สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1530 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1370
เขาตีหัวเย่ชูฉิงเบาๆ พ่อบ้านเคาะประตูที่ด้านนอก“คุณชาย เย่ป๋อมาแล้วครับ”
เย่เนี่ยนโม่ฉวยจังหวะลุกขึ้น ไล่เย่ชูฉิงไปนอน เย่ป๋อเข้ามา ดึงคอเสื้อตัวเองอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วจึงเอ่ยปากบอกรายละเอียดความเป็นมาเป็นไปให้คุณชายฟัง
“คุณชาย เมื่อครู่ที่บนรถผมตรวจสองอย่างชัดเจนแล้ว ผู้บริหารระดับสูงคนนั้นเป็นญาติของจางถังครั้งนี้เกรงว่าจะเป็นการจงใจครับ”
จางถัง เย่เนี่ยนโม่นึกถึงคนที่เอาแต่ใจเย่อหยิ่งในมหาวิทยาลัยคนนั้น เพราะขับรถชนพ่อของติงยียีจนพิการจึงถูกตัดสินว่าเป็นผู้กระทำความผิด “ช่วยนัดผู้จัดการส่วนตัวเธอให้ฉันด้วย” เขาพูดเสียงขรึม
ร่างของเย่ป๋อแข็งทื่อไปชั่วขณะ นิ้วมือเขาจัดระเบียบคอเสื้ออย่างไม่เป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง “ครับ”
หลังจากเย่ป๋อไปแล้ว เย่เนี่ยนโม่ก็เดินออกจากประตูห้อง มีเสียงของหนักๆตกลงพื้นดังมาจากห้องเย่ชูฉิง เขาผลักประตู พบว่าประตูไม่ได้ล็อก
ภายในห้องว่างเปล่าไม่มีใคร เขาเดินไปข้างหน้าต่างมองดูบอนไซ ที่ถูกลมพัดล้มกองอยู่บนพื้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือกดลงไปอย่างลังเล ในใจคิดว่าน้องสาวตัวเองทนรอที่จะไปหาไห่โจ๋ซวนไม่ไหวแล้วสินะ เขาเก็บโทรศัพท์มือถือ ปิดหน้าต่าง
เย่ชูฉิงกำลังวนอยู่ที่ปากซอย เธอจำได้ว่าติงยียีพักอยู่ในละแวกนี้ มีเสียงสุนัขดังมาไม่ไกล ทันใดนั้นเธอก็ฟังออกว่านั่นคือเสียงของแพนด้า
เธอวนไปหลายรอบ ในที่สุดก็มองเห็นแพนด้านอนอยู่ที่นอกรั้ว ตรงปากซอย มีคนเปิดประตูเรียกแพนด้าพอดี พอเธอเห็นก็รีบเรียกทันทีว่า “พี่ยียี!”
ติงยียีกำลังเตรียมไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมพ่อ เห็นเย่ชูฉิงก็ตกใจก่อน จากนั้นก็เข้าไปกอดเธออย่างดีใจ
ภายในห้อง เมื่อต้องเจอกับคำถามของเย่ชูฉิง ติงยียีกุมถ้วยชาที่ยังร้อนอยู่ ระหว่างนิ้วกลับหนาวมาก เธออดไม่ได้ที่จะระบายความในใจกับเธอ บอกว่าตนเองรักเขามากแค่ไหน บอกว่าตนเองทำใจไม่ได้ที่ต้องพรากจากเขา บอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำได้มีเพียงอย่างเดียวก็คือปล่อยเขาไป
เย่ชูฉิงฟังอย่างเงียบๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจเธอเธอลุกขึ้นยืนอย่างหุนหันพลันแล่น “ฉันจะไปบอกพี่ชาย แบบนี้พวกคุณก็ได้แต่ทำร้ายอีกฝ่าย”
เพิ่งจะสิ้นเสียงติงยียีก็จับข้อมือถือของเธอไว้ ความรู้สึกหมดหนทางซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดวงตา ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่เธอจะตัดสินใจได้ เธอไม่อยากจะเจ็บอีกครั้งจริงๆ “ชูฉิง รับปากฉันว่าอย่าบอกเขา”
เธอวิงวอนขอร้อง น้ำตาคลอ ทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้ เย่ชูฉิงรับปากอย่างสะอึกสะอื้น ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เธอรีบร่ำลา
ความหนาวเย็นบนถนนทำให้อารมณ์ที่เศร้าโศกของเธอดีขึ้นมากแล้ว เธอถูมือไปมา ตัดสินใจเองภายในใจ ที่ผ่านมาล้วนเป็นพี่ชายและติงยียีที่คอยปกป้องความรักของเธอ ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่
รถยนต์สตาร์ทใหม่อีกครั้ง ขับมุ่งหน้าไปอีกทาง ภายในคฤหาสน์สองชั้น อ้าวเสว่สะบัดมือของเหยนหมิงเย้าออก “ตกลงว่าจะให้ฉันพูดยังไงคุณถึงยอมตัดใจ ฉันไม่ชอบคุณ เมื่อก่อนไม่ชอบ ตอนนี้ไม่ชอบอนาคตยิ่งไม่อาจจะชอบได้!”
เหยนหมิงเย้ากดเสียงเบาลง แต่ยากที่จะปิดบังความโกรธ “ทำไมถึงยอมรับผมไม่ได้ เย่เนี่ยนโม่ไม่รักคุณ ตอนนี้เขาไม่มีทางรักคุณ ต่อไปก็ไม่มีทางรักคุณ!”
“ผัวะ!” เสียงฝ่ามือดังชัดเจน อ้าวเสว่ค่อยๆหอบหายใจ ถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธแค้น เธอไม่อนุญาตให้ใครก็ตามตั้งคำถามเรื่อง ความสัมพันธ์ของเธอกับเย่เนี่ยนโม่
“ขอโทษ” นานพักใหญ่ เหยนหมิงเย้าขอโทษเบาๆ เขาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง พูดว่า “ผมอยากอยู่กับคุณ ไม่ใช่เพราะผมต้องการครอบครองคุณ แต่เพราะผมรักคุณจริงๆ”
“ให้ฉันอยู่เงียบๆคนเดียวเถอะ” อ้าวเสว่ก้มหน้ามองลวดลายของกระเบื้องปูพื้นอย่างดื้อรั้น ถ้าเธอยอมเงยหน้ามองเหยนหมิงเย้าอย่างจริงจัง เธอก็จะรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก ความรักของเขาลึกซึ้งมากกว่าที่เขาแสดงออกด้วยคำพูด
เหยนหมิงเย้าถอนหายใจ หมุนตัวเดินจากไป ก้าวออกจากบ้านอ้าวเสว่ เขาเหลือบมองรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งที่จอดตรงทางเดินหน้าประตู ด้วยความแปลกใจ จากนั้นจึงจากไป
เย่ชูฉิงเงยหน้าขึ้น เธอไม่รู้ว่าทำไมเห็นเหยนหมิงเย้าออกมาตนเองต้องหลบซ่อนโดยไม่รู้ตัว คนคนนั้นเธอรู้จัก เป็นลูกชายของน้าจิ่วจิ่วเพื่อนของแม่ แต่ทำไมเขากับอ้าวเสว่ถึงอยู่ด้วยกัน อีกทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะทะเลาะกันด้วย
เธอหันกลับไปมองอ้าวเสว่ พบว่าอีกฝ่ายยังคงก้มหน้าไม่รู้ว่าดูอะไร ผมยาวนุ่มสลวยสยายอยู่สองข้างของเธอ มองเห็นสันจมูกโด่งเรียวรางๆ แสงไฟสีเหลืองนวลทำให้เงาของเธอลากยาวไปเล็กน้อย
เย่ชูฉิงหวาดกลัวอยู่บ้าง ลืมสาเหตุที่มาที่นี่ในตอนแรกเสียสนิท เธอรีบขับรถจากไป บนถนนมีรถขับสวนมาไม่ขาดสาย ไฟหน้าของรถยนต์ส่องมาที่ใบหน้าที่ขาวซีดเล็กน้อยของเธอ
พี่อ้าวเสว่กับเขาตกลงทะเลาะอะไรกัน สองคนดูเหมือนจะสนิทสนมกันมาก ตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า เธอยังคงครุ่นคิดไม่หยุด แต่กลับไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังขับรถย้อนศร
ห่างจากบ้านตระกูลเย่ไม่ไกล รถสีดำคันหนึ่งขับผ่านเธอไปแล้วขับกลับมาใหม่อีก เย่ป๋อเห็นทะเบียนรถ ยิ่งแน่ใจว่าที่ตำแหน่งคนขับต้องเป็นคนตระกูลเย่
เขาบีบแตร รถยนต์ขับเบี่ยงออกนอกเลนค่อยๆโค้งเล็กน้อย กลายเป็นรูปตัว“S” จากนั้นจอดชิดข้างทาง