สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1599 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1439
ในที่สุดติงยียีก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ ” ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยฉันออกไปจากที่นี่เถอะค่ะ คุณเป็นถึงยายของเขา เขาต้องฟังคนอยู่แล้ว ”
ฝู้เฟิ่งหยีส่ายหน้า ” เด็กน้อย เธอคงยังไม่เข้าใจสินะ เนี่ยนโม่ไม่ยอมปล่อยเธอไปหรอก นิสัยนี้เขาถอดออกมาจากพ่อของเขาเลยล่ะ ”
ทั้งสองคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่นาน ฝู้เฟิ่งหยีทำสีหน้าที่ดูเมตตาและโอบอ้อมอารี แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ติงยียีกล้าชะล่าใจแต่อย่างใด เธอยังคงมองเธอด้วยสายตาที่ระมัดระวัง
ฝู้เฟิ่งหยีหัวเราะโดยไม่ใส่ใจ ” ฉันรู้เรื่องของเธอหมดแล้ว เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เธอก็อยู่บ้านตระกูลเย่ไป เป็นคนใช้ของตระกูลเย่ คืนเงินหมดเมื่อไหร่ เธอก็ออกจากที่นี่ได้เมื่อนั้น เมื่อถึงเวลานั้นแล้วฉันจะจัดการเนี่ยนโม่เอง ”
พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย คุณท่านเป็นคนที่ฉลาดเฉลียวและรอบคอบ คุณชายคงไม่ยอมปล่อยติงยียีไปแน่ๆ แต่ยังไงเย่ชูหวินเองก็ไม่ยอมวางมือจากติงยียีเช่นเดียวกัน การที่จะแก้สถานการณ์นี้ได้ก็มีเพียงการตัดสินใจของติงยียีเท่านั้น
แต่ถ้าติงยียีไม่เลือกคุณชาย ยังไงเสียคุณชายก็ไม่ยอมวางมือแน่ ดังนั้นการที่จะให้ติงยียีแก้สถานการณ์นี้ยังไงแล้วอยู่ที่นี่ ก็คงมีวิธีเดียวก็คือต้องให้เธอตกลงปลงใจยอมที่จะเป็นคนใช้อยู่ที่บ้านตระกูลเย่นี้เท่านั้น
” ฉันตกลงค่ะ ” ติงยียีก้มหน้าลงคุณคิดสักพัก พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วทำสีหน้าที่ดูมุ่งมั่น ฝู้เฟิ่งหยีพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า ” ไปเถอะ ”
ในขณะที่พ่อบ้านนำทางไป ไม่นานติงยียีก็มาถึงโถงใหญ่ ตอนนี้สถานการณ์ในโถงใหญ่มาถึงขั้นเดือดจัดพอดี ใบหน้าเย่ชูหวินกับเย่เนี่ยนโม่ได้แผลทั้งสองคน เย่ชูหวินก็โกรธจนตะโกนออกมา เตรียมเงื้อมกำปั้นดิ่งตรงไปยังเย่เนี่ยนโม่ ” หยุดเดี๋ยวนี้! ” จากนั้นก็มีเสียงของใครบางคนตะโกนึ้นมาสองคนใครบางคนโผเข้าหาเย่เนี่ยนโม่ทันที
เย่เนี่ยนโม่ตกใจ จึงรีบคว้าตัวคนที่รัดตัวอยู่หลบไปอีกฝั่ง ทำให้สองคนนั้นที่อยู่ด้านหลังกระแทกเข้ากับโต๊ะน้ำชาจึงจะยอมหยุด อ้าวเสว่ใช้แขนทั้งสองโอบรอบตัวเย่เนี่ยนโม่ เธอถามด้วยความกังวล ” คุณบาดเจ็บหรือเปล่าคะ? คุณโอเคไหม? ”
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วเล็กๆ เหมือนเมื่อกี้เขาจะได้ยินเสียงของติงยียีด้วย เขาจึงเสียสมาธิไปชั่วขณะ สายตาของเขามองผ่านผู้คนตรงนั้นออกไป ก็เห็นติงยียีที่ยืนอยู่บนบันได
อ้าวเสว่เห็นว่าไม่มีใครตอบ เธอจึงเงยหน้าขึ้นภายใต้อ้อมกอดของเขา และมองไปที่รูปหน้าที่เด่นชัดราวกับภาพวาด แต่สายตาของเขาก็จดจ้องไปที่มุมใดมุมหนึ่ง เธอไม่พอใจอย่างรุนแรง ถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ยังจะเอาแต่สนใจติงยียี
ติงยียีมองทั้งสองที่โอบกอดกัน ใจของเธอก็เจ็บปวดมาก อารมณ์ในตอนนี้เหมือนอยากจะร้องตะโกนแล้วพุ่งไปที่พวกเขาทั้งสองเพื่อจับแยกกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอแค่ก้าวขาเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ก็เท่านั้น
สายตาเย่ชูหวินเป็นประกายขึ้นมา เขาสาวเท้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยื่นมือขึ้นเพื่อจับข้อมือของเธอเอาไว้ ” ไปกับผมเถอะนะ ”
และมือของติงยียีก็ถูกดึงไปข้างหน้าตามแรงที่เขาดึง และอีกมือหนึ่งของเธอกลับถูกเย่เนี่ยนโม่ที่อยู่ข้างๆ ดึงอย่างแรง เย่เนี่ยนโม่ปล่อยอ้าวเสว่ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ” นายพาเธอไปไม่ได้หรอก ”
เย่ชูหวินหันมาด้วยความโมโห พร้อมแยกเขี้ยวยิงฟันและพูดต่อว่า ” งั้นนายก็คอยดูว่าฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่ได้ไหม ”
” ชูหวิน ” ติงยียีเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีแววตาที่ยังคงดุดันอยู่ มันช่างดูราวกับสิงโตที่กำลังบาดเจ็บ ทันใดนั้นเธอจึงเอียงตัวไปด้านหน้าและเขย่งเท้า จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากจุมพิตเบาๆที่มุมปากของเย่ชูหวิน
เย่ชูหวินชะงักไป สีหน้าความโกรธเกลียดของเขายังไม่หายไปด้วยซ้ำ ข้อมือของติงยียีก็ถูกกระชากไปอยู่ในอ้อมกอดของเย่เนี่ยนโม่อย่างรวดเร็ว
เย่เนี่ยนโม่แทบบ้าแล้ว เธอทำแบบนี้ได้ยังไง เธอกล้าจูบผู้ชายคนต่อหน้าเขาเชียวหรือ นิ้วโป้งของเขาเช็ดไปที่ริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วง
ติงยียีรอให้เขาบ้าคลั่งในความเงียบ ริมฝีปากที่ถูกถูไปถูมาของเธอแดงราวเลือดสีแดงสด เมื่อเย่ชูหวินดึงสติกลับมาได้ ใจของเขาก็เดือดปุดๆ เตรียมที่จะพุ่งไปเพื่อแย่งเธอกลับมา
” ชูหวินคุณไปเถอะค่ะ ” ติงยียีพูดขึ้นในขณะที่เย่เนี่ยนโม่ทำท่าจะยั้งมือ เธอไม่ได้ขัดขืน แต่หันไปพูดกับเย่ชูหวินด้วยท่าทีที่ใจเย็น ” ฉันตัดสินใจจะอยู่เป็นคนใช้ที่ตระกูลเย่ ”
คนที่อยู่รอบข้างต่างตกใจ เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว ” ใครอนุญาตให้เธอทำแบบนี้กัน? ”
ติงยียีไม่มองเขา แต่อาศัยจังหวะที่เขาตกใจแล้วผ่อนแรงลงออกจากเธอ จึงหลุดออกจากอ้อมกอดเขาได้ จากนั้นก็มองไปที่เย่ชูหวินที่ห่างจากเธอไม่กี่ก้าว
” ฉันรู้สึกเสียใจนะ เสียใจที่ตอนแรกคนที่ฉันรักไม่ใช่คุณ ถ้าฉันคืนเงินทั้งหมดแล้ว ช่วงเวลาที่เหลือทั้งหมดของชีวิตฉัน ฉันจะใช้มันกับคุณค่ะ ”
” เธอกล้าดียังไง! ” เย่เนี่ยนโม่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ฟังดูแล้วเหมือนกำลังควบคุมอารมณ์ความโกรธจนถึงขีดสุด ติงยียีหันหน้ามามองเขา นี่คือสิ่งที่เธอจงใจจะกระตุ้นเขา แต่เธอก็ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง เธอคงจะไม่รักเย่เนี่ยนโม่อีกแล้ว ถึงจะรัก ก็คงไม่รักมากไปกว่านี้
ผ่านไปสักพักใหญ่ ในที่สุดเย่เนี่ยนโม่ก็ทำอะไรบางอย่าง ” เรื่องของเธอก็แล้วกัน ”
เย่ชูหวินเห็นว่าติงยียีเดินมาตรงหน้า ตาคู่นั้นแดงก่ำ ทำสีหน้าไม่พอใจ ” ทำไมไม่ให้ผมช่วยคุณล่ะ? ”
ติงยียีส่ายหน้า จากนั้นก็จูงมือเขา ด้านหลังของเธอก็มีเสียงเย่เนี่ยนโม่ที่พูดด้วยความโกรธดังตามมา ” ติงยียี เธอทำเกินไปแล้วนะ! ”
” เนี่ยนโม่ มือของคุณเลือดไหลแล้วนะคะ! ” อ้าวเสว่รีบวิ่งไปยืนข้างเขาแล้วยกมือของเขาขึ้นมาเบาๆ ในขณะเดียวกันก็สั่งคนใช้ที่อยู่รอบข้าง ” ไปเอากล่องยามาเร็วเข้า ”
เย่เนี่ยนโม่จ้องไปยังติงยียีที่จูงมือเย่ชูหวินด้วยความนิ่งเฉยไม่พูดจา ความอิจฉามันทำให้เขาแทบคลั่ง ติงยียีเองก็มองอ้าวเสว่ที่แสดงสายตาเป็นห่วงเป็นใยด้วยความเย็นชา ก่อนจะหันตัวแล้วจูงมือเย่ชูหวินเดินออกไปข้างนอก
เมื่อออกจากห้องรับแขกไปแล้ว ติงยียีจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คนที่อยู่ข้างเธอไม่พูดไม่จาสักคำ เธอจึงหยอกล้อว่า: ” นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะสู้เป็นกับเขาด้วย ”
เย่ชูหวินไม่พูดอะไร เพราะเขากลัวว่าเมื่อตัวเองพูดออกไปแล้วก็อยากจะตีผู้หญิงโง่เง่าที่ดื้อรั้นคนนี้จนทำให้เขาไม่รู้จะต่อกรกับเธอยังไง!
” ยิ้มหน่อยน่า! ” ติงยียีอ้อมไปด้านหน้าของเขา แล้วกะพริบตาปริบๆ เย่ชูหวินโมโหมาก โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เขาพูดว่า: ” เธอรู้หรือเปล่าว่าเรื่องนี้มันหนักหนาแค่ไหน เป็นคนใช้ที่นี่น่ะเหรอ? สาวใช้ที่คฤหาสน์แห่งนี้ต่างก็มีแผนการทั้งนั้นแหละ และยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ด้วย ”
เขาพ่นลมหายใจออกมา สายตาก็จ้องไว้ที่เธอ ติงยียีก้มหน้าลง ” ฉันรู้ แต่ฉันจำเป็นต้องทำ ”
” ถ้างั้นก็ตามใจคุณ! ” เย่ชูหวินโมโหแล้ว เขาจึงเดินก้าวออกไปจากเธออย่างรวดเร็ว และมือทั้งสองที่แนบข้างลำตัวก็กำแน่น ทั้งตัวเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธจัด
ติงยียีมองตามแผ่นหลังของเขา ในใจก็เจ็บปวดมาก สุดท้ายแล้วตัวเธอเองก็ปล่อยให้คนที่รักเธออย่างจริงใจจากไปด้วยความโกรธสินะ? เมื่อเธอคิดจะหันตัวกลับ แต่กลับแปลกใจกับคนที่เธอคิดว่าจะไปนั้นกลับมาอีกครั้ง
เย่ชูหวินยังคงทำหน้าโมโหเหมือนเดิม แต่สีหน้าที่ดูโกรธจัดเมื่อกี้ดูเย็นลงกว่าเดิมมาก เขายืนมาหยุดอยู่ตรงหน้าติงยียี จากนั้นก็มองอีกฝ่ายที่มีสีหน้าชะงักเพราะเห็นตัวเองเดินกลับมา น้ำเสียงของเขาดูแข็งกระด้าง แต่ฟังดูเหมือนพยายามพูดให้นุ่มนวลที่สุด: ” ผมไม่อยากเห็นคุณเสียใจแล้วนะ ”
สุดท้ายดวงตาของติงยียีก็มีน้ำใสๆ ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย เธอรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้เย่ชูหวินเห็นสภาพของตัวเองที่กำลังอ่อนแอ พ่อบ้านเดินหน้านิ่งโผล่มาทางด้านหลังของเขาทั้งสองพร้อมพูดว่า ” คุณยียี คุณชายต้องการพบคุณครับ”
ติงยียีรีบเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะเดินตามพ่อบ้านเข้าไปในห้องรับแขก สายตานั้นที่ไม่ยอมละจากแผ่นหลังของเธอมันทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังนั่งอยู่บนพรมเข็ม ช่างเป็นอารมณ์ที่พะว้าพะวังและไม่เป็นสุขเอาเสียเลย
ภายในห้องรับแขก อ้าวเสว่กำลังพันแผลเย่เนี่ยนโม่ที่เลือดกำลังจับตัวเป็นก้อน เมื่อเย่ชูหวินเห็นว่าติงยียีร้องไห้จนตาแดง มันทำให้เดิมทีร่างกายที่อยากจะลุกขึ้นมานั้นชะงักไป เธอร้องไห้เพื่อเย่ชูหวิน แต่กลับไม่รู้ว่าใจของเขายิ่งเจ็บปวดไปกว่าเดิม
ติงยียีมองทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ถึงแม้จะแอบรู้สึกถึงความอึดอัดจนวางตัวไม่ถูก แต่ในเมื่อมีเป้าหมายแล้วก็ทำให้ผ่อนคลายลงมาไม่น้อย เธอจะไม่ยอมประนีประนอม ถึงแม้เย่เนี่ยนโม่จะมีแผนกักตัวเธอเอาไว้ในบ้านตระกูลเย่แห่งนี้ แต่เธอก็คงไม่ยอมนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ แน่
” ขอถามหน่อยว่าดิฉันต้องทำอะไรบ้าง? ” น้ำเสียงเธอดูสั่นเครือ เสียงที่ดังขึ้นภายในบ้านหลังใหญ่ มันทำให้ฟังดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง
เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้พูดอะไร แต่อ้าวเสว่ลุกขึ้นมา ” เมื่อกี้ที่พูดไปคงจะเป็นเพราะโมโหนั่นแหละ จะให้เธอมาเป็นคนใช้จริงๆ ได้ยังไงล่ะ? เมื่อกี้เป็นเพราะท้องของฉันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เนี่ยนโม่ก็เลยอยากปลอบใจฉันน่ะ ก็เลยต้อนรับเธอได้ไม่ดีเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันจะให้พ่อบ้านจัดเก็บหาห้องให้ก็แล้วกันนะ ”
เธอพูดออกมาด้วยท่าทีที่ดูราวกับราชินีที่สง่างาม ด้านหลังเหมือนเธอจะต้องให้หน้าเย่เนี่ยนโม่ ในอีกด้านหนึ่งมันเป็นการเตือนติงยียีกลายๆ ว่าตัวเองอยู่จุดไหนของตระกูลเย่ เธอทำแม้กระทั่งจงใจพูดขึ้นว่าเย่เนี่ยนโม่งั้นต้องดูแลตัวเองก่อนใครๆ
” ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันเคยพูดไปแล้วว่าจะมาหาเงินเพื่อคืนเงินค่าปรับ ” ติงยียีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาหนักแน่น
” ไม่ต้องไปสนใจเธอหรอก! ” เย่เนี่ยนโม่ยังคงโกรธอยู่ ภาพที่ติงยียีกับเย่ชูหวินอาลัยอาวรณ์กันยังคงฉายซ้ำๆ ในหัวของเขา
เขาลุกขึ้นด้วยท่าทีที่ไม่แยแสแล้วเดินจากไป อ้าวเสว่ก็รีบตามไปอย่างรีบร้อน ภายในห้องหนังสือ เย่เนี่ยนโม่ทุบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง ทำให้แผลของเขาปริออกอีกครั้ง ทำให้เลือดไหลออกมาซึมผ่านผ้าก๊อซจนกลายเป็นสีแดงทั้งหมด
ภายในใจของเขาเจ็บปวด เนื่องจากสิ่งที่ตัวเองคิดไว้กับเรื่องที่เกิดขึ้นมันไปคนละทิศคนละทาง เดิมทีเขาคิดว่าจะให้ติงยียียอมตกลงปลงใจอยู่ข้างกายเขา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะถูกกระตุ้นให้โกรธอย่างง่ายตายขนาดนี้
ประตูถูกเปิดออกเบาๆ อ้าวเสว่เดินเข้ามาช้าๆ ” ฉันจะให้พ่อบ้านดูแลเรื่องกินอยู่ให้เธอทั้งหมดเลยนะคะ แล้วจะไม่ให้เธอทำงานด้วยค่ะ ”
ตอนนี้สีหน้าของเย่เนี่ยนโม่ดูดีขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ว่าจุดประสงค์ของอ้าวเสว่จะเป็นอะไร ติงยียีจะต้องอยู่ข้างกายของเขา
” เนี่ยนโม่ ” อ้าวเสว่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็เอาหัวพิงไว้ที่ไหล่ของเขา ” อีกไม่กี่เดือนลูกก็คลอดแล้ว หลังจากแกคลอดแล้วฉันจะไปจากที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นคุณก็บอกกับแกว่า ติงยียีคือแม่ของแกนะคะ ”
เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้พูดอะไร รังสีความดุดันของเขาได้อ่อนลงมากกว่าก่อนหน้านี้ อ้าวเสว่เอาตัวห่างออกมาแล้วยืนนิ่ง จากนั้นเธอก็ยิ้มให้เย่เนี่ยนโม่ ” ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกว่าเมื่อก่อนฉันทำเรื่องแย่ๆ กับน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองไว้มาก คุณคงกลัวว่าฉันจะมีแผนอะไร แต่พอฉันได้เป็นแม่คนแล้ว ความคิดฉันก็มีเพียงแค่อยากจะคลอดลูกของเราออกมาให้ดีที่สุดเท่านั้น ”
เมื่อเธอพูดจบก็ไม่ได้อยู่ต่อ เธอหันตัวแล้วออกจากห้องไป มาถึงหัวมุมทางเลี้ยวแล้วเธอก็หันกลับมาเล็กน้อย และก็มองเย่เนี่ยนโม่ที่หยิบสร้อยข้อมือออกมาจากลิ้นชักพร้อมกับเหม่อลอย ภายในใจเธอนิ่งเฉย น้องสาวอะไรกัน? ใครจะยอมคลอดลูกแล้วออกไปจากที่นี่ล่ะ? นี่มันก็แค่คำพูดโง่ๆ ที่แต่งขึ้นมา เรื่องทั้งหมดจะไม่มีวันจะสมหวังหรอก!
ติงยียีพยายามหาทางเพื่อกลับไปห้องเดิม แล้วก็พบในห้องมีเด็กสาวคนหนึ่ง เธอมองมายังติงยียี เธอชะงักไปสักพัก ก็พูดแนะนำตัวขึ้นว่า: ” สวัสดีค่ะ ฉันชื่อต้าต้า เราเคยเจอหน้ากันมาก่อนแล้วนะคะ ”
” น่าจะใช่นะ สวัสดีจ้ะ ” ติงยียีพยายามฝืนยิ้มให้เธอ ต้าต้าเห็นเธอนั่งอยู่ ก็รีบหยิบเสื้อผ้าจากในตู้แล้วยื่นให้เธอ ” รีบเปลี่ยนชุดเถอะ นี่คือเสื้อผ้าของพี่ซางหัว เธอใส่ไปก่อนก็แล้วกัน มื้อเย็นจะเริ่มแล้ว “