สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1505 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1345
เธอนั้นพยักหน้าตามผู้ช่วยอย่างอัตโนมัติเหมือนเครื่องจักร พาแพนด้าเข้าไปในกองถ่าย ภายในกองถ่าย ทุกคนนั้นปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุด พอถ่ายฉากนี้ที่เพิ่มขึ้นมาเฉพาะกิจเสร็จเรียบร้อย ภาพยนตร์《เวทมนตร์》ก็จะปิดกล้องอย่างเป็นทางการแล้ว
ผู้กำกับหวูมองสุนัขพันธุ์Tibetan Matiffที่มีสีขนที่ค่อนข้างหม่นที่ดูขี้เกียจเฉื่อยชาไร้จิตวิญญาณอย่างเป็นกังวล “แพนด้ายังเฉื่อยชาไร้จิตวิญญาณอย่างนี้อยู่อีกเหรอ?”
ติงยียีพยักหน้า เขาถอนหายใจออกมา เอาเนื้อวัวแห้งหนึ่งถุงออกมาจากด้านข้าง “emilyที่จริงแล้วเป็นห่วงแพนด้ามากเลยนะ เมื่อตะกี้ยังเอาเนื้อวัวแห้งมาให้ฉันหนึ่งถุงเพื่อให้ฉันเอามาป้อนมัน”
ติงยียีรู้สึกสงสัย สายตาค้นหาEmily ไม่ไกลนักอันหรันส่งสายตาเชิงถามมาหา เธอรีบส่ายหน้าส่งสายตากลับไป ตั้งแต่เรื่องอื้อฉาวผ่านพ้นไปเธอกับอันหรันก็รักษาระยะห่างซึ่งกันและกัน ไม่ให้คนตั้งใจจับมาเป็นประเด็นได้
เปิดถุงออก ติงยียีหยิบเนื้อวัวแห้งออกมาหนึ่งชิ้นวางไว้ข้างหน้าปากของแพนด้า มันดมๆชำเลืองมอง เธอค่อนข้างกังวล พูดเกลี้ยกล่อม: “แพนด้าเด็กดี กินเนื้อวัวแห้งหน่อยนะเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย”
แพนด้าจ้องมองเธอ ใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะคาบเนื้อวัวแห้งไปเคี้ยว นอนลงเอาหัววางพาดบนอุ้งเท้าด้านหน้า
“ยียี ป้อนขนมให้แพนด้าอีกแล้วเหรอ?” ผู้ช่วยที่แบกกระดานไวท์บอร์ดเดินผ่านเธอนั้นถามออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไร
ติงยียีเอาเนื้อวัวแห้งส่งให้เธอ เธอรีบโบกมือ “ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ครั้งที่แล้วพอกินขนมของแพนด้าเข้าไปฉันก็ง่วงนอนไปสองวัน และอาเจียนท้องเสียอีก!”
คำพูดของเธอทำให้ในใจของติงยียีเอะใจขึ้นมา เพราะว่าแพนด้าเองก็มีอาหารป่วยแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าขนมของมันทั้งหมดนั้นเป็นของที่แฟนคลับส่งมาให้ที่กองถ่าย ความคิดของเธอนั้นสับสนไปหมด ทางด้านผู้กำกับหวูนั้นปรบมือและพูดว่า: “เอาละ ทุกคนประจำตำแหน่ง รีบถ่ายให้เสร็จเรียบร้อยแล้วไปฉลองกัน!”
ฉากนี้ แช่ถิงถิง Emilyและแพนด้าแสดงเป็นคู่แข่งกัน ติงยียีจูงแพนด้าไปยังตำแหน่งที่กำหนดไว้ แต่อยู่ดีๆมันก็คลั่งขึ้นมา ดมรอบๆมือของEmilyไม่หยุด
“รีบลากมันออกไป!”โม่ซวนหลินยกมือของตัวเองขึ้น มองหน้ามันด้วยใบหน้าที่รังเกียจ ติงยียีรีบก้าวไปด้านหน้าปลอบแพนด้า เข้ามาประชิดตัวโม่ซวนหลิน กำลังวังชาไม่รู้มาจากที่ไหนพุ่งออกมา
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของโม่ซวนหลินยิ่งเยือกเย็นขึ้น “ทำไม ทั้งเจ้านายทั้งคนรับใช้เกิดปีหมากันหมดหรือไง!”
“Emily ผู้กำกับหวูเรียกคุณ”อันหรันเดินไปข้างหน้าคนทั้งสอง โม่ซวนหลินถึงจะรีบเดินจากไป
ติงยียีจับหน้าผากที่ถูกเขาดีดจนเจ็บ มองเขาอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “โอ๊ย! คุณจะมาดีดหัวฉันทำไมกัน!”
อันหรันเดิมทีเอามือลงแล้วแต่พอเห็นท่าทางของเธอจึงยกขึ้นอีก เขาขยี้ผมยาวของเธอจนยุ่ง “คุณนะ! ก็รู้อยู่แล้วว่าเธอนั้นไม่ใช่คนจิตใจดีงามอะไรควรจะอยู่ห่างเธอให้ไกล อย่างน้อยก็ต้องหลบจนหมดวันนี้ก็พอแล้ว”
“ทำไมล่ะ?”เธอแปลกใจ น้ำเสียงอันหรันเย็นชา แววตาที่แสนอ่อนโยนแฝงด้วยรอยยิ้มนั้นค่อยๆจางหายไป“เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของEmilyในวงการบันเทิง”
ติงยียีตกตะลึง นิ้วมือชี้กลับมาหาตัวเอง “เป็นเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ?”
อันหรันไม่พูด สีหน้าท่าทางนั้นก็บ่งบอกออกมาชัดเจนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ติงยียีไม่คาดคิดว่าเป็นเพราะตัวเองทำให้เส้นทางการเป็นศิลปินของEmilyนั้นต้องจบลง กังวลจนเหงื่อผุดไหลออกมา “ขอร้องละ อย่าทำแบบนี้ ปล่อยเธอไปได้ไหม?”
อันหรันยืนนิ่งไม่จิงไหว สีหน้าท่าทางแน่วแน่ ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษEmilyที่ไปขัดใจคนที่ไม่ควรจะขัดใจเข้า
“เหวยเหริน!”ติงยียีเห็นสวุเหวยเหรินที่กำลังเดินมาพอดี รีบร้อนดึงเขามา พูดเรื่องการตัดสินใจของอันหรันกับเขาอีกครั้ง คาดหวังว่าเขาจะเปลี่ยนการตัดสินใจของอันหรันได้
สวุเหวยเหรินฟังเงียบๆจนจบ ริมฝีปากเปิดออกมาเล็กน้อย “ทำดีมาก” พูดจบแล้วหมุนตัวกลับไปทำงาน
อันหรันมองเธอที่ทำท่าเหมือนโดนฟ้าผ่าก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาอีกเพื่อขยี้ผมยาวของเธอ “วางใจเถอะ ให้ฉันจัดการเอง คุณแค่ทำให้ตัวเองมีความสุขก็พอ”
“ถ้าจัดการไม่ได้จะทำยังไง?” เธอถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว ท่าทางของอันหรันก็เปลี่ยนไปพูดอย่างแฝงความหมายลึกซึ้งขึ้นมา “ถ้าฉันจัดการไม่ได้ ยังมีผู้ชายอีกหนึ่งคนที่จัดการได้แน่”
คำพูดของเขาเหมือนกับก้อนหินก้อนเล็กที่อยู่ในใจของติงยียีค่อยๆกะเทาะลอกออกทีละชั้นๆ เธอไม่อยากซักถามต่อไปอีก ก้มหัวลงทันที ผู้กำกับหวูที่อยู่ด้านข้างตะโกนเรียกคนสองคน พอผ่านเรื่องขรุขระเล็กน้อย การถ่ายทำครั้งนี้ก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น แต่เดิมทีเป็นซีนต้องใช้เวลาแสดงสามชั่วโมงแต่สองชั่วโมงก็ถ่ายเสร็จเรียบร้อย
สถานที่ถ่ายทำเต็มไปด้วยความครึกครื้น ติงยียียืนทอดถอนใจอยู่ด้านข้าง ระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมากองถ่ายนี้ให้เธอเกิดความรู้สึกเหมือนเป็นบ้าน
“ยียี? มีคนตามหา”ผู้ช่วยชี้มาทางเธอและตะโกนเรียก ติงยียีพูดจาอีกเล็กน้อย จึงเดินออกจากสถานที่ถ่ายทำ
หลังจากที่เธอเดินไป บุคคลที่ใส่รองเท้าส้นสูงเดินมาหยุดด้านหน้าของแพนด้า หลังจากโม่ซวนหลินจ้องมองแพนด้าที่มีร่างกายแข็งแกร่งและขนที่เงางามมันวาวของมันแล้วก็กลืนน้ำลายด้วยความละโมบ
เธอยิ่งมองแพนด้าที่ตอนนี้ดูอ่อนปวกเปียกขี้โรคเธอก็ยิ่งตื่นเต้น ไม่ว่าใครก็คงจะคิดไม่ถึงหรอกว่าเธอจะเอายาที่ไม่สามารถกินได้ให้สุนัขกินโดยการใส่เอาไว้ในขนม แล้วแกล้งหลอกว่าเป็นแฟนคลับของแพนด้าส่งมาให้ติงยียี และเมื่อตะกี้ติงยียีป้อนเนื้อวัวแห้งชิ้นนั้นให้กับมัน ปริมาณยาก็เพียงพอที่จะทำกล้ามเนื้อของแพนด้าอ่อนแรงไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เธอหยิบเนื้อวัวแห้งและพูดปลอบ: “เด็กดี! ไปกับพี่สาวนะ”
แพนด้ายืนขึ้นอย่างดุร้ายแยกเขี้ยวยิงฟันมาที่เธอ เธอตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว แพนด้าแยกเขี้ยวมองเธอ ทันใดนั้นร่างอันใหญ่โตก็สั่นโซเซ ล้มลงไปบนพื้น
โม่ซวนหลินหัวเราะด้วยความดีใจ หยิบเนื้อแห้งออกมาอีกเดินเข้าไปด้านหน้าของมันอย่างใจกล้า “เด็กดี ไปกับฉันนะ?”
ครั้งนี้แพนด้าไม่โมโห และยังดมมือของเธอ ในปากร้องเสียงคราง โม่ซวนหลินดึงมือกลับมาดม พูดอย่างเข้าใจ: “หรือว่าแกจะเป็นเพื่อนกับแมวหูพับตัวนั้น?”
แพนด้าพยายามใช้แรงทั้งหมดพยายามที่จะยืนขึ้นมา แต่ขาทั้งสี่นั้นอ่อนแรง ทำได้เพียงใช้แรงพยุงตัวเท่านั้น เธอยิ้ม พูดเสียงเบา: “ถ้าคิดจะตามหาเพื่อนของแก ก็ไปกับฉันซิ”
สถานที่มีเสียงหัวเราะเช่นเดิม ทุกคนพูดคุยปรึกษากันว่าหลังจากเลิกงานจะไปฉลองที่ไหนดี ไม่มีใครสังเกตเลยว่าคนหนึ่งคนกับสุนัขหนึ่งตัวได้หายออกไปจากพื้นที่
ติงยียีรออยู่ด้านนอกโรงถ่ายอยู่นาน บริเวณรอบๆนอกเหนือจากจากแฟนคลับของอันหรันกับแช่ถิงถิงที่รอกันอยู่หร็อมแหร็มแล้ว ก็ไม่มีใครมาตามหาเธอ
เธอเดินกลับสถานที่ถ่ายทำด้วยความประหลาดใจ เดินวนหนึ่งรอบ ก็พบว่าแพนด้าไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว?
สถานที่เกิดเหตุมีแต่ความครึกครื้น สถานที่ถ่ายทำเล็กๆตอนนี้อันแน่นไปด้วยคนของกองถ่ายเกือบร้อยคน ติงยียีเดินไปมาได้อย่างยากลำบาก
“ทำไมเหรอ?”สวุเหวยเหรินนั้นไม่ได้เข้าร่วมสังสรรค์ เห็นเธอเหมือนกำลังหาของอยู่ เลยดึงตัวเธอเข้ามาถาม
“แพนด้าไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน!”ติงยียีพูดอย่างประหลาดใจ การโต้ตอบของทั้งสองคนดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ คนทั้งกองเริ่มแตกกระจายเหมือนผึ้งแตกรัง ตามหาสุนัข
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปทุกคนก็ยังไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ผู้กำกับหวูเริ่มตำหนิตัวเอง “ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง Emilyเสนอให้เพิ่มStoryboardเข้าไปอีก ฉันเห็นว่าไม่เลวเลยทีเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!”
“ผู้กำกับหวู!”ผู้ช่วยวิ่งเข้ามาจากทางด้านนอก ทุกคนมีประกายแสงแห่งความหวัง ติงยียีรีบพูด: “หาแพนด้าเจอแล้วเหรอ?”
“เกิดอะไรขึ้นกับแพนด้าอย่างนั้นเหรอ? เมื่อกี้ฉันไปข้างนอกมา!”ผู้ช่วยมองเธออย่างสงสัย ไม่นานก็หยิบiPadขึ้นมา พูดด้วยท่าทางตื่นเต้น: “พวกเราดูนี่ซิ ออกข่าวอีกแล้ว!”
“เปรียบเทียบรูปลักษณ์หน้าตาก่อนหลังของEmilyจากพนักงานธรรมดามาเป็นนักแสดง”หนังสือพิมพ์ออนไลน์ได้ลงข่าวเปรียบเทียบรูปลักษณ์หน้าตาก่อนหลังของEmilyอย่างละเอียด ในช่องความคิดเห็นนั้นแตกเป็นหลายเสียง คนที่ด่าเยอะ คนสนับสนุนน้อย
“Emilyล่ะ?”ผู้กำกับหวูขมวดคิ้วถาม ข่าวแบบนี้สำหรับศิลปินแล้วถือว่าเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงติงยียีมองอันหรันโดยไม่เปล่งเสียงเล็ดลอดออกไป เขาส่ายศีรษะมาทางเธอ เป็นสัญญาณว่าเรื่องไม่ใช่เขาที่เป็นคนทำ
“เหมือนว่าพอถ่ายเสร็จก็ไม่เห็นเธอแล้ว!”อยู่ดีๆก็มีคนที่อยู่ในกองถ่ายตะโกนขึ้นมา แพนด้าไม่อยู่แล้ว Emilyเองก็ไม่อยู่เหมือนกัน สถานที่ที่มีบรรยากาศรื่นเริงมีความสุขอยู่ดีๆก็เงียบงันขึ้นมา
“จะเป็นไปได้ไหมที่Emilyกับแพนด้าจะอยู่ด้วยกัน?”ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นมา คนอื่นๆส่ายหน้ากันหมด แพนด้าไม่ชอบEmilyไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นวันสองวันนี้ จากขนาดรูปร่างของแพนด้า ถ้าไม่ใช่เขายินยอมเอง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปกับเธอได้
ติงยียีไม่ได้สนใจว่าคนบริเวณรอบๆกำลังพูดอะไร สายตาของเธอนั้นตกไปอยู่ที่ประโยคของรายงานข่าวทั้งหมด‘Emilyก่อนจะมีชื่อเสียงมีชื่อว่าโม่ซวนหลิน โม่ซวนหลินนั่นเป็นชื่อของแฟนคลับผู้หญิงคนนั้นที่ส่งขนมมาให้แพนด้าไม่ใช่หรือไง!’
“ผู้กำกับหวู Emilyพักอยู่ที่ไหนเหรอ?” ในหัวของติงยียีกฎความที่น่ากลัวออกมา รีบร้อนถามออกไป
ผู้กำกับหวูตอบอย่างไม่มีทางเลือก: “ที่อยู่ของศิลปินนั้นจะถูกเก็บเป็นความลับทั้งหมด มีเพียงแค่ตัวเองกับผู้จัดการของพวกเขาเท่านั้นที่รู้”
“ชุมชนสุขสันต์ ตึก6 ห้อง303”อันหรันที่อยู่ข้างๆเอ่ยปากเสียงเบา สายตาของทุกคนพุ่งมาที่เขา ขนาดใบหน้าของสวุเหวยเหรินเองก็เผยให้เห็นถึงความสงสัยอยู่ไม่น้อย
อันหรันยักไหล่ “เธอเคยชวนฉันไปในบ้านของเธอ ฉันปฏิเสธไปแล้ว” ทุกคนร้องออกมาอย่างโล่งใจ ติงยียีรีบวิ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ชุมชนสุขสันต์ คฤหาสน์ขนาดเล็กที่เป็นอาคารสูงสองหลังหลบซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม ภายในกำแพงสีแดงกระเบื้องสีขาว ประตูหน้าต่างทั้งหมดปิดแน่นสนิท
ติงยียีกดกริ่งที่ประตูอยู่หลายทีแต่ก็ไม่มีคนสนใจ เธอก้มหัวลง ที่ดินโคลนของสวนดอกไม้นั้นยังมีรอยที่ถูกเหยียบอยู่ จ้องมองไปที่รอยเท้า ติงยียีก็รู้ว่าแพนด้านั้นเคยมาที่นี่
เธอมองดูรอบๆอาคาร กำแพงทางด้านซ้ายมีบันไดไม้พาดอยู่ ยาวไปจนถึงขอบระเบียงชั้นสอง เพราะว่าอากาศฟ้าฝนมีลมพายุ สีของบันไดก็เปลี่ยนเป็นคล้ำหมองไปเรียบร้อยแล้ว มีกลิ่นไม้ผุเน่ากระจายออกมาจางๆ
เธอวิ่งไปทางบันได พอเหยียบไปที่บันไดขั้นแรกก็เกือบจะล้มหน้าหัวคะมำเพราะตะไคร่น้ำที่เกาะอยู่บนบันได เธอกัดฟันปีนบันไดขึ้นไป ปีนขึ้นไปด้านบนทีละก้าวๆ มองเห็นว่าเหลืออีกไม่ขั้นก็จะถึงแล้ว ชั้นสองเหมือนจะได้ยินเสียงครางสะอื้นดังมา นั่นเป็นเสียงของแพนด้า!
ติงยียีอยากจะปีนขึ้นไปอย่างรีบเร่งจึงไม่ได้ระวังทาง เท้าเหยียบไปบนบันไดที่มีคะไคร่ จุดศูนย์ถ่วงไม่มั่นคงจึงทำให้เธอล้มลงไปอย่างแรง
“ระวัง!”เสียงที่คุ้นเคยระเบิดออกมา เธอหล่นลงไปในอ้อมแขนที่อบอุ่น เมื่อได้สบตากันก็เห็นความประหลาดใจในสายตาของอีกฝ่าย
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” สองคนเอ่ยปากออกมาพร้อมกัน
เย่เนี่ยนโม่ปล่อยเธอ สายตากวาดตามองเธออย่างเงียบงัน เห็นว่าบนแขนของเธอมีรอยแผลถลอกอย่างชัดเจน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
นี่เป็นการพูดคุยกันต่อหน้าของคนสองคนอย่างเป็นทางการหลังจากที่ร้านกาแฟ ติงยียีมีความรู้สึกขึ้นมาอย่างฉับพลัน จากนั้นฉากในร้านกาแฟกูผุดเข้ามาในสมอง สีหน้าของเธอก็มืดครึ้มขึ้น หมุนตัวกลับเดินเข้าไปในห้อง
ข้อมือถูกจับไว้ เธอต่อสู้ขัดขืน“ปล่อยฉันนะ!”
“กลับไป”เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม พอเห็นว่าเธอใช้แรงในการขัดขืน เขาจึงค่อยๆคลายมือออกเล็กน้อย เย่ป๋อที่เพิ่งจะจอดรถเสร็จเห็นทั้งสองคนที่กำลังพัวพันกันอยู่ เดิมทีก็รู้สึกตกใจ จากนั้นก็ยิ้มและหมุนตัวกลับไปทางเดิมที่เดินมา