียบร้อยไม่ได้โดยเร็วจะส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ของเขา
“จัดงานแถลงข่าวเถอะ”เย่เนี่ยนโม่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ใช่ว่าเขาจับคนนั้นไม่ได้ เพียงแต่เขาไม่อยากให้ติงยียีนั้นอยู่ในการจับจ้องจากสายตาของมวลชน ความปลอดภัยหรืออันตรายของเธอนั้นสำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมด!
ที่งานแถลงข่าว นักข่าวนั่งกันอยู่เต็มทุกหนทุกแห่งของห้องประชุมที่โรงแรมที่บริหารจัดการเองในชุมชน เมื่อเห็นอันหรัน นักข่าวอดทนรอไม่ไหวที่ถามคำถามออกไป
“อันหรัน ติงยียีเป็นแฟนคนแรกที่คุณยอมรับ ตอบได้ไหมว่าพวกคุณรู้จักกันได้อย่างไร?”
“ได้ยินมาว่าแฟนภาพยนตร์คนหนึ่งฆ่าตัวตายเพื่อคุณ และยังมีคนข่มขู่ว่าจะไม่แต่งงานกับคนอื่นจะแต่งกับคุณคนเดียว เรื่องพวกนี้คุณมองว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
คำถามของนักข่าวโยนออกมาอย่างต่อเนื่อง อันหรันนั่งอย่างไม่สะทกสะท้านอยู่บนตำแหน่งที่นั่ง ดูตากลมโตเหมือนลูกท้อหนึ่งคู่มองนักข่าวด้วยสายตาอ่อนโยน
พวกนักข่าวคุณจับจ้องมองฉัน ฉันก็มองคุณ ในใจนั้นกลัดกลุ้มไม่หยุด พลางคิดอย่างอึดอัด ราชาภาพยนตร์อันพวกเรารู้ว่าคุณหล่อ แต่ว่าคุณจะมาจ้องมองเราอยู่อย่างนี้ไปทำไมกัน ตอบคำถามออกมาเถอะ!
“อะแฮ่ม วันนี้ลำบากทุกท่านแล้ว”อันหรันอยู่ดีๆก็เอ่ยปาก นักข่าวรีบร้อนหยิบไมโครโฟนของกล้องและปากกาอัดเสียงออกมา
“เกี่ยวกับที่ผมได้พูดออกไปก่อนหน้านี้ผมคิดว่าทุกท่านอาจจะเข้าใจผิดอยู่บ้าง ที่ในกองถ่ายติงยียีเป็นเจ้าของสุนัขTibetan Mastiffที่ชื่อว่าแพนด้า เพราะเรื่องราวในภาพยนตร์ทำให้พวกเราค่อนข้างสนิทสนมกันมาก”อันหรันพูดอย่างตรงไปตรงมา
นักข่าวนั้นไม่ได้โง่ มีนักข่าวถามย้อนขึ้นมา “แล้วที่เดินออกมาจากโรงแรมนั้นคือเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?!”
พอสิ้นเสียงนักข่าวคนอื่นๆก็คล้อยตามทันที อันหรันไม่ได้ตอบคำถามของเขาอย่างตรงประเด็น แต่กลับพูดเพื่อกระตุ้นความสนใจ: “เวลานั้นการถ่ายทำเรื่องเวทมนตร์นั้นก็ใกล้จะถึงตอนจบแล้ว”
เขาพูดแบบนี้ ในใจของนักข่าวกลุ่มหนึ่งก็เข้าใจความหมายขึ้นมา พอถ่ายทำภาพยนตร์มาถึงช่วงท้ายก็คงจะมีความคิดที่ว่าจะปล่อยข่าวอื้อฉาวเพื่อช่วยโปรโมทภาพยนตร์ แค่ครั้งนี้ไม่มีข่าวอื้อฉาวเรื่องความรักของอันหรันเท่านั้นเอง ดังนั้นนักข่าวก็เลยยอมตัดใจและคิดเพียงที่จะแย่งพาดหัวข่าว
“แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมถึงเพิ่งจะออกมาพูดตอนนี้?”นักข่าววงการบันเทิงที่คลุกคลีอยู่ในวงการมาร่วมสิบกว่าปีคนหนึ่งยังไงก็คงทำให้จากไปไม่ได้ง่ายๆ
อันหรันนิ่งไป พูดด้วยรอยยิ้มขึ้นมาทันที: “เรื่องบางเรื่องนั้นก็เหมือนกับเกมเก้าห่วงปริศนา ใครจะสามารถรับรองได้ว่าวันนี้จะไม่ใช่ห่วงอื่นที่เป็นหนึ่งในห่วงพวกนั้น!”
เรื่องข่าวของวันนี้ก็คือกองถ่ายเวทมนตร์ทำขึ้นเพื่อโปรโมทอย่างนั้นเหรอ? คิดไม่ถึงเลยว่าผู้กำกับเรื่องเวทมนตร์ครั้งนี้จะสามารถเชิญอันหรันมาเป็นแกนนำในการโปรโมทภาพยนตร์
อันหรันเห็นว่าเวลาก็พอสมควรแล้ว กระโจนเข้ามาสู่สาระสำคัญอย่างเป็นทางการ “ผมหวังว่าในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับพรุ่งนี้จะเห็นเพียงส่วนของการชี้แจง พวกคุณคิดว่าอย่างไร?”
ที่เกิดเหตุตกอยู่ในความเงียบงันชั่วครู่ ความหมายของเขานั้นทุกคนต่างเข้าใจกันดี เขานั้นต้องการให้เรื่องความสัมพันธ์กับติงยียีนั้นถูกตัดออกไป แต่ว่านี่แต่ว่านั่นเป็นหัวข้อข่าวใหญ่ ตอนนี้ทั่วทั้งประเทศต่างให้ความสนใจกับเรื่องนี้ การตัดออกไปนั้นนั่นก็หมายความว่าสูญเสียจุดขายสำคัญไป
นักข่าวคุณจับจ้องมองฉัน ฉันมองคุณกันไปมา ทุกคนไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมา ในใจของใครก็ตามต่างก็ไม่เห็นด้วย แต่ว่านี่คืออันหรันผู้ที่ได้ชื่อว่าราชาภาพยนตร์อยู่ที่นี่ เลยไม่มีคนอยากที่จะออกหน้า บรรยากาศจึงอึดอัดหาทางออกไม่ได้
อันหรันยังอยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่สวุเหวยเหรินที่อยู่ด้านข้างแอบดึงชายเสื้อของเขา ส่ายหน้าส่งสัญญาณแบบไร้เสียง ถึงยังไงเขาก็เป็นศิลปิน จะมาทะเลาะกับนักข่าวอย่างแข็งกร้าวก็ไม่ได้มีข้อดีอะไร
“พวกเราเป็นนักข่าวจากOriental Daily Newsเป็นผู้นำทิ้งข่าวนี้”ชายชราคนหนึ่งลุกขึ้นมา สายตาของมวลชนหันไปจับจ้องทางเขา ในนี้มีแต่เรื่องคาดไม่ถึง นี่ไม่ใช่หัวหน้ากองบรรณาธิการของOriental Daily Newsเหรอ? เมื่อสามปีก่อนเขาประกาศชัดว่าจะไม่ออกไปทำข่าวอีกแล้ว ครั้งนี้ใครกันที่เชิญเขามาได้?
ในใจของหัวหน้ากองบรรณาธิการของOriental Daily Newsเองก็รู้สึกจำใจ จะให้วางมือจากข่าวนี้นั่นเป็นเรื่องปวดใจอย่างมาก แต่ว่าใครใช้ให้เพื่อนที่ดีของเขาอย่างสวีเห้าเซิงมาขอให้เขาช่วย? ช่างเถอะ ถอนตัวก็ถอนตัว
เขาเป็นคนนำ นักข่าวพวกที่ยังลังเลอยู่นานนั้นก็เริ่มที่ตามน้ำยอมรับไป ส่วนที่เหลือพวกกลุ่มไม่เห็นด้วยที่เพิ่งเข้ามาในวงการไม่นานนั้นก็ยอมปล่อยโอกาสนี้ไป
เสียงเปิดประตูบานใหญ่ที่ทำมาจากไม้มะฮอกกานีของห้องประชุมได้ทำลายบรรยากาศที่ตกอยู่ในภวังค์ เย่เนี่ยนโม่เดินก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า นักข่าวตกตะลึงกันเพียงไม่กี่วินาทีก็รู้ตัวขึ้นมาในฉับพลันรีบหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายอย่างดุเดือด
เขาเดินตรงไปที่ด้านหน้าโต๊ะแถลงข่าวแล้วนั่งลง หยิบไมโครโฟนกวาดตามองไปรอบบริเวณ นักข่าวที่ก่อนหน้านี้โหวกเหวกโวยวายเมื่อเห็นสายตาอันเชือดเฉือนของเขาก็เงียบกริบในทันใด
“ในฐานะผู้ลงทุนภาพยนตร์《เวทมนตร์》 ผม”ขอแสดงความขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้”
เย่เนี่ยนโม่กล่าวอย่างเคร่งขรึม นักข่าวที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจออกมา เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าตระกูลเย่นั้นคลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงและโด่งดังเป็นอย่างมาก