สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1539 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1379
ในอพาร์ตเมนต์ไม่เก่าไม่ใหม่หลังหนึ่ง ติงต้าเฉินใช้ไม้เท้าเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง นายหน้าพูดอยู่ด้านข้าง “ห้องนี้ไม่เลวเลยนะ เป็นที่นิยมมาก เพราะว่าอยู่ใจกลางเมือง รอบข้างคึกคักมาก ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าของห้องต้องไปต่างประเทศกะทันหัน ก็ไม่ขายแบบถูกๆ”
“ชิวไป๋ เธอคิดว่าเป็นยังบ้าง?” ติงยียีหันหน้าไปถามชิวไป๋ พบว่าอีกฝ่ายหันหน้ามามองตนเองอย่างตื่นตกใจ ในสายตามีความสับสนมึนงงเล็กน้อย “เธอพูดว่าไงนะ?”
“เมื่อกี้คงจะไม่ใช่เย่ป๋อโทรมาหาใช่มั้ย?” ติงยียีคาดคะเนอย่างแปลกใจเล็กน้อย หัวใจของชิวไป๋บีบรัด รีบกล่าวปฏิเสธออกไป
นายหน้าเห็นคนสองคนคุยกันอยู่ สายตามองไปยังติงต้าเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยังมีแพนด้าด้วย “คุณชาย ท่านดูนี่สิ ห้องห้องนี้ได้รับแสงแดดจะต้องดีอย่างแน่นอน พื้นที่ภายในก็มีคนแก่กับสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก ทุกคนสามารถมาเล่นด้วยกันได้”
ตัวติงต้าเฉินเองตั้งแต่หลังได้รับบาดเจ็บก็ไม่ได้ไปทำงานอีก ชีวิตความเป็นอยู่ที่ผ่านมานั้นน่าเบื่อมาก ทันทีที่ได้ยินก็รู้สึกสนใจทันที
“นั้นต้องใช้เงินเท่าไหร่?” ติงยียีเห็นพ่อสนใจ ก็ยิ้มพลางถามราคาขาย
“พวกคุณวางใจได้เลย พวกเราเป็นบริษัทในเครือของตระกูลเย่ ที่เมืองตงเจียงมีใครไม่รู้จักตระกูลเย่ที่รวยเป็นอันดับหนึ่งบ้าง ราคาของพวกเรายุติธรรมมาก หนึ่งล้านสองแสนก็สามารถซื้อได้แล้ว”
“หนึ่งล้านสองแสน?!” ติงต้าเฉินตะโกนออกมา ค้ำไม้เท้าเตรียมเดินทันที “พวกเราไม่ซื้อแล้ว ยียีไปเถอะ”
“คุณชายกรุณารอสักครู่ ราคาหนึ่งล้านสองแสนนี้ก็ได้มาตรฐานแล้ว” นายหน้ารีบเดินตามมา แพนด้าก็จ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาดุร้าย เขาไม่กล้าจะก้าวต่อ ได้แต่เรียกติงยียี “คุณติง คุณลองพิจารณาอีกสักหน่อย”
“จริงๆ แล้วเธอบอกกับเย่เนี่ยนโม่สักคำ ห้องชุดนี้ก็จะเป็นของเธอแล้ว” ชิวไป๋เดินไปพลางพูดไป เห็นติงยียีถลึงตาใส่ตนเอง ก็รีบอธิบาย
“ฉันไม่ได้หยอกเธอเล่นหรอกเหรอ? เธอดูสิคุณลุงชอบที่นี่จริงๆ นะ”
ติงยียีก้มหน้าแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอบุ่มบ่ามมากเกินไป ครั้งหน้าต้องรอให้มั่นใจก่อนแล้วค่อยพาพ่อมาดูบ้าน
คนกลุ่มหนึ่งเพิ่งจะลงจากตึก นายหน้าก็ยังไม่ยอมแพ้ “คุณติง ผมว่าคุณลุงต้องชอบมากอย่างแน่นอน ชีวิตของคนเรามีแค่ครั้งเดียว ตอนยังเด็กก็เพื่อลูก โตขึ้นมาหน่อยก็เพื่อหลาน สามารถดูแลพ่อแม่ให้ดีได้ก็ต้องดูแลพ่อแม่ให้ดีสักหน่อย”
ติงต้าเฉินที่เดินอยู่ด้านหน้าไม่พอใจ “เจ้าเด็กนี่พูดอะไรน่ะ ลูกของบ้านฉันเป็นลูกที่ดีที่สุดบนโลกนี้!”
มือถือของชิวไป๋สั่นเล็กน้อย เธอควานหามือถือที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เดินไปตรงหน้าของติงยียี “รอฉันสองสามนาทีจะได้มั้ย? ฉันไปทำธุระที่ด้านหน้าสักหน่อย”
ชิวไป๋รีบไปยังโรงแรมที่คุยกันไว้กับเย่ป๋อ ในบริเวณล็อบบี้ เย่ป๋อยืนอยู่ด้านข้าง เห็นเธอแล้วก็รีบทักทาย นัยน์ตาของเขาส่องประกาย “รีบวิ่งมาขนาดนี้ทำไม ดูเหงื่อคุณสิ” เขาพูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวในกระเป๋าเสื้อสูทออกมา
แค่คิดจะส่งมันให้กับเธอ ชิวไป๋คิดว่าเขาต้องการจะแตะตัวเธอ จึงเอนตัวหลบการกระทำของเขา ทั้งคู่ต่างตกตะลึง
“คุณชายเย่กำลังรอฉันอยู่สินะ” เธอพูดจบก็รีบเดินเข้าไปในล็อบบี้ สายตาของเย่ป๋อมองตามหลังเธอไป ตอนนี้ที่ที่ไม่ไกลนักมีสายตาอีกครู่หนึ่งกำลังมองมาที่เขา เขาสบสายตาของคุณชายอย่างมึนงง จนกระทั่งชิวไป๋เดินไปตรงหน้าของคุณชาย ช่วยบังสายตาที่ค้นหานั้นไว้
“คุณชายเย่ ยียีรักคุณมากจริงๆนะ ถ้าคุณรักเธอเหมือนกัน ก็ช่วยเธอเยอะๆ หน่อย” ในน้ำเสียงของชิวไป๋สัมผัสได้ถึงความวิตกกังวลที่ต่างจากปกติ
“คุณมั่นใจหรือว่าที่คุณทำอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเธอ?” เย่เนี่ยนโม่จิบกาแฟ กวาดตามองเธอเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม
ชิวไป๋รู้สึกว่าตนเองไม่มีทางหลบหนีต่อหน้าเขา ที่จริง เธอเห็นติงยียีเป็นเพื่อนคือเหตุผลหนึ่ง ยังมีเหตุผลอื่นอีก ถ้าหากว่าคุณชายเย่มัวแต่คลั่งรักติงยียีไปตลอด อย่างนั้นเธอ ในฐานะที่เป็นผู้จัดการของติงยียี ระดับชื่อเสียงทั้งในวงการนี้ก็จะได้รับความมั่นคงไม่ขาด โดยเฉพาะผู้จัดการของอันหรันที่ก็ติดตามอันหรันไปถึงฮอลลีวูด
เหตุผลพวกนี้ติดอยู่ในหัวสมองของเธอมาโดยตลอด ยังมีอีกเหตุผลที่เธอซ่อนเอาไว้นั้นก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น นั้นก็คือเธออยากเจอเย่ป๋อ ขอเพียงมีโอกาสสักหน่อย เธอก็อยากจะคว้ามันไว้
เย่ป๋อมองชิวไป๋ที่ยืนอยู่ เป็นครั้งแรกที่ต่อต้านความเห็นของคุณชาย เขาเดินไปตรงหน้าของทั้งสองคน ในสายตาที่มองคุณชายมีการขอร้องอยู่นิดๆ
“นั่งเถอะ” เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าลง ชิวไป๋เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก พยักหน้าแล้วนั่งลง ถึงแม้ว่าเครื่องทำความร้อนในล็อบบี้จะเปิดอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่าเธอก็ยังรู้สึกหนาวนิดหน่อย
“ช่วงนี้หล่อนเป็นอย่างไรบ้าง?” สายตาของเย่เนี่ยนโม่ค่อยๆ อ่อนโยนขึ้น หลังจากความตื่นเต้นในตอนแรกผ่านไป ตอนนี้เขาต้องหารือเรื่องนี้ให้ดีก่อน
ชิวไป๋พยักหน้า “กำลังดูห้องกับเธออยู่ อ๋อ ก็คือนายหน้าคนนั้น เขาบอกว่าเป็นพนักงานของตระกูลเย่ แต่บ้านราคาสูงไปหน่อยนะ”
ไม่ต้องให้เย่เนี่ยนโม่ชี้แนะ เย่ป๋อก็วิ่งออกไปด้วยความเร็วแล้ว สายตาของชิวไป๋อดไม่ได้ที่จะมองตามเขาไป
“คุณชิวกับเลขาของฉันคุ้นเคยกันมากนะ” เย่เนี่ยนโม่ใช้ประโยคยืนยัน แม้ว่าสายตาจะไม่ได้มองมาที่เธอ แต่ว่าก็ทำให้คนรู้สึกกดดันไปโดยปริยาย
“ฉันกับเขาไม่ได้คุ้นเคยกันสักนิด!” ชิวไป๋เม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง เธอตัดความเป็นไปได้ทั้งหมดของการคบกันกับเย่ป๋อทิ้งในทันทีภายในการถามตอบประโยคเดียว
นิ้วของเย่เนี่ยนโม่เคาะเบาๆ บนโซฟาหนังแท้ “เขาเป็นคนที่ทุ่มเทมากคนหนึ่งเลย ถ้าคุณแน่ใจว่าไม่สามารถยอมรับเขาได้ แบบนั้นก็อย่าให้ความหวังใดใดกับเขา”
คำพูดของเขามันโหดร้ายมาก ไม่มีความรู้สึกเลยสักนิด แม้กระทั่งไม่ได้ถามถึงเหตุผลเลยว่าทำไมถึงคบกันไม่ได้ เขาเพียงแค่บอกเธอว่า ถ้าคบกันไม่ได้ ก็ไปจากเขาให้ไว
เย่ป๋อพานายหน้ากลับมา หลังเห็นหน้าของชิวไป๋ที่ซีดเซียวมองไปยังคุณชายอย่างกังวล นายหน้าไม่รู้ว่าคนตรงหน้าตนเองนั้นก็คือผู้จัดการใหญ่ของตระกูลเย่ คิดเพียงว่าเป็นแค่ลูกค้ารายใหญ่ เขารีบร้อนหยิบเอกสารที่นำติดตัวไว้ออกมา
“คุณผู้ชายท่านนี้ แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนองอาจห้าวหาญ พวกเรามีห้องอยู่ห้องหนึ่งเหมาะกับท่านมากๆ ดูสิ ระเบียงคู่และห้องน้ำคู่ ทำเลก็ดี อยู่ในเมืองไปไหนก็สะดวก”
เย่เนี่ยนโม่กวาดตามองเอกสาร แล้วพูดออกไป : “พื้นที่ของห้องห้องนี้คือ0.35 สำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลาง แม้ว่าทำเลค่อนข้างดี แต่ว่าเนื่องด้วยไม่ได้อยู่ในเขตโรงเรียนและด้วยเหตุผลของเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สิน ราคาโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งล้านห้าแสนหยวน”
สีหน้าของนายหน้าดูไม่สู้ดีนัก เขาเพิ่งจะเรียกราคาเกินไปครึ่งหนึ่ง แต่ว่าราคาที่ผู้ชายคนนั้นเรียกเป็นราคาที่เหมาะสมกับห้องนั้นที่สุดแล้ว
“บ้านที่หล่อนอยากได้คือหลังไหน?” เย่เนี่ยนโม่พูด ชิวไป๋ที่อยู่ด้านข้างลุกขึ้นแล้วชี้ไปยังรูปของบ้านที่ติงยียีสนใจให้เขาดู
“ราคาเท่าไหร่?” เขาถาม
คอของนายหน้าเหมือนถูกก้างปลาแทงไว้ทำให้พูดไม่ออก เห็นได้ชัดเลยว่าผู้หญิงที่พึ่งดูห้องไปกับผู้ชายคนนั้นรู้จักกัน เห็นได้ชัดว่าตอนนี้จะเปลี่ยนราคาคงเป็นไม่ไม่ได้เลย
ที่จริงแล้ว ชิวไป๋ทำเสียงสูงเล็กน้อย “หนึ่งล้านสองแสน” นายหน้ายิ้มออกมาด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ความจริงแล้วสามารถปรับราคาได้อีกทีหลัง ราคานั้นเป็นแค่ราคาก่อนที่จะมาเจรจาตกลงกัน”
“เจรจาได้เท่าไหร่?” ในที่สุดสายตาของเย่เนี่ยนโม่กับเขาก็สบกัน ราคาที่เดิมทีนายหน้าท่องจนขึ้นใจอยู่ในสมองค่อยๆ เลือนราง เขาคิดอย่างเคร่งเครียดอยู่นาน “เก้าแสน?”
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า นายหน้าถอนหายใจออกมายาวๆ กำลังคิดจะเริ่มแนะนำโครงการ ผู้ชายตรงข้ามก็พูดออกมาลอยๆ ว่า “คุณถูกไล่ออกแล้ว”
“อะไรนะ?” เขามองไปที่เขาอย่างแปลกใจ งงนิดหน่อย แต่ว่าลักษณะท่าทางที่ผู้ชายคนนั้นแสดงออกมากลับทำให้เขาตกใจแต่ไม่ใช่สงสัย
“ห้องนี้ราคาหนึ่งล้านสองแสนก็ได้แล้ว เพราะว่าสามปีหลังมานี้ โรงเรียนประถม หงเฉินย้ายมาอยู่ในละแวกนี้ นี้ก็หมายความว่าห้องนี้สามารถที่จะนับว่าอยู่ในเขตโรงเรียนได้ แต่เพียงความคิดเดียวของคุณก็ทำให้ห่วงโซ่สูญเสียไปสามแสน”
นายหน้านั้นยิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งหวาดผวา ทันใดนั้นก็นึกถึงรายการหนึ่งที่ตนเองดูเมื่อไม่กี่วันก่อน หนึ่งในแขกรับเชิญในนั้นก็คือคุณชายเย่ และคุณชายเย่ในโทรทัศน์กับคนตรงหน้ายังดูเหมือนกันนิดหน่อย?
“คุณชายเย่?” เขาถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ พอเห็นอีกฝ่ายไม่ได้แปลกใจอะไรแอบถอนหายใจคาดไม่ถึงว่าเจอเข้ากับเจ้าของบริษัทแล้ว
“คุณชายเย่ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะ” นายหน้ารู้สึกคับข้องใจเล็กน้อย ใครจะคิดว่าวันหนึ่งจะได้เจอกับเจ้าของบริษัทตัวต่อตัว หลังจากนั้นยังซื้อบ้านกับตนเองอีก?
เย่เนี่ยนโม่ดื่มกาแฟอึกหนึ่ง กาแฟที่เย็นเล็กน้อยทำให้เขาขมวดคิ้ว “สัปดาห์หน้าไปรายงานที่สำนักงานใหญ่”
นายหน้าถูกเขาทำให้รู้สึกมึนงงโดยสิ้นเชิง สามารถทำได้เพียงแค่จ้องมองเขาอย่างช่วยไม่ได้ เย่เนี่ยนโม่อธิบายออกมาอย่างหาได้ยาก “แม้ว่าคุณจะไม่ได้ไตร่ตรองสถานการณ์ให้ดีก่อนจะตัดสินใจลดราคาลง แต่ว่าคุณก็กล้าที่จะทำ ฉันเป็นนักธุรกิจ ต้องการได้กำไรให้ได้มากที่สุดเป็นธรรมดา”
นายหน้าพยักหน้าเหมือนกับเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ ทันทีหลังจากนั้นก็ไปบอกเย่เนี่ยนโม่อย่างฮึกเหิม “ฟังคำพูดผู้จัดการใหญ่แล้ว ผมก็เข้าใจทันที เมื่อสักครู่มีพ่อลูกคู่หนึ่งมาดูบ้าน ผมขายไปหนึ่งล้านสองแสน ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมต้องไปโทรศัพท์ก่อน ดึงราคาขายไปที่หนึ่งล้านสามแสน”
เย่ป๋อกับชิวไป๋ที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะสบตากัน เป็นห่วงอนาคตของนายหน้าคนนี้ ติงยียีกับติงต้าเฉินกำลังดูคนเล่นหมากรุกอยู่ในพื้นที่
ตอนนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น น้ำเสียงของนายหน้าดูร้อนใจมาก บอกว่าเจ้าของบ้านต้องรีบกลับบ้านเกิด สามารถโอนได้ในราคาแปดแสน แล้วยังผ่อนเป็นงวดๆ ได้ด้วย เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านก็ใช้ได้ตามสบาย
ทันทีที่ติงต้าเฉินได้ยินสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ ก็รีบให้ลูกสาวกับนายหน้าไปดูอีกครั้ง ติงยียีรีบไปยังทิศทางที่เพิ่งมาเมื่อกี้
ติงต้าเฉินมองย้อนกลับมา ได้ยินเสียงฝีเท้าทางด้านหลัง คิดว่าเป็นลูกสาว หันหน้าไปอีกครั้ง มองคนที่มาด้วยสีหน้าเย็นชา
“เย่เนี่ยนโม่คุณมาทำไม ช่วงนี้ลูกสาวของฉันก็มีอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย คุณอย่ามาตามหาเธออีก!” ติงต้าเฉินใช้ไม้เท้าลุกขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว คิดที่จะสะบัดเขาให้หลุด
เย่เนี่ยนโม่ไล่ตามหลังเขาไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว จนเขาทนไม่ไหวหมุนตัวกลับมา “ปล่อยลูกสาวฉันไปเถอะ เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ไม่เหมาะสมกับตระกูลที่ปากหวานก้นเปรี้ยวที่มีทั้งเงินและอิทธิพลแบบพวกคุณหรอก”
เย่เนี่ยนโม่เม้มปากจนกลายเป็นเส้นบางๆ แล้วรีบตอบ “ตระกูลของผมตั้งแต่แรกก็ไม่เคยที่จะกำหนดคุณค่าของคนจากการเกิด นอกจากนี้แล้วคุณยังประเมินคุณค่าของลูกสาวของคุณต่ำเกินไป”
“คุณหมายความว่ายังไง?” ติงต้าเฉินมองเขาอย่างระมัดระวัง
เย่เนี่ยนโม่สวมสูทสีเทา เกล็ดหิมะตกลงบนไหล่ของเขา เขาไม่ได้ขยับไปไหน ปล่อยให้เกล็ดหิมะตกลงมา สายตาของเขาทั้งหมดจับต้องไปยังคนตรงหน้าที่สำคัญต่อความสุขของเขามากที่สุด เขาพูด :