สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1591 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1431
ภายในห้องประชุม เอเลนก็ยิ้มให้เย่เนี่ยนโม่แล้วพูดว่า: ” คุณAlin รู้สึกขอโทษจริงๆ ที่ทำให้คุณต้องรอนานขนาดนี้ ก็เลยให้ลูกศิษย์ของเขามาคุยกับพวกคุณในช่วงแรกก่อน ”
เย่เนี่ยนโม่ยักคิ้วแล้วบอกว่า” ตกลง ”
ประตูถูกผลักออก มีหญิงสาวชาวจีนคนหนึ่งเดินเข้ามา หน้าตาหญิงสาวดูธรรมดาทั่วไป ถึงขณะที่อยู่ในกลุ่มคนมากมายก็ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร แต่น้ำเสียงกับดูละมุนและน่าฟัง ” สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นลูกศิษย์ของAlinค่ะ ”
เย่เนี่ยนโม่กวาดสายตาสำรวจเธอ หญิงชาวจีนทำตัวนิ่งๆ ให้เขามองได้มองเธอตามใจชอบ ภายในใจของเขารู้สึกผิดหวัง ” สวัสดีครับ ”
ทั้งสองนั่งหันหน้าเข้าหากัน เย่เนี่ยนโม่หยิบIPADที่เย่ป๋อยื่นให้ และถามต่อด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ: ” ขอถามหน่อยครับ ว่าการงานออกแบบชิ้นนี้คือผลงานของคุณใช่ไหม? ”
หญิงสาวชาวจีนเหลือบไปมอง สีหน้าและอารมณ์ของเธอก็ดูเอ่อล้นขึ้นมา สีหน้าแสดงอารมณ์อย่างชัดเจน และผุดรอยยิ้มออกมาอย่างเด่นชัด ” ใช่ค่ะ นี่คืองานออกแบบของฉันเอง ”
เอเลนที่อยู่อีกข้างๆ พูดขัดจังหวะขึ้นมา ” งั้นเรามาพูดถึงการร่วมงานกันครั้งนี้เถอะ ”
หญิงสาวชาวจีนพูดต่อ ” Alin ยังไม่กลับมาเลยค่ะ การวางแผนงานครั้งนี้เราก็คงยังตัดสินใจอะไรกันไม่ได้ คุณกลับไปก่อนได้เลยนะคะ ให้ผู้ช่วยอยู่ต่อก่อนก็ได้ เดี๋ยวถ้าเขากลับมาแล้วจะให้ผู้ช่วยของคุณพูดคุยเจรจาแทน ”
เธอพูดออกมาอย่างสีหน้าเบิกบาน มือและศอกทั้งสองข้างเท้าไว้ตรงขอบโต๊ะ และเอนตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย เย่เนี่ยนโม่จ้องเธออยู่นาน นานจนกระทั่งเอเลนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ” ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามความเห็นของนักออกแบบยอดฝีมือเลยแล้วกัน ”
จู่ๆ เย่เนี่ยนโม่ก็ยิ้มออกมา มุมปากฉีกขึ้นเป็นรัศมีที่เห็นได้ชัด สายตาแย้มบานเปร่งแสงที่ให้อารมณ์แปลกประหลาดออกมา อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้เย่ป๋ออดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง
เอเลนถอนหายใจออกมายาวๆ ในใจ จึงส่งสายตาให้หญิงชาวจีน ทั้งสองจึงรีบออกไป ห้องประชุมก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
เย่เนี่ยนโม่สาวเท้าไปยืนที่ริมหน้าต่าง เงาของเขาช่างดูน่าเกรงขาม กระจกใสสะท้อนใบหน้านิ่งที่เดาอารมณ์ไม่ออกของเขา เย่ป๋อเดินหน้าเข้าไป แล้วถามด้วยความลังเล: ” คุณชายครับ ให้ผมจองเที่ยวบินตอนบ่ายให้ไหมครับ? ”
” มีคนบางประเภทที่เวลาพูดจะแสดงสีหน้าและอารมณ์อย่างเต็มเปี่ยม คำพูดคำจาเป็นทางการ ไม่กลัวสายตาของใครที่มองมา แถมแขนทั้งสองข้างแล้วแสดงท่าทางตามสีหน้าตลอดเวลา ” เย่เนี่ยนโม่พูดประโยคนั้นออกมาอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากของเขาก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น และกว้างขึ้นเรื่อยๆ
เย่ป๋อนิ่งไป แล้วก็เข้าใจในทันที ” คุณชายกำลังจะบอกว่าลูกศิษย์ของAlin คือตัวปลอมงั้นเหรอครับ? ”
เย่เนี่ยนโม่ใช้มือเล่นสร้อยเพชรบนข้อมือ ” ถ้างั้นใครจะสามารถหาคนมาสวมรอยตัวเองได้ล่ะ? ”
เมื่อเขาพูดออกไป สีหน้าของเย่ป๋อก็ชะงัก ที่แท้ติงยียีก็อยู่ที่ฝรั่งเศสนี่เอง แถมยังอยู่โรงแรมเดียวกันกับพวกเขาอีกต่างหาก ไม่แน่ว่าเราอาจเคยพบกับพวกเขามาก่อน!
เย่เนี่ยนโม่มองออกไปยังวิวทิวทัศน์ด้านนอก แค่มองออกไปก็สามารถเห็นถนนใหญ่อย่างช็องเซลีเซได้แล้ว ริมถนนทั้งสองข้างนั้นมีกิ่งไม้แห้งที่ทอดต่อกัน เสียงดนตรียังสามารถมองเห็นเงาที่เคลื่อนตัวโดยแตกต่างกัน
คิ้วของเขาขมวดแน่น จากนั้นก็คลาย แต่รอยยิ้มนั้นตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เปลี่ยนแปลง มือที่จับสร้อยเพชรนั้นก็เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เขาควรจะดีใจไหม? จากการที่ตามหายอดรักผู้นั้นยังบ้าคลั่งมาเป็นเวลานาน สุดท้ายก็เจอสักที หรือเขาควรจะเสียใจ? เธอถึงขนาดหลบหนีเพื่อที่จะไม่ให้เขาหาเธอเจอ ไม่มองเห็นความเจ็บปวดของเขา แล้วถึงกับยอมหาใครบางคนมาสวมรอยเป็นตัวเอง เพียงแค่เพราะต้องการหลีกหนีเขา จะได้ไม่ต้องพบต้องเจอกันอีกตลอดไปงั้นเหรอ?
ใจของเขาถูกลากไปลากมา เป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้ เขาเอื้อมมือไปจับบนกระจกใสที่หนาวเย็นนั้น และก้มหน้ามองแสงแวววาวประกายที่ปลายนิ้ว ” ติงยียี ผมหาคุณเจอแล้ว! ”
ภายในห้องออกแบบ ติงยียีก็ถอมอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ ” คุณแน่ใจนะว่าเขาตกลงมาแบบนี้? เขาดูไม่สงสัยเลยสักนิดแล้วยอมออกไปเลยเหรอ? ”
” วางใจเถอะ เราถึงกับเชิญนักแสดงเฉพาะทางมาเลยนะ บทนั้นก็ตีแตกจริงๆ พนักงานต้อนรับของโรงแรมบอกกับผมแล้ว ว่าพวกเขาได้จองเครื่องบินตอนหนึ่งทุ่ม เธอวางใจเถอะ! ”
เอเลนทำสีหน้าภูมิใจ เขาไม่เชื่อหรอกว่าหนุ่มชาวจีนคนนั้นจะฉลาดพอที่จะรู้ได้ทั้งหมดนี้ได้ ติงยียีดูลังเลและนั่งลงด้วยความกังวล เพราะเธอรู้จักเย่เนี่ยนโม่ดี รายนั้นคงไม่ตกหลุมพรางของใครง่ายๆ แน่
ความรู้สึกกระวนกระวายใจของเธอยืดเยื้อไปจนถึงหนึ่งทุ่ม สาวใช้จึงพูดขึ้นว่า : “ดิฉันเห็นเขาถือสัมภาระนั่งรถออกไปแล้วค่ะ ”
” เห็นไหม ผมบอกแล้ว ว่าเราทำสำเร็จแล้ว ” เอเลนเชิดหน้าดูภูมิใจ เขารู้สึกมาโดยตลอดว่าแค่มีเขาเท่านั้นถึงสามารถทำให้ติงยียีมีความสุขได้ ถึงแม้เขากับอลิซจะมีปัญหากัน แต่ความโรแมนติกของชายฝรั่งเศสมันก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?
ติงยียีไม่ได้ฟังคำพูดของเขาเลย เธอนั่งด้วยท่าทีที่ดูผ่อนคลาย ความรู้สึกนึกคิดก็ลอยล่องออกไปจากหัว ตอนนี้ในหัวของเธอไม่สามารถคิดวิเคราะห์อะไรได้ เพราะในสมองนั้นเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ผู้ชายคนนั้นได้ออกไปจากที่นี่แล้ว
หน้าหนาวของปารีสในขนาดนี้ท้องฟ้าได้เปลี่ยนสีมืดลงอย่างรวดเร็ว ติงยียีเดินอยู่บนพรมที่ถูกปักเป็นลวดลายสลับซับซ้อนสีแดง รอบข้างมีเพียงความมืด ภายในบ้านรับรองยังคงตกแต่งด้วยสไตล์ในช่วงยุคกลาง กำแพงทั้งสองข้างของบริเวณทางเดินก็มีโคมไฟรูปเทียนติดตั้งอยู่ ยังเหลืออีกสิบนาทีที่โคมไฟรูปเทียนนี้จะถูกเปิดสว่างขึ้น
เธอเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร ในใจมันว่างเปล่า คิดว่าพรุ่งนี้Alin คงจะกลับมาแล้ว ไม่ว่ายังไงงานที่เธอต้องทำร่วมกับตระกูลเย่ก็คงต้องสิ้นสุดลง
ภายในมุมมืดของทางเดิน ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา และคว้าเอวของติงยียีเอาไว้ และฉุดตัวเธอให้เข้ามาแนบชิดกับแผงอกของเขา
ติงยียีตกใจจนร้องออกมา แต่ก็ถูกปิดปากเอาไว้ ตัวเธอสั่นเทิ้ม ความรู้สึกนี้มันช่างคุ้นเคยเกินไปแล้ว จากนั้นบุคคลปริศนาที่อยู่ในเงามืดก็เอามือออกจากปากเธอ เธอรู้สึกได้ถึงใบหน้าเข้าได้หันมาและกระซิบเข้าที่ข้างหูของเธอ ” ทักษะการแสดงของนักแสดงคนนั้นห่วยแตกไปหน่อยนะ ”
เธอตกใจจนพยายามเกร็งตัว ในขณะนั้นเอง ไฟก็สว่างขึ้น!เธอปรับตัวไม่ทันจึงทำได้เพียงหรี่ตามอง แต่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่กำลังหัวเราะของคนข้างกายลอยมา
” เย่เนี่ยนโม่ ”
ติงยียีปากสั่น และพูดชื่อนั้นออกมาได้อย่างยากลำบาก เธอตกใจจนแทบไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหน ทำได้แค่กางมือและกลับมืออยู่แบบนั้น
เย่เนี่ยนโม่ก้มลงมองสีหน้าที่ตกใจจนทำตัวไม่ถูกของเธอ และมือของเขาก็อดไม่ได้ที่จะลูบไล้ลงบนใบหน้านั้น
เริ่มจากผมดำที่ยาวหนาของเธอ คิ้วที่ดูสวยงาม ด้วยความที่ตกใจดวงตานั้นจึงเบิกกว้าง แล้วจมูกโด่งนั้นที่สั่นเล็กน้อย สุดท้ายก็เป็นริมฝีปากที่แวววาวนั่น
เขายิ้ม ยิ้มราวกับเป็นเด็กน้อย จนเห็นเป็นฟันขาวสายแปดซี่โชว์ออกมา ” ติงยียี ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ”
” ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ! ”
เสียงที่ดังสนั่นไปทั่วทางเดิน ชายดูมีอายุคนนั้นเดินพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง พร้อมไม้เท้าที่เลี่ยมด้วยอัญมณีช่วยพยุงให้ก้าวเดินเข้ามาข้างหน้าด้วยความเร็วได้ เอเลนขมวดคิ้ว พร้อมความว้าวุ่นใจที่ตามเขามาด้วย
ติงยียีอาศัยจังหวะที่เย่เนี่ยนโม่เผลอ ดิ้นแล้ววิ่งไปยังชายแก่ เอเลนจับมือเธอแล้วให้ไปอยู่ด้านหลังของตน
สายตาของเย่เนี่ยนโม่มองไปยังเอเลนที่กำลังจับข้อมือของติงยียีไว้ด้วยสายตาเย็นชา แต่น้ำเสียงกลับดูไม่สะทกสะท้าน “ดีใจที่ได้พบคุณนะครับ คุณAlin ”
ภายในห้องประชุมนั้น สายตาของเย่เนี่ยนโม่ไม่ได้มองไปที่ติงยียีเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่นั่งเล่นสร้อยเพชรที่มือนั้นอย่างสบายอารมณ์
ติงยียีเห็นสร้อยเพชรนั้นก็รู้สึกเครียด จนต้องรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
” อยากจะพูดถึงเรื่องงานหรือพูดถึงลูกศิษย์คนสำคัญของผมก่อนล่ะ? ” Alin พูดเสียงเย็น
เย่เนี่ยนโม่ยิ้มอย่างมีเลศนัย” ไม่ว่าเรื่องไหนคุณก็คงไม่ยอมตกลงหรอกใช่ไหมล่ะครับ? ”
” ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น! ” Alin เหลือบตามองติงยียีเพื่อส่งสายตาปลอบขวัญให้กับอีกฝ่าย เอเลนก็ตบไปที่ไหล่ของติงยียีเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ
สายตาเย่เนี่ยนโม่ดูนิ่งสนิท ” จู่ๆภรรยาของผมก็ออกจากบ้านไปโดยพลการ ผมเป็นห่วงมาก ก็เลยต้องการจะพาเธอกลับบ้าน ”
ติงยียีเงยหน้าขึ้นทันควัน เมื่อสายตาประสานเข้ากับเย่เนี่ยนโม่ก็เกิดอาการลนลาน เอเลนจึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อบังสายตาของเย่เนี่ยนโม่เอาไว้ ดวงตาสีฟ้าสดนั้นมองเย่เนี่ยนโม่ด้วยแววตาที่ยั่วยุ
” แต่ลูกศิษย์ของผมดูเหมือนไม่อยากจะไปกับคุณนะ เพียงแค่เธอพูดมาคำเดียวว่าไม่ยอม ผมก็คงให้เธอไปกับคุณไม่ได้หรอก ” Alin พูดด้วยน้ำเสียงทรงพลัง สายตาของทั้งสองฝ่ายต่างมองไปยังศีรษะเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่หลังตัวเอเลน
” ฉันไม่ยอม! “น้ำเสียงของติงยียีฟังดูหนักแน่น เธอไม่กล้ามองตาเย่เนี่ยนโม่ แต่รับรู้ได้ว่าในขณะนี้ใบหน้าของอีกฝ่ายคงมีสีหน้าที่ดูไม่ได้อย่างแน่นอน
Alin หันไปมองเย่เนี่ยนโม่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ เย่เนี่ยนโม่เงียบไปสักพักจึงพูดว่า ” แบรนด์ที่คุณออกแบบเป็นที่แพร่หลายมากในประเทศจีน ในแต่ละเมืองมีตู้โชว์เฉพาะสองถึงสามแห่ง เมืองตงเจียงเองก็มีถึงสามที่”
เอเลนรู้สึกงง ว่าทำไมจู่ๆ อีกฝ่ายถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าของAlinเปลี่ยนไปทันที ” คุณกำลังขู่ผม! ”
” ผมแค่อยากให้คนรักของผมกลับมาอยู่ข้างกายผมก็เท่านั้นเอง ” มุมปากของเย่เนี่ยนโม่ยกขึ้น หางตาของเขาก็มองไปยังติงยียี ก็เห็นว่าอีกฝ่ายชะงักไป จึงจะดึงสายตากลับมา
Alinส่งเสียงเหอะ ” อย่างมากก็แค่ผมจะไปถอนตัวจากตลาดศิลปะเมืองตงเจียง”
” อาจารย์คะ! ” ติงยียีรีบลุกขึ้นมา เธอคงไม่ยอมให้ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้อาจารย์ต้องได้รับความเสียหายที่ใหญ่โตขนาดนั้น
เย่เนี่ยนโม่ยิ้มกว้างกว่าเดิม ” แต่คงจะไม่ใช่แค่เมืองตงเจียงน่ะสิครับ คุณก็รู้นี่ครับ ว่าเรื่องการใช้เส้นสายในประเทศจีนเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ขนาดไหน ”
” เย่เนี่ยนโม่ คุณพอได้แล้ว! ” ติงยียีโกรธจนตะคอกใส่เขา เธอรังเกียจวิธีการแบบนี้ของเขาจริงๆ
” กลับไปกับผม ” เย่เนี่ยนโม่จ้องไปที่เธอ น้ำเสียงดูเด็ดขาด
เสียงไม้เท้าที่กระทบลงบนพื้นหินอ่อนดังก้อง Alin ลุกขึ้นยืน ” ใครกล้าพาลูกศิษย์ของผมไป อย่างมากก็แค่ไม่ได้จัดงานที่ห้างนั่น!คุณคิดว่าคนที่เรือนนี้จะอ่อนแอยอมคนอื่นอย่างนั้นหรือไง? ”
เขากดไปยังปุ่มเพชรสีแดงบนไม้เท้า เมื่อกดปุ่มเพชรนั้นแล้ว ไม่นานนักก็มีผู้ชายฝรั่งเศสตัวสูงใหญ่ที่สวมใส่เครื่องแบบสีน้ำเงินพุ่งเข้ามา
” ออกไปจากเรือนนี้ แล้วอย่าคิดจะเข้ามาที่นี่อีก ” สายตาของAlin มองไปยังเย่เนี่ยนโม่ด้วยความนิ่งเฉย
เย่เนี่ยนโม่นั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน และเผยรอยยิ้มที่ดูไม่ชัดเท่าไหร่ ติงยียีรู้สึกไม่ค่อยดี เลยอยากจะเตือนให้อาจารย์ระวังตัว ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
” ท่านครับ นอกเรือนเหมือนมีคนสวมชุดดำกลุ่มหนึ่งยืนล้อมอยู่ครับ ”
Alin เบิกตามองเย่เนี่ยนโม่ ครั้งนี้เขารู้สึกได้ถึงปัญหาที่ยากจะแก้ไข คนนี้ยังกล้ามาทำตัวอวดดีในพื้นที่ของเขา ถ้าอย่างนั้นในประเทศของเขาเอง กฎหมายก็คงทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน
เย่เนี่ยนโม่ยืนขึ้น แล้วจัดแจงแขนเสื้อ สายตาของเขาตกลงไปที่ติงยียี เธอโกรธมากจึงปะทะสายตาเข้ากับเขา แต่ดันเจอกับสายตาที่ดูอบอุ่นของเขาเข้าไป จึงทำให้เธอชะงัก