สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1597 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1437
” รอเดี๋ยว! ” ทันใดนั้นก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งพุ่งออกมา เขากระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของผู้กำกับหวู และสีหน้าของผู้กำกับหวูก็ดูเบาใจลง ” งั้นหยุดก่อน ไม่ต้องดื่มน้ำผลไม้รสนี้แล้ว เปลี่ยนเป็นรสแอปเปิลก็แล้วกัน ”
บนตึกสูงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ชายผู้เคร่งครึ้มคนหนึ่งได้วางกล้องส่องทางไกลลง เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วแน่น มือทั้งสองข้างออกแรงกำราวจับจนเห็นเส้นเลือดบนมือ
เย่ป๋อถอนหายใจ สุดท้ายคุณชายก็ไม่อยากให้ติงยียีต้องทนทุกข์ทรมานเกินไป ถ้าไม่อย่างงั้นเพียงแค่เธอดื่มน้ำผลไม้รสนั้นเข้า ก็คงบรรลุเป้าหมายที่ต้องการในตอนแรกไปแล้ว
ณ ฉากถ่ายทำ ติงยียีได้ถ่ายฉากดื่มน้ำผลไม้ด้วยความราบรื่นจนเสร็จสิ้น แต่ก็ต้องกลับมากระโดดฉากที่เธอกลัวความสูงนั้นอีกครั้ง เธอกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก แต่ก็เห็นชายแปลกหน้าคนนั้นเดินเข้ามา ” ผู้จัดการใหญ่บอกว่า ถ้าวันนี้ก่อนห้าโมงเย็นยังถ่ายทำไม่เสร็จ ทุกอย่างจะถือว่าผิดสัญญาที่ให้ทำเอาไว้ ”
” ห้าโมงเย็นเนี่ยนะ! ” ชิวไป๋ตะโกนออกมา เธอแอบรู้สึกว่าเรื่องมันชักไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว ไม่มีทางที่ติงยียีจะสามารถถ่ายงานเสร็จได้ภายในห้าโมงเย็นแน่นอน แต่พอนึกถึงเงินค่าปรับนั้นก็ทำเอาเธอร้อนโดนแทบบ้า
เมื่อถึงห้าโมงเย็น ติงยียีขาอ่อนจนต้องคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าเธอขาวซีด สีหน้าดูไร้ซึ่งความรู้สึก ผู้กำกับหวูถอนหายใจส่ายหน้าและเดินจากไป ก็ถือว่าละครฉากนี้ได้จบลงแล้ว เย่เนี่ยนโม่ก็ได้ผลลัพธ์ตามที่เขาต้องการเช่นกัน แต่วิธีการนี้กลับทำให้คนรู้สึกว่ามันแข่งก้าวและรุนแรงไปหน่อย
” ยียี! ” ชิวไป๋รู้ว่าเรื่องนี้ชักไม่ค่อยดีแน่ จึงพูดโทษตัวเองขึ้นมา ” ขอโทษนะยียี มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ถ้าฉันถามพวกเขาให้ละเอียดกว่านี้ว่าถ่ายทำอะไร เธอก็คงจะไม่ต้องเป็นแบบนี้”
ติงยียีพยายามฝืนยิ้ม ” ไม่เป็นไรหรอก ฉันกลับไปทำงานที่ฝรั่งเศสก็ได้ แล้วก็เอามารวมกับเงินสะสมของฉัน ก็คงคืนได้ทีละนิดทีละหน่อย ”
ชิวไป๋เห็นท่าทีที่ฝืนทำตัวเข้มแข็งของเธอ ก็ไม่รู้จะบอกเธอยังไงว่าเธอจะต้องชดใช้ค่าปรับอีกกี่สิบล้าน ตอนแรกเธอรู้สึกว่าไม่มีทางที่มันจะไม่สำเร็จ ก็เลยตอบตกลงไป แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจะอวดดีไปหน่อย
” ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน ฉันผิดเองทั้งหมด! ” ชิวไป๋ลงไปนั่งคุกเข่าเป็นเพื่อนติงยียี ขณะที่เธอโทษตัวเองไปด้วยก็คิดว่าจะช่วยติงยียีคืนเงินก้อนนี้ยังไง
จากนั้นก็มีรถเก๋งคันหนึ่งขับผ่านข้างๆ พวกเธอไป เย่ป๋อลงมาจากรถด้วยท่าทีนิ่งเฉย ” คุณยียี เชิญครับ ”
ติงยียีมองหน้าเขาด้วยความงุนงง เพียงแวบเดียวชิวไป๋ก็เข้าใจถึงเรื่องทั้งหมด ” ที่แท้ก็เป็นแผนของพวกคุณนี่เอง! ”
เย่ป๋อมองเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ความเงียบถือเป็นการยืนยันทุกอย่าง พวกเขาได้ใช้ความมั่นใจของตัวเองที่เป็นจุดอ่อนของชิวไป๋มาวางแผนการนี้ มีเพียงชิวไป๋เท่านั้นที่จะทำให้ติงยียีโดดเข้ามาในเกมนี้โดยที่ไม่คิดจะระวังตัว
” พวกคุณมันหน้าไม่อาย ” ชิวไป๋ปากสั่นเครือ ภายในใจของเธอก็เอาแต่โทษตัวเองไม่หยุด ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเธอ
มือของเธอถูกใครบางคนกุมไว้เบาๆ เธอจึงหลุดจากภวังค์และหันไปมอง ก็พบรอยยิ้มที่อ่อนโยนของติงยียีส่งมาให้เธอ จากนั้นก็หันไปมองเย่ป๋อด้วยใบหน้านิ่งเฉย ” ถ้างั้นก็สรุปได้ว่าฉันติดหนี้เย่เนี่ยนโม่หลายสิบล้านใช่ไหม? ”
เย่ป๋อมองเธอที่ดูนิ่งสงบผิดปกติ จากนั้นก็พยักหน้า ” ใช่ครับ ”
” บอกประธานาเย่ว่าฉันคืนไม่ไหวหรอก ฉันขอติดคุกแทน ” ติงยียีตอบนิ่งๆ สายตาของเธอมองผ่านเย่ป๋อไป จากนั้นก็มองไปยังตรงอื่น เพราะเธอไม่อยากให้ใครเห็นถึงความกลัวในแววตาของเธอ
เย่ป๋อถอนหายใจด้วยความแผ่วเบา ไม่ผิดกับที่คุณชายพูดเอาไว้จริงๆ ด้วย ติงยียีต้องยอมเข้าคุกเพื่อชดใช้เงินและจะไม่ยอมอยู่ข้างเขาแต่โดยดี ” คุณยียี ถ้าคุณติดคุก คุณพ่อของคุณและญาติคนอื่นก็จะถูกคนติฉินนินทาได้นะครับ ”
ติงยียีชะงัก ชิวไป๋กัดฟันกรอด ” ความรักที่ใช้การบังคับไม่มีทางที่จะยืนยาวได้หรอกนะ! ”
เย่ป๋อมองเธอด้วยแววตาโศกเศร้า อยากจะพูดอะไรก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ ผ่านไปพักใหญ่ติงยียีก็ปล่อยมือจากชิวไป๋ด้วยสีหน้าหมดหวัง ” ไปเถอะ ”
ทันใดนั้นบนรถก็มีคนลงมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว สุดท้ายติงยียีก็หันกลับไปมองชิวไป๋ จากนั้นก็ตัดสินใจเบือนหน้าและขึ้นไปนั่งบนรถ
เย่ป๋อก้มลงมองนาฬิกาข้อมือด้วยความเคร่งขรึม เขาเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว มือซ้ายยื่นออกไปข้างหน้าเล็กน้อย เหมือนอยากจะพยายามจับมือของชิวไป๋เอาไว้
เธอส่ายหน้า ” ฉันคิดมาโดยตลอดว่าอายุจะทำให้ภาวะอารมณ์ของคนทั้งสอง มุมมองในเรื่องต่างๆ ก็ไม่เหมือนกัน ตอนนี้ฉันถึงเพิ่งจะรู้ว่าที่จริงแล้วความคิดของคนต่างหากที่เป็นช่องว่างที่น่ากลัวที่สุด ”
” เสี่ยวชิว ผมจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของคุณชาย ” เย่ป๋อพูดด้วยน้ำเสียงที่เชื่องช้า เหมือนคนในวัยชราที่ใกล้จะตายเต็มที เขาไม่มีทางที่จะใช้คำพูดฝืนใจเพื่อให้เธอดีใจได้
ชิวไป๋ถลึงตามองเขา ” น่ารังเกียจ! ” เธอมองรถเก๋งด้วยความรู้สึกผิดในใจก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะไปหาใครเพื่อขอความช่วยเหลือ ดังนั้นเธอก็เดินจากไปด้วยความตั้งมั่น
ติงยียีกับเย่ป๋อเงียบใส่กันตลอดทาง ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องในใจ เมื่อถึงประตูใหญ่ของตระกูลเย่ ติงยียีก็พูดขึ้นมาว่า ” คุณไปหาชิวไป๋เถอะ เธอเป็นคนดื้อดึงมาก ถ้าคุณไม่ไปหาเธอ คุณก็จะเสียเธอไปจริงๆนะ ”
คำพูดของเธอทำให้เย่ป๋อกำกระเป๋าเอกสารแน่น เขารู้ว่าสิ่งที่เธอพูดมันถูก แต่เขาก็พูดออกมาอย่างชัดเจนว่า ” คุณชายได้กำชับให้ผมต้องส่งคุณถึงตระกูลเย่อย่างปลอดภัย ”
ติงยียีหัวเราะออกมา ” แต่ความรักมีครั้งเดียวนะเย่ป๋อ วางใจเถอะ ฉันเชื่อว่าทุกที่จะมีคนคอยจับตาดูฉันอยู่แล้วถูกไหม? ”
เย่ป๋อเงียบไป สักพักใหญ่เขาก็ดูเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ ” คุณยียี ขอบคุณนะครับ! ”
” ไปเถอะ ” ติงยียีหุบยิ้มแล้วหันไปเผชิญหน้ากับคฤหาสน์หลังใหญ่นอกหน้าต่างที่ดูคุ้นเคยแต่ก็ดูห่างเหินแปลกหน้า
เย่ป๋อรีบลงจากรถ จากนั้นก็กำชับบอดี้การ์ดให้คุ้มกันติงยียีให้ดี จากนั้นก็รีบจากไป ติงยียีลงจากรถ ใบหน้าของเธอยังคงถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง และสีหน้าก็ดูนิ่งเฉย
ตระกูลเย่ไม่ได้ดูเปลี่ยนไปเลย แม้กระทั่งพื้นหญ้าก็ดูเหมือนไม่เคยเติบโตสูงใหญ่หรือแก่ตายมาก่อน เธอยืนอยู่หน้าประตูใหญ่นิ่งๆ ชายชุดดำที่ตามมาก็ไม่ได้เร่งเร้าเธอ แค่ยืนข้างเธออยู่แบบนั้น
ผ่านไปสักพัก เธอก็ก้าวเท้าเดินไปยังประตูใหญ่ช้าๆ แต่ก็แปลกใจที่บังเอิญเจออ้าวเสว่ที่เดินออกมาจากประตูใหญ่พอดี ข้างกายของอ้าวเสว่มีคนใช้อีกสามคน ทุกคนล้วนก็มีใบหน้าที่ดูระแวดระวังตลอดเวลา
ทั้งสองมองกันจากที่ไกลๆ อ้าวเสว่เห็นเธอแล้วก็ถอยหลังกรูด ติงยียีทำสีหน้านิ่งเฉยแล้วเดินเข้าไปใกล้ เธอก็ยิ่งถอยหนี แต่ก็ไม่สามารถลดระยะของทั้งสองได้
สุดท้ายติงยียีก็เดินไปยืนตรงหน้าเธอ ติงยียีมองไปที่ท้องของอ้าวเสว่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ในดวงตาคู่นั้นไม่มีอารมณ์ใดๆ อ้าวเสว่พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ” กลับมาทำไม ”
ติงยียีเงยหน้า ” แล้วคุณคิดว่าฉันกลับมาทำไมล่ะ? ”
” ไม่ เป็นไปไม่ได้ ” อ้าวเสว่ส่ายหัวเบาๆ เธอพยายามสูดหายใจเข้า เหมือนกับรับไม่ได้กับความจริงนี้ ทันใดนั้นเธอก็กอดท้องของตัวเอง และร้องตะโกนออกมาพร้อมโค้งตัวลง ” ท้องของฉัน ”
ติงยียีมองคนใช้ที่ลนลานขณะพยายามประคองอ้าวเสว่ด้วยสายตาที่เย็นชา ” นี่คุณยังจะแสร้งทำอีกเหรอ? ”
” ฉันไม่ได้เสแสร้ง ฉันปวดท้องจริงๆ ” สีหน้าอ้าวเสว่ดูเจ็บปวด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนหน้าผากของเธอแล้วไหลลงมา เธอจับแขนของคนใช้เอาไว้แน่นและร้องโหยหวน
” คุณชาย! ” พ่อบ้านที่ได้ยินแล้วรีบมาดูเหตุการณ์ก็ได้เหลือบไปเห็นเย่เนี่ยนโม่ที่สาวเท้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ติงยียีหันไปดูก็ประสานสายตาเข้ากับเย่เนี่ยนโม่พอดี
เย่เนี่ยนโม่มองเธอด้วยสายตานิ่งเฉย จากนั้นก็กวาดสายตาไปที่ท้องของอ้าวเสว่ เขาเดินไปยืนอยู่ข้างๆอ้าวเสว่ จากนั้นก็ค้อมตัวลงและช้อนตัวเธอขึ้นมา
มือที่ไร้เรี่ยวแรงทั้งสองข้างของอ้าวเสว่คล้องไปที่คอของเขา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าและรันทดใจ ” เนี่ยนโม่ ฉันปวดท้องจังเลยค่ะ ”
ติงยียีมองเย่เนี่ยนโม่ที่กำลังอุ้มอ้าวเสว่แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานคนใช้ก็แตกกลุ่มแล้วเดินออกไป ความวุ่นวายที่เกิดตรงลานบ้านเมื่อกี้ได้เหลือเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น
เธอยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน เพราะเธอไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปที่ไหนกันแน่ ทุกพื้นที่ที่เธอเหยียบไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้านเลยสักนิด ทันใดนั้นก็มีเงาของใครบางคนปรากฏขึ้นในหน้าประตู
ฝู้เฟิ่งหยีที่ผ่านโลกมาหลายสิบปี จึงทำให้ทำตัวนิ่งเฉย เมื่อเห็นติงยียีก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร
เธอหันหน้าไปยังพ่อบ้านพร้อมพูดว่า: ” จัดแจงห้องให้เธอด้วย ”
พ่อบ้านพินิจพิจารณาอารมณ์ของท่านนายเย่ด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ลังเลไปชั่วครู่จึงจะพูดออกมาว่า: ” ตามผมมาครับ ”
ติงยียีที่ไม่มีแม้แต่สัมภาระ ก็เดินตามเขาต้อยๆ ไม่รู้ว่าเดินตามไปนานแค่ไหน พ่อบ้านก็ชี้ไปยังห้องแถวแล้วพูดขึ้นว่า ” คุณพักกับคนใช้ชั่วคราวไปก่อนนะครับ ”
ติงยียีไม่ได้แสดงสีหน้าอารมณ์อะไรออกมา แต่พยักหน้าเงียบๆ เมื่อพ่อบ้านกำลังจะเดินออกไป เธอก็ถามขึ้นว่า: ” พักนี้ความสัมพันธ์คุณชายของพวกคุณกับอ้าวเสว่ยังดีอยู่ไหม? ”
พ่อบ้านมองหน้าเธอ ” พวกเราเป็นแค่คนรับใช้ไม่ควรเอาเรื่องของเจ้านายมาคุยเล่นหรอกครับ ”
ติงยียีพยักหน้า พร้อมหันตัวเดินจากไป ประตูถูกปิดเบาๆ เธอมองห้องที่กว้างขวางห้องนี้ ถึงแม้จะเป็นห้องของคนรับใช้ แต่ก็กว้างใหญ่และน่าจะสบายในระดับบ้านคนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้ดูแย่อะไร ”
เธอรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัว อารมณ์ก็พลอยวุ่นวายไปด้วย เธออยากอาบน้ำมาก เพื่อให้ความคิดได้ปล่อยวางและว่างเปล่า แต่ในใจก็รู้ว่าที่นี่นอกจากตัวเธอแล้วก็ไม่มีอะไรที่เป็นของตัวเองเลยสักอย่าง
เธอเดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่ในห้อง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินเข้าห้องอาบน้ำ พอเข้าไปในห้องอาบน้ำแล้วก็ลองบิดก๊อกดู ปรากฏว่าเป็นน้ำเย็นเฉียบ
เมื่อเอานิ้วชี้ลองไปแตะน้ำดู ปลายนิ้วก็กลายเป็นสีแดง เธอสะดุ้งไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้หยุดถอดเสื้อผ้า ตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือความสงบ
เสื้อผ้าถูกถอดลงพื้นทีละชิ้นๆ เธอยืนอยู่ใต้ฝักบัว ความอุ่นของอุณหภูมิร่างกายกับความเย็นของน้ำที่ปะทะข้าหากัน เธอเม้มปากแน่น ร่างกายสั่นโดยอัตโนมัติ ผิวขาวซีดนั้นเกิดอาการขนลุกขนชันจากความหนาวเย็น
ผ่านไปสักพักใหญ่ เธอใช้ผ้าขนหนูคุมร่างกายที่หนาวเย็นแล้วเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เธอนอนลงบนเตียง เมื่อหัวถึงหมอนปุ๊บ ก็อดไม่ได้ที่จะหลับไป
อยู่ดีๆ ก็มีลมหายใจร้อนผ่าวรดลงบนต้นคอของเธอ เธองัวเงียแล้วตื่นขึ้นมา ก็สบตาเข้ากับดวงตาที่ดูอบอุ่นคู่หนึ่ง แขนทั้งสองข้างของเย่เนี่ยนโม่โอบอยู่ที่ต้นคอของเธอ โดยใช้ร่างกายของเขาพันธนาการเธอเอาไว้แน่น
” ปล่อยฉัน ” ติงยียีทำหน้าเอาจริงเอาจัง แต่ร่างกายกลับสั่นเล็กน้อย ตอนนี้ผ้ากับผิวหนังและเสียดสีกันจนทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่
คำพูดของเธอทำให้ดวงตาของเย่เนี่ยนโม่ดูนิ่งลง เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ” ปล่อยเธอ แล้วเธอจะไปไหนล่ะ? ”
” ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีคุณ ” เมื่อติงยียีนึกถึงท้องของอ้าวเสว่ขึ้นมาได้ แล้วนึกถึงสิ่งที่เขาทำทั้งหมด ในใจมันก็รู้สึกเย็นวาบ
เย่เนี่ยนโม่ไม่ว่าอะไรและกลับยิ้มออกมา แผงอกนั้นสั่นเพราะหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ” เธอไปไหนไม่ได้หรอก ”
ผมสวยของติงยียีสยายไปทั่ว บางส่วนถูกเขาทับเอาไว้ แค่ขยับก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บ แต่เธอก็ไม่สนใจ พยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้น
เย่เนี่ยนโม่ปล่อยเธอแล้วก็ถอนหายใจ ” หยุดโวยวายได้แล้ว “