สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1504 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1344
ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของเขา พวกนักข่าวก็ให้ความร่วมมือโดยการพูดตามมารยาท เขามองไปบริเวณรอบๆ พูดหัวข้อสนทนาอีกครั้ง “แต่ว่าถ้าทุกท่านยังอยากรักษาอู่ข้าวอู่น้ำของตัวเองเอาไว้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะดูแลปากกาที่อยู่ในมือไว้เป็นอย่างดี”
ถ้าหากว่าคำพูดของอันหรันคือเป็นการพูดอย่างเกรงใจ คำพูดของคุณชายเย่ทั้งหมดนั้นชัดแจ้งตรงประเด็นเหมือนฟ้าสว่างเจิดจรัสเลยทีเดียว พวกนักข่าวหน้าใหม่นั้นพูดไม่ออกอย่างชัดเจน ส่วนนักข่าวที่อยู่มานานเหล่านั้นเข้าใจเรื่องราวดีว่าอะไรที่ควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำ รีบเก็บของเตรียมตัวกลับ
“ไอ้ชุย คุณเดินไวขนาดนี้ทำไมกัน! กลัวอะไรนักหนา!” นักข่าวคนปัจจุบันของYangtse Evening Postมองอย่างไม่พอใจไปที่เย่เนี่ยนโม่ที่อยู่บนเวที จงใจพูดเสียงดังลั่น
นักข่าวเก่าที่คลุกคลีอยู่ในวงการนักข่าวมานานสิบกว่าปีเห็นเขาที่ไม่ตามถนนแล้วยังลากตัวเองลงหลุมอีก ในใจก็ยิ่งโมโห ทนไม่ไหวอีกต่อไปพูดเสียงเบา: “คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมหลายวันก่อนหนังสือพิมพ์ของสำนักพิมพ์ถึงขายหมดภายในคืนเดียว! กลับไปศึกษาซะไอ้คนมุทะลุ!”
นักข่าวเก่าก็แยกย้ายจากไปด้วยตัวเอง คนที่รู้ความก็แยกย้ายกลับไปสองสามคน ส่วนพวกเด็กใหม่ไก่อ่อนพอเห็นผู้เชี่ยวชาญในวงการทั้งหมดจากไป ใครมันจะกล้าอยู่ต่อกัน ไม่นานคนทั้งหมดก็กลับไปจนไม่เหลือสักคน
คลื่นลมพายุที่พัดเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวจนป้องกันไม่ทัน ทันใดนั้นก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ข่าวอันวุ่นวายโกลาหลนี้คล้ายกับถูกบีบคอรัดแน่นเอาไว้จากนั้นก็หยุดรัด ภายใต้คลื่นลมพายุนี้ มีคนคนหนึ่งกลับเริ่มที่จะไม่สบายใจขึ้นมา
คฤหาสน์เฟิงจิ่งย่วน อ้าวเสว่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจจ้องมองโม่ซวนหลิน “นี่คุณมาทำอะไรที่นี่?”
“ฉันอยากให้คุณช่วยฉัน หลายวันมานี้ผู้กำกับหวูเริ่มสอบถามในกองถ่ายแล้ว อีกไม่นานก็น่าจะสืบมาถึงฉันแล้ว”โม่ซวนหลินนั้นค่อนข้างกังวล คนในกองถ่ายพวกนั้น รวมกับที่เธอมีปัญหากับติงยียีอย่างเปิดเผย ถ้าอยากจะสืบหาตัวเธอก็คงจะไม่ยาก
อ้าวเสว่หัวเราะดังลั่น “แล้วทำไมฉันจะต้องช่วยคุณด้วย?”
“อย่าลืมสิ เรื่องพวกนี้เป็นคุณที่เป็นคนให้ฉันทำนะ ฉันเพียงแค่เปิดเผยเรื่องของคุณออกไป เย่เนี่ยนโม่จะต้องไม่ปล่อยคุณไปแน่”อ้าวเสว่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม คิดว่าตัวเองนั้นได้ใช้ไพ่ไม้ตายโกงออกไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของอ้าวเสว่นิ่งค้าง สีหน้าอึมครึม: “อย่าลืมสิโม่ซวนหลิน ใบหน้านี้ของคุณเป็นแม่ของฉันที่ให้คุณมา”
โม่ซวนหลินสามคำนี้เหมือนกับเหล็กร้อนที่ถูกไฟเผาเอามาไว้กระตุ้นเธอ จิตใต้สำนึกของเธอยับยั้งโดยไม่รู้ตัว “ฉันชื่อEmily!”
อ้าวเสว่มองท่าทางของเธอ แววตาว่างเปล่า ริมฝีปากเอาแต่บ่นพึมพำไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ คล้ายกับตอนที่ตัวเองแสดงเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ในใจเธอตกตะลึง ขมวดคิ้วถาม“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นอะไร!”โม่ซวนหลินรีบร้อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป เดินไปถึงประตูทางเข้าก็หันตัวกลับมาอย่างยากลำบาก คว้ากระเป๋าที่ถูกลืมไว้บนโซฟาลุกลี้ลุกลนจากไป
“ประสาท!” อ้าวเสว่มองแผ่นหลังของเธอแล้วบ่นพึมพำ ในใจนั้นเริ่มเกิดแผนการที่จะทำให้โม่ซวนหลินกลายเป็นผีตายโหง
โม่ซวนหลินออกมาจากในคฤหาสน์อย่างเร่งรีบ เสียงเบรกรถจากรถยนต์ที่แล่นอยู่ด้านนั้นทำให้เธอรู้ตัวขึ้นมาฉับพลัน
เธอใช้มือทั้งคู่ปัดถูอย่างไม่มีสติอยู่ตรงแปลงดอกไม้ที่สร้างมาเป็นอย่างดีข้างทาง ในสมองนั้นสับสนวุ่นวาย ตั้งแต่ที่เริ่มเป็นนักแสดงมา เธอนั้นไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตามก็เตรียมพร้อมอยู่เสมอ เตรียมพร้อมที่จะแสดงบนเวทีให้ยอดเยี่ยมเป็นที่น่าจับตามอง แต่ว่าแสดงแล้วแสดงอีกก็เป็นได้รับบทเป็นตัวรอง เธอไม่พอใจ!
และก็เป็นเพราะแบบนี้เอง เธอถึงไม่หยุดที่จะทรมานสัตว์ตัวเล็กที่อยู่กับตัวเพื่อให้รู้สึกสบายใจ แต่ว่าถ้าหากว่าไม่สามารถอยู่ในวงการเป็นศิลปินดาราได้ต่อไปอีกแล้ว เธอจะทำยังไง? กลับไปเป็นพนักงานธรรมดา? ไม่ เธอรับไม่ได้!
ความคิดที่สับสนวุ่นวายนี้ทำให้มือทั้งคู่นั้นฉีกดอกไม้ที่อยู่ในแปลงอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาทั้งคู่ของเธอแดงก่ำ ท่าทางดุร้ายหยาบคาย ต่างจากemilyที่แสนอ่อนโยนบนหน้าจออย่างสิ้นเชิงราวกับว่าเป็นคนละคน
“เหมียวเหมียวเหมียว” มีแมวที่มีหูหนึ่งข้างพับลงไปตัวหนึ่งเดินแหวกหญ้าออกมา มันสะบัดเศษหญ้าที่อยู่บนตัว เดินไปบนสนามหญ้าด้วยท่าทางสง่างาม ทันใดนั้นเองมือที่ซีดขาวคู่หนึ่งดึงนั้นที่จะอุ้มมันที่ดิ้นรนร้องเสียงแหลมไม่ยอมขึ้นมาไว้กลางเอว มันหันกลับไปด้วยความตื่นตระหนก อีกฝ่ายนั้นมีดวงตาที่สีแดงก่ำทั้งคู่
หลังจากโม่ซวนหลินเดินจากไป อ้าวเสว่นั่งอยู่ในห้องคนเดียวเป็นเวลานาน โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นที่อยู่ในสายพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: “เสี่ยวเสว่ เข้ากันได้ดีกับเนี่ยนยีหรือเปล่า?”
อ้าวเสว่ประหลาดใจ ทันใดนั้นเองก็คิดขึ้นมาได้ว่าเพื่อที่จะให้เย่เนี่ยนโม่มาพบตนเอง เธอจึงโกหกไปบอกว่าต้องการนำ เนี่ยนยีมาเล่นที่บ้าน ตอนนี้พอคิดดูแล้วเหมือนว่าจะไม่ได้เห็นแมวตัวนั้นมานานมากแล้ว ไม่อยากให้คุณน้าเชี่ยจับได้ถึงความผิดปกติ เธอจึงรีบพูด: “ดีมากเลยค่ะ เนี่ยนยีมันเป็นเด็กดีมาก”
รีบร้อนวางโทรศัพท์ อ้าวเสว่รีบตามหาทั่วทั้งห้อง ในใจนั้นแปรเปลี่ยนจากความหงุดหงิดกลายเป็นตื่นตระหนกหวาดกลัว เนี่ยนยีนั้นมีความสำคัญกับเย่เนี่ยนโม่มากขนาดไหนตัวเธอเองนั้นเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้ว เธอไม่อยากให้ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ทำให้เขายิ่งเกลียดตัวเองเพิ่มขึ้น
สวีเห้าเซิงเข้ามาในห้องก็เห็นว่าภายในห้องนั้นโดนค้นจนเละเทะไปหมด รีบร้อนถามออกไป: “เสี่ยวเสว่นี่คุณหาอะไรอยู่เหรอ?”อ้าวเสว่ไม่มีเวลาสนใจเธอ ยื่นคอเข้าไปหาหนังโทรทัศน์
“เสี่ยวเสว่!” สวีเห้าเซิงเห็นเธอรีบร้อน ก็มีความกังวลอยู่บ้าง ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้อาการป่วยทุเลาลงเมื่อเร็วๆนี้ วันนี้เธอทำไมดูเหมือนกระสับกระส่ายขนาดนั้น
น้ำเสียงของสวีเห้าเซิงทำให้อ้าวเสว่มีสติขึ้นมทันที เธอหันกลับมาน้ำตาก็ไหลหยดลงมาเสียแล้ว “พ่อ ฉันไม่ระวังทำลูกแมวของเนี่ยนโม่หายไป เขาจะต้องโกรธมากแน่ๆ!”
“จะเป็นไปได้ยังไง? ถ้าอย่างงั้นมาลองหาอีกทีไหม?” สวีเห้าเซิงพูดปลอบ อ้าวเสว่ส่ายหน้า ในใจนั้นกระจ่างชัดเจน เธอทำไมจะต้องตามหาลูกแมวที่ขวางหูขวางตาตัวนั้นด้วย ใช้จังหวะนี้ทำให้แมวนั้นหายไปจากสายตาไม่ดีกว่าเหรอ ตามเหตุผลที่ว่ามา ไม่ว่าตัวเองจะจัดการยังไงก็ตาม จะต้องมีคนหนึ่งคนมาช่วยเหลือตัวเอง
มุมปากของเธอยกขึ้นยิ้ม แล้วรีบปกปิดไว้ไม่ให้ใครเห็น ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง “พ่อค่ะ หรือว่าจะเป็นยียี? เธอเพิ่งจะมาหาฉันเอง พอเธอไปลูกแมวก็ไม่เห็นอีกเลย!”
“ยียี! เขามาหาคุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?” สวีเห้าเซิงนั้นรู้สึกละอายใจกับติงยียีลูกสาวคนนี้มาโดยตลอด เติมเงินเข้าไปในบัญชีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่เคยเอามาใช้เลยแม้แต่แดงเดียว นี่ยิ่งทำให้เขาไม่มีหน้าไปพบเธอ
อ้าวเสว่ก้มหัวเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย:“จะมีอะไรละ ก็บังคับให้ฉับเลิกยุ่งกับเนี่ยนโม่นั่นแหละ”
สวีเห้าเซิงถอนหายใจ ตบที่ไหล่ของเธอ “รออีกสักหน่อยก็ไปพูดว่าพ่อทำหายละกัน”
“ทำอะไรหาย?”เย่เนี่ยนโม่ที่ยืนอยู่ด้านหลังคนทั้งสองพูดออกมาอย่างฉับพลัน
“เนี่ยนโม่!”อ้าวเสว่กระโจนมาข้างหน้า พูดน้ำตาคลอ: “วันนี้คุณน้าเชี่ยให้ฉันพาเนี่ยนยีไปเล่นด้วย แต่ว่ายียีเพิ่งจะมาหาฉันบอกให้ฉันไปจากคุณ ฉันปฏิเสธไป พอเธอไปเนี่ยนยีก็ไม่เจอตัวไปด้วย!”
สวีเห้าเซิงอยากจะเอ่ยปากห้ามอ้าวเสว่ แต่ว่าเห็นว่าเธอพูดออกมาทั้งหมดที่มีอยู่ในสมองหมดแล้ว แอบถอนหายใจอยู่ในใจว่าลูกสาวคนนี้เป็นเด็กที่เก็บอะไรไว้ในใจไม่อยู่เลยจริงๆ อีกทางก็คงทำได้เพียงเงียบเอาไว้เท่านั้น
เย่เนี่ยนโม่ถอยหลังหลบอ้อมกอดของอ้าวเสว่อย่างชำนาญ หันไปหาสวีเห้าเซิงพูด: “ลุงสวีเป็นอย่างนั้นเหรอครับ?”
สวีเห้าเซิงไม่พูด ถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อของเด็กคนนั้น ถึงจะเป็นยียีทำจริงๆ เขาก็ไม่อยากที่จะพูดออกมา อ้าวเสว่ร่างกายแข็งค้าง เดินกลับมาที่ข้างกายของเขา ดูเหมือนยืนอยู่อย่างน่ารักน่าเอ็นดู เอนร่างกายไปตรงมุมอับที่ไม่มีใครมองเห็นดึงชายเสื้อของเขา
เย่เนี่ยนโม่หรี่ตามอง มองพวกเขาสองคนอย่างเงียบๆ สวีเห้าเซิงลอบถอนหายใจเบาๆไม่ให้ได้ยิน พยักหน้าอย่างว่าง่าย ลูกสาวสองคนคงจะเก็บไว้ได้เพียงคนเดียว
เย่เนี่ยนโม่เดินมาที่ข้างกายของเขา ตีที่ไหล่ของเขา “ผมเข้าใจแล้ว”
ไม่อยากจะอยู่ที่นี่นาน เขาหมุนตัวเดินออกไป อ้าวเสว่ที่อยู่ด้านหลังตะโกนออกมา “เนี่ยนโม่ ถึงคุณจะหาเธอ เธอก็คงไม่ยอมรับหรอกว่าตัวเองเป็นคนพาเนี่ยนยีไป ไม่แน่ใจไม่ยอมรับแล้วยังจะมาหาฉันด้วย”
“อ้าวเสว่!” สวีเห้าเซิงตะโกนเสียงดังออกไปอย่างอดทนไม่ไหว อ้าวเสว่เห็นสีหน้าซีดเผือดของเขา ถึงจะยอมหุบปากลงไป
ภายในรถยนต์ รอจนเย่เนี่ยนโม่นั่งประจำที่เรียบร้อยเย่ป๋อจึงเริ่มเคลื่อนรถออกไป มองผู้ชายที่เคร่งขรึมเย็นชาด้วยกระจกมองหลัง เย่ป๋อก็ขมวดคิ้วขึ้น “คุณชาย คุณเชื่อที่คุณอ้าวเสว่พูดจริงๆเหรอครับ?”
เย่เนี่ยนโม่ลูบบริเวณกระเป๋าเสื้อ ตรงนี้ทุกๆวันเคยมีศีรษะเล็กๆอยู่เป็นเพื่อนเขา เหมือนกับว่ามีคนที่รักที่สุดอยู่ข้างกายเขาอย่างไรอย่างนั้น แต่ว่าตอนนี้ กระเป๋าเสื้อนั้นเย็นเฉียบ บุคคลที่รักที่สุดกำลังห่างจากเขาไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
เนิ่นนาน ริมฝีปากของเย่เนี่ยนโม่ก็เปิดขึ้นเล็กน้อย “ไปตรวจสอบมาไปดูกล้องวงจรปิดว่าใครเป็นคนพาเนี่ยนยีไป”
《เวทมนตร์》ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรักๆใครๆของราชาภาพยนตร์ที่หลุดออกมา หรือจะเป็นการวางตัวนักแสดงหลักที่พร้อมเพรียง และเรื่องต้นทุนทั้งหมดนี้ทำให้เป็นที่พูดถึงอย่างมากในท้องตลาด
ติงยียีเพิ่งจะพาแพนด้ามาในเมืองก็มีคนหลายกลุ่มจำแพนด้าได้ อยากจะถ่ายรูปด้วย
อีกไม่นานก็น่าจะถึงเวลาที่กองถ่ายนัดไว้แล้ว ติงยียีรีบร้อนมองนาฬิกาอย่างวิตกกังวล อยากที่จะออกจากฝูงชนบริเวณรอบๆ แต่กลับพบว่าจำนวนคนมากขึ้นเรื่อยๆ
“ดูซิ ผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลย!”มีคนชี้ไปที่ด้านหลังของติงยียีวิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อยๆ ติงยียีจึงฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ได้สนใจเธอรีบพาแพนด้าวิ่งหนีออกมา
ยังไปไม่ถึงสองก้าว ข้อมือของเธอก็ถูกจับเอาไว้ ไห่โจ๋ซวนก็ดึงเธอออกจากฝูงชนบริเวณรอบๆอย่างแรง เขาเปิดประตูรถด้านหลัง แพนด้ากระโดดเข้าไปด้านใน ติงยียีที่ยังไม่ฟื้นคืนสติ ยังเหม่อลอยมองเขาอยู่
“รีบเดินหน่อย ไม่อย่างนั้นคนจะมากกว่านี้!”ไห่โจ๋ซวนแอบกลั้นยิ้มช่วยเธอเปิดประตูรถ โน้มตัวเข้าไปช่วยเธอใส่เข็มขัดนิรภัยจากนั้นจึงปิดประตูรถ
รถยนต์เคลื่อนที่แล่นไปทางสถานที่ถ่ายทำ ติงยียีถามออกไปด้วยความสงสัย: “ทำไมคุณถึงปรากฏได้ทันเวลาขนาดนั้น?”
ไห่โจ๋ซวนหาจังหวะหันมาตอบเธอขณะที่ขับรถ “ผมอยู่ด้านหลังของคุณตลอด แค่คุณไม่ได้หันหลังกลับมาดูเท่านั้นเอง”
“ทำไมล่ะ?”ติงยียีสงสัยอย่างมาก
พอฟังคำพูดของเธอ ไห่โจ๋ซวนมองด้วยอย่างขำๆ ในน้ำเสียงเต็มเปี่ยมด้วยความล้อเล่น “อย่าลืมซิ ผมกำลังตามจีบคุณอยู่นะ”
ติงยียีจ้องมองเขา แม้ว่าท่าทีของเขานั้นจะผ่อนคลาย แต่ว่าสายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าซึ่งไม่สามารถหลอกใครได้ สายตาของเธอมองลงไปที่นิ้วนางของเขา ตรงนั้นเหมือนว่าเป็นเพราะปกป้องเธอเมื่อสักครู่เลยถูกของมีคมบาดเข้า
“นิ้วมือของคุณเป็นแผลแล้ว”ติงยียีอยากจะไปลูบมือของเขาโดยไม่รู้ตัว เขาหลบอย่างรวดเร็ว ติงยียีมองเขาด้วยความแปลกใจ
“ไม่เป็นอะไรมาก ขอโทษด้วย ช่วงนี้พักผ่อนไม่ค่อยพอ”เนื่องจากพฤติกรรมที่ผิดปกติของตัวเอง ไห่โจ๋ซวนจึงทำได้เพียงหัวเราะออกมา ในจิตใจนั้นความคิดถึงคนๆหนึ่งนั้นกลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงที่จับมือตัวเองจนโตคนนั้นได้บินจากข้างกายตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อย
พอถึงกองถ่าย ผู้ช่วยก็ออกมาต้อนรับ พอเห็นทั้งสองคนยังพูดหยอกล้อ“ยียีถ้าคุณมาเร็วกว่านี้อีกสักหน่อยก็น่าจะได้เจอคุณชายเย่แล้ว”
จิตใจของติงยียีกระตุก พูดออกไปอย่างไม่แสดงอารมณ์: “จริงเหรอ?” ผู้ช่วยพยักหน้า “แต่ว่าคุณชายเย่เหมือนว่าจะยุ่งมาก ฉันบอกให้เขารอจนกว่าคุณจะมา เขาบอกว่ามีธุระต้องไปก่อน”
ในใจของติงยียีค่อนข้างเจ็บปวด เขาคงคิดจะตัดขาดกับตัวเธอเองแล้วจริงๆ จากนั้นก็ผลักไสไปอยู่ในอ้อมแขนของไห่โจ๋ซวน เขานี่ช่างเป็นคนใจกว้างจริงๆ!